1. แก้ พรบ.สรรพสามิตโทรคมนาคม ให้เสียภาษีน้อยลง ได้ผลประโยชน์ 8,000 ล้าน
2. ลดสัมปทาน itv ได้ผลประโยชน์ 20,000 ล้าน แถมได้สถานีโทรทัศน์ที่เคยมีอุดมการณ์ เปลี่ยนมาทำลายวัฒนธรรม โดยการเอาหนังเกาหลีมาฉาย และปิดสื่อความไม่ดี สร้างภาพดีๆให้ตัวเอง (กลุ่มชินคอร์ป ถือหุ้น itv 53%)
3. ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุมทหาร
4. ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตำรวจ
5. ตั้ง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ประธาน กกต. ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กกต.
6. ตั้ง พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลาก ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กองสลาก
7. ตั้ง พล.อ.อ.คงศักดิ์ วัณทนา เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ได้เพื่อนคุณหญิงอ้อ...มาคุมทุกเหล่า
8. กล่าวคําพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอกอย่าไปใส่ใจ ทําให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมาย และยังหลุดปากด่าทหารว่า"สมควรตาย"
9. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000 ล้าน เพื่อนำมาเช่าช่องสัญญาณ IP Star ของตัวเอง ถึงกำหนดแล้วพม่ายังไม่ใช้หนี้เลย
10. เจรจาเซ็น FTA กับจีน ให้จีนนำเข้า หอม กระเทียม เข้ามาไม่เสียภาษี เกษตรกรที่ปลูกหอมปลูกกระเทียมทางเหนือก็ตายสิ ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่องสัญญาณดาวเทียม IP Star
11. เจรจาเซ็น FTA กับออสเตเรีย ให้นำเข้า นม ไวน์ เข้ามาไม่เสียภาษี ทำลายเหล้า ไวน์พื้นบ้าน OTOP ทำลายนมพระราชดำริ ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่องสัญญาณ IP Star
12. ในเดือนพฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ของชินแซทเทิลไลท์ โดยให้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้ที่ได้รับจากต่างประเทศ ทั้งๆที่เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่รู้ไปยกเว้นภาษีทำไม บริษัทจึงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้อีก 16,459 ล้านบาทต่อปี
13. แปรรูปขายหุ้น ปตท. วันแรก เปิดขายหุ้นหมดภายใน 1 นาที 17 วินาที ตระกูลใครล่ะ...ที่ได้ซื้อหุ้นไป หลังจากแปรรูป น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ให้กองทุนน้ำมันของคนไทยขาดทุนกว่า 70,000 ล้านบาท แต่ ปตท. ได้กำไรปี 2548 จำนวน 160,000 ล้านบาท แล้วกำไรแทนที่จะเป็นของรัฐ ก็กลายเป็นกำไรของตระกูลพวกถือหุ้น
14. ซุกหุ้นภาคแรก ให้เมียตัวเองขึ้นศาลรับผิด ซุกหุ้นภาค 2 ให้ลูกชายตัวเองขึ้นศาลรับผิด ไหนบอกว่ารักครอบครัวไง
15. บริษัทของลูกท่านได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย 0% ไม่กำหนดเวลาชำระคืน แถมได้รับการเว้นภาษีจากบีโอไออีก ทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี
16. ได้รับสัมปทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ได้รับการเปิดประมูลเพื่อแข่งขันกับบริษัทอื่น
17. ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลานเปิด สตูดิโอ ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง
18. ลดเงินค่ารถไฟฟ้าใต้ดิน พอดีกับงานสวนสนุกธุรกิจของลูกๆ สอดคล้องสนับสนุนกันพอดี บังเอิญจริงๆ
19. ทักษิณพูดว่า “จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทย จะให้ความดูแลก่อน” น้ำท่วมภาคใต้ 5 วันแล้ว แต่ทักษิณไปช่วยหาเสียง เลือกตั้งซ่อม ไปกินก๋วยเตี๋ยวสร้างภาพ ไปเดินตลาดหาเสียง ทั้งๆที่มี สส.อยู่เต็มสภาแล้ว แต่ที่ต้องลงใต้ไปดูน้ำท่วมวันศุกร์เช้า เนื่องจากกลัวสนธิพูดตอนเย็นในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
20. การที่มีพวกพ้องตัวเองเป็น กกต. จึงเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งให้สามารถโกงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นได้อีก 2 วิธี
o ปั๊มตรายางอีกชุดรอเวลาเปลี่ยนกล่องบัตรได้ทุกเวลา
o หมึกมีแบบล่องหน และ แบบโผล่ขึ้นมาได้ (ในทางเคมีสามารถทำได้)
21. ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนก ทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตาย แล้วยังไปแสดงการ "กินไก่ไป หัวเราะไป" เพื่อ ซีพี นายทุนพรรคเท่านั้น
22. ทําให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์ กว่า 2,000 คน จากการปราบยาบ้า สั่งฆ่าคนได้หน้าตาเฉย โหดร้ายทารุณ
23. ซุกหุ้น ปั่นหุ้น ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้กับญาติพี่น้อง เอาเงินไปฟอกต่างประเทศ เอาเปรียบในการทําธุรกิจผูกขาด ทั้งรับทั้งจ่ายใต้โต๊ะ จนคนในวงการธุรกิจเขารู้กันหมด ค้ากำไรเกินควร จนรํ่ารวยมหาศาล โกง
24. ที่ดินวัดของสนามกอล์ฟอัลไพน์ มีคนโกงที่ดินธรณีสงฆ์เอามาทำสนามกอล์ฟ แล้วทักษิณไปซื้อต่อทั้งๆที่รู้ว่าที่ดินนั้นได้มาไม่ถูกต้อง ไม่กลัวบาปกรรม
25. ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่มแทนค่าเทอม นั่นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจนของการปฎิรูปการศึกษาไทย ประชาชนจะถูกหลอกอีก 4 ปี เอาเข้าไป นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในโลกนี้ ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทย ที่กฎหมายบอกว่าเรียนฟรี แต่ความจริงมีใครบ้างที่เรียนฟรี ถามผู้ปกครองทุกคนได้
26. ชั่วเวลาแค่ปีเศษๆ รัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดนมิคสัญญี
27. เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดินไทย ราคาเช่าช่างถูกจัง มีอะไรแอบแฝงรึเปล่า ตนเองน่าจะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้ว ใช้อำนาจจนเลยเถิด คิดได้ยังไงที่ให้เช่า 15 ปี แถมมีเปลียนสัญญาได้ ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำธุรกิจ ยุคทักษิณ คือ ยุคของเงินเหนือรัฐ ยุคตำรวจรังแกประชาชน ยุคทหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ยุคความรุนแรงอยู่เหนือเหตุผล
28. ฉลาดอย่างหาตัวจับยาก เอาเงินหลวง ไปหว่านให้รากหญ้า ผ่านกระเป๋ารากหญ้า แบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ ผ่านธุรกิจมือถือ เข้ากระเป๋ามันเอง
29. ยุบสภาหนีความผิด เนื่องจากนายกองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ล่า 50,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง
30. ยุบสภาได้ยังไง ไม่ได้มีปัญหาภายในสภาสักหน่อย อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้ ฝ่ายค้านมีไม่พอ
31. วันที่ประกาศยุบสภา ประกาศพร้อมกันว่าให้ไปเลือกตั้งวันที่ 2 เมษา รู้ได้อย่างไร ไหนว่า กกต. เป็นกลาง
32. คุณหญิงพจมาน อยากมีสมเด็จพระสังฆราชประจำตระกู??ตัวเอง จึงให้นายวิษณุ เครืองาม ลงนามแต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ วัดสระเกศ ขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2547 เสมอกับ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา อ้างว่า สมเด็จญาณฯ ทรงประชวร ไม่สามารถประกอบศาสนกิจได้ ทั้งๆที่มี VDO วันที่ 13 มีนาคม 2547 สมเด็จพระสังฆราชพระราชทานรางวัลให้กับเด็กนักเรียน ที่ได้รับทุนของมหามกุฏราชวิทยาลัย ในการประกวดเรียงความเรื่อง สมเด็จพระสังฆราช 90 พรรษา
33. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ตรวจเจอการทุจริตของรัฐบาลหลายเรื่อง รัฐบาลจึงอ้างว่ากระบวนการสรรหาคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (ทั้งๆที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) คุณหญิงปิดห้องทำงานแล้วยังไปงัดห้องคุณหญิง คิดจะหาหลักฐานทุจริต
34. จัดซื้อเครื่องบินรบ ซู 30 ตั้งงบประมาณไว้ 35,000 ล้าน ทั้งที่รัสเซียบอกว่าขายแค่ 20,000 ล้าน กะจะกินตั้ง 15,000 ล้าน เครื่องบินเป็นแบบบินระยะไกล เสียค่าซ่อมเยอะ (ไทยนี้รักสงบ) เราเป็นพวกบุกรุก หรือ ตั้งรับ ถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วจะซื้อเครื่องบินระยะไกลทำไม ให้ช่างทหารอากาศเลือกซื้อ ทำไมไม่ให้นักบินเป็นคนเลือก เพราะฝ่ายช่างอยู่ในความดูแลของ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วัณทนา สามีของเพื่อนคุณหญิงพจมาน...
