![Photo](http://static.serithai.net/webboard/uploads/profile/photo-4930.gif?_r=0)
รัฐบาลกลัวนักลงทุนหนีทำถึงขนาดฯ
โดย ชาตินี้ไม่เอาตระกูลชินวัตร, 26 ตุลาคม 2554 09:08
4 ความเห็นในกระทู้นี้
#1
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 09:08
รัฐบาลอัปลักษณ์เสียสติไปแล้วกลัวนักลงทุนที่นิคมอุตฯย้ายหนีหมดโดยแก้ปัญาเฉพาะหน้าแบบมักง่าย หาทางให้สิทธฺประโยชน์มาล่อสารพัด เช่นยกเว้นภาษี 8 ปี,ตั้งหน่วยงานไปช่วยขนย้ายเครื่องจักร,อนุญาตินำเข้ารถยนต์และอะไหล่ปลอดภาษี ฯลฯ แต่ที่รัฐบาลโง่นี้ไม่พูดและนึกไม่ถึงคือทำไงถึงจะให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าปีหน้าและปีต่อๆไปน้ำจะไม่ท่วมแบบนี้อีก
#2
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 09:38
ที่ฮาคือให้เงินกู้ยังคิดอัตราดอกเบี้ยอยู่ ดูแบบนี้แล้ว โรงงานไหนที่ต้องตั้งต้นใหม่ก็ย้ายฐานการผลิตเถอะ
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#3
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 09:40
ครม.อนุมัติหาสินเชื่อ 3.25 แสนล้าน ช่วยผู้ประกอบการน้ำท่วม
![Posted Image](http://www.thairath.co.th/media/content/2011/10/25/211867/hr1667/600.jpg)
ครม.เห็นชอบหาสินเชื่อ 325,000 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ด้าน "เจบิค" ร่วมช่วยเหลือผู้ประกอบญี่ปุ่นและผู้ประกอบการไทยที่ทำธุรกิจร่วมกับญี่ปุ่น ส่วนประชาชนที่ประสบอุทกภัยกู้ดอกเบี้ยตามตลาด
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยมีมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ ในวงเงินรวม 325,000 ล้านบาท โดยมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการคลัง จัดทำข้อมูลลงทะเบียนผู้ประสบความเสียหาย เพื่อให้สถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องดูแลสินเชื่อ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ประกอบการรายใหญ่ 65,000 ล้านบาท ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) 170,000 ล้านบาท และผู้ประกอบการขนาดจิ๋วหรือชาวบ้าน 90,000 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการขนาดใหญ่จะเป็นสินเชื่อดอกเบื้ยต่ำ ส่วนแรกเป็นสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัย โดยรัฐบาลจะหาแหล่งเงินกู้ ดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารออมสิน แก่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และผู้ประกอบการเพื่อลงทุนระบบป้องกันอุทกภัยของนิคมฯ และโรงงาน โดยมีวงเงิน 15,000 ล้านบาท โดยให้รีบดำเนินการเร็วที่สุดให้ทันฤดูฝนในปีหน้า
![Posted Image](http://www.thairath.co.th/media/content/2011/10/25/211867/l20/o3/420/252.jpg)
ขณะ เดียวกัน มีสินเชื่อเพื่อดำเนินธุรกิจ แบ่งออกเป็นสินเชื่อที่มาจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น หรือเจบิค ที่จะนำเงินมาฝากธนาคารพาณิชย์ที่ต้องการปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่ ประสบอุทกภัยจำนวน 50,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยเหลือจำกัดเฉพาะผู้ประกอบการญี่ปุ่น หรือผู้ประกอบการชาวไทยที่มีธุรกิจต่อเนื่องกับญี่ปุ่น ไม่ว่าจะซื้อหรือขายสินค้ากับผู้ประกอบการญี่ปุ่น รวมถึงการผลิตชิ้นส่วนให้ อีกส่วนเป็นการให้สินเชื่อจากธนาคารออกสินร่วมกับธนาคารพาณิชย์ในรูปแบบแมท ชิ่งฟันด์ วงเงิน 40,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินจะนำเงิน 20,000 ล้านบาทไปฝากที่ธนาคารพาณิชย์ โดยรับดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี และให้ธนาคารพาณิชย์ นำเงินมาลงอีก 20,000 ล้านบาท เพื่อนำไปปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ย 3% ใน 3 ปีแรก นอกจากนี้มีโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน 10,000 ล้านบาท โดยสำนักงานประกันสังคมจะนำเงินไปฝากกับธนาคารที่ร่วมโครงการเพื่อปล่อยกู้ ให้สถานประกอบการ เพื่อนำไปเสริมสภาพคล่องหรือเพิ่มผลิตภาพแรงงาน
