ภาณุมาศ ทักษณา เสียดาย จาตุรนต์ ฉายแสง
- วันจันทร์ 8 มิถุนายน 2552 12:59
น่าเสียดาย อนาคต “จาตุรนต์ ฉายแสง”
ภาณุมาศ ทักษณา
ผม ไม่รู้จักคุณจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยเป็นการส่วนตัว แต่ในฐานะคนที่หากินกับข่าวมาตลอดชีวิต ติดตามการทำงานของนักการเมืองมาไม่ได้ขาด
โดยเฉพาะนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ “แจ้งเกิด” ใน ๒ ทศวรรษนี้ ผม ยอมรับว่า คุณจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่น่าจะเป็น “ความหวัง” ของสังคมไทยได้ไม่น้อยหน้านักการเมืองรุ่นใหม่ที่แจ้งเกิดในเวลาไล่เรียงกัน
ย้อน ไปปี ๒๕๔๒ ช่วงที่คุณจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ ผมเคยหวังอยู่ลึก ๆ ว่า วันใดที่ ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายทหารยศพลเอกที่ลาออกจากราชการมาตั้งพรรคการเมือง และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคความหวังใหม่คนแรกรามือไปแล้ว
คุณ จาตุรนต์ ฉายแสง น่าจะก้าวขึ้นมาเป็น หัวหน้าพรรคที่มีความสดใส พอฟัดพอเหวี่ยงกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ขณะนั้นเป็นเพียงรองหัวหน้าพรรค รอคิวเป็น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
ประสบการณ์ ทางการเมืองของทั้งสองคนก็ไม่ต่างกันนัก แม้ คุณจาตุรนต์ จะลงสนามในนามพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่การเติบในทางการเมืองก็ไม่อ่อนด้อยว่ากัน
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จบเศรษฐศาสตร์ จากอังกฤษ คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ก็จบเศรษฐศาสตร์จากอเมริกา
หาก คุณจาตุรนต์ ฉายแสง จะเป็นรอง คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่บ้างก็ตรง “ความหล่อ” แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญของทั้งสองคน เพราะต่างก็มีภรรยาแล้วทั้งคู่ – ฮา
นิตยสารเอเชียวีค (Asia Week) เคยจัดให้ คุณจาตุรนต์ ฉายแสง เป็น ๑ ใน ๒๐ ผู้นำชาติในเอเซีย ที่มีบทบาทในศตวรรษที่ ๒๐ เมื่อปี ๒๕๔๒
แต่ในปี ๒๕๔๐ นิตยสารไทม์ ก็เคยจัดให้คุณอภิสิทธื เวชชาชีวะ เป็น ๑ ใน ๖ นักการเมืองที่เป็นความหวังของเอเซียมาแล้วเหมือนกัน
คุณ จาตุรนต์ ฉายแสง มาเสียจังหวะก้าวทางการเมืองอย่างน่าเสียดายอย่างยิ่ง เมื่อ ชวลิต ยงใจยุทธ ยอมศิโรราบต่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายตำรวจยศพันตำรวจโทและอดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยการยอมควบรวมพรรคความหวังใหม่ไปเป็นส่วนหนึ่งของพรรคไทยรักไทย
ทำให้โอกาสที่จะเป็น “หมายเลข ๑”บทถนนการเมืองของคุณจาตุรนต์ ฉายแสง “วูบลง” อย่างน่าเสียดาย
