กรณี นายเอกยุทธ อัญชันบุตร เปิดประเด็นชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
แล้วพรรคประชาธิปัตย์ออกมารับลูกตั้งแต่หัวจนถึงหาง
ถึงไม่มี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกมา "ประเมิน"
ถึงไม่มีเสียงขานรับจาก นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด และ นายชลินรัตน์ จันทรุเบกษา ออกมาสรุป
พรรคประชาธิปัตย์ก็น่าจะสรุปได้
ยิ่งบุคคลอย่าง นายไทกร พลสุวรรณ แห่งกลุ่มอีสานกู้ชาติ
ออกมาแจกแจงรายละเอียดของชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
ยิ่งน่าตกใจ
เพราะโกโซบิ๊กถึงระดับ "หลังการประชุมเสร็จ แม่บ้านเข้าทำความสะอาด
ทำไมต้องแจ้งทำความสะอาดใหม่และเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวใหม่ด้วย"
โกโซบิ๊กทั้งๆ ที่ "สื่อ" ซึ่งเที่ยงธรรมบอกให้รู้ในรายละเอียดของชั้น 7 โฟร์ซีซั่นส์ว่า
"บริเวณชั้น 7 เป็นที่ตั้งของห้องอาหารขนาดใหญ่
และมีห้องส่วนตัวสำหรับรับประทานอาหารหรือประชุมส่วนตัวด้วย"
คนอย่าง "ไทกร" อาจไม่เก็ต แต่ "ประชาธิปัตย์" น่าจะเฉลียว
เหตุใดพรรคประชาธิปัตย์จึงถลำลงไปในปลักตมแห่งสวรรค์ชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
กระทั่งยากที่จะถอนตัวออกได้อย่างรวดเร็ว
คำตอบ 1 เพราะเชื่อคนอย่าง นายเอกยุทธ อัญชันบุตร
คำตอบ 1 เพราะเชื่อการปั่นกระแสและเล่นข่าวของสื่อในเส้นทางสายเดียว
หรือใกล้ชิดกันเป็นอย่างสูง
คิดว่าเป็นกระแสที่ถูกต้อง คิดว่าเข้าทาง
คำตอบ 1 เพราะเคียดแค้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างรุนแรงเข้ากระดูกดำ
ลำพังภูมิหลังของ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ตั้งแต่กรณี 9 กันยา
ประสานเข้ากับแชร์ลูกโซ่และการยกขบวนเข้าไปยังพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อเดือนตุลาคม 2548 เพื่อเสนอบิ๊กโปรเจ็กต์บางบิ๊กโปรเจ็กต์
ก็ชวนให้สงสัยอย่างยิ่งอยู่แล้ว
แต่ดูเหมือนว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้กำหนดยุทธวิธีอย่างคำนึงถึงหนทางเลือกที่ 2
อย่างรอบคอบเพียงพอ
จึงถลำลงไปเล่นประเด็นสวรรค์ชั้น 7 ด้วยความเชื่อมั่นสุดลิ่มทิ่มประตู
แท้จริงแล้ว หากคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงของสถานการณ์อย่างรอบคอบ รัดกุม
ก็จะเห็นว่ากรณีนี้ทางด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือไพ่เหนือกว่าทุกประตู
การเดินทางไปยังโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์และขึ้นไปยังชั้น 7 ก็เป็นได้ตามที่กำหนดเอาไว้
จำนวนบุคคลที่เข้าพบปะสนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นใครบ้าง
ก็อยู่ในพิมพ์เขียวที่รู้อยู่แล้วเป็นอย่างดี
คุยเรื่องอะไร จบอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับรู้ครบถ้วน
สิ่งที่ออกมาจากปาก นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ก็เสมอเป็นเพียงการคาดเดา
ยิ่งเมื่อไปถึงมือของพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งผ่านมาแล้วหลายทอด
ประการสำคัญ มิได้เป็นข้อมูลในลักษณะ "ปฐมภูมิ"
ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์และพัฒธมิตรปั่นกระแสไปในเรื่องชู้สาว ไปในเรื่องสวรรค์ชั้น 7
ไปในเรื่องสองแง่สองง่าม เพียง นายเศรษฐา ทวีสิน
ออกมาระบุว่าเป็นการพบกันจริงแต่มีคนร่วมอยู่ด้วย 6-7 คน
ก็หงายหลังแล้ว
ผลตกค้างอย่างสำคัญก็คือ อาการคะนองปาก
อันเท่ากับเป็นเงาสะท้อนทางความคิดที่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องสวรรค์ชั้น 7 เรื่องชู้สาว
ทั้งหมดนี้ย่อมเท่ากับสายบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
แม้จะมีความพยายามผลักดันไปยัง ป.ป.ช. ไปยังกรรมาธิการ
ไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ไม่เวิร์ก
อย่าลืมว่ารายจ่ายที่พรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตรจ่ายไปเป็นรายจ่ายอันเป็นเรื่องใต้สะดือ
เป็นเรื่องการคบชู้สู่ชาย เป็นเหมือนกับการถ่มถุยน้ำลายออกสู่สาธารณะ
นานวันเข้าน้ำลายย่อมบูด เหม็นเน่า และเป็นที่รังเกียจแก่คนทั่วไป
(ที่มา:มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 20 ก.พ.2555)