รม ว.คลัง กล่าวต่อว่า สินเชื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ ที่ต้องการฟื้นฟูธุรกิจระยะเวลาค้ำประกัน 7 ปี ซึ่งจะครอบคลุมวงเงินให้กู้ของธนาคารพาณิชย์ 120,000 ล้านบาท โดย บสย. รับผิดชอบส่วนสูญเสียในการจ่ายประกันชดเชยสูงสุดไม่เกิน 30% เพิ่มจากภาวะปกติที่ 15% และมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกัน 1.75% ให้เป็นเวลา 3 ปี รวมถึงขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์คิดอัตราดอกเบี้ยลูกค้าทึ่ได้รับการค้ำ ประกันในอัตรา 3% ต่อปี ในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งมาตรการนี้รัฐบาลสนับสนุนชดเชยค่าธรรมเนียมและค่าชดเชยความเสียหายสูง สุดไม่เกิน 23,000 ล้านบาท
![Posted Image](http://www.thairath.co.th/media/content/2011/10/25/211867/l20/o2/420/252.jpg)
ส่วน สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายจิ๋ว หรือประชาชนทั่วไปที่ประสบอุทกภัย มีวงเงิน 80,000 ล้าน แบ่งเป็นสินเชื่อสำหรับรายย่อย 20,000 ล้านบาท ดำเนินการโดยธนาคารออมสิน สินเชื่อเพื่อการเคหะ 30,000 ล้านบาท โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.) และธนาคารออมสิน และสินเชื่อสำหรับกลุ่มเกษตรกร วงเงิน 30,000 ล้านบาท โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อีกทั้งมีสินเชื่อจากโครงการประกันสังคม 10,000 ล้านบาท โดย 2,000 ล้านบาทใช้เพื่อซ่อมแซมสถานประกอบการ รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3% คงที่ 3 ปี และอีก 8,000 ล้าน สำหรับผู้ประกันตนกู้เพื่อซ่อมแซมบ้านตัวเอง หรือบ้านบิดามารดาที่ถูกน้ำท่วม รายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 2.5% คงที่ 2 ปี
นายธีระชัย กล่าวด้วยว่า สินเชื่อที่ปล่อยกู้โดยธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. และ ธอส. จะคิดอัตราดอกเบี้ยปกติ ไม่ได้มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษเหมือนที่ให้ภาคอุตสาหกรรม เพราะถือหลักการว่าการคิดดอกเบี้ยต้องตามราคาตลาด เพราะหากไม่คิดตามตลาดก็ต้องมาขอชดเชยและมักบานปลาย และในที่สุดก็ต้องมาของบประมาณ จึงจะใช้วิธีขอความร่วมมือจากธนาคาร ซึ่งต้องมีการแข่งขันกันอยู่แล้ว ส่วนการให้ดอกเบี้ยกับภาคอุตสาหกรรมต่ำ เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมกลับมาสร้างผลผลิต จากนั้นก็จะช่วยประคับประคองชาว บ้านเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ มาตรการช่วยผู้ประสบอุทกภัยที่รัฐบาลให้อยู่แล้ว ก็จะดำเนินต่อคืิอ การให้ความช่วยเหลือด้านที่พักอาศัยไม่เกินหลังละ 30,000 บาท และทรัพย์สินที่ประสบอุทกภัยครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท โดยกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และมีเงินช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินครัวเรือนละ 5,000 บาท โดยกระทรวงมหาดไทย ส่วนการช่วยเหลือเกษตรกรที่เสียหายด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ มีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแล.
โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ
25 ตุลาคม 2554, 23:00 น.
http://m.thairath.co...tent/eco/211867
![Posted Image](http://www.thairath.co.th/media/content/2011/10/25/211867/hr1667/600.jpg)
ครม.เห็นชอบหาสินเชื่อ 325,000 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ด้าน "เจบิค" ร่วมช่วยเหลือผู้ประกอบญี่ปุ่นและผู้ประกอบการไทยที่ทำธุรกิจร่วมกับญี่ปุ่น ส่วนประชาชนที่ประสบอุทกภัยกู้ดอกเบี้ยตามตลาด
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยมีมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ ในวงเงินรวม 325,000 ล้านบาท โดยมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการคลัง จัดทำข้อมูลลงทะเบียนผู้ประสบความเสียหาย เพื่อให้สถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องดูแลสินเชื่อ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ประกอบการรายใหญ่ 65,000 ล้านบาท ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) 170,000 ล้านบาท และผู้ประกอบการขนาดจิ๋วหรือชาวบ้าน 90,000 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการขนาดใหญ่จะเป็นสินเชื่อดอกเบื้ยต่ำ ส่วนแรกเป็นสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัย โดยรัฐบาลจะหาแหล่งเงินกู้ ดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารออมสิน แก่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และผู้ประกอบการเพื่อลงทุนระบบป้องกันอุทกภัยของนิคมฯ และโรงงาน โดยมีวงเงิน 15,000 ล้านบาท โดยให้รีบดำเนินการเร็วที่สุดให้ทันฤดูฝนในปีหน้า
![Posted Image](http://www.thairath.co.th/media/content/2011/10/25/211867/l20/o3/420/252.jpg)
ขณะ เดียวกัน มีสินเชื่อเพื่อดำเนินธุรกิจ แบ่งออกเป็นสินเชื่อที่มาจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น หรือเจบิค ที่จะนำเงินมาฝากธนาคารพาณิชย์ที่ต้องการปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่ ประสบอุทกภัยจำนวน 50,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยเหลือจำกัดเฉพาะผู้ประกอบการญี่ปุ่น หรือผู้ประกอบการชาวไทยที่มีธุรกิจต่อเนื่องกับญี่ปุ่น ไม่ว่าจะซื้อหรือขายสินค้ากับผู้ประกอบการญี่ปุ่น รวมถึงการผลิตชิ้นส่วนให้ อีกส่วนเป็นการให้สินเชื่อจากธนาคารออกสินร่วมกับธนาคารพาณิชย์ในรูปแบบแมท ชิ่งฟันด์ วงเงิน 40,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินจะนำเงิน 20,000 ล้านบาทไปฝากที่ธนาคารพาณิชย์ โดยรับดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี และให้ธนาคารพาณิชย์ นำเงินมาลงอีก 20,000 ล้านบาท เพื่อนำไปปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ย 3% ใน 3 ปีแรก นอกจากนี้มีโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน 10,000 ล้านบาท โดยสำนักงานประกันสังคมจะนำเงินไปฝากกับธนาคารที่ร่วมโครงการเพื่อปล่อยกู้ ให้สถานประกอบการ เพื่อนำไปเสริมสภาพคล่องหรือเพิ่มผลิตภาพแรงงาน
รม ว.คลัง กล่าวต่อว่า สินเชื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ ที่ต้องการฟื้นฟูธุรกิจระยะเวลาค้ำประกัน 7 ปี ซึ่งจะครอบคลุมวงเงินให้กู้ของธนาคารพาณิชย์ 120,000 ล้านบาท โดย บสย. รับผิดชอบส่วนสูญเสียในการจ่ายประกันชดเชยสูงสุดไม่เกิน 30% เพิ่มจากภาวะปกติที่ 15% และมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกัน 1.75% ให้เป็นเวลา 3 ปี รวมถึงขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์คิดอัตราดอกเบี้ยลูกค้าทึ่ได้รับการค้ำ ประกันในอัตรา 3% ต่อปี ในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งมาตรการนี้รัฐบาลสนับสนุนชดเชยค่าธรรมเนียมและค่าชดเชยความเสียหายสูง สุดไม่เกิน 23,000 ล้านบาท
