คลังร่อนหนังสือถึงสอท. ทวงเงินจากกองทุนพัฒนาน้ำบาลดาล เอกชนโวยรัฐช่วยแจงเหตุการณ์ ดึงเงินไปใช้ หวั่นผิดวัตถุประสงค์ ร้องกฤษฎีกาตีความ
นายเจน นำชัยศิริ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.)สายงานอุตสาหกรรมและสถาบันน้ำเปิดเผยว่า
กระทรวงการคลังได้ส่งหนังสือมายัง สอท.เพื่อขอดึงเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล 2,000 ล้านบาท คืนเข้าคลัง จากปัจจุบันกองทุนมีเงินอยู่ 5,000 ล้านบาท
สอท.จึงหารือกับสถาบันน้ำถึงกรณีดังกล่าว เบื้องต้นเห็นว่า คำร้องขอของกระทรวงการคลังยังไม่มีความชัดเจน จึงขอให้ส่งเรื่องไปให้สำนักงานกฤษฎีกาตีความว่า เรื่องนี้จะขัดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินของกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ตามพระราชบัญญัติน้ำ พ.ศ.2520 มาตรา7 ที่กำหนดไว้ เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการศึกษาวิจัย พัฒนาและอนุรักษ์แหล่งน้ำบาดาลและสิ่งแวดล้อมหรือไม่
"สถาบันน้ำจะเป็นตัวแทนภาคเอกชนนำเรื่องนี้เข้าหารือกับกระทรวงการคลังอีกครั้งเพื่อสอบถามความชัดเจนในการนำเงิน 2,000 ล้านบาท เข้าคลัง เพราะจดหมายที่แจ้งมาไม่ได้บอกเหตุผลว่า จะนำเงินไปดำเนินการอะไร
และเบื้องต้นเห็นว่าข้ออ้างที่กระทรวงการคลังใช้เรียกเงินคืนเข้าคลังนั้น เป็นกฎหมายเก่า และต้องเป็นกิจการการค้าหากำไรเหมือนกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแต่กองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ไม่มีการหากำไร จึงไม่น่าจะเข้ากฎหมายที่คลังอ้าง"นายเจน กล่าว
ทั้งนี้กองทุนพัฒนาน้ำบาดาลมีเงินไหลเข้าราว 700-800 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งมีการเรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำบาดาลภาคอุตสาหกรรม 70% และอีก 30% เรียกเก็บจากประชาชนผู้ใช้น้ำบาดาลทั่วไป จากพื้นที่วิกฤตน้ำบาดาล 7 จังหวัด ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ในอัตรา 8.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) และมีค่าธรรมเนียมในการใช้น้ำบาดาลอีก 4.25 บาทต่อลบ.ม. รวมแล้วภาคอุตสาหกรรมที่อยู่พื้นที่วิกฤติน้ำบาดาลต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนพัฒนาน้ำบาดาลรวม 12.75 บาทต่อลบ.ม. ส่วนประชาชนผู้ใช้น้ำบาดาลทั่วไปจะต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนพัฒนาน้ำบาดาลรวม 5.25 บาทต่อลบ.ม.แบ่งเป็นค่าใช้น้ำบาดาล 3.50 บาทต่อลบ.ม.และค่าธรรมเนียมการใช้อีก1.75 บาทต่อลบ.ม.
ที่ผ่านมา ภาคเอกชนได้เสนอให้รัฐบาลลดการเก็บค่าอนุรักษ์น้ำบาดาลลง 50% เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการแต่ภาครัฐยังไม่อนุญาตและจากเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ กระทบและสร้างความเสียหายแก่ภาคอุตสาหกรรมอย่างมาก เห็นว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการปรับลดค่าธรรมเนียมดังกล่าวเพื่อช่วยผู้ประกอบการ
http://www.ryt9.com/s/nnd/1265941
![Photo](http://static.serithai.net/webboard/uploads/profile/photo-thumb-2647.png?_r=0)
คลังถังแตก!!ทวงเงินกองทุนน้ำบาดาล2พันล. เอกชนงง!ร้องกฤษฎีกาช่วยตีความ
โดย An.mkII, 25 ตุลาคม 2554 09:23
4 ความเห็นในกระทู้นี้
#1
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 09:23
การกระทำโดยขาดสติยั้งคิด ขาดเหตุผล ความรู้จักถูกผิดนั้น เป็นเหตุให้เกิดความหลง ความลืมตัว ทำให้กระทำสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่โดยชอบได้ ซึ่งเป็นอันตรายมาก อาจจะนำความเสีย เสื่อมสลาย มาสู่ตนเอง ตลอดทั้งประเทศชาติได้พระราชดำรัส ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓
#2
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 09:31
ตีความเร็วๆหน่อย ลายจุดรออยู่
"We all make choices. But in the end, our choices make us."Andrew Ryan
#3
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 09:49
OMG...ลายจุดจะพาไปเจียงฮาย...เร็วๆเจ้า
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้ชัยชนะ นั่นก็คือ การที่คนดีๆ นิ่งดูดาย " The only thing necessary for the Triumph of Evil is for Good Men to do Nothing "(Edmund Burke)
#4
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 10:10
มีควายแดงอีกหลายตัวอ้าปากรอตีความเร็วๆหน่อย ลายจุดรออยู่
#5
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 10:12
สาระพัด โกงบูณณาการ จิงๆ เอาอญุ่
คนดีจริงไม่โกงที่วัด ไม่ยุแยงให้คนแตกแยก ไม่หลอกคนอื่นให้มารับเคราะห์ตายแทน