35. ก่อนขายหุ้นบอกว่าจะไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ 4 วัน เดินเล่นที่สิงคโปร์ไปเดินครึ่งวันอย่างมากก็วันเดียว ก็ไม่รู้จะไปเดินที่ไหนแล้ว นี่ไปตั้ง 4 วัน เจรจาขายหุ้น แต่โกหกประชาชนคนไทยว่าจะไปพักผ่อน
36. จัดซื้อ CTX ระหว่าง บทม. และใบแจ้งราคาสินค้าของบริษัท อินวิชั่นฯ เป็นเงินประมาณ 283,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.30 ล้านบาทต่อเครื่อง หากคิดรวม 26 เครื่อง เป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 294.4 ล้านบาท ซึ่ง “ส่วนต่าง” ราคานี้ถูกนำไปใช้บันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่า เป็นอุปกรณ์ที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม ทั้งที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,432 ล้านบาท กะจะกิน 1,432 ล้าน – 294.4 ล้าน = ?
37. ร่วมทุนชินคอร์ปกับมาเลเซีย เปิดธุรกิจสายการบิน Low Cost แล้วสั่งยกเลิกเที่ยวบินการบินไทยที่ได้กำไร แล้วเอาสายการบินของตัวเองไปบินทับที่แทน ทำให้การบินไทยซึ่งเป็นสายการบินของคนไทยขาดทุน แล้วทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการว่านอกจากการบินไทยแล้ว สามารถใช้งบหลวงเบิกค่านั่งเครื่องบิน Low Cost ได้ด้วย แล้วยังขายหุ้น Low Cost ให้สิงคโปร์อีก ทำให้ Low Cost ที่มีเที่ยวบินที่กำไรดีที่สุด เป็นเที่ยวบินของ มาเลเซีย + สิงคโปร์ (ขายชาติ)
38. โทรศัพท์เครื่องที่ระบบ 1900 "ไทยโมบาย" ของ ทีโอที มันให้ ทีโอที ตั้งเสาเฉพาะใน กทม. ส่วนในต่างจังหวัด มันไม่ยอมให้ตั้งเสาทั้งๆที่ ทีโอที มีที่ดินอยู่มากมายในต่างจังหวัด มันสั่งให้ ระบบ 1900 ของทีโอที ในต่างจังหวัด ใช้เสาสัญญาณของ AIS โดยโทร 3 บาท ทีโอที ต้องจ่ายให้ AIS 2 บาททีโอที ได้ 1 บาท
39. ปี 2535 วิ่งเต้นจนได้รับสัมปทานดาวเทียมไทยคม โดยการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลเผด็จ การ รสช. โดยอิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งก็ชดใช้บุญคุณมาจนถึงสนับสนุน 2 คนสนิทของท่านให้ได้ดีในยุคนี้ คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ เคยได้เป็นรมว.กลาโหม และ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ เพิ่งได้เป็นผบ.สูงสุด
40. การพูดจาบจ้วงดูหมิ่นพระบรมฯ
o สำนักราชเลขาฯ ขอให้รัฐบาลพิจารณาเครื่องบินฯลำใหม่ แทนลำเก่าที่ชำรุดมากแล้ว ทักษิณ อ้างว่า ไม่มีงบประมาณ แต่สุดท้าย ซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้าให้ตนเองและครอบครัวนั่งก่อน (จากข่าวที่น้องสาวทักษิณใช้เครื่องบินไปฉลองวันเกิดที่เชียงใหม่)
o ทักษิณ ชินวัตรใช้อุโบสถวัดพระแก้วในการทำบุญประเทศ (แต่แต่งกายในชุดสบายๆไม่เป็นทางการ) ทั้งๆที่ประธานในการทำบุญระดับประเทศควรเป็นพระองค์ท่านมากกว่า ที่สำคัญ อุโบสถวัดพระแก้วเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับประกอบศาสนพิธีของพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ไม่มีการขอพระบรมราชานุญาต พอสนธิพูดในรายการฯ ก็รีบขอพระบรมราชานุญาตย้อนหลัง จนพระองค์ท่านออกมาตรัสในวันที่ 4 ธันวาคมว่า นายกฯจะให้ท่านทำอะไรก็ทำให้หมด แต่ควรพิจารณาด้วยว่า สมควรหรือไม่
o ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ผีที่ไหนจะจงรักภักดี คนระดับทักษิณมีการศึกษาสูงพอ ผ่านงานพระราชพิธีมามากมาย ย่อมควรรู้ดีว่าสมควรพูดเช่นนี้หรือไม่ (ผู้มีปัญญาควรพูดว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ใครเล่าที่จะจงรักภักดี)
o ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้าในหลวงมากระซิบข้างหู (พูดว่าข้างหู) ว่าออกเถอะ จะกราบพระบาทบังคมลาทันที ใช้คำว่า มากระซิบข้างหู
o แม่ยายของทักษิณ กล่าวจาบจ้วงว่า บางทีตนอาจขอ ม็อบพระราชทาน บ้าง คำว่า สิ่งพระราชทาน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มงคล เป็นสิ่งที่ดี แต่คำว่า ม็อบ หมายถึง กลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องบางอย่าง พระองค์ท่านจะพระราชทานได้อย่างไร
o ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตนเป็นนายกฯพระราชทานอยู่แล้ว ถ้าได้กลับมาอีกครั้ง พระองค์ท่านต้อง เซ็นให้ตนเป็นนายกฯอยู่วันยังค่ำ ใช้คำว่า "ต้อง"
o ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า โผทหารที่นายกฯเซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่ยน หมายถึงใคร เพราะโผทหารหลังจากนายกฯเซ็นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนำทูลเกล้าฯ ใครที่นายกฯหมายถึง การจาบจ้วงด้วยวาจาและการกระทำถึง 7 ครั้ง ไม่เห็นมีใครที่บอกว่า รักในหลวง ออกมาปกป้องพระองค์ท่านสักคน โดยเฉพาะตำรวจและทหาร
41. ใช้หนี้ IMF เกิดจากการออกพันธบัตรให้คนไทยและชาวต่างชาติซื้อ แล้วนำเงินไปใช้หนี้ สร้างภาพ
42. ตัวเลขรายได้เฉลี่ยของคนไทยเพิ่มขึ้น "ถ้าไม่นำรายได้ของทักษิณมารวม แล้วหาร 60 ล้าน ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นมั้ย..."
43. โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ก่อนมีโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ผู้ป่วยยากจนไม่ต้องเสียเงินรักษาแม้แต่สตางค์เดียว ส่วนคนพอมีเงินบ้างก็จ่ายตามมีตามเกิด คนรวยไม่ต้องพูดถึง จ่ายเต็มที่อยู่แล้ว ทำให้โรงพยาบาลมีเงินหมุนเวียนจับจ่ายซื้อยาได้เต็มที่ ผู้ป่วยก็ได้รับการรักษาเท่าเทียมกัน ไม่แบ่งชั้น การฟ้องร้องหมอก็มีน้อย แต่พอมีโครงการ 30 บาทตายทุกโรค คนทุกระดับเสีย 30 บาทเท่ากันหมด ทำให้โรงพยาบาลขาดทุนยับเยิน ทำให้ไม่สามารถจับจ่ายซื้อยาดีๆมารักษาผู้ป่วยได้ คนไข้ตายมากขึ้น มีการฟ้องร้องหมอมากขึ้น จนหมอส่วนหนึ่งลาออกไปทำงานโรงพยาบาลเอกชน หรือเลิกอาชีพแพทย์ไปเลย คนมีเงินส่วนใหญ่ไม่อยากไปรักษา รพ.รัฐฯ เพราะกลัวตาย จึงหนีไปรักษาโรงพยาบาลเอกชน ทักษิณวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอย่างนี้ จึงไปกว้านซื้อ รพ.เอกชนดีๆไว้เกือบหมด ส่วนคนชั้นกลางจะหนีโรงพยาบาลรัฐไปหาหมอที่คลินิก อย่าเข้าใจผิดว่าหมอที่เปิดคลินิกเป็นหมอพาณิชย์ หมอที่ทำงาน รพ.รัฐฯเงินเดือนเริ่มต้นแค่ 8,000 บาท เพิ่งได้ขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้วเป็น 10,000 บาท ส่วนใหญ่หมอคลินิกมักไม่ค?ดค่าตรวจ (doctor free) เพราะได้กำไรจากค่ายาค่อนข้างเยอะแล้ว เพราะสามารถซื้อยาจากบริษัทยาได้ในราคาเป็นแกลลอน ซึ่งต่างจากร้านขายยาทั่วไปต้องซื้อเป็นขวดเล็กๆ ราคาจึงต่างกันมาก ยกตัวอย่าง ยาพาราแก้ไข้ ขนาด 60 ซีซี ร้านขายยาขายขวดละ 12-60 บาท แต่คลินิกเอายาจากแกลลอนแบ่งใส่ขวด 60 ซีซี ราคาทุนแค่ขวดละ 3-15 บาทแล้วแต่ยี่ห้อ ดังนั้นหากหมอขายในราคาเท่าร้านขายยาก็ได้กำไรมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดค่าตรวจ ทำให้ค่ารักษาพยาบาลในคลินิกถูกกว่าในโรงพยาบาลเอกชนมาก และแพงกว่าใน รพ.รัฐฯไม่มาก คนชั้นกลางจึงไปใช้บริการของคลินิกมาก ทักษิณรู้แกวจึงวางแผนกดดันคลินิก โดยบังคับให้คลินิกเลิกจ่ายยาให้ผู้ป่วย แต่ให้ผู้ป่วยจ่ายค่าตรวจเพื่อแลกกับคำวินิจฉัยและใบสั่งยา เพื่อเอาไปซื้อที่ร้านขายยาแทน จากนั้นก็ให้ยายสุดารัตน์ไปเทคโอเวอร์ยี่ปั๊วขายยาที่ขายให้แก่ร้านขายยารายย่อยและโรงพยาบาล ตัวอย่างคือ บริษัทฟาสซิโน และอื่นๆ เพื่อเป็นโมโนโปลี่ขายยาแต่ผู้เดียว ขูดรีดจากผู้ป่วยได้ตามใจชอบ ทำให้ผู้ป่วยชั้นกลางเลิกมาคลินิก เพราะไม่อยากเสียเวลา 2 ต่อ แถมยังเสียเงินแพงพอๆกับ รพ.เอกชนอีกด้วย จึงหันไป รพ.เอกชนแทน ทักษิณจึงกว้านซื้อโรงพยาบาลเอกชนดีๆไว้...เลว...
44. บ้านเอื้ออาทร...ช่วยให้เป็นหนี้กองทุนวายุพักตร์ของตัวเอง แต่เอาธนาคารรัฐมาบังหน้าไว้ก่อน ทั้งที่เราก็มีอาคารสงเคราะห์มาตั้งนานแล้ว แถมเอาที่ดินราชพัสดุมาทำอีก ไม่ได้ลงทุนอะไรสักอย่างแต่กำไรเข้ากระเป๋าตัวเอง...นี่แหละ นายกนักธุรกิจ
45. กองทุนหมู่บ้าน ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว กองทุนหมู่บ้านนับว่าเป็นนโยบายที่ดีมากๆ แต่การนำมาใช้กับประเทศไทยนี่นับว่าไม่ควร เพราะเป็นการทำให้ชาวบ้านเอาหนี้นอกระบบ มาเป็นในระบบ และในที่สุด ชาวบ้านก็ชักดาบ ไม่จ่ายเงินให้กับกองทุนหมู่บ้าน เพราะว่า ไม่มีกฏหมายตัวไหนเอาผิดได้ จะเอากฏหมายแพ่งมาใช้กับการที่ไม่ยอมใช้หนี้ก็ไม่ได้ เพราะมันขัดกับหลักการของกองทุนฯ และตามหลักการแล้ว เงินกองทุนที่เขาให้เอามานั้น เขาให้เอามาลงทุน ไม่ใช่เอามาดาวน์รถ ซื้อมือถือ นี่นับว่าผิดวัตถุประสงค์กองทุนฯ ที่เป็นแบบนี้เพราะว่า คนควบคุมกองทุนในแต่ละหมู่บ้าน ก็คือ คนในหมู่บ้านกันเอง ซึ่งก็ไม่ได้รับการอบรมเรื่องการบริหารเงินเท่าไรนัก และก็ยังมีนอกมีในอีก กองทุนหมู่บ้านจึงล้มเหลวด้วยประการนี้
46. ถ้าประชาชนเป็นหนี้ ธกส.แล้ว บ้านเอื้ออาทร และกองทุนหมู่บ้านก็แล้ว สิ้นเดือนหาเงินจ่ายดอกไม่ได้ อย่าลืม Capital OK ธุรกิจท่านทักษิณนะครับ
47. แปรรูปการท่าเรือ แล้วทำโครงการพัฒนาท่าเรือคลองเตย ต่อด้วยท่าเรือบ้านฉาง แล้วให้เทมาเส็กซื้อหุ้นการท่าเรือของประเทศ โดยมีข้อตกลงให้ขุดคอขอดกระ ดังนั้นจึงมีโครงการ Mega Project ขุดคอขอดกระ ขณะที่เทมาเส็กสิงคโปร์ขายท่าเรือที่ประเทศตัวเองให้กับดูไบ
48. ให้สัมปทานเหมืองทองคำ 19 ปีที่จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ กับออสเตรเลีย โดยไทยได้ค่าสัมปทานประมาณ 250 ล้านบาท ค่าดำเนินการ 30 ล้านบาท ได้ค่าภาษี 700 ล้านบาท ต่างประเทศได้จากการส่งออกทองคำที่ขุดได้กว่า 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันขุดหมดแล้วรวมเวลา 4 ปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างขอสัมปทานเหมืองทองคำที่ใหม่ ต่อจาก สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
49. ร่าง พรบ.เศรษฐกิจพิเศษ กำลังพยายามเปลี่ยนกฎหมายให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดินได้ จะเหมือนเกาะฮ่องกง ที่เคยเป็นของอังกฤษ ใครทำผิดกฎหมายมาจากจังหวัดอื่น พอเข้ามาในเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ กฎหมายนั้นไม่สามารถทำอะไรได้... เปิดบ่อนเสรี ออกพันธบัตร หรือตราสารหนี้ใช้เอง ฯลฯ ล่าสุดคุณหญิงอ้อ ได้กว้านซื้อที่ แถวสุวรรณภูมิเตรียมไว้แล้ว
50. โอนหุ้นให้ขี้ข้า คนขับรถ ปกปิดเลี่ยงภาษี / เลี่ยง กม. เลือกตั้ง
51. เสนอเงินซื้อ สส.พรรคอื่น / ซื้อคนโง่ๆเห็นแก่เงินให้เลือกตน
52. พูดจาโกหก***เป็นอาจิณ ตลอดจนพูดจาเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น ด่าว่าคนอื่นเขาโง่กันหมด
53. เป็นนายกได้ เพราะศาล รธน. มีมติฉิวเฉียด / เงินเข้ามาเกี่ยวอีกครั้ง เพราะข่าวคราวขณะนั้น มีข่าวว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคน มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงิน 300 ล้านบาท ก่อนมีการตัดสิน