![Posted Image](http://www.thairath.co.th/media/content/2011/10/25/211867/l20/o2/420/252.jpg)
ส่วน สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายจิ๋ว หรือประชาชนทั่วไปที่ประสบอุทกภัย มีวงเงิน 80,000 ล้าน แบ่งเป็นสินเชื่อสำหรับรายย่อย 20,000 ล้านบาท ดำเนินการโดยธนาคารออมสิน สินเชื่อเพื่อการเคหะ 30,000 ล้านบาท โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.) และธนาคารออมสิน และสินเชื่อสำหรับกลุ่มเกษตรกร วงเงิน 30,000 ล้านบาท โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อีกทั้งมีสินเชื่อจากโครงการประกันสังคม 10,000 ล้านบาท โดย 2,000 ล้านบาทใช้เพื่อซ่อมแซมสถานประกอบการ รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3% คงที่ 3 ปี และอีก 8,000 ล้าน สำหรับผู้ประกันตนกู้เพื่อซ่อมแซมบ้านตัวเอง หรือบ้านบิดามารดาที่ถูกน้ำท่วม รายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 2.5% คงที่ 2 ปี
นายธีระชัย กล่าวด้วยว่า สินเชื่อที่ปล่อยกู้โดยธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. และ ธอส. จะคิดอัตราดอกเบี้ยปกติ ไม่ได้มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษเหมือนที่ให้ภาคอุตสาหกรรม เพราะถือหลักการว่าการคิดดอกเบี้ยต้องตามราคาตลาด เพราะหากไม่คิดตามตลาดก็ต้องมาขอชดเชยและมักบานปลาย และในที่สุดก็ต้องมาของบประมาณ จึงจะใช้วิธีขอความร่วมมือจากธนาคาร ซึ่งต้องมีการแข่งขันกันอยู่แล้ว ส่วนการให้ดอกเบี้ยกับภาคอุตสาหกรรมต่ำ เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมกลับมาสร้างผลผลิต จากนั้นก็จะช่วยประคับประคองชาว บ้านเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ มาตรการช่วยผู้ประสบอุทกภัยที่รัฐบาลให้อยู่แล้ว ก็จะดำเนินต่อคืิอ การให้ความช่วยเหลือด้านที่พักอาศัยไม่เกินหลังละ 30,000 บาท และทรัพย์สินที่ประสบอุทกภัยครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท โดยกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และมีเงินช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินครัวเรือนละ 5,000 บาท โดยกระทรวงมหาดไทย ส่วนการช่วยเหลือเกษตรกรที่เสียหายด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ มีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแล.
โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ
25 ตุลาคม 2554, 23:00 น.
http://m.thairath.co...tent/eco/211867
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#4
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 09:53
หาวิธีทำให้น้ำลดโดยเร็ว
หาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ
ก่อนดีกว่าไหมมมม
น้ำท่วมมมเต็มไปหมด ต่อให้จ้างงงเค้าไม่มาลงทุนหรอก
โ ค ต ร บิ ดา เ มิ ง ปัญญาไม่มี อ่อนใจ จริงๆ
หาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ
ก่อนดีกว่าไหมมมม
น้ำท่วมมมเต็มไปหมด ต่อให้จ้างงงเค้าไม่มาลงทุนหรอก
โ ค ต ร บิ ดา เ มิ ง ปัญญาไม่มี อ่อนใจ จริงๆ
“เมื่อกรรมชั่วยังไม่ให้ผล คนชั่วอาจเห็นกรรมชั่วเป็นกรรมดี แต่เมื่อกรรมชั่วให้ผล เขาย่อมเห็นกรรมชั่วว่าเป็นกรรมชั่ว ส่วนคนดีอาจเห็นกรรมดีเป็นกรรมชั่ว เมื่อกรรมดียังไม่ให้ผล แต่เมื่อใดกรรมดีให้ผล เมื่อนั้นเขาย่อมเห็นกรรมดีเป็นกรรมดี”
#5
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 13:03
ก่อนได้เงินช่วยเหลือ ต้องไปสมัครสมาชิก นปช ก่อนมั๊ย
หรือจะระบุไปใน มติครมเลยก็ได้นะ ไม่ต้องมาหลบๆซ่อนๆ
หรือจะระบุไปใน มติครมเลยก็ได้นะ ไม่ต้องมาหลบๆซ่อนๆ