ปี ๒๕๔๔ คุณจาตุรนต์ ฉายแสง มีตำแหน่งเป็น รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอยู่ในตำแหน่งนั้น จนพรรคไทยรักไทยใกล้สูญพันธุ์จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้รักษาการหัวหน้าพรรค ที่แทบไม่มีความหมายในทางการเมืองแม้แต่นิดเดียว
แล้ว ในที่สุด คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ก็เป็น ๑ ใน ๑๑๑ คนที่ต้องหลุดจากวงจรการเมืองไปพร้อมกับเพื่อน ๆ ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูก “จำกัดสิทธิ” ทางการเมือง
ภาพ และเสียงของคุณจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่ถึงกับเงียบหายไปเสียทีเดียว นาน ๆ ครั้งจึงปรากฎเป็นข่าวประเภทเฮโลสาระพา เช่น ไปเรียนภาษาจีนเพิ่มเติมบ้าง ออกเทปเพลงบ้าง และซุ่มเขียนหนังสือแล้วจัดพิมพ์ออกขายบ้าง เสมือนหนึ่งไม่ต้องการให้ชาวบ้านลืมชื่อไปเสียเลย
ผม มองว่าการดำรงตนของคุณจาตุรนต์ ฉายแสง ในลักษณ์นี้น่ารักดี สำหรับนักการเมืองที่ยังมีอนาคตอีกคนหนึ่งพึงกระทำ และควรจะทำในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง แม้ห้วงเวลาที่ถูกจำกัดสิทธิ์ทางการเมือง จะดูเหมือนว่ายังเหลือเวลาอีกนานเหลือเกิน สำหรับคนเคย และขยันทำงานบ้างก็ตาม แต่ก็ควรอดทนอดกลั่น รอคอย
ผมจึงรู้เสียดายครับ เสียดายที่ คุณจาตุรนต์ ฉายแสง “ตบะแตก” หลังจากที่ได้รับเชิญให้ไปปรากฎตัวในต่อหน้าสมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดงในงานแสดง สินค้า “ร่วมมือประสานใจ นำเอสเอ็มอี-โอท๊อปไทย ข้ามพ้นวิกฤติ ครั้งที่ ๑” ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา
คุณ จาตุรนต์ ฉายแสง ได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกถาเรื่อง “ธุรกิจเอสเอ็มอี-โอท๊อป ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย” ซึ่งคุณจาตุรนต์ น่าจะฉวยจังหวะนั้น แสดงวิสัยทัศน์ของนักเศรษฐศาสตร์ระดับปริญญาเอก ให้กลุ่มคนเสื้อแดงได้รับฟัง ว่าควรพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสอย่างไร เฉกเช่นนักการเมืองคนอื่น อาทิ คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หรือ คุณโอฬาร ไชยประวัติพึงกระทำในหลาย ๆ ครั้ง
แต่ คุณจาตุรนต์ กลับใช้เวทีดังกล่าว ระบาบอารมณ์แค้น ด้วย“โจมตีรัฐบาล” ด้วยเรื่องที่อาจทำให้คุณจาตุรนต์ต้อง “เสียแต้ม” ด้วยการย้อนไปสู่เหตุการณ์ในเดือนเมษายน ๒๕๕๒ ที่ “คนไทยหลายคนกำลังจะลืม” โดยคุณจาตุรนต์กล่าวว่า
“การ ที่นายอภิสิทธิ์บอกว่า ผู้นำต่างประเทศและนักลงทุนไม่กล้ามาประชุมในประเทศไทย เพราะกลัวการชุมนุมของคนเสื้อแดง ถือเป็นคำพูดที่บิดเบือน เนื่องจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นการชุมนุมกินเลี้ยงสังสรรค์ หรือการประชุมวิชาการเท่านั้น ไม่มีการใช้ความรุนแรงทั้งสิ้น