54. พูดภาษาอังกฤษเหมือนเด็ก ป.6
55. ลูกๆก็เก่งกันจัง โอ๊ค เรียน ม. แอบเอาข้อสอบ (โพยคำตอบ) เข้าไปลอกในห้องสอบ ปรากฏว่าถูกจับได้ ความจริงต้องถูกลงโทษสถานหนัก ทักษิณต้องไปเจรจาถึง ม.ราม บังเอิญนายกสภา ม.ราม เป็นพวกเดียวกัน (อีดี้) จึงรอดพ้นความผิด ส่วน เอม สอบเอ็นทรานซ์ไม่ได้จึงต้องหาทางซิกแซกโดยการเข้าเรียนโครงการพิเศษคณะอุตสาหกรรมเกษตร ม. เกษตร ทั้งที่ไม่ได้เรียนสายวิทย์ (ตามระเบียบคนที่มีสิทธิ์สอบจะต้องเรียนชั้นมัธยมปลายสายวิทย์เท่านั้น แต่ทะลึ่งสอบเข้าไปได้อย่างมหัศจรรย์ ผลสุดท้ายเรียนไปไม่รอดต้องย้ายคณะไปอยู่ภาคเรียนปกติ ซึ่งเป็นพวกที่สอบเข้าด้วยวิธีการสอบเอ็นทรานซ์ สำหรับอุ้งอิ้ง เป็นที่ทราบกันดีว่าสอบเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ด้วยวิธีใด เพราะปีนั้นมีข่าวคราวข้อสอบรั่ว เป็นข่าวครึกโครม... สรุปแล้ว โคตรโกง และโกงทั้งโคตร
56 ทักษิณ สั่งเด้ง ผวจ. - ผบก.ปัตตานี คนที่ถูกปืนลั่น... เล่นชี้นำขนาดนั้นหมาตัวไหนมันจะมากล้าขัดล่ะ เดี๋ยวก็ด่าเขาอีก
57. ทักษิณ สั่ง กกต. เด็กผมเอง สั่งอะไร ไม่เคยขัด ผมเพิ่งเซ็นอนุมัติงบให้ทางกกต.ที่ขอมาไปวันก่อน จะกล้าขัดใจผมได้ไง
58. ทักษิณ ถูกตัดสินติดคุก แต่ไม่ยอมติดคุก จึงมีสถานะเป็นนักโทษหนีคุก ในขณะที่นักโทษคนอื่นๆ เมื่อศาลสั่งติดคุกก็คือติดคุก
59. กรณีสั่งฆ่าพี่น้องชาวมุสลิมที่มัสยิดกรือเซะ โดยฝีมือทหารแก่ (ปัจจุบัน รับจ้างเผาบ้านเผาเมือง ด้วยค่าจ้างรองเท้ากอล์ฟหนึ่งคู่) และกรณีเข่นฆ่าประชาชนที่ตากใบ โดยมีทักษิณ บินบัญชาการด้วยตัวเอง
60. ผลประโยชน์ทับซ้อน โดยทักษิณ ใช้อำนาจ สร้างความร่ำรวยให้กับบริษัทในเครือตระกูลของทักษิณ
๐ การปรับเปลี่ยนวิธีการเก็บภาษีสรรพสารมิต โดยบริษัทในเครือชินคอร์ปได้ประโยชน์ (เอไอเอส) แต่รัฐฯเสียหายมูลค่า 30,667 ล้านบาท
๐ การปรับลดส่วนแบ่งรายได้พรีเพดเป็น 20% โดยบริษัทในเครือชินคอร์ปได้ประโยชน์ (เอไอเอส) แต่รัฐฯเสียหายมูลค่า 39,588 ล้านบาท
๐ การแก้ไขสัญญาโรมมิ่ง โดยบริษัทในเครือชินคอร์ปได้ประโยชน์ (เอไอเอส) แต่รัฐฯเสียหายมูลค่า 12,595 ล้านบาท
๐ การให้สิทธิประโยชน์ BOI ของไอพีสตาร์ โดยบริษัทในเครือชินคอร์ปได้ประโยชน์ (ชินแซทฯ) แต่รัฐฯเสียหายมูลค่า 12,776 ล้านบาท
๐ การสั่งให้เอ็กซิมแบงค์ปล่อยกู้ให้พม่า โดยบริษัทในเครือชินคอร์ปได้ประโยชน์ (ชินแซทฯ) แต่รัฐฯเสียหายมูลค่า 950 ล้านบาท
ผลงานทักษิณชิ้นโบแดง...เสื้อแดงอ่านเยอะๆนะจะได้ตาสว่างซะที
#1
ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:01
#2
ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:04
ยาวหน่อยแต่ดีมากค่ะ....เสื้อแดงจะอ่านหรือเปล่าเนี่ย
ปัญหาการคอรัปชั่นกับสังคมไทย(The corruption and Thai social)
โดย ปีดิเทพ อยู่ยืนยง
เมื่อกล่าวถึงสังคมไทยแล้วนั้น ในสายตาของหลายๆคนอาจจะมองได้หลายมุมมองไม่ว่าจะเป็นในแง่สังคมที่มีวัฒนธรรมอันดีงาม สังคมของการเอื้ออาทร สังคมของการอุปถัมภ์กัน เป็นต้น
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งแล้วสังคมไทยก็มีอีกหลายปัญหา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาโสเภณี เป็นต้น แต่มีปัญหาหนึ่งที่คนไทยอาจจะลืมนึกถึง หรือ ไม่ให้ความสำคัญต่อปัญหานี้มากเท่าที่ควร นั้นก็คือ ปัญหาการคอรัปชั่น
ปัญหาการคอรัปชั่น(Corruption) หลายคนอาจจะมองว่าไม่สำคัญ เพราะอาจคิดว่าไม่ใช่ปัญหาของตัวเองบ้าง ไม่ใช่เรื่องใกล้ตัวบ้าง แต่หากย้อนกลับมาพิจารณาดูให้ดีแล้ว ปัญหาการคอรัปชั่นนี้นับว่า เป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกับชีวิตของเราๆ ประชาชนอย่างมากทีเดียว
คำว่า”คอรัปชั่น”นั้น นิยามอาจตีความได้อย่างกว้างขวางมาก เช่น การทุจริต การฉ้อโกง การฉ้อราษฎรบังหลวง เป็นต้น โดยแต่ละความหมายล้วนให้ความหมายในเชิงแง่ลบทั้งสิ้น
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการ คอรัปชั่นนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ หลายปัจจัยด้วยกัน เช่น ความยากจนของข้าราชการชั้นผู้น้อย การขัดกันของผลประโยชน์(Conflicts of interest) การทุจริตโดยนโยบาย ( corruption by public policy) เป็นต้น
เคยมีผู้ร่วมรวมสาเหตุของการคอรัปชั่นไว้มากมาย ดังจากหนังสือ G.E.Caiden, “what really is Public Maladministration” Public Administration Really Review ซึ่งได้แปลโดย ท่านอาจารย์ ติน ปรัชญพฤทธิ์ แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้วางหลักการว่า คอรัปชั่น คือ”พยาธิของระบบราชการ” (common bureau pathologies) กล่าวคือเป็นสิ่งที่แทรกแซง กัดดินระบบราชการ
โดยมีอาจมีสาเหตุมาจาก
Abuse of authority/power/position : การใช้อำนาจหน้าที่อำนาจและตำแหน่งในทางที่มิชอบ
2. Account padding : การเติมแตงบัญชีเพื่อเบิกจ่ายเงินที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
3. Alienation : ความแปลกแยก การตีตนออกห่างจากสังคมและเพื่อร่วมงาน
4. Anorexia : อาการเบื่ออาหาร เบื่องานและเบื่อโลก
5. Arbitrariness : การชอบทำอะไรตามอำเภอใจ ถืออำนาจบาทใหญ่
6. Arrogance : ความกร่าง หยิ่ง อวดดี
7. Bias : อคติ ลำเอียง
8. Blurring issues : กลบเกลื่อนปัญหา เบี่ยงเบนประเด็น
9. Boondoggle : การชอบทำอะไรที่ปราศจากคุณค่าทางปฏิบัติ
10. Bribery : การติดสินบน
11. Bereaucratese (unintelligibility) : การหมกเม็ด การทำอะไรที่เข้าใจยาก
12. Busywork : การทำงานเสมือนยุ่งอยู่ตลอดเวลา
13. Carelessness : ความสะเพร่า ไม่ระมัดระวัง
14. Chiseling : การกินแรงเพื่อนร่วมงานและผู้อื่น
