http://www.thaipost....ws/280514/90917
นับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ออกประกาศประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 1/2557 เรื่อง การควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. และต่อมาวันที่ 24 พ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้า คสช.บริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.เป็นต้นไปนั้น
เรียกว่า ณ ขณะปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ คสช.มีอำนาจเต็มทั้งในพฤตินัยและนิตินัยอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่ง คสช.เองก็มีการแบ่งสรรอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบกันอย่างถ้วนทั่วตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 22/2557 เสมือนเป็นการแบ่งความรับผิดชอบและหน้าที่เหมือนการมีคณะรัฐมนตรี 35 คนกลายๆ เพียงแต่เป็นการรวมยอดกลุ่มงานให้ขึ้นตรงกับ คสช. โดยมีทั้งสิ้น 8 กลุ่ม แต่ที่น่าสนใจคือ การแบ่งงานในฝ่ายต่างๆ ซึ่งเรียกว่าได้ครอบคลุมทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมอย่างมาก อาทิ ฝ่ายความมั่นคง ที่มี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ในฐานะรองหัวหน้า คสช.เป็นหัวหน้า ฝ่ายสังคมจิตวิทยา มี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. รองหัวหน้า คสช.เป็นหัวหน้า ฝ่ายเศรษฐกิจ มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. รองหัวหน้า คสช.เป็นหัวหน้า ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้า และฝ่ายกิจการพิเศษ มี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ปฏิบัติหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้า คสช.เป็นหัวหน้า
โดยนับตั้งแต่แบ่งงานและความรับผิดชอบตามคำสั่งลงวันที่ 23 พ.ค.เป็นต้นมา ดูเหมือนแต่ละฝ่ายก็มีการดำเนินการตามสมควร แต่ที่ออกดอกออกผลให้เห็นเป็นเนื้อเป็นหนังมากที่สุด คงไม่มีฝ่ายใดเกินหน้าฝ่ายเศรษฐกิจที่มี พล.อ.อ.ประจินดูแลเป็นแน่แท้ เพราะใช้เวลาไม่ถึง 4 วันนับตั้งแต่วันมีหน้าที่รับผิดชอบ ก็สามารถจ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าวของอดีตรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ค้างจ่ายมากกว่า 6 เดือนให้ชาวนาได้
แม้ คสช.ยังไม่สามารถจ่ายเงินที่ค้างกว่า 9 หมื่นล้านบาทให้กับเกษตรกรนับแสนๆ รายได้หมดในขณะนี้ก็ตามที แต่ก็มีกำหนดเวลาในการจ่าย โดยมีคำยืนยันจากปากของ พล.อ.อ.ประจิน ที่บอกว่าจะจ่ายหนี้ที่ค้างแก่ชาวนาซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของประเทศให้หมดภายใน 20 วัน เรียกว่าเป็นการทำงานแบบกระชับฉับไวตามสไตล์ทหารอย่างแท้จริง ที่สำคัญยังเป็นการลบภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของคำว่ารัฐประหารด้วย
ดูได้จากป้ายผ้าตามจังหวัดต่างๆ หรือแม้แต่ปฏิกิริยาของชาวนาที่มีต่อทหารหาญ โดยเฉพาะคำให้สัมภาษณ์จากหัวใจเกษตรกรที่บอกอย่างไม่ปกปิดว่า เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดในรอบหลายเดือน ทำให้สามารถยิ้มได้ หลังจากที่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินมานับแรมปี กลับมีแต่หนี้ที่พอกพูนขึ้นทั้งที่ขายข้าวไปแล้ว แต่ครานี้ชาวนากลับสามารถจับต้องเงินของตัวเองได้ซักที
จึงไม่น่าแปลกที่ในการประชุม คสช.ครั้งล่าสุด ที่ พล.อ.ประยุทธ์ประชุมร่วมกับ คสช. ได้ยกตัวอย่างการทำงานของฝ่ายเศรษฐกิจว่าเป็นการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดและตรงเป้าที่สุด โดยกำชับให้ทุกฝ่ายพยายามเร่งดำเนินการทำตาม ล่าสุดเราจึงได้เห็นฝ่ายสังคมจิตวิทยาที่มี พล.ร.อ.ณรงค์กุมบังเหียนได้เริ่มขยับ โดยเรียกกระทรวงและหน่วยงานในข่ายความรับผิดชอบเข้าหารือกว่า 3 ชั่วโมง แม้ยังไม่มีดอกผลออกมาทันตาเหมือนฝ่ายเศรษฐกิจ แต่ก็เรียกได้ว่าทุกองคาพยพของ คสช.มิได้นิ่งนอนใจในการบริหารประเทศ มีการทำงานเพื่อบริหารประเทศ เพื่อลบคำครหารัฐประหารเพื่ออำนาจเพียงถ่ายเดียวของฝ่ายตรงข้าม
ต้องยอมรับว่า ปัญหาในโครงการรับจำนำข้าวเป็นประเด็นค้างคามานาน จึงทำให้ คสช.พุ่งเป้าไปแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว เพื่อคลายทุกข์ให้แก่เกษตรกร รวมทั้งยังเป็นการซื้อใจชาวนาได้อย่างดีด้วย แต่ คสช.ต้องไม่ลืมว่านอกจากการคลายปัญหาให้ชาวนาแล้ว ก็ควรมีการตรวจสอบและไต่สวนความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโครงการ โดยเฉพาะการหาคนรับผิดชอบ รวมทั้งเงินงบประมาณและข้าวที่สูญหายไปจากโครงการที่ต้องมีผู้ชดใช้
เพราะรายงานล่าสุดของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธานต่อจาก น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ที่ปัจจุบันเป็น ป.ป.ช. ก็ได้ตอกย้ำว่าโครงการจำนำข้าวกว่า 2 ปี มีการขาดทุนแล้วกว่า 5 แสนล้านบาท รวมทั้งมีข้าวสารหายไปจากสต็อกอีกว่า 2.8 ล้านตัน โดยตัวเลขการขาดทุนดังกล่าวมีผู้ทำอินโฟกราฟิกบรรยายไว้อย่างน่าสนใจว่า ตัวเลขเงินแผ่นดินที่เสียหายไป 5.95 แสนล้านบาทนั้น สามารถนำมาสร้างรถไฟความเร็วสูง หรือแม้แต่รถไฟฟ้าสายต่างๆ รวมถึงการลงทุนอื่นได้อีกเป็นพะเรอเกวียน
เรียกว่าเป็นการสูญเสียและเสียหายแบบจงใจอย่างชัดแจ้ง งานนี้จึงน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่มี พล.อ.ไพบูลย์เป็นหัวหน้า จะต่อยอดในเรื่องดังกล่าวนอกเหนือจากการช่วยเหลือชาวนาอย่างไร ในเมื่อมีการให้คุณแล้วก็ต้องมีการให้โทษเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างด้วย ที่สำคัญ คสช.เองก็มีข้อมูลอยู่ในมือแบบเรียกว่าลึกและตรงเป้าอยู่แล้ว ดูได้จากการเรียกบุคคลต่างๆ เข้ารายงานตัว งานนี้จึงน่าสนใจว่า คสช.จะกล้าและจริงใจในการบริหารประเทศเพียงใด หรือจะทำเพียงการซื้อใจสร้างภาพประเดี๋ยวประด๋าวด้วยการจ่ายเงินชาวนา แต่กลับปล่อยปัญหาเรื่องการทุจริตและคอร์รัปชันให้หมักหมมฝังรากลึกในประเทศไทยต่อไป.
วัดใจ คสช.ปราบโกง โดยบทบรรณาธิการไทยโพสต์
โดย Kongkiet Rodpai, 28 พฤษภาคม 2557 16:28
2 ความเห็นในกระทู้นี้
#2
ตอบ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 16:29
รอคอยดูคนโกงถูกนำตัวมาลงโทษครับ
#3
ตอบ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 16:53
การโกงมีทั้งนักการเมืองระดับชาติ และท้องถิ่น ครับ และผมชอบอย่างหนึ่งคือ เรียก ดำรง พิเดช เข้าไปคุยเรื่องจัดการพวกรุกที่ ถางป่า ตัดไม้ พวกนี้ต้องจัดการให้หนัก
- Kongkiet Rodpai likes this
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน