Jump to content


Photo
- - - - -

“เฉลิม” อ้างฟ้องสื่อหวังให้เป็นพยาน โวย “เอเอสทีวี-ไทยโพสต์” ถล่มไม่เลิก


This topic has been archived. This means that you cannot reply to this topic.
ยังไม่มีผู้แสดงความเห็นในกระทู้นี้

#1 phat21

phat21

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,969 posts

ตอบ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 14:16

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 มีนาคม 2555 14:04 น.
“เฉลิม” โวย “เอเอสทีวีผู้จัดการ-ไทยโพสต์” จ้องเล่นงานไม่เลิก ย้ำไม่คิดเปลี่ยน ผบ.ตร. พลิ้วฟ้องสื่อไม่ได้ข่มขู่ แค่อยากให้มาเป็นพยาน พร้อมถอนฟ้องหากให้การเอาผิด ส.ส.ปชป. แขวะ “มาร์ค” ตื่นตูม ยังไม่เห็น ส.ส.ร.กลับโวยเรื่องเนื้อหา ยันมือชก “วรเจตน์” ไม่โยงการเมือง สั่งตำรวจห้ามยุ่งผู้ชุมนุม โวยุคนี้ไม่มีเสียเลือดเนื้อ เปิดทางกลุ่มต่างๆ แสดงพลังเต็มที่ ยังอุบ พ.ร.บ.ปรองดอง ตอบไม่ได้เปิดทาง “นช.แม้ว” กลับ

วันนี้ (2 มี.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แถลงว่าการที่ ร.ต.อ.เฉลิมฟ้องสื่อหลายสำนักที่นำเสนอข่าวพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่ประชุมรัฐสภา เป็นการคุกคามเสรีภาพในการนำเสนอข่าวว่า เป็นการเข้าใจผิด เพราะหากข่มขู่ต้องให้นักเลงไปตีหัว เอาของไปขว้าง ทุบรถ แต่ตนไม่ได้ข่มขู่ ที่ฟ้องร้องไปเพื่อให้หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นๆ เวลาถูกเรียกตัวไป ให้ยืนยันว่า น.ส.รังสิมา รอดรัศมี นายเทพไท เสนพงศ์ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พูดว่าอย่างไร ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้สื่อร่วมเป็นพยาน แต่เกรงว่าจะไม่ไป จึงต้องฟ้องเพื่อเชิญไปรอบหนึ่งก่อน และเมื่อให้การแล้วทนายของตนเห็นว่าให้การอย่างตรงตรงมา ก็พร้อมที่จะถอนฟ้อง

ร.ต.อ.เฉลิมยังได้ตำหนิการนำเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันนี้ (2 มี.ค.) ที่พาดหัวว่า “เหลิมจุดไฟเผาปู ว.5 เรื่องส่วนตัว” โดยชี้แจงว่า ตนบอกแค่ว่าการตั้งกระทู้สด ก็มีข้อห้าม 8 ข้อ โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวที่ห้ามถาม แต่หากประธานสภาผู้แทนราษฎรใจดีก็อาจจะบรรจุให้ พูดแค่นี้ก็หาว่าตนไปเผาไฟ ส่วนอีกฉบับก็หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ที่อยากจะให้เขียนตรงไปตรงมา โดยเฉพาะคอลัมน์เกาะกระแส โดยนามปากกาก้อนกรวด รวมไปถึงกรุงเทพธุรกิจที่เป็นไปกับเขาด้วย วิเคราะห์ว่าตนจะเปลี่ยนตัว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะทำงานเข้าขากัน ที่สำคัญ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ยังเก่งในด้านการปราบปรามยาเสพติด สมควรที่ต้องชมเชยด้วยซ้ำ

“ผบ.ตร.คนนี้ใครเปลี่ยนได้ เขาทำงานเข้าขากัน ตอนตั้งก็มาว่าเป็นเครือญาติท่าน ไม่มองว่าท่านเพรียวพันธ์เก่งเรื่องปราบยาเสพติด แทนที่จะชมว่าผมมีวิสัยทัศน์ พอทำงานเข้าขากัน ก็มาบอกว่าผมจะเปลี่ยน ไม่มีงานทำกันหรืออย่างไร”

ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ระบุให้ชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่แตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์กรอิสระ และต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ส่วนตัวคิดว่านายอภิสิทธิ์ใจร้อนเกินไป เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบเลยว่าใครจะมาเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) บ้าง และก็ไม่ทราบว่า ส.ส.ร.จะมีความเห็นอย่างไร อีกทั้งหาก ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งย่อมมีแนวคิดเป็นของตัวเอง พรรคการเมืองจะมีสิทธิ์อะไรไปบังคับ แต่หากพรรคเพื่อไทยแก้รัฐธรรมนูญเองโดยไม่ผ่าน ส.ส.ร. นายอภิสิทธิ์จึงจะสามารถเสนอความคิดได้ ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่า ให้จับตาการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรืออายุรัฐบาลจะอวสานก่อนกัน ถือเป็นสิทธิ แต่พรรคประชาธิปัตย์จะเตะลูกกินเปล่าคงไม่ได้แล้ว

“ส.ส.ร.ยังไม่ได้เลือก คุณอภิสิทธิ์รู้ได้อย่างไรว่าใครจะมาเป็น และจะยกร่างอย่างไร เราต้องให้เกียรติ ส.ส.ร. ถ้ายกร่างแล้วไม่ดี ประชาชนก็ไม่รับประชามติ พรรคประชาธิปัตย์ตกใจเกินเหตุ คิดอย่างนี้เลือกตั้งเมื่อไรก็แพ้อีก”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ประเมินสถานการณ์ภายหลังมี ส.ส.ร.แล้วอย่างไรบ้าง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ยังพูดยาก เพราะไกลเกินไป หากรู้หมดวันนี้ก็เป็นพหูสูตร ต้องรอดูว่าใครจะมาเป็น ส.ส.ร. และเมื่อมีการประชุมแล้วคนเหล่านั้นคิดอย่างไร และในระหว่างยกร่างก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ไม่มีรัฐบาลชุดไหนที่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย แต่เราได้รับปากประชาชนไว้ว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนยังมองว่าสถานการณ์ไม่มีอะไร หากใครต้องการจะมาชุมนุมก็ยินดี เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ตนดูแลงานด้านการข่าว และกลุ่มผู้ชุมนุม ยืนยันว่าผู้ที่มาชุมนุมจะไม่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตอย่างแน่นอน

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ที่เคยระบุว่าห้วงเวลาที่เหมาะสมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องอีกราว 8-9 เดือนนั้น เป็นเพียงความเห็นของตนคนเดียว เมื่อเสียงส่วนใหญ่ต้องการเช่นนี้ ตนก็ห้ามไม่ได้ เพียงบแต่คิดว่าถ้ามีเวลาให้นายกฯ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และตนปราบยาเสพติดซัก 8 เดือนก็ยังอยู่ในกรอบเวลา 1 ปีของนโยบายเร่งด่วน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีความกังวลว่า ส.ส.ร.อาจเป็นคนของพรรคการเมือง รองนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครจะมาลงสมัคร หรือมีคุณสมบัติอย่างไร ขั้นตอนยังมีอีกมาก

ส่วนกรณีที่มีบุคคลทำร้ายร่างกาย นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ และมีความเชื่อมโยงกับอดีตนายทหารคนหนึ่งนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ไม่ได้มีส่วนเชื่อมโยงใดๆ เป็นเพียงความคิดเห็นของสองผู้ต้องหาดังกล่าวเท่านั้น เรื่องนี้ตนทราบเรื่องตั้งแต่หลังเกิดเหตุ 2 ชั่วโมง ก็ประสานตำรวจ ให้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และทราบว่า 2 ผู้ต้องหานี้เคยเคลื่อนไหวแสดงความไม่เห็นด้วยกับกลุ่มนิติราษฎร์มาก่อน เป็นความคิดของเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น และไม่มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองใดๆ ด้วย

เมื่อถามว่า เหตุการณ์นี้จะเป็นชนวนให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้ป้องกันยาก เพราะผู้คนสัญจรผ่านไปมาไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเกลียดใคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็เป็นมหาวิทยาลัยเปิด คนเข้าออกได้ตลอด อย่างไรก็ตาม คดีนี้ต้องถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเก่ง โดยที่นายกฯ ได้กำชับว่าต้องติดตามจับกุมให้ได้ และดำเนินคดีไปตามข้อกล่าวหา ซึ่งเบื้องต้นเข้าใจว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายอาญามาตรา 295 เพราะนายวรเจตน์บาดเจ็บ แต่ไม่ถึงขั้นสาหัส เหตุที่ 2 ผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัว เพราะกฎหมายระบุว่าหากใครทำผิดแล้วมอบตัวก็ปล่อยตัวไป ส่วนผู้ต้องหาให้การอย่างไรก็เป็นสิทธิ แต่พยานหลักฐานครบถ้วน สำหรับกรณีที่สงสัยได้ว่ามีการเตรียมการล่วงหน้านั้นก็สามารถเพิ่มโทษได้

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยว่า เหตุการณ์คงยังไม่พัฒนาถึงขั้นที่จะมีการทำร้ายร่างกาย หากมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน เพราะเรื่องนี้เป็นกรณีเฉพาะตัว เชื่อว่าจะคุมสถานการณ์ได้ เพราะรัฐบาลไม่ใช้ความรุนแรงอย่างแน่นอน

สำหรับการชุมนุมของกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ในช่วงเวลา 17.30 น.ของวันนี้ (2 มี.ค.) ที่สวนลุมพินี ก็ไม่ได้มีการสั่งการสิ่งใดเป็นพิเศษ ห้ามไม่ให้ตำรวจเข้าไปยุ่ง ทำหน้าที่เฉพาะการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากการที่มีคนออกมาชุมนุมแสดงว่า บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ตำรวจไม่สามารถไปทำร้ายหรือล้อมปราบได้ เรื่องนี้จะเรียก พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มาทำความเข้าใจด้วย

“ในยุคที่ผมรับผิดชอบ ตำรวจห้ามไปคุกคามม็อบ เพราะถ้าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย ผู้ชุมนุมก็จบ แต่ถ้าเราไปทำความเข้ม เกิดมีเรื่องมีราว เท่ากับเรียกแขกเลย ในฐานะที่เล่นการเมืองมานาน ยังไม่เห็นเหตุที่มาชุมนุมด้วยซ้ำไป ส่วนจะยืดเยื้อหรือไม่ก็เป็นสิทธิ ถ้าไปปิดถนนให้คนเดือดร้อน ก็ต้องขอร้องกัน แต่ถ้าไม่เชื่อประชาชนก็จะสาปส่งเกลียดชัง”

สำหรับความคืบหน้าในการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปรองดองนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวย้ำว่า ได้ร่างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลา เพราะรัฐบาลต้องสร้างประโยชน์ให้ประชาชนศรัทธาเสียก่อน และยืนยันว่ากฎหมายนี้ได้ทุกภาคส่วน ทุกอย่างย้อนกลับไป 18 ก.ย.49 แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเสนอได้ภายในปีนี้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะรวมไปถึงการเปิดทางให้อดีตนายกรัฐมนตรีกลับประเทศได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่าไม่บอก ถือเป็นความลับ แม้แต่ภรรยายังไม่ได้เห็น ใส่ตู้เซฟไว้ตั้งแต่วันที่ร่างเสร็จ

“เราปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว คนไทยไม่เคยทะเลาะกันนานขนาดนี้ นับถึงวันนี้ก็ 5 ปีแล้ว และแม้แต่หัวหน้าคณะปฏิวัติยังบอกเองว่า ถูกหลอกเลย แล้วคนอื่นมารู้ดีกว่าท่านได้อย่างไร”
http://www.manager.c...D=9550000028170
Posted Image Posted Image Posted ImagePosted Image Posted Image Posted Image Posted Imageไอ้สนธิบังเละ ไอ้ขิงเน่า+ไอ้มาร์คไอ้เทพเทือกคือตัวการให้ระบอบทักษิณยังลอยนวล