15. Complacency : เช้าชามเย็นชาม เฉี่อยชา พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ หรือ status quo
16. Compulsiveness : การขาดการหักห้ามใจ การทนต่อสิ่งเย้ายวนไม่ได้
17. Conflicts of interest/objective : ความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ ผลประโยชน์ขัดกัน แยกไม่ออกว่าอะไรคือของตน อะไรคือของราชการ
18. Confusion : ความสับสนอลหม่าน ความยุ่งเหยิง
19. Conspiracy : ความสมคบกันกระทำความผิด
20. Corruption : การฉ้อราษฎร์บังหลวง
21. Counter-productiveness : การทำงานที่ขัดขวางผลผลิตการสกัดกั้นผลิตภาพ/ผลงาน
22. Cowardice : ความขลาด ความขี้ขลาดตาขาวปราศจาก ความกล้า
23. Criminality : ความผิด ชอบกระทำความผิด
24. Deadwood : ไฟมอด หมดกำลังใจ หมดไฟ ไม้ใกล้ฝั่ง
25. Deceit and deception : ความหลอกลวง ชอบหลอกลวง
26. Dedication to status quo : การชอบย้ำอยู่กับที่ ไม่ขวนขวายไม่ชอบ ก้าวหน้า
27. Defective goods : สินค้าที่ด้อยคุณภาพ ปฏิบัติงานไม่ได้ตามมาตรฐาน
28. Delay : ความล่าช้าไม่ทันการณ์
29. Deterioration : ความเสื่อมถอย ความผุกร่อน
30. Discourtesy :ความไม่สุภาพ ไร้มารยาท
31. Discrimination : การกีดกัน การดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นการ เลือกปฏิบัติ
32. Diseconomies of size : การทำอะไรเกินตัว ขาดความพอดีเห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง
33. Displacement of goals/objective : การยึดเอาวัตถุประสงค์รองมาเป็น วัตถุประสงค์หลัก เอาไม้ซีกมาแทนไม้ซุง
34. Dogmatism : การยึดมั่นอยู่กับความคิดของตนเองการนึกว่าตนเองถูกเสมอ
35. Dramaturgy : การชอบแสดงละครตบตา
36. Empire-building : การสร้างอาณาจักร การสร้างอิทธิพล
37. Excessive social costs/complexity : การชอบทำอะไรฟุ้งเฟ้อและยุ่งยาก สลับซับซ้อนโดยไม่จำเป็น
38. Exploitation : การชอบแสวงหาประโยชน์จากผู้อื่น
39. Extortion : การชอบรีดนาทาเร้น/บีบบังคับผู้อื่นการขู่เข็ญกรรโชก
40. Extravagance : ความฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย
41. Failure to acknowledge /act/answer/Respond : การไม่สนองตอบความต้องการของผู้อื่น
42. Favoritism : การให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ใกล้ชิด
43. Fear of change, innovation, risk : ความเกรงกลัวต่อความเปลี่ยนแปลงการประดิษฐ์คิดค้นและความเสี่ยง
44. Finagling : การใช้เล่ห์กระเท่ต้มตุ๋น
45. Foot dragging : การปัดแข้งปัดเขา
46. Framing : การใส่ความผู้อื่น การให้ร้ายป้ายสี
47. Fraud : การฉ้อโกง ฉ้อฉล
48. Fudging/fussing(issues) : การชอบพูดเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
49. Gamesmanship : การใช้ลูกล่อลูกชนเพื่อเอาชนะระราน(คำ คำนี้ ถ้าใช้ในความหมายบวก หมายถึง ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา สู้กันซึ่งๆ หน้า
50. Gattopardismo (dilettante/dilettanti /minion) : การชอบทำอะไรผิวเผิน รู้ไม่จริงเข้าทำนอง "ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง"ฯ ทำเป็นแน่ที่แท้มีแต่ความว่างเปล่า
51. Ghost employee : การเบิกเงินให้แก่ผู้ที่ไม่มีตัวตน(บัญชีผี)
52. Gobbiedygook/jargon : การใช้ศัพท์แสงที่ยากต่อการเข้าใจชอบใช้ศัพท์แสงที่แสง ๆที่ผู้อื่นไม่เข้าใจ
53. Highhandedness : ความโอหังการเหยียบย่ำผู้อื่น
54. Ignorance : ความเขลา ทึ่ม
55. Illegality : ความผิดกฎหมาย
56. Impervious to criticism/Suggestion : การขาดความอดกลั้นต่อคำวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่น ทนการวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้
57. Improper motivation : การมีแรงจูงใจที่ไม่เหมาะสม
58. Inability to learn : การขาดความสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
59. Inaccessibility : การเข้าพบหรือหาตัวยาก
60. Inaction : การไม่ยอมทำอะไรเลย
61. Inadequate reward and incentive : การให้ความดีความชอบที่ไม่เพียงพอ
62. Inadequate working conditions : สภาพการทำงานที่ย่ำแย่
63. Inappropriateness : การวางตัวไม่เหมาะสม
64. Incompatible tasks : การทำงานที่ไม่ตรงกับความรู้ ความสามารถ
65. Inconvenience : ความไม่สะดวก
66. Indecision(decidophobia) : การไม่ยอมตัดสินใจ
67. Indifference : การไม่รู้ร้อนรู้หนาว
68. Indisciplining : การขาดระเบียบวินัย
69. Ineffectiveness : การขาดประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน
70. Ineptitude : การวางตัวไม่เหมาะสม
71. Inertia : การเฉื่อยชา ย่ำอยู่กับที่
72. Inferior qulity : ความด้อยประสิทธิภาพ
73. Inflexibility : ความเข้มงวด ไม่ยืดหยุ่น
74. Inhumanity : ความปราศจากมนุษยธรรม การขาดความ เมตตากรุณา
75. Injustice : ความไม่ยุติธรรม
76. Insensitivity : การขาดความรู้สึกที่ฉับไว
77. Insolence : ความหยาบคาย
78. Intimidation : การทำให้ผู้อื่นยอมสยบต่อความต้องการ ของตนการข่มเหงคนอื่น
79. Irregularity : การขาดความคงเส้นคงวา ความไม่ สม่ำเสมอ
80. Irrelevance : การออกนอกลู่นอกทาง ความไม่ตรง ประเด็น
81. Irresolution : การไม่ยอมหาวิธียุติปัญหา
82. Irresponsibility : การขาดความรับผิดชอบ
83. Kleptocracy : การที่ข้าราชการปฏิบัติตนเสมือนกลุ่มโจร การปกครองการการบริหารโดยกลุ่มโจร
84. Lack of commitment : การขาดความผูกพันในงาน
85. Lack of coordination : การขาดการประสานงาน
86. Lack of creativity/experimentation : การขาดความคิดสร้างสรรค์ หรือการไม่ ยอมทดลองสิ่งใหม่ ๆ
