ตั้งกระทู้และตัวอย่างที่โพสต์ไม่ใช่เห็นว่า ควรตามก้นประเทศอื่นเขาทุกอย่าง
แต่สำหรับผมมองว่าการศึกษาของเรา หลงทิศไปไกลมากแล้ว
หรือใครคิดว่าเรามาถูกทางแล้วบ้างครับ?
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 01:14
ถ้าจะให้แก้ถึงรากเหง้า ทุกปัญหา รวมทั้งให้แผนแม่บทพัฒนาไปได้
การศึกษาคือ เรื่องแรก อันดับแรกที่ต้องใส่ใจและต้องทำโดยด่วน เพราะมันต้องใช้เวลานาน
ทำอย่างไรผมไม่ทราบ ให้ผู้มีความรู้ความสามารถไปสุมหัวกันทำซะ อย่าดีแต่พูดตอนหาเสียง...แต่ถ้าให้ผมบอกว่าอะไรห่วย ผมบอกได้ ผมมีหลักฐานเพียบ
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 01:35
อย่าให้เวลาของครูหมดไปกับการปลูกผักชีตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา มากกว่าการสอนเด็กจริงจังในชั้นเรียน
Edited by อู๋ ฮานามิ ประธาน กปปส., 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 01:36.
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 01:37
ไม่พัฒนาครู ก็พัฒนาการศึกษาไม่ได้ครับ
สมัยผมเด็กประถม ครูจะไม่สอนเคล็ดวิชาคณิตศาสตร์ในชั้นเรียน
แต่ครูจะมาสอนในชั้นพิเศษที่ครูได้รับค่าจ้างจากผู้ปกครอง
(เผอิญพ่อแม่ผมทำงานดึกทั้งคู่เลยต้องให้ผมเรียนพิเศษในชั้น แทนการหาพี่เลี้ยงเด็ก
ผมได้เคล็ดวิชาเยอะมากจากครูในชั้นเรียนพิเศษ ผิดกับชั้นเรียนปกติเลยครับ)
ครูวิ่งหวยทุกวันที่ 30 และ 15
แถมมีหนี้สหกรณ์ครูเพียบ หนี้ท่วมหัว
ครูต้องทำงานวิจัยการสอนเพื่อเลื่อนขั้น หนักมากจนไม่มีเวลาเตรียมการสอน
เขียนแค่นี้ก็วังเวงแล้วครับ
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 01:41
เรื่องการศึกษา ผมเคยดูอยู่รายการนึงน่ะครับ (เจมี โอลิเวอร์) ดำเนินรายการ ซึ่งค่อนข้างน่าสนใจมาก ๆ
คือ การให้ตัวบุคคลที่เรียน ได้เลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองสนใจ (ซึ่งส่วนใหญ่ มักจะชอบการเรียนการสอนแบบใส่ทฤษฎีและการปฏิบัติลงไปพร้อมกัน)
ซึ่งแน่นอนว่า ของไทย หาแบบนี้ไม่ได้ ยกเว้น การเรียนการสอนของโรงเรียนที่มีระดับค่าเทอมสูง ๆอ่ะครับ และอาจจะเป็นในแค่บางช่วงของอายุของนักเรียน
ซึ่งผมเคยเสนอ Project นี้ต่อคนหาทุน เพื่อลองทำแบบนี้ (เจมี โอลิเวอร์) ทำเลยครับ แต่เค้าไม่อนุมัติ เลยต้องแห้ววววไป !!!
