Jump to content


Photo
- - - - -

บทเรียนจากซิมบับเว ฝีืมือประธานาธิบดีมูกาเบ่ อ่านแล้วใครคิดถึงประเทศไทยของเราบ้าง ?


This topic is in the process of being archived.
4 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 19:52

บทเรียนจากซิมบับเว ฝีืมือประธานาธิบดีมูกาเบ่ อ่านแล้วใครคิดถึงประเทศไทยของเราบ้าง ?



Posted Image

เศรษฐศาสตร์พเนจร : ดร.วิรไท สันติประภพ กรุงเทพธุรกิจ วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ผมได้ยินชื่อประธานาธิบดี Robert Mugabe ครั้งแรกเมื่อเริ่มทำงานที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศสิบสี่ปีที่แล้ว เพราะถูกมอบหมายให้รับผิดชอบประเทศซิมบับเว ตลอดสิบสี่ปีที่ผ่านมา ผมติดตามข่าวคราวของซิมบับเวมาโดยต่อเนื่อง และได้แต่หวังว่าจะมีใครโค่นประธานาธิบดี Mugabe ลงจากอำนาจได้เสียที

ซิมบับเว อาจจะไม่เป็นที่คุ้นเคยของคนไทย เพราะอยู่ไกลถึงตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ซิมบับเวเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ประธานาธิบดี MUGABE ต่อสู้กับอังกฤษจนได้รับเอกราชในปี 1980 ซิมบับเวเคยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของทวีปแอฟริกา และเคยเป็นผู้ผลิตยาสูบรายใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ซิมบับเวมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากหลายแห่ง ที่โด่งดังที่สุดคงจะเป็นน้ำตก Victoria Falls ที่แม่น้ำแซมเบซีทั้งสายตกลงในเหวเป็นน้ำตกยาวกว่า 2 กิโลเมตร ซิมบับเวมีเมืองหลวงชื่อฮาราเรตั้งอยู่บนเขา อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีบ้านเรือนแบบอาณานิคม ผมจำได้ว่าเดินจากโรงแรมไปทำงานที่ธนาคารชาติได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องกลัวอะไร ซิมบับเวเป็นประเทศพิเศษสำหรับผม เพราะซิมบับเวเป็นประเทศแรกที่ผมเริ่มอาชีพนักเศรษฐศาสตร์ และความน่ารักของคนซิมบับเว ได้เปลี่ยนทัศนคติที่ผมเคยมีต่อคนผิวดำโดยสิ้นเชิง

ผมจำได้ว่าเมื่อสิบสี่ปีที่แล้ว อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างซิมบับเวดอลลาร์กับ us ดอลลาร์ อยู่ที่ประมาณ 8:1 วันนี้อัตราแลกเปลี่ยนในตลาดมืดอยู่ที่ 250,000 : 1 ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของทางการสูงถึงร้อยละ 100,000 ต่อปี อัตราการว่างงานมากกว่าร้อยละ 80 ชีวิตความเป็นอยู่ของ ประชาชนลำบากมาก น้ำมันและอาหารขาดแคลนอย่างหนัก ระบบน้ำประปา ไฟฟ้า สาธารณูปโภคหยุดมากกว่าทำงาน ประชาชนเกือบร้อยละ 20 ติดเชื้อ HIV และประชาชนกว่าร้อยละ 10 อพยพไปทำงานต่างประเทศ ในจำนวนคนที่อพยพออกนั้น เป็นหมอและพยาบาลกว่าครึ่งหนึ่งของหมอ และพยาบาลที่ซิมบับเว เคยมี ระบบสาธารณสุขในซิมบับเวจึงล่มสลายโดยปริยาย เห็นสถิติเหล่านี้แล้วอาจจะเข้าใจ ผิดว่า ซิมบับเวเพิ่งผ่านสงคราม แต่ตลอดสิบสี่ปีที่ผ่านมา ซิมบับเวไม่ได้รบกับใคร และไม่มีสงครามกลางเมือง แต่การล่มสลายของระบบเศรษฐกิจ และสังคมซิมบับเว เกิดจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของประธานาธิบดี Mugabe

นโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาดของประธานาธิบดี Mugabe เริ่มส่อเค้ามาตั้งแต่เมื่อสิบสี่ปีที่แล้ว ก่อนที่จะผิดพลาดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงสี่ถึงห้าปีหลัง เมื่อสิบสี่ปีที่แล้วซิมบับเวมีปัญหาการขาดดุลงบประมาณ จากนโยบายประชานิยม โดยเฉพาะการอุดหนุนสินค้าเกษตร การขาดดุลงบประมาณบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ จนธนาคารกลางต้องพิมพ์เงินมาให้รัฐบาลใช้ เริ่มเกิดปัญหาเงินเฟ้อและค่าเงินซิมบับเวดอลลาร์ตกลง สภาวะความเป็นอยู่ของประชาชนเริ่มลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ แต่แทนที่ประธานาธิบดี Mugabe จะแก้ที่ต้นเหตุ กลับซื้อเวลาพิมพ์เงินมาสนับสนุนนโยบายประชานิยมมากขึ้น จนเศรษฐกิจมหภาคตกลงในเหวลึก ยากที่จะแก้ไขได้ เพราะรัฐบาลและธนาคารกลางขาดความเชื่อถือจากประชาคมเศรษฐกิจทั้งในและนอก ประเทศโดยสิ้นเชิง ผมจำได้ว่าเมื่อประมาณห้าปีที่แล้วได้พบกับผู้ว่าการธนาคารชาติซิมบับเวที่ กรุงเทพฯ โดยบังเอิญ ท่านมากรุงเทพฯ เพราะต้องการสร้างระบบการค้าต่างตอบแทน (barter trade) กับประเทศไทย เนื่องจากในเวลานั้นซิมบับเวเริ่มขาดแคลนเงินสำรองระหว่างประเทศสำหรับนำ เข้าสินค้าแล้ว

นอกจากการพิมพ์เงินมาให้รัฐบาลจับจ่ายใช้สอยเพื่อทั้งส่วนรวมส่วนตนแล้ว นโยบายประชานิยม ที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจของซิมบับเว แตกหักลง คือนโยบายปฏิรูปที่ดิน แต่ดั้งเดิมระบบการเกษตรของซิมบับเว เป็นระบบฟาร์มขนาดใหญ่ที่เกษตรกรผิวขาวเป็นเจ้าของและมีคนท้องถิ่นผิวดำกว่า หนึ่งล้านคนเป็นลูกจ้าง ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี Mugabe จะยกเอาเรื่องการปฏิรูปที่ดินมาเป็นนโยบายหลักหาเสียงกับคนท้องถิ่นผิวดำ ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจมหภาคตกต่ำลงเท่าใด พรรครัฐบาลยิ่งยกนโยบายปฏิรูปที่ดินแรงขึ้น ขายฝันว่าคนท้องถิ่นผิวดำจะได้มีที่ดินทำกินของตนเอง

จนในที่สุดรัฐบาลได้ออกนโยบายยึดฟาร์มจากคนผิวขาวและนำมาแบ่งให้คนท้องถิ่น ผิวดำอย่างถูกกฎหมาย ผลที่เกิดขึ้นคือระบบเศรษฐกิจและระบบการเกษตรของซิมบับเวพังลงโดยทันที คนท้องถิ่นผิวดำขาดทุน และความรู้ที่จะบริหารจัดการฟาร์ มขนาดใหญ่ ซิมบับเวได้เปลี่ยนสถานะของตน จากอู่ข้าวอู่น้ำของทวีปแอฟริกา มาเป็นประเทศที่ขาดแคลนอาหาร ฟาร์มของคนผิวขาวที่เหลืออยู่หยุดลงทุนและหยุดผลิต เพราะไม่แน่ใจว่าจะถูกรัฐบาลยึดเมื่อไร คนผิวดำกว่าหนึ่งล้านคนที่เคยเป็นแรงงานในฟาร์มต้องตกงาน ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ทั้งหมดเป็นเพราะประธานาธิบดี Mugabe บริหารประเทศโดยเอาการเมือง และผลประโยชน์ของพวกพ้องนำเรื่องเศรษฐกิจ คิดแต่ผลการเมืองระยะสั้น มากกว่าผลระยะยาว ปล่อยให้นโยบายที่มีผลประโยชน์สำหรับการหาเสียง ทำลายโครงสร้างการผลิต และความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

หลายท่านคงสงสัยว่าทำไมระบบเศรษฐกิจซิมบับเวล่มสลายแล้ว แต่ประธานาธิบดี Mugabe ซึ่งมีอายุถึง 84 ปี ยังคงอยู่ในอำนาจได้นานถึง 28 ปี ที่ผ่านมาประธานาธิบดี Mugabe สร้างฐานเสียงจากความแตกต่างด้านรายได้ ของประชาชนกลุ่มต่างๆ ด้วยนโยบายประชานิยม และใช้นโยบายปกครองโดยสร้างความแตกแยกให้แก่สังคม ประชาชนกลุ่มใดที่เป็นพวกของรัฐบาลจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ แต่ถ้าประชาชนกลุ่มใดไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล จะกลายเป็นพลเมืองชั้นสองทันที ไม่ได้เพียงถูกตัดสิทธิประโยชน์ต่างๆ เท่านั้น แต่จะถูกรังแกด้วยอำนาจรัฐอย่างทารุณ นับได้ว่าประธานาธิบดี Mugabe ไม่ได้ใช้เพียงแค่นโยบายการเมืองนำเศรษฐกิจ แต่ยังใช้นโยบายอันธพาลนำการเมืองอีกด้วย

การเลือกตั้งในซิมบับเวเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา เริ่มจะทำให้ซิมบับเวเห็นแสงสว่างริบหรี่ที่ปลายอุโมงค์ ในที่สุดความล่มสลายของระบบเศรษฐกิจและสังคมซิมบับเวได้ทำให้ประชาชนส่วน ใหญ่ไม่ยอมรับประธานาธิบดี Mugabe อีกต่อไป ขณะนี้ผลการเลือกตั้งแสดงว่าฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้ง ทั้งตำแหน่งประธานาธิบดีและที่นั่งในรัฐสภา แต่เป็นเพียงผลการเลือกตั้งเบื้องต้นเท่านั้น เพราะคณะกรรมการเลือกตั้งที่เป็นพวกของประธานาธิบดี Mugabe ยังไม่ยอมประกาศรับรองผลแม้ว่าจะผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ถ้ารอบนี้ประธานาธิบดี Mugabe ถูกโค่นลงสำเร็จ รัฐบาลใหม่จากฝ่ายค้านจะต้องเหนื่อยมากกับการบริหารประเทศ เพราะต้องสร้างระบบเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่จากก้นเหว ลดความแตกแยกในสังคม และต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นฐานของกลุ่มอำนาจเก่า

ท่านผู้อ่านเห็นเรื่องประธานาธิบดี Mugabe แห่งซิมบับเวแล้ว คงคิดว่ายากที่จะเกิดขึ้นได้ในประเทศไทย ผมเห็นด้วยอย่างเต็มที่ครับ แต่ลึกๆ แล้วเราประมาทไม่ได้ เพราะเมื่อสิบสี่ปีที่แล้วผมก็นึกไม่ถึงว่า ซิมบับเวจะเปลี่ยนสถานะตัวเองจากอู่ข้าวอู่น้ำของทวีปแอฟริกา มาเป็นระบบเศรษฐกิจที่ล่มสลายโดยสิ้นเชิง เพราะการปกครองที่สร้างความแตกแยกในสังคม การหาประโยชน์ให้พวกพ้องของรัฐบาล การใช้นโยบายประชานิยม เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นหลัก และการปล่อยให้ปัญหาการกระจายรายได้รุนแรงขึ้นโดยไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาเหล่านี้ถ้าปล่อยไว้ ไม่แก้ที่ต้นเหตุมีแต่ยิ่งบานปลาย เพราะถ้ารัฐบาลจวนตัวเมื่อไรมักจะตกกระไดพลอยกระโจน ใช้นโยบายการเมืองนำเศรษฐกิจ และถ้าจวนตัวมากขึ้น ก็อาจจะใช้นโยบายอันธพาลนำการเมือง มุ่งแก้แต่ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบระยะยาว



http://www.nidambe11...2008may14p2.htm
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#2 Ricebeanoil

Ricebeanoil

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,320 posts

ตอบ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 20:47

รอ e-ปู กระชากราคาต่อไป ซักพักพวกเราคงเป็นมหาเศรษฐี
เพราะเอาเงิน 1 แสนล้านไปซื้อไข่ 3 ฟอง
เถียงกับความจริง เถียงให้ตายก็ไม่มีทางชนะ

#3 David_GinoLa

David_GinoLa

    สมาชิกระดับไพร่

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,561 posts

ตอบ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 20:53

รอ e-ปู กระชากราคาต่อไป ซักพักพวกเราคงเป็นมหาเศรษฐี
เพราะเอาเงิน 1 แสนล้านไปซื้อไข่ 3 ฟอง


:lol: :lol: :lol:
"การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ การเมืองคือภาระของทุกผู้การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้ การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม"เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

#4 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 03:48

ซิมบับเวซวย ไปหลงเชื่อผู้นำเลวอย่างมูกาบี้
ประเทศไทยซวย มีควายหลงเชื่อผู้นำเลวอย่างทักขี้
แต่...มูกาบี้ก็ไม่เคยให้ทุนสนับสนุนพวกของตนฉีกหน้าประเทศชาติ เผาบ้านเผาเมืองตัวเอง และล้มสถาบัน

ทรราชย์ทุกคนทั้งที่ตายแล้วและยังไม่ตายจับเอามามัดรวมกัน ยังชั่วไม่ได้ครึ่งของทักษิณ ชินวัตร
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#5 redfrog53

redfrog53

    เกิดที่รัสเซีย มาโตที่ สรท.

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 25,221 posts

ตอบ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 04:38

ทำไม เผาไทย ไม่เอาผู้รู้ลึกล้ำพหูสุตร์ อย่าง รต.ดร. นิติภูมิ มาเป็นที่ปรึกษา หรือ รมว. ต่างประเทศละ
ท่านมหารู้ ทุกเรื่อง เยนติน่า ก้อรู้ กรีซ ก้อรู้ ซิบบับเว ก้อรู้ รัสเซีย ก้อรู้ดีสุดๆๆ
ประมาณ ในโลกนี้ กรูนี้รู้ดีที่สุด ฮาาาาาาาาาาาา
(ตอนนี้ก้อยังเขียนบทความลง นสพ.หัวแมลงวันอยู่ เพียงใส่ชื่อลูก กกต.(กรูกลัวตู่!!) ก้อไม่ตรวจสอบไม่เจอแล้ว)
Posted Image