สุทธิชัย หยุ่น : ทำไมต้องให้ครูถือไม้เรียว นักเรียนจึงยอมทำการบ้าน? http://www.oknation.net/blog/black/2014/05/28/entry-1 … pic.twitter.com/MlrmFXKZph
ผมไม่รู้จะอธิบายให้เพื่อนต่างชาติฟังอย่างไรจึงจะไม่เสียความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทยที่ยืนยันนั่งยันมาตลอดว่าเชื่อมั่นและปฏิบัติตนและพร้อมจะต่อสู้เพื่อสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตย
เป็นคำถามง่าย ๆ ที่ตอบยาก
เขาถามว่าทำไมเมื่อสัปดาห์ก่อน บางฝ่ายในความขัดแย้งทางการเมืองยังต่อว่าต่อขานพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกอย่างสาดเสียเทเสีย ไม่ยอมรับอำนาจบ้าง สมรู้ร่วมคิดบ้าง เตรียมจะเกษียณแล้วไม่ทำอะไรบ้าง
แต่ผ่านมาไม่กี่วัน พลเอกประยุทธ์คนเดียวกันเชิญให้ทุกฝ่ายในความขัดแย้งมาพบกันที่หอประชุมกองทัพบก ทุกคนมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ยิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับผู้บัญชาการทหารบกเอาไว้เลย
ผมบอกว่านั่นมันเป็นภาพก่อนและหลังการประกาศกฎอัยการศึก อะไร ๆ จึงเปลี่ยนไป
เพื่อนต่างชาติย้อนถามผมว่า “ถ้าอย่างนั้นแปลว่าพวกนักการเมืองไทยนี่ต้องให้ทหารใช้กฎอัยการศึกก่อนแล้วจึงจะยอมพูดคุยกันหาทางออกให้ประเทศหรือ?”
ผมได้แต่ยิ้ม บอกว่านี่คือประเทศไทย
เขาไม่ยิ้ม หน้าตาเคร่งเครียดกว่าเดิม
“ถ้านักการเมืองไทยอ้างว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เชื่อในระบอบประชาธิปไตยก็ควรจะต้องใช้กลไกการเจรจา การยอมถอยคนละก้าว การเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อหาทางออก โดยที่ไม่ต้องให้ทหารออกมากำกับการแสดง มันเสียภาพลักษณ์ของความเป็นประชาธิปไตยหมด...”
ผมแจ้งเขาว่าความจริงคณะกรรมการเลือกตั้งหรือ กกต. ก็เคยเสนอเป็นคนกลางจัดให้ฝ่ายต่าง ๆ มาพบกันเพื่อหาทางออก
แต่คู่กรณีไม่ยอม อ้างว่าลำเอียงบ้าง สมคบคิดบ้าง
และท่านรักษาการประธานวุฒิสภาก็พยายามจะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดให้ทุกฝ่ายมาเจอกัน แต่ก็ไม่มีการสนองตอบทางด้านบวกมากนัก
เพื่อนต่างชาติของผมบอกว่าถ้านักการเมืองไทยไม่ใช้กลไกระบอบการปกครองประชาธิปไตย จะอ้างว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยได้อย่างไร?
ปากก็ต่อต้านไม่ให้ทหารเข้ามาแทรกแซงการเมือง, แต่นักการเมืองก็ทำเสียเละจนต้องใช้บริการทหารซึ่งเป็นประเพณีที่ขัดกับความเป็นประชาธิปไตยยิ่งนัก
ผมไม่รู้จะเถียงเขาอย่างไร ได้แต่อ้างข้าง ๆ คู ๆ ไปว่าการเมืองไทยเรายังเรียนรู้จะเป็นผู้ใหญ่อยู่ จึงมีการออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้มีการปฏิรูปไงเล่า
เพื่อนบอกว่าน่าอายมากที่มีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯประกาศว่าประเทศไทยจะต้องเลือกตั้งวันที่ 3 สิงหาคมนี้ เขาจึงจะยอมรับว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย
คนข้างนอกมาสั่งให้ไทยเป็นประชาธิปไตยเพียงกำหนดวันเลือกตั้งให้อย่างนั้นหรือ?
ผมได้แต่ส่งยิ้มสยาม เปรยไปว่า “เขาคงหวังดีต่อไทยมั้ง? แต่จะประสงค์ร้ายหรือเปล่าไม่แน่ใจ”
ลึก ๆ แล้วผมบอกตัวเองว่าเพราะไทยเราเองทำบ้านเมืองเละเทะถึงขนาดนี้ โรคแทรกซ้อนก็สามารถเข้ามาได้ทั้งภายในและภายนอก
เพื่อนคนนี้ชวนผมสนทนาต่อว่ามีแง่มุมน่าขบขันสำหรับการเมืองไทยอีกเรื่องหนึ่ง
“ทำไมนักการเมืองต้องให้กฎอัยการศึกมาบอกว่ามีการบ้านให้ทำ 5 ข้อ? นักการเมืองไทยคิดเองไม่เป็นหรือว่า
๑. จะเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับได้เมื่อไหร่?
๒. ปฏิรูปกับเลือกตั้งจะทำกันอย่างไร?
๓. จะมีรัฐบาลเฉพาะกาลได้หรือไม่อย่างไร?
๔. จะสร้างบรรยากาศให้นำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างไร?
๕. ทั้งสองฝ่ายสลายการชุมนุมพร้อมกันได้หรือไม่?
ถ้านักการเมืองไทยยังต้องให้มีครูถือไม้เรียวมาสั่งให้ทำการบ้านที่ควรจะทำเองได้ ประชาธิปไตยประเทศไทยก็ยังเป็นเพียงวาทกรรมลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น
บทความดี ๆ หลังจากเห็นการกระทำของ บก.ลายจุด