คนที่อยากเลือกตั้ง ก็ไม่ต่างอะไรกับ คนที่ต้องการมี เพศสัมพันธ์ ????? ต่อให้เค้ารู้ว่าเมื่อเลือกไปก็เกิดปัญหา
ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับกับการที่มีเพศสัมพันธ์ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า กำลัง อึ๊-บ ปี๊ กับคนที่เป็นเอดส์
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 01:50
ขอพูดซ้ำอีกครั้งว่า
ประเทศไทย หรือประเทศที่กำลังพัฒนา มีตัวอย่างให้ดูเยอะแยะ ทำไมไม่นำมาประยุกต์
ทำไมเด็กประเทศนั้นมีวินัย ทำไมประเทศนั้นไม่เกเร ทำไมประเทศนั้นเด็กมีความรับผิดชอบ
ก็ไปดูซิ ครูเขาเป็นอย่างไร เรียนอะไรมา เข้ามายังไง โครงสร้างเป็นแบบไหน ประเมินผลอย่างไร ไม่ใช่มานั่งแข่งกันทำวิทยะฐานะทั้งปีทั้งชาติ
อย่างที่ท่านประธานอู๋บอกนั่นแหละเปะเลย ผักชีโรยหน้า คนดีมันก็มี ก็เหมือนตำรวจแหละ มันมีดีแต่น้อย แล้วส่วนใหญ่ดีแตก เพราะสิ่งแวดล้อมมันไม่เป็นใจ
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 02:09
ไม่พัฒนาครู ก็พัฒนาการศึกษาไม่ได้ครับ
สมัยผมเด็กประถม ครูจะไม่สอนเคล็ดวิชาคณิตศาสตร์ในชั้นเรียน
แต่ครูจะมาสอนในชั้นพิเศษที่ครูได้รับค่าจ้างจากผู้ปกครอง
(เผอิญพ่อแม่ผมทำงานดึกทั้งคู่เลยต้องให้ผมเรียนพิเศษในชั้น แทนการหาพี่เลี้ยงเด็ก
ผมได้เคล็ดวิชาเยอะมากจากครูในชั้นเรียนพิเศษ ผิดกับชั้นเรียนปกติเลยครับ)
ครูวิ่งหวยทุกวันที่ 30 และ 15
แถมมีหนี้สหกรณ์ครูเพียบ หนี้ท่วมหัว
ครูต้องทำงานวิจัยการสอนเพื่อเลื่อนขั้น หนักมากจนไม่มีเวลาเตรียมการสอน
เขียนแค่นี้ก็วังเวงแล้วครับ
ขอพูดซ้ำอีกครั้งว่า
ประเทศไทย หรือประเทศที่กำลังพัฒนา มีตัวอย่างให้ดูเยอะแยะ ทำไมไม่นำมาประยุกต์
ทำไมเด็กประเทศนั้นมีวินัย ทำไมประเทศนั้นไม่เกเร ทำไมประเทศนั้นเด็กมีความรับผิดชอบ
ก็ไปดูซิ ครูเขาเป็นอย่างไร เรียนอะไรมา เข้ามายังไง โครงสร้างเป็นแบบไหน ประเมินผลอย่างไร ไม่ใช่มานั่งแข่งกันทำวิทยะฐานะทั้งปีทั้งชาติ
อย่างที่ท่านประธานอู๋บอกนั่นแหละเปะเลย ผักชีโรยหน้า คนดีมันก็มี ก็เหมือนตำรวจแหละ มันมีดีแต่น้อย แล้วส่วนใหญ่ดีแตก เพราะสิ่งแวดล้อมมันไม่เป็นใจ
ผมไม่มีลูก แต่เมื่อคุยกะคนมีลูกแล้วบอกว่า
"สมัยนี้ ใครที่ได้ลูกที่ดี ขยันเรียน ไม่เกเร กตัญญู ก็ถือว่าโชคดีพอๆกับถูกรางวัลที่หนึ่ง"
ไม่มีใครค้านผมเลยสักคน
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 03:12
พ่อแม่หลายคน เอาแต่โทษครู โทษโรงเรียน คิดว่าการเพิ่มผลสัมฤิทธิ์ด้านการเรียนของลูก คือ ส่งลูกไปโรงเรียน รับส่งไปเรียนพิเศษ
จากมุมของคนที่เป็นผู้เรียนมาเกือบทั้งชีวิต
อยากบอกว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้ อยากเรียน ใฝ่รู้ คือ ครอบครัว ค่ะ
ตั้งแต่จำความได้เห็นคุณพ่ออ่านหนังสือตลอด เวลาไปเที่ยวท่านจะคอยตั้งคำถามเรื่องความรู้รอบตัว