87. Lack of credibility : การขาดศรัทธาจากผู้อื่น วิกฤตศรัทธา
88. Lack of imagination : การขาดจินตนาการ
89. Lack of initiative : การขาดความคิดริเริ่ม
90. Lack of performance indicator : การขาดมาตรวัดผลงาน
91. Lack of vision : การขาดวิสัยทัศน์/สายตาอันยาวไกล
92. Lawlessness : การทำตนเป็นอันธพาลเสมือนหนึ่ง ประเทศชาติขาดขื่อแป
93. Laxity : ความหย่อนยานทางศีลธรรม
94. Leadership vacuums : การขาดภาวะผู้นำ สุญญากาศผู้นำ
95. Malfeasance : การปฏิบัติงานที่ไม่ดีหรือต่ำกว่ามาตราฐาน
96. Malice : การอามาตมาดร้ายผู้อื่น การประทุษร้ายผู้อื่น
97. Malignity : เจตนาร้าย การใส่ร้ายผู้อื่น
98. Meaningless/make work : การปฏิบัติงานที่ไร้ความหมายไร้สาระ/ งานที่ต้องซ่อมแซม
99. Mediocrity : ความคร่ำครึ ไม่ทันสมัย เต่าล้านปี
100. Mellownization : ความเฉา ความสุกงอมจนหาประโยชน์ มิได้ ความเสื่อมถอย
101. Mindless job performance : ความไม่ห่วงใยต่องาน
102. Miscommunication : การติดต่อสื่อสารที่ผิดพลาด
103. Misconduct : การประพฤติชั่ว
104. Misfeasance : การทำผิดกฎหมาย
105. Misinformation : การได้รับข้อมูลข่าวสารที่ผิดพลาด
106. Misplaced zeal : ความขยัน / กระตือรือร้นที่ผิดที่ เข้าทำนอง "โง่แต่ขยัน"
107. Negativism : การมีทัศนคติในทางลบอยู่ตลอดเวลา การมองโลกในแง่ร้าย
108. Negligence / neglect : การละเลยหน้าที่ความรับผิดชอบ
109. Nepotism : การให้สิทธิพิเศษแก่เครือญาติ
110. Neuroticism :โรคประสาทอ่อนๆ
111. Nonaccountability : การขาดจิตสำนึกที่จะให้ผู้อื่นตรวจสอบ การไม่ยอมให้ผู้อื่นตรวจสอบการไม่พร้อม ที่จะรับผิด การขาดมาตรการไล่เบี้ย
112. Noncommunication : การไม่ยอมติดต่อสื่อสารกับผู้คน
113. Nonfeasance : การไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมาย
114. Nonproducitivity :การขาดผลิตภาพ การไม่มีผลงาน
115. Obscurity : การชอบทำตนลึกลับ ไม่โปรงใส
116. Obstruction : การชอบขัดขวางผู้อื่นเข้าทำนอง "มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ"
117. Officiousness : การชอบเข้าไปแทรกแซงเรื่องของผู้อื่น
118. Oppression : การกดขี่ผู้อื่น
119. Overkill : การชอบทำอะไรรุนแรงเกินกว่าเหตุ
120. Oversight : การชอบตรวจตราสอดแนมผู้อื่น
121. Overspread : การชอบยุ่งในทุกเรื่อง
122. Overstaffing : การมีคนล้นงาน
123. Paperasserie : การมีงานหนังสือมากเกินไป การชอบใช้ หนังสือราชการมากเกินไป
124. Paranoia : ความผิดปกติทางจิต อารมณ์หลอนและ หวาดระแวง
125. Patronage : ระบบอุปถัมภ์
126. Payoffs and kickbacks : การชอบติดสินบน
127. Perversity : ความดื้อดึงในทางที่ผิด ๆ หัวชนฝา
128. Phony contracts :การชอบปลอมแปลงเอกสารหรือสัญญา ความไม่จริงใจ
129. Pointless activity : การชอบทำกิจกรรมที่ปราศจากจุดหมาย
130. Procrastination : การผลัดวันประกันพรุ่ง
131. Punitive supervision : การกำกับดูแลงานที่มุ่งแต่ละลงโทษแต่ เพียงสถานเดียว
132. Red-tape : ความล่าช้าในการปฏิบัติงาน
133. Reluctance to delegate : ความลังเลใจ/ไม่กล้าที่จะมอบหมายงาน
134. Reluctance to take decisions : ความลังเลใจ/ไม่กล้าที่จะตัดสินใจ
135. Reluctance to take responsibility : ความลังเลใจ/ไม่กล้าที่จะรับผิดชอบ
136. Remoteness : การชอบทำตนเหินห่างจากผู้คนและ ประชาชน
137. Rigidity / brittleness : ความเคร่งครัด/ความหละหลวม หรือ เปราะบางจนเกินงาม
138. Rip-offs :การชอบทำเอาเปรียบผู้อื่น หมกเม็ดคดใน ข้องอในกระดูก
139. Ritualism :การชอบพิธีกรรม/พิธีรีตองมากเกินไป
140. Rudeness : ความหยาบคาย
141. Sabotage :การบ่อนทำลาย
142. Scams :โกง การชอบใช้ลูกล่อลูกชน
143. Secrecy : ความลับ การชอบกำความลับ การทำอะไรที่ดูเหมือนเป็นความลับไปเสียหมด
144. Self-perpetuation : การไม่ยอมปล่อยวาง การอยู่ยงคงกระพัน รากงอก
145. Self-serving : การมุ่งประโยชน์ส่วนตน การทำอะไรเพื่อ ตนเอง
146. Slick bookkeeping : ผักชีโรยหน้า การขาดความลึกซึ้งและความ จริงใจ
147. Sloppiness :ความหยิบโหย่ง/อ่อนแอ
148. Social astigmatism (failure to see problems) : การมองปัญหาไม่ออก การมองไม่เห็น ปัญหา การตีโจทก์ไม่แตก
149. Soul-destroying work : การชอบทำให้ผู้อื่นแสลงใจ การทำงานที่ ไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
150. Spendthrift : การใช้เงินเปลือง สุรุ่ยสุร่าย
151. Spoils : ระบบเล่นพรรคเล่นพรรค
152. Stagnation : ความชะงักงัน
153. Stalling : การย้ำอยู่กับที่ การไปไม่ถึงไหน
154. Stonewalling : การชอบขัดขวางผู้อื่น การแย่งงานเงิน เกียรติจากผู้อื่น
155. Suboptimization(goal displacement) : การให้ความสำคัญแก่ประเด็นปลีกย่อย มากกว่าเป้าหมายรวม
156. Sycophancy : การสอพลอ
157. Tail-chasing : การชอบทำอะไรวกไปเวียนมาโดยไม่รู้จัก จบสิ้น
158. Tampering : การทำอะไรที่ส่อไปในทางทุจริต
159. Teritorial imperative : การหวงแหนเขตอิทธิพลของตนเอง
160. Theft : การลักขโมย
161. Tokenism : การทำอะไรแต่พอเป็นพิธี ขาดความจริงจัง
162. Tunnel vision : การมีสายตาที่คับแคบ ความใจแคบ
163. Unclear objectives : เป้าหมายที่ไม่ชัดเจน
164. Unfairness : ความไม่ยุติธรรม
165. Unnecessary work : การทำงานที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำ
166. Unprofessional conduct : ความประพฤติที่ขาดวิชาชีพนิยม
167. Unreasonableness : การขาดความสมเหตุสมผล ความไม่พอดี
168. Unsafe conditions : สภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัย
169. Unsuitable premises and equipment :โรงเรือนและเครื่องมือเครื่องใช้ที่ไม่เหมาะสม
170. Usurpatory : การชอบแย่งชิงอำนาจกัน
171. Vanity : ความล้มเหลว ความปราศจากมรรคผลความสิ้นหวัง
172. Vested interest : การมีผลประโยชน์ส่วนตัวเข้าไปเกี่ยวข้อง
173. Vindictiveness : การชอบแก้แค้น ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
174. Waste : ความสูญเปล่า
175. Whim : ตัณหาราคะ
176 Xenophobia : ความกลัวต่อสิ่งแปลกใหม่
จากสาเหตุของการคอรัปชั่นที่มากมายเช่นนี้ แม้ว่าจะมีสาเหตุที่มากมายอาจทำให้คนหลายคนอาจท้อแท้สิ้นหวังกับสังคม ที่ฟอนเฟะเลวทราม
ในประเทศไทย ปัญหาคอรัปชั่นมีมากมายแทรกเป็นยาดำไปเกือบทุกๆองค์กร ไม่ว่าจะเป็น วงการการเมืองก็ดี ที่เกิดจากพฤติกรรม”หน้าเนื้อในเสือ”ของนักการเมืองบางคนที่อยู่ใน”คราบของผู้ใจดีมีเมตตา”
จะเข้ามาแก้ปัญหาให้กับประชาชน แต่แท้ที่จริงแล้ว กลับมี”ทำนาบนหลังคน”หรือ”ขูดรีดขูดเนื้อ”กับประชาชน โดยการทุจริตในรูปแบบต่างๆ เช่น “จัดสรรงบประมาณเข้ากระเป๋าตัวเอง” “เรียกรับเงินใต้โต๊ะ” เป็นต้น
ส่วนวงการข้าราชการประจำนั้น เช่น กรณี คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ กับนายตำรวจบางคน ในการเรียกรับ”ส่วย”จากสถานบริการอาบ อบ นวด กรณี “ค่าโง่” ทางด่วนซึ่งต้องสิ้นเปลืองงบประมาณประเทศโดยไม่จำเป็น กรณี การจัดสรรที่ดิน สปก.ให้แก่ ”ผู้มีอิทธิพล” ซึ่งเป็นปัญหามาหลายรัฐบาล เป็นต้น
มีหลายมุมมองจากต่างชาติ เช่น ในสหรัฐอเมริกา ที่ได้มีการเสนอ”รายงานการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี พ.ศ.2545 “ ต่อสภาคองเกรส ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมเกือบ 200 ประเทศ รวมทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับประเทศไทย โดย นายแดร์ริล เอ็น จอห์นสัน เอกอัครราชทูต สหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ว่าประเทศไทยมีปัญหาการคอรัปชั่น มากมาย เช่น ปัญหากระบวนการยุติธรรม การซื้อเสียง การติดสินบน ปัญหายาเสพติด การขาดความโปรงใสในการทำงานของฝ่ายราชการ ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน เป็นต้น
การที่จะแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นได้ต้องใช้หลาย วิธีการเข้าช่วย หรือ ร่วมกันแก้ไขโดยมวลรวม โดยมีทฤษฎีหลายๆอย่างแตกต่างกันออกไป เช่น “หลักนิติรัฐ” กล่าวคือ รัฐที่อยู่หรือปกครอง ภายใต้กฎหมาย หรือ ใช้กฎหมายควบคุม “หลักการตรวจสอบอำนาจรัฐ” กล่าวคือ เป็นการตรวจสอยอำนาจรัฐโดยองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นต้น
โดยปัจจุบัน ในสังคมไทยได้มีกลุ่มคนบางส่วน หรือหลายๆองค์กรไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและเอกชน ในการตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา เป็นต้น
ส่วนในการตรวจสอบการทำงานของรัฐโดยภาคเอกชนนั้น เช่น องค์กรเอกชนอิสระ (NGO) กลุ่มนักศึกษา กลุ่มมวลชนต่างๆ เป็นต้น
ดังนั้น ไม่ว่าภาครัฐและเอกชน จึงควรสร้างสรรค์สังคมและร่วมขจัดปัญหา การคอรัปชั่นไปจากสังคมไทย โดยไม่ว่าจะเป็น จาก ”การปลูกฝั่งเยาวชน” ให้มีแนวความคิดที่รังเกียจ และต่อต้านการคอรัปชั่น “สร้างค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริต”ให้แก่สังคม เหล่านี้เองที่จะเป็น เส้นทางที่จะนำไปสู่การลดลงของปัญหาดังกล่าว และอาจทำให้ปัญหาดังกล่าวหมดไปจากสังคม
ถึงเวลาแล้วที่ทุกๆคนในสังคมไม่ควรนิ่งดูดาย ปล่อยให้การทุจริตคอรัปชั่นมากัดกินและบ่อนทำลายสังคมไทยของเรา เพื่อที่เราชาวไทยจะได้พูดได้เต็มปากสักทีว่า”คนไทย โปร่งใส ไร้คอรัปชั่น”
#4
ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:55
พวกเราคงต้องช่วยกันค่ะในฐานะคนไทยคนหนึ่ง...เพราะเราพูดภาษาเดียวกันถึงแม้ว่าจะมีความเชื่อไม่เหมือนกัน
ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งพวกที่บูชาทักษิณจะเข้าใจ.....
#5
ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:59
เกิน 3 บรรทัด จบข่าว
#6
ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 12:04
กรณี 30 รักษาทุกโรค
การใช้หลักประกันสุขภาพก็เป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป จนเมื่อพรรคไทยรักไทยเข้ามาก็ได้ผลักดันให้เกิดโครงการ 30 บาทฯ อย่างรวดเร็วภายใต้คำขวัญ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค โดยรัฐบาลได้ออก พรบ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 เพื่อรองรับ โครงการ 30 บาท
โครงการ 30 บาท ไม่ใช่โครงการเดียวที่เกี่ยวกับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และก่อนหน้านี้แนวคิดนี้ก็ได้มีหลายฝ่ายร่วมกันผลักดัน แต่การเกิดขึ้นของโครงการนี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการสร้างหลักประกันสุขภาพแบบถ้วนหน้าในไทย
ซึ่งโครงการนี้ยังส่งผลไปยังโครงการอื่นต้องเร่งปฏิรูปให้ดีขึ้น
แต่เนื่องจากโครงการ 30 บาท ถูกผลักดันอย่างรวดเร็วจนคล้ายกับว่ารัฐบาลไม่ได้คิดที่จะปฏิรูประบบประกันสุขภาพทั้งระบบ เป็นแค่การหาเสียงเท่านั้น ทำให้โครงการทั้งหลายยังประสบปัญหาต่างๆ รวมทั้งสิทธิ์ที่ซ้ำซ้อนกัน ยังทำให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า มีรูปร่างที่ต่างจากที่หลายฝ่ายเคยวาดฝันไว้
ปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดนโยบาย
- รัฐธรรมนูญ 2517 ( หลังเหตุการณ์ 14 ต.ค. 16 ) เขียนว่า รัฐพึงให้การรักษาแก่ผู้ยากไร้โดยไม่คิดมูลค่า
- 2518 รัฐบาล มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช จัดเงินสำหรับสงเคราะห์ ประชาชนผู้มีรายได้น้อยด้านการรักษาพยาบาล ( สปน.)
- 2532 รัฐมีนโยบายให้การรักษา โดยไม่คิดมูลค่า แก่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ต่อมาขยายให้ รักษาเด็กแรกเกิด ถึง 12 ปี ผู้พิการ ทหารผ่านศึกและครอบครัว ภิกษุ สามเณร ผู้นำศาสนา
- 2537 เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น สวัสดิการประชาชนด้านการรักษาพยาบาล ( สปร. )
- สถาบันที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ ( สปร เป็นหน่วยงานคือโรงพยาบาลที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในหลายด้าน เช่น การบริการผู้ป่วย มาตรฐานการรักษาผู้ป่วย เป็นต้น
- เม.ย. 2544 เริ่มโครงการ 30 บาท 6 จังหวัดนำร่อง ออกบัตรทองสำหรับประชาชนกลุ่มที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพอื่นๆ ดำเนินการลักษณะเดียวกับ สปร.
- ต.ค. 2544 ขยายโครงการ 30 บาท ครบทุกจังหวัด ยุบรวมโครงการ สปร. เป็นบัตรทองหมวด ท ( ไม่ต้องจ่าย 30 บาท ) เลิกขายบัตรสุขภาพ 500 บาท เปลี่ยนเป็นบัตรทองทั้งหมด
สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือสิทธิบัตรทอง เป็นสิทธิการรักษาของประชากรไทย ที่เป็นสิทธิพื้นฐานเพื่อให้ทุกคนมีสิทธิการรักษาที่เสมอภาค และเท่าเทียมกันในการรักษานอกเหนือจากสิทธิอื่นที่มี ซึ่งประชาชนคนไทยทุกมีสิทธิในการเลือกโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ที่ตัวเองสะดวกในการเข้ารับการรักษา สามารถใช้สิทธิเมื่อเจ็บป่วย โดยเงื่อนไขในการใช้บริการในหน่วยบริการนั้นสามารถจำแนกวิธีการใช้บัตรทองออกตามกรณีต่าง ตามลักษณะการเจ็บป่วยของเรา
นอกจากนี้ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติพ.ศ.2545 ซึ่งมีผลบังคับใช้มานานถึง 7 ปี อาจจำเป็นต้องมีการแก้ไขปรับปรุง เนื่องจากเนื้อหาสาระบางส่วนตามพ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ เช่น การรวมสิทธิสวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคมและหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเข้าด้วยกัน และการให้สปสช.เร่งรณรงค์การส่งเสริมสุขภาพประชาชนเป็นหลักเพราะปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้น ส่วนเรื่องที่จะให้ประชาชนร่วมจ่ายค่ายาหรือค่ารักษาพยาบาลนั้น ส่วนตัวเป็นว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น เพราะการรักษาพยาบาลในบางโรคผู้ป่วยก็ร่วมจ่ายอยู่แล้ว เช่น การฟอกไต ที่ผู้ป่วยต้องร่วมจ่าย 500 บาท แต่สิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการคือการลดจำนวนเงินที่ผู้ป่วยต้องร่วมจ่ายลง............
เนื่องจากการเร่งทำนโยบายผลักดันให้โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคออกมาซ้อนสิทธิ์และยกเลิกสิทธิ์ในบางกรณี มีผลทำให้ประชาชนสับสน...
รวมทั้งคณะกรรมการ สปสช มีการควบคุมคุณภาพของยา และออกระเบียบการเบิกจ่ายยานอกบัญชี (ยาที่มีราคาแพง) ให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาให้จ่ายยาแก่คนไข้ในกรณีที่จำเป็น....เมื่อมีการใช้จ่ายยานอกบัญชีมาก แพทย์ผู้จ่ายยาจะถูกตรวจสอบ ทำให้เกิดความลำบากใจในการทำงานเป็นอย่างยิ่ง....ครั้นจะจ่ายยาที่อยู่ในการควบคุม คนไข้ก็จะได้ยาที่ด้อยคุณภาพ...แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหารโรงพยาบาล....ฉนั้นเรื่องยาก็มีส่วนที่ผลักดันให้คนไข้วิ่งเข้ามารักษาในโรงพยาบาลที่มีขนาดใหญ่....ทำให้ปริมาณคนไข้มีจำนวนมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว....ไม่สัมพันธ์กับจำนวนเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่...
การรักษาพยาบาลเบื้องต้นในระดับปฐมภูมิ เช่นโรงพยาบาลชุมชน ก็ใช้ระบบ refer ผู้ป่วยเข้ามาแออัดอยู่ใน โรงพยาบาลจังหวัด......ทำให้การรักษาพยาบาลสวนทางกับนโยบายในเรื่องการดูแลตนเองเป็นหลัก....เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็มีความลำบากใจ เรียกว่าถ้าอยู่โรงพยาบาลชุมชนก็ไม่ต้องใช้ความสามารถมากเท่าไหร่ เพราะมีโรงพยาบาลใหญ่คอยรับ refer ผู้ป่วยอยู่แล้ว....แต่กับโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่รับ refer แพทย์กับพยาบาลต้องทำงานแข่งกับเวลา....บางครั้งตรวจคนไข้ตั้งแต่เช้าจนบ่าย 2 โมง คนไข้ก็ยังไม่หมดสิ้น....คนไข้ก็ด่าหมอ พยาบาล.....หมอพยาบาลก็เหนื่อย ล้า และท้อเป็นอย่างยิ่งเช่นกันเพราะทำงานไม่ทัน....
ก็คงต้องพัฒนาปฏิรูปกันต่อไป แล้วใครจะแก้ปัญหาโลกแตกเช่นนี้ได้อีก....นอกจากหมอและพยาบาลแพ้ระบบต้องทยอยกันย้าย หรือไม่ก็ลาออกไป...
ทุกวันนี้สายงานพยาบาล เป็นสายงานที่ขาดแคลนเป็นอย่างมาก ส่วนตัวบุคลากรก็อายุมากขึ้นทุกวัน เรี่ยวแรงก็ร่อยหรอลงทุกวัน คนมาเรียนพยาบาลก็ลดลงเพราะเป็นอาชีพที่ไม่นิยม ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ใน ward มีคนไข้ 50 คน แต่มีพยาบาลคอยรับใช้คนไข้เพียง 3-4 คนเท่านั้น....แล้วจะหาคุณภาพและประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาลที่ดีได้อย่างไร ในเมื่อบุคลากรไม่พอเพียงกับจำนวนผู้ป่วยเสียแล้ว....ก็คงต้องทำใจกันต่อไปล่ะค่ะ....
#7
ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 12:05
เยอะชิกหาย ไม่อ่าน..เก้าอี้ในมือสั่นไปหมดแล้วครัช
(ปล. คนเสื้อแดงทุกคนเขียนไว้)
#8
ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 12:09
....... สิ่งที่ควร เคารพบูชา ยุคใหม่ ล่าสุด........
#9
ตอบ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 12:18
คนเสื้อแดงทีเป็นแบบนี้คิดว่าเขาต้องการให้คนในสังคมยอมรับเรา เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงออก ถึงจะเถื่อนๆก็ตามเถอะ...บังเอิญไอ้พวกนักปลุกระดมเสื้อแดงมันรู้จุดเลยเปิดโอกาสให้แสดงความถ่อยเถื่อนกันแบบเสรี....
ที่แสดงสติปัญญาออกมาเรียกว่ารับไม่ค่อยได้เร้ย
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน