ทางออกคือ : รัฐบาลเฉพาะกาลกับ นายกฯอำนาจเต็ม
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
“นายกฯ และ รัฐบาลอำนาจเต็ม” “อาจต้องใช้กำลังเต็มรูปแบบ” “ยกระดับการประท้วงสูงสุด”
นี่ คือ ประโยคเด็ดของความเคลื่อนไหวทางการเมืองเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นดัชนีชี้ว่า การหาทางออกจากวิกฤติการเมืองของประเทศจะใกล้ความจริงมากขึ้นหรือไม่
ผมยืนยันว่า บ้านเมืองไม่มีทางตัน มีแต่นักการเมืองเท่านั้นที่สร้างปัญหาจนตัวเองติดมุม และทำให้บ้านเมืองจมปลักอยู่กับปัญหาที่ตัวเองสร้างขึ้นมา โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนทำให้สภาพบ้านเมืองเป็นอย่างที่เป็นอยู่
ดังนั้น เสียงเรียกร้องให้ “ร่วมกันหาทางออก” จึงดังกระหึ่มนาทีนี้ เพราะหากว่าปล่อยให้สภาพพิกลพิการทางการเมืองเช่นนี้ ลากยาวออกไปอีกเศรษฐกิจจะย่ำแย่ และความแตกแยกในสังคมจะขยายตัวต่อไปอีก อย่างรุนแรง
ดร.วีรพงษ์ “โกร่ง” รามางกูร พูดวันก่อนว่า กำลังรอ “ปาฏิหาริย์” ให้เกิด เพื่อนำประเทศพ้นจากวิบากกรรมนี้ แต่ผมเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องรออะไรนอกเหนือธรรมชาติ หรือนอกเหนือรัฐธรรมนูญ คนไทยก็สามารถจะแก้ปัญหาได้
ปมมีอยู่เพียงนิดเดียว นั่นคือ นักการเมืองบางกลุ่มยังไม่ยอมเสียสละ และลดเงื่อนไขของตนเอง เพื่อเปิดทางให้เดินหน้าแก้ปัญหา โดยไม่ต้องมีการปฏิวัติ ไม่ต้องประกาศกฎอัยการศึก และไม่ต้องมีการใช้ความรุนแรงระหว่างคนสองกลุ่ม ที่ยืนยันกันคนละข้าง
ใครที่ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด ก็พอจะเห็นว่า หากนำเอาข้อเสนอของหลายๆ กลุ่ม มาผสมผสานและสังเคราะห์ร่วมกัน ก็มีทางออกที่ค่อนข้างชัดเจน และไม่จำเป็นที่คนไทยทั้งประเทศ 65 ล้านคน จะต้องจมปลักอยู่กับความตึงเครียดทางการเมืองวันต่อวันเหมือนสิ้นหวัง เพราะมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายถ้ำเลย
ทางออกมีครับ และค่อนข้างชัดเจนด้วย นั่นคือ การที่ทุกฝ่ายในความขัดแย้งยอมรับการตั้ง “รัฐบาลเฉพาะกาล” ที่บริหารโดยกลุ่มบุคคลที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป โดยไม่ใช่ “คนของใคร” อย่างที่เป็นประเด็นความขัดแย้งมาตลอด
“รัฐบาลเฉพาะกาล” (ไม่ควรจะเรียกว่า “รัฐบาลคนกลาง” เพราะจะเกิดการตีความผิดเพี้ยนได้ตลอดเวลา) มีหน้าที่วางกรอบเวลา การวางกระบวนการปฏิรูปและการเลือกตั้งไปด้วยกัน อาจจะมีช่วงเวลาทำงาน 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้มาซึ่ง “รัฐบาลเพื่อการปฏิรูป” เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญและกติกาสังคมอื่นๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของคนไทยส่วนใหญ่ ในการ “ยกเครื่อง” ประเทศไทย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้บ้านเมืองก้าวพ้นความขัด
แย้งอย่างถาวร และเข้าสู่ความเป็น “ประชาธิปไตย” ที่ทุกคนเรียกร้องต้องการมาตลอด
เพราะต้องยอมรับว่า ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมากว่า 80 ปี ประเทศไทยยังไม่มี “ประชาธิปไตย” ในความหมายที่แท้จริง มีเพียงเผด็จการทหารสลับกับนักเลือกตั้งและทุนสามานย์เท่านั้น ส่วนร่วมที่แท้จริงของประชาชนยังไม่เกิดอย่างเป็นระบบ และยังหาความยั่งยืนไม่ได้
ต้องยอมรับว่า ในสภาพปัจจุบัน รัฐบาลรักษาการจะพยายามเดินหน้าจัดให้มีการเลือกตั้ง ภายใต้กติกาเก่า ก็ติดขัดและสุ่มเสี่ยง ส่วน กปปส. จะผลักดันให้มี นายกฯ มาตรา 7 ก็เจอกับอุปสรรคหลายด้าน ดังนั้น ข้อเสนอของรักษาการประธานวุฒิสภา คุณสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ที่ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหันหน้ามาหาทางออกร่วมกัน โดยการใช้กลไกของนิติบัญญัติที่มีอยู่ และภายใต้กฎกติกาที่อธิบายได้ และเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป จึงเป็นวิถีทางที่ “มีอุปสรรคน้อยที่สุด”
กระบวนการ consensus-building เพื่อแสวงหา “จุดร่วม” จะต้องมาพร้อมกับ confidence-building อันหมายถึง การ “สร้างความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน” ว่า จะไม่เบี้ยว จะไม่บิดพลิ้ว และจะไม่เปลี่ยนใจในภายหลัง
การมี “นายกฯ อำนาจเต็ม” มาทำหน้าที่แทน “นายกฯ รักษาการ” จึงเป็นทางออกที่เบิกทางไปสู่การแก้ปัญหา นั่นหมายความว่า รัฐบาลรักษาการต้องถอยออกไป เพื่อเปิดทางให้มีการ “เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่” ซึ่งอย่างไรเสีย ก็นำไปสู่การเลือกตั้งที่ฝ่ายรัฐบาลถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุดอยู่ดี
ใครจะมาเป็น “นายกฯ เฉพาะกาล” หรือ “ครม.เฉพาะกาล” ไม่ใช่เรื่องที่ตกลงกันไม่ได้ หากเป้าหมายหลักตรงกัน นั่นคือ นำพาประเทศให้พ้นหน้าผาแห่งหายนะที่เห็นกันอยู่ชัดๆ ในวันนี้
คนที่มาเป็น นายกฯ ของรัฐบาลเฉพาะกาล ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่ “คนของฝ่ายใด” และ สูตร “ปลัดกระทรวง” ทำหน้าที่ ครม.เฉพาะกาล ก็เป็นหนึ่งในความเป็นไปได้ หากมี technocrat ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน เป็นหัวหน้าทีม ที่จะนำประเทศกลับไปสู่โหมดของการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติและราบรื่น
ถามว่า การเกิดของ “รัฐบาลเฉพาะกาล” ทำได้ในกรอบรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันหรือไม่? คำตอบ คือ ทำได้แน่นอน
เพียงแต่ขอให้ ตีความกฎหมาย เพื่อหาทางออกให้บ้านเมือง มิใช่ตีความเพื่อสกัดกั้นอีกฝ่ายหนึ่ง...เท่านั้นเอง
วุฒิสภา นำโดย 'ว่าที่'ประธานวุฒิสภ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นักกฏหมาย นักวิชาการรัฐศาสตร์ นักธุรกิจ และผู้นำทางความคิดทางสังคมเห็นเหมือนกันว่า 'นายกฯเฉพาะกาล'และ'รัฐบาลเฉพาะกาล'ทำได้แน่นอน เพียงแต่กลุ่มอำนาจเก่าในรัฐบาลเก่า ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ นิวัฒน์ธำรง สุรพงษ์ จารุพงษ์ ชัยเกษม ฯลฯ จะไม่ดื้อด้าน ดื้อดึงรักษาอำนาจเก่าอีกต่อไป....
เมื่อวุฒิสมาชิกน้ำดีรวมกลุ่ม รวมพลังหาหนทางให้นิวัฒน์ธำรงรักษาการแทนนายกฯ และพวก 25 คนได้แล้ว ซึ่งเป์นเส้นทาง 'สุราเชิญดื่ม'.....!
หรืออยากจะดื่ม'สุราจับกรอก'ที่ วุฒิสภาและมหามวลชน กปปส.ร่วมกัน จับกรอก.....?
"สุราเชิญดื่ม ไม่อยากดื่ม อยากดื่มสุรา จับกรอก...."