ก่อนนอน คุณพ่อจะเล่านิทาน เล่าเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ตอนจบไม่เคยเหมือนกันสักวัน
เพราะท่านบอกว่า จำไม่ได้ อยากรู้ตอนจบต้องไปอ่านในหนังสือเอง
อยู่อนุบาล คุณยายยังให้ช่วยจัดดอกบัวไว้ใส่บาตร วันละ 3 ดอก พอใส่บาตรเสร็จ ท่านจะเอาข้าวสวยที่เหลือ วางไว้บนขอบรั้ว
นกกระจอกจะลงมาจิกกิน คุณยายให้นับว่ามีนกกี่ตัว ตอบถูกบ้าง ผิดบ้าง ก็ขำๆกันไป นับผิดก็ไม่เคยโดนคุณยายดุ
จนโตเราเลยไม่กลัวที่จะเรียนรู้ ถึงผิดก็ให้รู้ว่าผิด แล้วแก้ไข
ครูคนแรก ของลูก คือ พ่อกับแม่ นี่แหละคะ
มี บ้าน เป็น ห้องเรียน
ตั้งแต่แรกเกิด ถึง 3 ขวบ อยู่กับลูกให้มาก และ อย่าให้ลูกดูทีวี
อ้างอิงจากงานวิจัยของ รศ.ดร.สายฤดี วรกิจโภคาทร ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการทางสมองของเด็ก ( พิธีกร รายการ รักลูกให้ถูกทาง
และ เคยได้ คุยกับท่านตั้งแต่ ยังมีตำแหน่งทางวิชาการ เป็น ผศ. )
ท่านบอกว่า การให้เด็กรับชมโทรทัศน์ส่งผลให้ระบบการคิดแบบมีเหตุผลของเด็กขาดหายไป
เด็กจะสมาธิสั้น มีพัฒนาการทางสมองลดลง เป็นผลให้มีระดับไอคิวที่ต่ำ
ซึ่งสอดคล้องกับ ผลการวัดไอคิวเด็กไทยในปัจจุบัน โดยจะเห็นว่า ค่าเฉลี่ยต่ำลงทุกปี
ส่วนเรื่องคุณภาพสถานศึกษา มันก็ขึ้นอยู่กับกรอบการประเมิน
ถ้าการดำเนินงานสอดคล้องกับกรอบ คุณภาพก็เพิ่มขึ้นเอง
ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ การสร้างกรอบ นี่แหละคะ
ซึ่งปัจจุบัน กรอบนี้ มันไม่ตอบโจทย์การพัฒนาศักยภาพทั้งเด็กเล็ก เด็กโต เด็กโข่ง เท่าที่ควร
เฮ้อ..เหนื่อย
ไว้เท่านี้ก่อนนะคะ เพราะถ้าไม่เบรคตัวเอง สงสัยไม่ได้ทำงาน นอนเช้าอีกแล้ววว T^T
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 06:11
อาชีพครูไม่ได้รับการเห็นคุณค่าเหมือนแต่ก่อน
สมัยก่อนคนที่เป็นครูคือหัวกะทิของจังหวัด
สมัยนี้คนที่เป็นครูคือคนที่เอ็นท์ฯเข้าอะไรไม่ติด ไม่รู้จะเรียนอะไรเลยไปเรียนครู
ค่านิยมของไทยตั้งแต่บรรพกาลคือ คนเก่งไม่เรียนหมอ ก็เรียนวิศวะฯ
ทั้งๆที่คนเก่งควรจะเรียนวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์
ปล ผมก็พวกมือถือสากปากถือศีล เพราะผมก็เรียนวิศวะฯมา
สยามจงเจริญ
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 07:28
ก่อนปฏิรุปการศึกษา ผมเสนอปฏิรูปครู เคี่ยวนักศึกษาที่จะเป็นครูให้มากกว่านี้จริงๆมันต้องเรียนเท่าหมอด้วยซ้ำ
และต้องสอบใบวิชาชีพครูก่อนที่จะสมัครเป็นครูได้เท่านั้นเพื่อหาคนที่เหมาะสมจริงๆไปเป็นครู
หมอรักษาคนยังเรียนตั้งนาน ครูก็สร้างคนเหมือนกัน และครูแต่ละคนกว่าจะเกษียนจะมีเด็กที่ผ่านมือครูคนนึงตั้งกี่คน
ถ้าครูห่วย เด็กที่ผ่านมือครูก็ห่วยตาม แล้วประเทศจะเป็นยังไงต่อ แล้วถึงจะค่อยมาดูที่เนื้อหา
Edited by น้องจุบุจุบุ, 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 07:28.
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 07:46
อาชีพครูไม่ได้รับการเห็นคุณค่าเหมือนแต่ก่อน
สมัยก่อนคนที่เป็นครูคือหัวกะทิของจังหวัด
สมัยนี้คนที่เป็นครูคือคนที่เอ็นท์ฯเข้าอะไรไม่ติด ไม่รู้จะเรียนอะไรเลยไปเรียนครู
ค่านิยมของไทยตั้งแต่บรรพกาลคือ คนเก่งไม่เรียนหมอ ก็เรียนวิศวะฯ
ทั้งๆที่คนเก่งควรจะเรียนวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์
ปล ผมก็พวกมือถือสากปากถือศีล เพราะผมก็เรียนวิศวะฯมา
ขณะเรียนตอนเด็กๆมีผมและเพื่อนอีกสองคน แย่งที่ 1-2-3 กัน
ผมได้ที่1 ไม่กี่ครั้ง อีกสองคนเก่งกว่าผม จะแย่งกันได้ที่ 1 มากกว่า
ทั้งสองคนฐานะ ไม่ค่อยดี เลยเรียนทางวิชาชีพครู และรับราชการเป็นครูสอนเด็กประถม แต่เสียดาย
****คนที่ฉลาดที่สุดเป็นผู้ชาย ขยันมาก ประหยัด อดออม แต่ดันเห็นอาชีพครูเป็นอาชีพสำรอง
ใช้เวลาทำอาชีพอื่นมากไปหน่อย ผมไม่ได้ถามข่าวว่าเขาสอนดีไหม
****คนที่ฉลาดรองลงมา เป็นผู้หญิง นิสัยเรียบร้อยดีมาก เขาไปสอนหนังสือที่ต่างจังหวัด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสอนยังไงบ้าง
แต่รู้ข่าวว่าได้สามีไม่ดี ชีวิตครอบครัวลุ่มๆดอนๆ เพื่อนๆสงสารเขาทุกคน
แต่ส่วนมากเท่าที่เห็นมักจะเป็นแบบ ที่คุณเขียน คนที่เรียนเก่งมักจะไม่เรียนมาเป็นครู
คนที่เรียนครูมักเป็นคนที่เรียนไม่เก่งเท่าไหร่
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 09:24
ในฐานะของคนที่อยู่ในแวดวงการศึกษา ผมอยากจะบอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าการพัฒนาครู คือ การพัฒนาสังคม
จะให้มีระบอบที่จะทำให้ครูที่ออกมาต้องเป็นคนเก่ง มันวัดอะไรไม่ได้ การพัฒนาวิทยะฐานะของครูตอนนี้ มันก็แค่เปลือกนอกผิวเผิน
ครูเก่งกาจ ไม่มีค่ามากไปกว่าครูที่ทุ่มเทและมีจิตสำนึกที่ดี เพราะปรัชญาของครูคือ รอบรู้ สอนดี มีคุณธรรม
ถ้าครูเก่ง แต่สอนไม่ดี ถ่ายทอดความรู้ไม่เต็มที่ ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ ขาดความทุ่มเท ขาดจิตอาสา เด็กก็แทบไม่ได้อะไรเช่นกัน
และถ้าเด็กคนนั้น อยู่ในสังคมที่แย่ พ่อแม่แยกทาง มีปัญหาทางบ้าน มีปัญหาทางใจ ก็บั่นทอนการเรียนของเด็กไปมากกว่าครึ่ง
ระบบการศึกษาตอนนี้ไม่ต้องการคนเก่งๆมาเป็นครูครับ ผมกล้ายืนยันได้
แต่ต้องการคนที่มีความเสียสละและพร้อมที่จะแก้ปัญหาของเด็กและปัญหาของระบบไปพร้อมๆกัน
ตอนนี้เรามีคนเก่ง เรามีด้อกเตอร์ คนที่จบสูงๆ ศาสตราจารย์ มาคุมระบบการศึกษาไทย แล้วผลเป็นไง
เอาระบบของต่างชาติมาใช้ เอาทฤษฎีของต่างชาติมาใช้ เอาแนวคิดของใครก็ไม่รู้ มาพยายามปรับใช้กับระบบของไทย
เอาคำว่า วิชา ออกไป เอาคำว่าสาระการเรียนรู้มาใช้แทน (เพื่อ ?)
