หนึ่งในความเคลื่อนไหวสำคัญรอบโลกที่ร้อนฉ่าที่สุดและถูกกล่าวถึงมากที่สุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้น ข่าวความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจอย่างรัสเซียและสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการบรรลุข้อตกลงด้านพลังงานในการที่รัฐบาลแดนมังกรสั่งซื้อ “ก๊าซธรรมชาติ” มูลค่ามหาศาลจากแดนหมีขาว
ในความเป็นจริงแล้ว ข้อตกลงประวัติศาสตร์ที่มีการลงนามในวันพุธที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถือเป็นข้อตกลงที่ถูกริเริ่มผลักดันโดยรัฐบาลปักกิ่งและมอสโกมานานนับสิบปีแล้ว แต่ด้วยอุปสรรคทางการเมืองและสถานการณ์โลกในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนปัญหาในเรื่องของการ “ต่อรองราคา” ทำให้ข้อตกลงครั้งนี้เพิ่งกลายเป็นรูปธรรมเมื่อช่วงกลางสัปดาห์
ตามข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีขนาดของเศรษฐกิจ “ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” และยังเป็นชาติที่มีการ “บริโภคพลังงาน” มากเป็นลำดับต้นๆของโลก ตกลงสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียในวงเงินมหาศาล 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยราว “12.95 ล้านล้านบาท” โดยที่ข้อตกลงดังกล่าวนี้ ครอบคลุมการส่งมอบก๊าซธรรมชาติจากแดนหมีขาว สู่แดนมังกรนานถึง 30 ปีเต็ม
รายงานระบุว่า ข้อตกลงประวัติศาสตร์ระหว่างมอสโกและปักกิ่ง เปรียบประดุจ “การประกาศชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่” ทั้งทางการเมืองและทางการทูตของรัสเซียและชายที่ชื่อ “วลาดิมีร์ ปูติน” ต่อสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตก ที่กำลังเดินหน้าผลักดันการคว่ำบาตรรัสเซีย จากผลพวงของวิกฤตทางการเมืองในยูเครน
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อตกลงซื้อขายก๊าซธรรมชาติมูลค่ามหาศาลถึง 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นคราวนี้ ยังเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าความพยายามของรัฐบาลอเมริกันภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามาในการ “โดดเดี่ยวรัสเซีย” นั้น มีอันต้องล้มคว่ำอย่างไม่เป็นท่า และไม่ต่างจากการที่วอชิงตัน ถูก “ตบหน้า” แบบฉาดใหญ่
ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลรัสเซียและจีนระบุว่า กาซพรอม (Gazprom) รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของรัสเซีย ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติ “รายใหญ่ที่สุดของโลก” ในเวลานี้ จะทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้กับทางไชน่า เนชันแนล ปิโตรเลียม (CNPC) ที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลจีนในปริมาณ 38,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานถึง 30 ปี
การบรรลุข้อตกลงขายก๊าซธรรมชาติมูลค่ามหาศาลให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีนหนนี้ จึงถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นแบบ “ถูกที่ถูกเวลา” พอดีสำหรับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่กำลังถูกชาติตะวันตก ภายใต้การนำของสหรัฐฯโดดเดี่ยวจากกรณีวิกฤตในยูเครน
นักวิเคราะห์ระบุว่า ในความเป็นจริงแล้วปูตินซึ่งได้พบปะเจรจากับสี จิ้นผิง ผู้นำจีนในวันอังคาร (20 พ.ค.) ที่ผ่านมา มีเป้าหมายในการขยายตลาดก๊าซธรรมชาติใหม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และแน่นอนว่า หนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ที่ปูตินหมายตามองไว้ก็คือ จีน ที่กำลังหิวกระหายพลังงาน สำหรับรองรับเศรษฐกิจของตัวเองที่กำลังเติบโต และใกล้แซงหน้าสหรัฐฯในอีกไม่กี่ปีจากนี้
ในอีกมุมหนึ่ง นอกจากรัสเซียจะได้ลูกค้ารายใหญ่ไว้ในกำมือสมกับความตั้งใจ และยังได้ประกาศศักดาเย้ยสหรัฐฯและโลกตะวันตกได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว ทางจีนก็ดูจะได้ประโยชน์ที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ข้อตกลงที่เกิดขึ้นส่งผลให้จีนสามารถเข้าถึงหลักประกันด้านพลังงานจำนวนมหาศาล ที่จะใช้ในการรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม นอกจากนั้น การทำข้อตกลงซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียยังถือเป็นการ “ตอบโจทย์” ของรัฐบาลแดนมังกรที่มีนโยบาย ลดการพึ่งพาทรัพยากรประเภท “ถ่านหิน” ลงอย่างสำคัญในอนาคตด้วยเช่นกัน
ดังนั้น คงไม่เป็นการเกินเลยนักหากจะกล่าวว่า วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียคือผู้กุมชัยชนะในการเดินหมากทางการเมืองเกมนี้เหนือสหรัฐฯและโลกตะวันตก ที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการโดดเดี่ยวมอสโก และถือเป็น “ชัยชนะครั้งสองติดต่อกัน”ของปูติน ต่อจากการที่เขาประสบความสำเร็จในการผนวกดินแดน “สาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย” มาจากยูเครน โดยไม่สูญเสียชีวิตทหารรัสเซียแม้แต่นายเดียว
ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างบารัค โอบามา ได้แต่ยืนมองตาปริบๆจาก “ทำเนียบขาว”