รองโฆษกนายกฯ ท้า"อภิสิทธิ์"ลาออกส.ส.หากพรก.โอนหนี้-กู้เงิน 2ฉบับไม่ขัดรธน.
จากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความพ.ร.ก.โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ 1.14 ล้านล้านบาท ให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และ พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท รวมถึงมีการท้าทายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบหากพ.ร.ก.ขัดรัฐธรรมนูญนั้น
เมื่อวันที่ 31 มกราคม นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนขอท้า ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลาออกจากการเป็นส.ส. ซึ่งจะทำให้นายอภิสิทธิ์พ้นจากการเป็นผู้นำฝ่ายค้าน หากว่า สุดท้ายแล้วพ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับ ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ตนไม่ท้าให้นายอภิสิทธิ์ลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะรู้ว่าหากลาออกไปนายอภิสิทธิ์ก็กลับมาอีกอยู่ดี
http://www.matichon....catid==
ว่าแต่ว่าหล่อหลักลอยกล้าป่าวววจ๊ะอิอิ
คุณนพนครพิงค์
ครับลองอ่านอันนี้บ้างสมองต้องรับหลายด้าน ขออนุญาตคุณเปลวสีเงินนำมาลงครับ
"รวมปัญหา" ใกล้เวลาสัประยุทธ์31 มกราคม 2555 - 00:00
ฝรั่งเจอหน้ากันก็ทัก "วันนี้อากาศดีนะ" คนไทยเจอหน้ากันทัก "ปีนี้น้ำคงท่วมอีกนะ" นับแต่นี้ไป ผมขอให้เปลี่ยนโปรแกรมความเข้าใจเพื่อการรับรู้ใหม่ว่า "โลกจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว" วันนี้...บ้านเรา แค่ลุปลายมกราฟ้าก็มืดฝน ตื่นขึ้นมาแทนที่จะพบแสงอรุณ กลับพบแต่ฟ้าหม่นเหมือนคนเศร้า ประเทศไทยยุคบริษัททักษิณเข้าครอง ไม่เพียง ๖ เดือนปรับ ครม.ที เท่านั้น แต่ทำท่า ๖ เดือน "เอาอยู่" ที อีกด้วย!
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เรื่อง "น้ำท่วม-ไม่ท่วม" จะกลับมาหลอนคนไทย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑลให้ต้อง "ประสาทกิน" อีกครั้ง ทั้งๆ ที่เชื้อรายังไม่หมดจากซอกเล็บเท้า และระบบประสาทยังไม่คืนดีจาก "มวลน้ำก้อนใหญ่" ที่เพิ่งไปหมาดๆ ตอนตุลา-พฤศจิกา
หันหน้าไปมองหน้ารัฐบาล...ไหนล่ะ ยังยืนยันตามที่ "รัฐมนโทโกร่ง" ฟุ้งน้ำลายฟอดมุมปาก เมื่อ ๘ พ.ย.๕๔ อยู่มั้ยว่า "จากนี้ไปชั่วกัลปาวสานจะไม่เกิดเหตุการณ์อุทกภัยเช่นนี้ขึ้นอีกในประเทศ ไทย"?
ออก พ.ร.ก.เอาเงินไปแล้ว ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เอาไปสร้างอนาคตประเทศไทยใหม่ เอาไปแก้ปัญหาน้ำท่วม ฉะนั้น ที่หวั่นๆ กันว่า น้ำจะมาท่วมอีกในปีนี้ และก่อเค้ากำลังมานั้น ด้วยยี่ห้อ "โกร่งแอนด์ปูแดง" เป็นประกัน
"เอาอยู่และไม่ท่วม" แน่นะ!?
ผมก็อยากพิสูจน์เหมือนกัน ด้วยกระดาษ ๓ แผ่น เอาเงินไป ๓.๕ แสนล้าน ว่ามันป้องกันน้ำท่วมได้จริง แต่ก่อน...มันนานเป็นสิบ-ยี่สิบปี กว่าจะพิสูจน์แต่ละโครงการที่นักการเมืองเอาเงินงบประมาณไปทำว่าได้ผลจริง หรือแค่หลอกกินงบ แต่วันนี้-เดี๋ยวนี้
ทุกอย่างมัน "ติดจรวด"!
ใครคิดจะโกหก-หลอกลวง หวังกินเงิน-กินงบ แล้วถลกก้นหนี กว่าจะรู้ว่าถูกหลอกก็ล้มหายตายจากไปทางไหนหมดแล้วเหมือนตะก่อนนั้น ยุคนี้มันยากแล้ว
ดูกันชัดๆ วันนี้ ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์โน่น-นี่ขึ้นมา แล้วตั้งนายโกร่งเป็นรัฐมนโท ออกแบบสร้างอนาคตใหม่ประเทศไทย ยังไม่มีโครงการ ไม่มีพิมพ์เขียว ยังไม่ตกลงเป็นชิ้น-เป็นอันว่าจะทำอะไรกัน
ฟันงบไปแล้ว ๓.๕ แสนล้าน!
