เพื่อไทยชงญัตติด่วนเข้าสภาฯ บี้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 ก.ย. ตามข้อเสนอคณะนิติราษฎร์ หาทางป้องกันการยึดอำนาจ โต้ไม่ได้ทำเพื่อ “ทักษิณ” อัดพวกคัดค้านเพราะได้ประโยชน์จากเศษเนื้อการรัฐประหาร ทั้งเสนอตั้งคณะกรรมาธิการเร่งรัดเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทาง การเมืองตั้งแต่ปี 48-53...
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ยื่นญัตติด่วน 2 เรื่องต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการลบล้างผล พวงของรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ เนื่องจากเป็นเรื่องที่นักวิชาการหลายส่วนมีทั้งสนับสนุนและคัดค้าน จึงควรนำมาถกกันในสภาฯ จะเห็นด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการศึกษาของคณะกรรมาธิการ โดยวัตถุประสงค์หลักของการยื่นญัตติดังกล่าวคือ ป้องกันการยึดอำนาจในอนาคต ทำให้คนยึดอำนาจต้องคิดหนัก เพราะจะมีกระบวนการทางกฎหมายมาลบล้างผลพวงการยึดอำนาจได้
"ไม่ใช่การ ทำเพื่อคนคนเดียว หรือช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผมไม่สนว่า ใครได้ประโยชน์จากข้อเสนอดังกล่าว แต่สนใจว่า ประเทศชาติต้องได้ประโยชน์ในการลบล้างผลพวงการรัฐประหาร คนที่คัดค้านเรื่องนี้เป็นคนที่ได้ประโยชน์จากการยึดอำนาจ ได้เศษเนื้อ เศษอาหาร จากการทำรัฐประหาร "
นอกจากนี้ ยังมีการเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเร่งรัดการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548-2553 ทั้งการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ การสลายการชุมนุมปี 2552 การสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ปี 2553 ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมากทั้งผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุม ตลอดจนประชาชน และนักธุรกิจที่ห้างร้านได้รับความเสียหายจากการถูกเผาในช่วงการชุมนุมทาง การเมือง แต่การเยียวยายังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม จึงควรต้องเร่งรัดการเยียวยา เพื่อให้เกิดความปรองดองขึ้นโดยเร็ว หากยังไม่มีการเยียวยาคงยากที่จะเกิดการปรองดอง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าทั้งสองญัตติดังกล่าวยังไม่สามารถนำเข้าที่ประชุมสภาฯ ได้ทันในการประชุมสภาฯ วันที่ 26-27 ต.ค.นี้ เนื่องจากยังมีญัตติด่วน 2 เรื่องค้างอยู่คือ การแก้ปัญหาวิกฤติน้ำท่วม และกรณีกล้องซีซีทีวี คาดว่าจะถูกบรรจุเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ได้ใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า.
.
.................. ถนัดนัก ไอ้เรื่องฉวยโอกาสเนี่ยะ เป็นโดยสันดานกันทั้งพรรค
.
.
