2 replies to this topic

[คนไทยคนหนึ่ง]

Paisal Puechmongkol

28 พฤษภาคม

พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เคยมีพระบรมราชวินิจฉัยว่าไม่มีชาติใดจะมั่งคั่งได้เพราะทำการเกษตรแบบดั้งเดิม สยบามจึงไม่สามารถอยู่ได้เพราะเกษตรกรรมดั้งเดิม 
และสยามก็ไม่มีพื้นฐานทางอุตสาหกรรมแบบยุโรป ไม่มีโนว์เฮา ไม่มีทุน ไม่มีเทคโนโลยี ไม่มีตลาด สยามจึงไม่มีทางทำอุตสาหกรรมของตัวเองได้
ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยว่าแนวทางที่เหมาะแก่สยามคือการพัฒนาประเทศเป็นแบบเกษตรอุตสาหกรรม นั่นคืออุตสาหกรรมการเกษตร 
ตลอดรัชกาลทรงนำพาประเทศเดอินหนทางสายนี้ทำให้สยามมั่งคั่งมากที่สุดในภูมิภาค แต่ธงชัยผืนนี้ถูกเลิกล้มไปหลังสิ้นรัชกาล แล้วมาเปลี่ยนเป็นเดินหนทางอุตสาหกกรรมถึงทุกวันนี้
ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะอัญเชิญธงชัยของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ กลับมาอีกครั้ง พัฒนาภาคเกษตรให้เป็นแบบอุตสาหกรรม พัฒนาการแปรรูปผลิตผลการเกษตรเพื่อส่งไปขายทั่วโลกแทนที่จะส่งเพียงวัตถุดิบซึ่งได้ราคาน้อยกว่ามาก
.....................................................

 

ที่มา : https://www.facebook...cation=timeline

 

 

 

Edited by คนไทยคนหนึ่ง, 30 May 2014 - 08:01.

[คนไทยคนหนึ่ง]

นอกจากข้าวไทยในตลาดโลก ที่ถูกระบอบทักษิณทำลายไปเรียบร้อยแล้ว

อุสาหกรรมรับจ้างผลิตของไทย กำลังเป็นเหยื่อรายต่อไปของระบอบบทักษิณ จากนโยบายค่าแรง300บาท

การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันที จาก ร้อยกว่าบาท(แต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน) เป็น300บาทเท่ากันทั้งประเทศ

ทำให้อุตสาหกรรมประเภทนี้ต้องย้ายฐานการผลิต ไปประเทศข้างเคียง ยิ่งเปิด AECด้วยแล้วภาษีนำเข้า

เป็น0 ในอาเซียน ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาจ่ายค่าแรงแพงๆในไทย

 

การส่งออกของประเทศที่พึ่งอุตสาหกรรมประเภทนี้ จะต้องเปลี่ยนไปพึ่งด้านอื่นแล้ว

จริงๆแล้วอุตสาหกรรมประเภทนี้มีประโยชน์กับประเทศไทยแค่ ทำให้ประชาชนมีงานทำเพิ่มขึ้น

เพราะรายได้ส่วนใหญ่ของอุตสาหกรรมประเภทนี้  ส่งกลับไปบริษัทแม่ในต่างประเทศ ซ้ำร้าย

 

อุตสาหกรรมบางอย่างที่ต่างประเทศมาตั้งในประเทศไทย เพราะมีการปล่อยมลพิษออกมา

จึงย้ายอุตสาหกรรมประเภทนี้ออกจากประเทศตัวเองไปตั้งในต่างประเทศ และการบังคับใช้กฎหมาย

ของไทยก็ย่อหย่อน สามารถปล่อยมลพิษออกมาจากโรงงานได้โดยไม่ต้องกำจัดก่อน ทำให้ต้นทุนการผลิต

ยิ่งต่ำลงไปอีก เพียงแค่ยัดเงินใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็จบแล้ว  

Edited by คนไทยคนหนึ่ง, 30 May 2014 - 08:18.

[คนไทยคนหนึ่ง]

ประเทศไทยเลือกพัฒนาเดินตามต่างประเทศ โดยไม่ได้ดูพื้นฐานของประเทศมาเป็นเวลานาน

ทำให้การพ้ฒนาประเทศไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร

แล้ว พื้นฐานของประเทศไทยคิออะไรละ คำตอบคือการเกาตร 

แค่ส่งผลผลิตทางการเกษตรไปขายยังตลาดดลก ไม่ทำให้ประเทศร่ำรวยขื้นมาได้

อุตสาหกรรมแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรก็ยังไม่พอ เพราะมูลค่าเพิ่มไม่สูงเท่าไร

มันต้องเป็นอุตสากรรมต่อเนื่องจากผลิตผลทางการเกษตรครับ 

 

อุสาหกรรมต่อเนื่องจากผลิตผลทางการเกษตร ที่ต้องใช้วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี่ขั้นสูง

มาใช้ในการผลิต ถึงจะมีมูลค่าเพื่มของผลิตภัฒฑ์สูง ถึงจะทำให้ประเทศร่ำรวยขึ้นมาได้

 

ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมลิโอเคมีคอล ซึ่งเป้นอุสาหกรรมต่อเนื่องจากน้ำมันปาล์มของมาเลย์

เป็นอุสาหกรรมที่นำกรดไขมันที่แยกได้จากน้ำมันปาล์มไปใช้ในอุสาหกรรมหลายชนิด เช่นในอุสาหกรรมเครื่องสำอาง

แต่เราก็ไม่จำเป็นที่จะเดินตามมาเลย์ แค่ยกตัวอย่างให้พอมองเห็นภาพกันเท่านั้น

 

ดูจากการที่คสช.ตั้ง อ. ยงยุทธ์ ยุทธวงศ์ มาเป็นที่ปรึกษาคสช. แสดงว่า คสช. ก็มองเห็นถึงจุดนี้แล้ว 

แล้ว อ. ยงยุทธ์ ยุทธวงศ์ เป็นใคร หลายตนมี่ไม่ได้อยู่ในแวดวงวิทยาศสตร์คงยังไม่รู้จัก

ศ.ดร. อ. ยงยุทธ์ ยุทธวงศ์ เคยเป็นผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ศูนย์ ไบโอเทค)

และผู้อำนวยการคนแรกของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช)

 

วิทยาสตร์ด้านไบโอเทค มีความสำคัญต่อการนำวิทยาสตร์และเทคโนโลยี่ชั้นสูงมาพ้ฒนา

อุตสาหกรรมต่อเนื่องจากผลิตผลทางการเกษตรเป็นอย่างมากครับ

 

แผนผังด้านบนเป็นการนำ ไบโอเทคไปใช้ในด้านต่างๆ

 

หวังว่า อ. ยงยุทธจะมาช่วยวางแนวทางพัฒนาประเทศด้วยวิทยาสตร์และเทคโนโลยี่

ให้ประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยนะครับ

Edited by คนไทยคนหนึ่ง, 30 May 2014 - 09:11.