กำหนดเนื้อหารายวิชาแบบนั้นแบบนี้ กำหนดตารางการเรียนการสอนแบบนั้นแบบนี้
ผลก็คือ การศึกษาของไทยดิ่งลงเหว ทุกรายวิชามีระดับการทดสอบตกต่ำจนน่าตกใจ
แล้วพวกเขาทำอย่างไร แทนที่จะไปดูว่าตัวเองทำอะไรลงไป กลับมาโทษครูผู้สอนว่าไม่ได้เรื่อง โทษโรงเรียนว่าไม่เข้าท่า
เข็นการประเมินครู ประเมินสถานศึกษามาใช้ หวังว่าจะดีขึ้น ผลก็คือ มันก็ดีแค่เปเปอร์ ส่วนเนื้องานแย่ลงกว่าเดิม
เพราะเดิมๆ ครูก็มีเวลาให้เด็กไม่มากอยู่แล้ว ดันเอาอะไรก็ไม่รู้มาให้ครูทำ ครูก็มีเวลาน้อยลงไปอีก
เอาการทดสอบไร้สาระมาใช้ โอเน็ต เอเน็ต โดยใช้ข้อสอบมาตรฐานโดยใครก็ไม่รู้นั่งออกข้อสอบอยู่ในห้องแอร์
แล้วแบบนี้โรงเรียนชายแดน โรงเรียนชนบทที่เขาขาดแคลททุกอย่าง จะไปสู้โรงเรียนในเมืองหลวงได้อย่างไร
และที่สำคัญ ปรับหลักสูตรใหม่ เอาเรื่องของคุณธรรม ศาสนา สถาบัน ไปเป็นเรื่องรอง เรื่องของคุณงามความดี
และพระเจ้าอยู่หัวเอาไปอัดรวมอยู่ในหนังสือเล่มบางๆเล่มเดียว วิชาพุทธศาสนาก็ตัดออกไป โครงการวิถีพุทธต่างๆก็ถูกตัดทอนลง
แล้ววิถีของสังคมในอนาคตมันจะก้าวไปในทางไหน
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 09:31
- เด็กเรียนช้าอยู่กับครอบครัวก่อน กรณี ประเทศไทย เด็กที่มีสภาพครอบครัวห่วยๆ พ่อกินเหล้า แม่เข้าบ่อน เด็กแม่มโง่ทันที เพราะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้อะไรจากครอบครัวทันที่เข้าเรียนตอนอายุ 7 ขวบจะเรียนรู้ได้น้อยมาก เสียเปรียบเด็กที่โตมาในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าแบบคนละขั้ว
- นักเรียนในห้องน้อย จริงๆ เห็นด้วยนะแต่ ปัญหาขาดแคลนครูกับกระจายการศึกษาไม่ทั่วถึงจะตามมาน่ะสิครับ
นอกนั้นเห็นด้วยหมดครับ
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม คือ ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
คุณธรรมที่พร้ำสอน ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา ส่วน ประชาธิปไตยน่ะรึ เอาเข้าจริงๆ สำคัญอันใด??
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 09:31
ตอบ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 10:17
อาชีพครูไม่ได้รับการเห็นคุณค่าเหมือนแต่ก่อน
สมัยก่อนคนที่เป็นครูคือหัวกะทิของจังหวัด
สมัยนี้คนที่เป็นครูคือคนที่เอ็นท์ฯเข้าอะไรไม่ติด ไม่รู้จะเรียนอะไรเลยไปเรียนครู
ค่านิยมของไทยตั้งแต่บรรพกาลคือ คนเก่งไม่เรียนหมอ ก็เรียนวิศวะฯ
ทั้งๆที่คนเก่งควรจะเรียนวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์
ปล ผมก็พวกมือถือสากปากถือศีล เพราะผมก็เรียนวิศวะฯมา
เพราะคำว่า ต้องรวย ต้องหาเงินได้เยอะๆ ที่ถูกกรอกหูกันมา
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน