สภาวิจัยแห่งชาติให้ข้อมูล“เรือดันน้ำ”ไม่คุ้ม โดยการใช้เรือดันน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีทั้งความกว้างและความลึก
ศ.นพ.สุทธิ พร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติหรือสภาวิจัยแห่งชาติ ได้ระดมความคิดเห็นจากนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง และสรุปความเห็นว่า การใช้เรือดันน้ำจะ มีประโยชน์และได้ผลเมื่อใช้กับลำน้ำที่มีขนาดเล็ก ดังที่มีการกล่าวอ้างถึงกรณีคลองลัดโพธิ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีการน้อมนำเอาพระราชดำริมาปฏิบัติอย่างเป็นระบบ และด้วยวิธีการหลายด้าน ดังนั้น ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าจังหวัด 3 สมุทรจะร่วมระดมเรือดำเนินการ “ดันน้ำอีกระลอก” น่าจะไม่คุ้มค่า
รศ.สุธี อักษรกิตติ์ กรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ เพิ่มเติมว่า
การไหลของมวลน้ำมหาศาลในแม่น้ำเจ้าพระยานั้น ปกติจะไม่สม่ำเสมอกันทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก กล่าวคือ น้ำที่บริเวณตรงกลางแม่น้ำจะไหลเร็วกว่าน้ำที่ไหลใกล้ตลิ่ง ขณะเดียวกันน้ำที่ไหลที่ผิวน้ำจะมีความเร็วกว่าน้ำที่ระดับความลึกลงไป
นอก จากนี้แล้วการไหลของน้ำจะขึ้นอยู่กับความลาดเอียงของพื้นท้องน้ำตั้งแต่ ตำแหน่งต่างๆ ของแม่น้ำจนถึงออกทะเลไป ลักษณะทางกายภาพและสภาวะแวดล้อมของตลิ่งและสภาพพื้นท้องน้ำจึงเป็นเรื่อง สำคัญยิ่ง
ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงอีกก็คือระดับน้ำที่ปลายทาง เพราะถ้าระดับที่ปลายทางคือระดับน้ำทะเลที่ปากอ่าวต่ำ การขับเคลื่อนของมวลน้ำก็จะไปได้อย่างดีตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ถ้าระดับปลายทางสูง เช่นกรณีที่น้ำทะเลหนุนสูง ต้องใช้พลังงานมหาศาลในการขับดันน้ำออกไป รวมถึงประเด็นที่มีแขนงลำน้ำแยกออกจากสายใหญ่ของแม่น้ำ ยังจะมีผลให้น้ำแตกเข้าไปในแขนงลำน้ำด้วย พลังขับเคลื่อนก็ลดลงไปอีกระดับหนึ่ง
การใช้เรือดันน้ำใน แม่น้ำเจ้าพระยาออกสู่ทะเลนั้น กำลังผลักดันของเครื่องยนต์เรือแต่ละลำต้องมีกำลังมหาศาล และต้องวางในตำแหน่งที่เหมาะสม รวมทั้งระดับความลึกของใบพัดเรือต้องสอดคล้องกับความลึกของแม่น้ำ ณ จุดนั้นๆ ดังนั้น จึงต้องใช้เรือจำนวนมากวางเรียงแถวหน้ากระดานเกือบเต็มแม่น้ำ และหากหวังว่าจะใช้ได้ผล ก็อาจต้องมีกองเรือวางเป็นระยะๆ จนถึงปากอ่าว ซึ่งคงใช้เรือจำนวนมากมาย มหาศาล ประเมินกันว่าตามวิธีที่ทำกันมา หรือกำลังจะทำต่อไปนั้นจะช่วยให้น้ำระบายเร็วขึ้นเพียง 2-3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ศ.นพ.สุทธิพร เสริมว่า ในเรื่องนี้เคยมีคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำการวิจัยและทำแบบจำลองแล้วและพบว่า ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆ ด้าน จึงจะได้ผลอย่างดีดังที่รศ.ดร.สุธี ได้ให้ข้อมูล นอกจากนั้นได้มีการหารือกับ ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา หนึ่งในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาแล้ว เห็นว่า ขณะนี้ทางการได้เร่งระบายน้ำออกจากคลองหกวาไปได้ระดับหนึ่งทำให้มีพื้นที่ รับน้ำได้เพิ่มขึ้น แต่น้ำในบริเวณคลองรังสิตมีระดับความลาดเอียงน้อย ทำให้มวลน้ำไหลระบายไปสู่คลองหกวาที่จะผันน้ำออกไปทางแม่น้ำบางปะกงไม่เร็ว นัก วิธีใช้เรือดันน้ำให้ระบายเร็วขึ้นในกรณีนี้อาจได้ผลดี
ดังนั้น อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีความคิดในเรื่องนี้ทบทวนตามหลักวิชาการด้วยว่าจะคุ้มค่ากับเวลาและทรัพยากรหรือไม่
สภาวิจัยชี้"เรือดันน้ำ”ไม่คุ้ม
เเล้วปลอดจะเอาหน้าไปไว้ไหน
ปลอดประสพ เร่งขอเรือดันน้ำเพิ่ม 7.5 หมื่นลำ
หัวหน้าส่วนปฏิบัติการ ศปภ. เผยการใช้เรือเรือ 1,149 ลำ ในการผลักดันน้ำลงสู่ทะเล ได้ผลในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องการเรือเพิ่มอีก 75,000 ลำ เพื่อเร่งรัดการดำเนินการ
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม หัวหน้าส่วนปฏิบัติการ ศปภ.กล่าวถึงความสำเร็จในการใช้เรือในการผลักดันน้ำลงสู่ทะเลว่า จาการใช้เรือ 1,149 ลำ ได้ผลในระดับหนึ่ง แต่ยังคงต้องการเรือเพิ่มเติมอีก 75,000 ลำ เพื่อเร่งรัดการดำเนินการ โดยขอให้ผู้ที่มีเรือเข้าร่วมโครงการโดยเฉพาะพื้นที่ปากอ่าว
ทั้งนี้ แนวคิดที่จะสร้างแพ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนผู้ประสบภัยเพื่อใช้ขนย้ายสิ่งของด้วย โดยสั่งการให้อธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืชดำเนินการจัดทำแพ ขนาดกว้าง 2เมตร ยาว 2เมตรซึ่งคาดว่าช่วงเย็นน่าจะมีความคืบหน้า ในส่วนของ กทม.ขอให้ชาว กทม.เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำไปอีก 1เดือน เนื่องจากภัยธรรมชาติยากที่จะเลี่ยง จึงขอให้ไม่ประมาท และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ขอเตรียมพร้อม โดยเฉพาะพื้นที่รอบนอกของ กทม.
http://news.voicetv....land/20871.html