๒๖ ม.ค.๕๕ พ.ร.ก.เกี่ยวกับการเงิน ๔ ฉบับของรัฐบาล ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ๑ ใน ๔ คือ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงคลังกู้เงิน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.๒๕๕๕
และจาก ๒๖ มกรา เรื่อยมาเช่นกัน "ฟ้าปลายหนาว" ประเทศไทย ก็เปลี่ยนสภาพเป็น "ฟ้าต้นฝน" ของคนปลายหนาว เงินอนุมัติเป็นรูปธรรมแล้ว
แต่แผนและโครงการป้องกันน้ำท่วม ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม นอกจากข่าวเป็นระยะว่า บรรดากูรูน้ำในคณะ กยน.ต่างคน-ต่างสร้าง "ฟลัดเวย์" เคว้งคว้างอยู่ในอากาศ!
ท่ามกลางข่าว คนนั้นลาออก-คนนี้ลาออก ข่าวน้ำจากเขื่อนก็มาเป็นกระทอกแรกว่า ทั้งเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ น้ำปริ่มกว่า ๘๐% แล้ว ต้องเร่งระบายทั้งวัน-ทั้งคืน เพราะแนวโน้มสูงว่า ฝนจะมาไม่แพ้ปีที่แล้ว ถ้าไม่ระบายแต่ต้น น้ำจะล้นเขื่อน
แล้วที่ว่า "กัลปาวสาน"
มันคือ "ตลกหน้าดำ" ชั่วกัลปาวสานรึไง?!
แล้วฟ้าก็ตั้งท้องฝนทุกวัน...ทุกวันเรื่อยมา จนกระทั่งวันนี้ ชาวบ้านหนาวครับ ไม่ใช่หนาวอากาศ แต่หนาว "รัฐบาลนางสาวปู" คำว่า เอาอยู่..เอาอยู่..ที่คับอื้อคารูหูครั้งนั้นยังไม่ทันหาย ก็ตั้งท่าจะอื้อมารอบใหม่อีกแล้ว
เกจิน้ำฟันธงพยากรณ์ว่า กลางปีถึงปลายปี จะมีพายุเข้ามา ๒๐-๓๐ ลูก!?
และทั้งเกจิน้ำและเกจินู้ด เพราะต้องหยักรั้งหนีน้ำ สรุปตรงกันว่า...ปี ๒๕๕๕ มองไม่เห็นทางว่าน้ำจะไม่ท่วมประเทศอีก!!!
มั้ยล่ะ...ที่ผมว่า ถึงยุค "กรรมติดจรวด" โม้น้ำลายฟองฟอดได้แค่ ๒ เดือน รับประกันน้ำจะไม่ท่วมกัลปาวสาน เงินก็อนุมัติกันไปแล้ว ถึงวันนี้ "งานพิสูจน์" สิ่งที่พูดแล้ว โดยไม่ต้องรอนานเป็น ๑๐-๒๐ ปีเหมือนอดีต
น้ำตั้งท่าจะมาท่วมอีกแล้ว!
ที่เป็นรัฐบาล "ลิงปอกกล้วย" กำลังจะกลายเป็น "รัฐบาลตกต้นกล้วย" ที่หวังฉกฉวยสถานการณ์ "อ้างเอางบ" ว่าจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมได้นั้น
น้ำกำลังมาเคลมคำคุย!
๑ กุมภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ บรรจุ พ.ร.ก.ทั้ง ๔ ฉบับเข้าระเบียบวาระ เพื่อให้สมาชิกสภาได้พิจารณาเห็นชอบตามพิธีกรรม เพื่อผ่านเป็น พ.ร.บ. "ด้วยเสียงข้างมาก" เบ็ดเสร็จสมบูรณ์อยู่รอมร่อ
แต่ ๓๐ ม.ค.๕๕ คือวานนี้ ขณะอ้อยจิ่มปากช้าง ๑๒๘ ส.ส.ประชาธิปัตย์ก็เข้าชื่อ ยื่นคำร้องต่อประธานสภา คือนายสมศักดิ์นั่นแหละ ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.ก.การเงิน ๒ ฉบับ
คือ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงคลังกู้เงิน ๓.๕ แสนล้าน และ พ.ร.ก.โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ไปให้แบงก์ชาติ ๑.๑๔ ล้านล้านบาท ว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๘๔
-พ.ร.ก.กู้ ๓.๕ แสนล้านนั้น เป็นการดำเนินการที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน และรัฐบาลไม่มีแผนในการใช้เงิน ไม่สมเหตุสมผล ทั้งในเรื่องกรอบวินัยการคลังและระดับหนี้สาธารณะ เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ของประเทศ ขณะเดียวกัน สามารถใช้เงินในระบบงบประมาณปกติได้
-ส่วน พ.ร.ก.โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ให้แบงก์ชาติ ๑.๑๔ ล้านล้านบาท ไม่ใช่ความจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ตามที่มาตรา ๑๘๔ กำหนดจนต้องรีบออกเป็น พ.ร.ก. เพราะหนี้ก้อนนี้อยู่เย็นเป็นสุขกับกองทุนฟื้นฟูฯ มาแล้วเป็นสิบปี ควรให้สภาพิจารณาออกเป็น พ.ร.บ.อย่างรอบคอบ การทำเช่นนี้ แทนที่จะเป็นผลดี กลับมีผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจด้วยซ้ำ
และรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๘๕ ระบุว่า....
"ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภาจะได้อนุมัติพระราชกำหนดใดตามมาตรา ๑๘๔ วรรคสาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวน สมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิ์เข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกว่า พระราชกำหนดนั้นไม่เป็นไปตามมาตรา ๑๘๔ วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง และ ให้ประธานแห่งสภานั้นส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญภายในสามวัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นเพื่อวินิจฉัย......."
นั่นคือนายสมศักดิ์จะดองเรื่องไม่ได้ จากเมื่อวานถึงวันที่ ๑ ก.พ. เป็นกำหนด ๓ วัน ต้องส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย และในมาตรา ๑๘๕ นั้น ในวรรคสองยังระบุว่า....
"เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาได้รับความเห็นของสมาชิกสภาผู้ แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้รอการพิจารณาพระราชกำหนดนั้นไว้จนกว่าจะได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐ ธรรมนูญ ตามวรรคหนึ่ง"
ครับ...ก็หมายความว่า พ.ร.ก. ๒ ฉบับนั้นต้อง "รอก่อน" ส่วนอีก ๒ ฉบับ คือ พ.ร.ก.กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ และ พ.ร.ก.กำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจาก อุทกภัย นำเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้ตามวาระ
ไม่เพียง ๑๒๘ ส.ส.เท่านั้นที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.ก. ๒ ฉบับ ทาง ส.ว.ก็จะเข้าชื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความด้วยเช่นกัน
เอาละ...ในส่วนความเห็นผมนะครับ ประเด็นแรก ก็ขอบคุณที่ประชาธิปัตย์ "ทำหน้าที่" อันควรทำอีกครั้ง ทั้งในและนอกสภาตามวิถีทางประชาธิปไตย และตามครรลองแห่งความเป็นที่ควรจะเป็น ไม่ทิ้งให้ประชาชน "แบกประเทศ" กันฝ่ายเดียวตลอดกาล
นอกจากเดินบทบาทตามหน้าที่ในสภาแล้ว ก็ใช้ช่องทางศาลอีกทางรักษาประเทศชาติ-บ้านเมือง ทั้งเรื่อง "มติ ครม." เอาเงิน ๒ ล้านไปปูนบำเหน็จโจร ทั้งเรื่องแก้มาตรา ๑๑๒ รวมทั้งเรื่อง พ.ร.ก. ๔ ฉบับ
บ้านเมืองนี้ ก็เห็นทีจะไม่วังเวงเกินไปนัก!
ประเด็นที่สอง พ.ร.ก. ๒ ฉบับที่ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น ความเห็นผม พ.ร.ก.กู้ ๓.๕ แสนล้าน เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำนั้น ทำใจ-ด้วยเข้าใจต่อการทำงานของรัฐบาลเขาเถอะ ปัญหาน้ำท่วมมันรอไม่ได้ ฉันใด งานมันก็รอเงินไม่ได้ ฉันนั้น ทางที่ควรต้องทำคือ
ให้เขาไป แล้วเอาจริง-เอาจัง ตรวจสอบเนื้องานกับเนื้อเงินที่รัฐบาล โดย กยน.เขาทำดีกว่า ตรวจสอบ และควดให้ติดว่าเอาไปทำโครงการอะไร สักแต่ว่าทำไปปีๆ หรือว่าทำโครงการจริงจังถาวร
ส่วน พ.ร.ก.โอนหนี้ ๑.๑๔ ล้านล้านนั้น ผมเห็นด้วยที่ควรส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน ไม่มีคุณสมบัติเข้ากรอบที่จะออกเป็น พ.ร.ก.ได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๘๔ เลย!
เผลอๆ เป็น พ.ร.ก.ที่สร้างฟองอากาศในเส้นเลือดเศรษฐกิจ ลองพวกขาใหญ่อย่าง "แบงก์พาณิชย์" ทนฟางเส้นสุดท้ายไม่ได้ คนที่ตายก่อน คือ ชาวบ้านตาย...
เพราะขาใหญ่จะหันมาสูบเลือดชาวบ้านไป "เติมเลือดกำไร" พวกเขา ทดแทนที่ถูก "แบงก์ชาติ" สูบเอาไปเป็นเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟูฯ...เพิ่มจากเดิม
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์