เหตุการณ์ จลาจลที่พัทยาจนเป็นเหตุให้การประชุมอาเซียนล้มเลิกนั้น เป็นการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล ที่ต้องการให้การประชุมล้มเลิก เพื่อมาใช้เป็นข้อกล่าวหาคนเสื้อแดง ทั้ง ๆ ที่ในความจริง นักการฑูตของประเทศต่าง ๆ พูดกันว่า
เหตุ ที่ผู้นำประเทศของเขาไม่มาร่วมประชุมที่ประเทศไทยอีก ไม่ใช่ประเด็นกลัวความไม่ปลอดภัย แต่เป็นเพราะไม่พอใจที่นายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ที่หนีเอาตัวรอดตามลำพัง และไม่ได้จัดกำลังทหารตำรวจมารักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำประเทศเขาต่างหาก”
คุณจาตุรนต์ ครับ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนที่มีวุฒิภาวะทางการเมืองค่อนข้างสูงอย่างคุณ จะ “กล้าพูด”ในสิ่งที่ “สวนกับความเป็นจริง” อย่างชัดถ้อยชัดคำออกมาอย่างนั้น
จริง อยู่ คุณกำลังพูดต่อหน้า “กลุ่มคนเสื้อแดง” ที่คุณอาจจะต้องการ “พูดเอาใจ” เพื่อให้ได้รับเสียงปรบมือด้วยความสะใจหรือ “สาแก่ใจ” แต่คุณไม่คิดบ้างหรือครับว่า
คุณกำลังพูดอยู่ในใจกลางเมืองหลวงของประเทศ ในท่ามกลางเครื่องมือสื่อสารที่ล้ำยุค
คุณ ไม่ได้พูดในหุบห้วยกลางป่าในฐานะ “สหายสุภาพ” ที่รายล้อมด้วย “สหายชาย-หญิง” ที่อยู่ไกลปืนเที่ยง และไม่สามารถรับรู้เหตุการณ์ใน “เขตเมือง” ได้จากเครื่องมือสื่อสารใด ๆ
คุณจาตุรนต์พูดได้อย่างไรว่า “การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นการกินเลี้ยงสังสรรค์ หรือประชุมทางวิชาการ ไม่มีการใช้ความรุนแรงทั้งสิ้น”
คุณ จาตุรนต์พูดได้อย่างไรว่า “เหตุการณ์จลาจลที่พัทยาจนกาประชุมอาเซียนล้มเลิก เป็นการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล ที่ต้องการให้การประชุมล้มเลิกเพื่อมากล่าวหาคนเสื้อแดง”
คุณ จาตุรนต์พูดได้อย่างไรว่า” ผู้นำต่างชาติไม่ประชุมเพราะไม่ได้กลัวความไม่ปลอดภัย แต่ไม่พอใจที่นายกฯและรัฐมนตรีหนีเอาตัวรอด และไม่จัดกำลังทหารตำรวจไว้ดูแล”
คุณ จาตุรนต์ครับ ผมนั้นใช่ว่าจะกระดี๊กระด๊ากับการทำงานของรัฐบาลผสมที่มีพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำ และมีคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี สักเท่าไหร่หรอกนะครับ
หลาย เรื่องที่รัฐบาลชุดนี้ทำไม่ดี ผมก็ “ด่า” ทั้งด้วยเหตุผล และบางครั้งด้วยอารมณ์ เมื่อเห็นว่าบางเรื่อง รัฐบาลทำเหมือน “แกล้งโง่” (ทั้งที่โง่จริง ๆ – ฮา) มาแล้ว
แต่เมื่อเห็นคำปาฐกถาของคุณในหนังสือพิมพ์วันนี้แล้ว ผมขอตำหนิคุณจาตุรนต์ ฉายแสง ว่า
“คุณนั่นแหละ กำลังบิดเบือนข่าว” อย่างไร้ยางอายที่สุด
คุณพูดได้อย่างไรว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงเป็นการชุมนุมเพื่อกินเลี้ยงประชุมทางวิชาการ ไม่มีเหตุรุนแรง
ก่อน เกิดเหตุการณ์จลาจลที่เมืองพัทยานั้น คนไทยส่วนหนึ่งนั่งเฝ้าหน้าจอ รอชมการถ่ายทอดสดการประชุมอาเซียนผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง ๑๑ อย่างใจจดใจจ่อ เพราะเป็นการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ เพราะไทยเป็นเจ้าภาพ ทุกคนลุ้นระทึก อยากเห็นการประชุมประสบความสำเร็จ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีเสียงสั่งการให้ล้มการประชุมครั้งนี้ให้ได้ – คุณก็น่าจะรู้น่ะ
ทั้ง ๆ ที่คนสั่งการรู้ดีว่า ผลการประชุมครั้งนี้ ของแต่ละคณะนั้น ประเทศไทยจะได้รับผลประโยชน์อย่างเอกอุ
แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นคือ คนไทยกลุ่มหนึ่งมีพฤติการณ์เยี่ยง “กองโจรเสื้อแดง” แห่แหน และโห่ร้องกึกก้องไปตลอดทางขึ้นไปสู่โรงแรมที่ประชุม ด้วย ข้ออ้างว่าจะขอยื่นข้อเรียกร้องต่อผู้ร่วมประชุมฯ ซึ่งก็ได้รับอนุญาตให้ส่งตัวแทนเข้าไปยืนหนังสือได้ หลังจากนั้นแทนที่ทุกอย่างจะยุติอย่างสงบ
กลุ่ม คนเสื้อแดงได้อาศัยช่วงจังหวะ อันเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่เต็มไปด้วยความประหวั่น พรั่นพรึงของแขกเหรือและผู้นำชาวต่างชาติที่กำลังจะประชุม กรูกันเข้าไปยึดโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่จัดงานด้วยการประกาศผ่านการถ่ายทอดสด ทันที
คุณจาตุรนต์ครับ ผู้นำกลุ่มเสื้อแดงวันนั้นเป็นใครครับ เป็นคนของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างนั้นหรือ ?
เปล่าเลย ผู้นำกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนั้นคือคนสำคัญของพรรคไทยรักไทย และเป็นคนที่ “ทักษิณสั่งได้”ไม่ใช่หรือ
หลัง กลุ่มคนเสื้อแดงยึดโรงแรมได้แล้ว คุณไปมุดหัวอยู่ที่ไหนหรือ จึงไม่เห็นภาพข่าวทางโทรทัศน์ฉายวนเวียนจนน่ารำคาญให้เห็นว่าคณะรัฐบาลไทย ไปยืนส่งอาคันตุกะจากนานาชาติ สู่ยานพาหนะเพื่อพาเขาเหล่านั้นไปสู่สถานที่ปลอดภัยที่สุด ก่อนที่จะทิ้งความอัปยศไว้ที่โรงแรมแห่งนั้น
คุณ จาตุรนต์ครับ ผมเสียดายจริง ๆ ที่คุณเปลี่ยนไปเหมือนไม่ใช่จานุรนต์คนเดิม คุณกลายเป็นคนขาดเหตุขาดผล จนดูไม่ต่างไปจากสมาชิกคนเสื้อแดงบางคนที่ “คนไร้การศึกษา” อย่างไรอย่างนั้น
หาก คุณยังมีเป้าหมายในทางการเมืองอยู่ละก้อ ยุติบทบาทตัวเองไว้เพียงเท่านี้ก่อน แล้วเดินทางไปเรียนต่อที่ไหนก็ได้ รอเวลาเมื่อฟ้าเปิดแล้วกลับมาใหม่นะครับ
ผมเชื่อว่า คุณยังมีศักยภาพพอที่จะเป็น ผู้นำประเทศไทย หากคุณยังมีหิริโอตตัปปะมากกว่าคนอื่น ๆ ในพวกเดียวกัน
ความเห็น
ปู๋นา wrote on 1 สิงหาคม, 2009, 14:21กาย แปลว่าแสงฉายออกมา ถ้ากระจายไปทั่วเรียกว่าปกาย=ประกายครับ กายคน คือ ฉายแสงออกมาจากร่างคน จิตของคนใดขุ่นมัว ทำให้กายของคนนั้น หมองหม่นมองดูน่าเกลียด ขณะจิตของคนใดแจ่มใส ทำให้กายของคนนั้น ผ่องใสมองดูน่ารัก คุณทักษณา มองดูคุณจาตุรนต์ ขณะนี้ เห็นประกายของคนหมองหม่นน่าเกลียด แต่ขณะอื่นเห็นประกายของคนผ่องใสน่าชื่นชม คุณจาตุรนต์ยืนพูดท่ามกลางพี่น้องร่วมอุดมการณ์ เห็นกายของคนน่าสงสาร มองเหตุการณ์พัทยา ถูกกระทำให้น่าสงสารมากขึ้น เมื่อเห็นเสื้อสีขาบทาบมาด้านหลัง ตั้งอาวุธน่ากลัว หรือคุณทักษณาเห็นเป็นธรรมดา ๆ ครับ
สิทธิ1เสียง wrote on 12 กันยายน, 2009, 12:33ทุก คนก็มีหน้าที่ของแต่ละคน และทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และทำให้ถูกต้อง แต่ก็ไม่รู้ว่าชีวิตของทุกคนนี้จะทำสิ่งที่ถูกต้องหรือว่าดีได้ทุกเรื่อง หรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าทำอะไรที่ดูหน้าเกลียดมากจนเกินไปทำให้ดูแล้วพอดีบางก็ได้ (ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชมคุณจตุรนต์ครับ)
คนไท wrote on 12 เมษายน, 2010, 10:09ถ้า จำได้ ก่อนวันศาลตัดสินยุบไทยรักไทย ท่านผู้นี้แหละที่พูดออกทีวีได้ยินทั่วประเทศว่าจะยอมรับคำตัดสิน ฟังแล้วท่านเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ แต่พอถูกยุบเข้าจริง ท่านเดียวกันนี้แหละที่ออกอาการมากที่สุด ทุรนทุรายมากที่สุด ตรงกับที่โบราณว่าไว้ว่า ดูคนให้ดูที่พฤติกรรม ผมเคยชื่นชมท่านเพราะท่านเคยเป็นนักต่อสู้ยุค14ตุลา แต่วันนี้ผมถือว่าท่านไม่มีราคาอะไร เป็นเพียงมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวคนนึง และทำอะไรได้ทุกอย่าง
http://www.chaopraya...กษณา-เสียดาย-จ/
สำหรับผม คนนี้หมดอนาคตแล้ว... มันชั่วเกินกว่าจะยอมรับได้อีกต่อไป
1. ใช้งบประมาณของกระทรวงศึกษามากที่สุด รู้สึกว่าเป็นงบประมาณที่จัดมาสำหรับกระทรวงนี้เป็นอันดับสองเลยที่เดียว
แล้วเอาเที่ยวโฆษณาว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการศึกษาไทยอย่างมาก
2. แต่ผลงานที่ออกมา ปรากฏว่าการศึกษาไทยตกต่ำอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เด็กออกจากโรงเรียนก่อนจบมากมาย,
เด็กติดยาเพิ่มขึ้นแทบจะเห็นได้โดนทั่วไป, เด็กจบมาแล้วด้อยคุณภาพอย่างชัดเจน
3. การใช้งบประมาณและผลงานที่ออกมา สรุปได้เลยว่ามรึงจัดงบประมาณเพื่อโกงกินกันเท่านั้นเอง ไม่ได้เอามาพัฒนาอะไรหรอก
4. คนนี้มันเลวขนาดรับงานทักษิณเพื่อทำลายการศึกษาไทยเลยล่ะครับ ให้คนไทยอ่อนแอลงเพื่อจะได้ปกครองง่าย
(ดูพวกมันคิดกัน)
5. จะเห็นว่ายุคทักษิณมีอำนาจบุคคลผู้นี้จะคุมกระทรวงศึกษาตลอด ปรับโครงสร้างมากมาย เช่น ตัดวิชาศิลธรรม, เปลี่ยนวิชา
ประวัติศาสตร์, ป้อนวัตถุนิยม, ยุบทบวงมหาวิทยาลัย, ทำให้มหาวิทยาลัยเป็นธุรกิจมากขึ้นทำให้อาจารย์แทนที่จะมีเวลาสอน
หนังสือต้องทำหน้าที่หาเงินเข้ามหาวิทยาลัยด้วย.... แล้วมรึงเอางบประมาณไปทำอะไรกัน?
6. คนที่รับหน้าที่ทำลายชาติอย่างช้าๆ มันโหด***มขนาดไหน?.... ใครบอกได้บ้างอ่ะ?