ราคาน้ำมันเทียบกับรอบๆบ้านเรา
#51
ตอบ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 22:43
หญ้าไม่แพง แดงไม่ซึ้ง
#52
ตอบ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 01:28
(อ้างอิงจาก:http://www.prachacha...pid=no&catid=04)
เลยไม่แน่ใจว่าการตั้งนอกจากดูตลาดโลกแล้ว+เรื่องกำไรเข้าไปด้วยหรือเปล่านะครับ
#53
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 22:38
ดูให้ดีดีครับว่ายุคใครน้ำมันดิบในตลาดโลกแพงกว่ากันจะบอกยุคอภิสิทธิ์ผมไม่เถียงแล้วทำไมน้ำมันรัฐบาลปูแพงกว่าผมให้เวลาคิดครับ
สังเกตุให้ดีนะครับยุคมาร์คแรกๆน้ำมันถูกมากครับเขาเลยเก็บเงินเข้ากองทุนได้และขายน้ำมันไดในราคาถูกแต่มาตอนหลังๆยุคมาร์คน้ำมันเริ่มแพงครับ
แล้วบอกว่ามาร์คไม่อุ้มน้ำมันไม่จริงเลยครับมาร์คใช้เงินจากกองทุนอุ้มน้ำมันดีเซลจนเงินจะหมดกองทุนครับ
มารัฐบาลปูกองทุนน้ำมันแทบหมดครับไปหาข้อมูลไดแล้วน้ำมันราคาไม่ลดเลยครับมีช่วงแรกๆที่มัน ประมาณ 85
ช่วงนั้นจำได้น้ำมันราคาถูกครับคนเห่ไปเติมจนมันขึ้นมาอีก เป็น 97 - 100 ในเวลาอันสั้น + เงินกองทุนน้ำมันแทบไม่เหลืออยู่แล้วครับมันจึงส่งผลทุกวันครับ
มองให้กว้างๆหน่อยครับก่อจะวิจารณ์
Edited by evomans136, 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 22:42.
#54
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 22:49
มองให้กว้างๆหน่อยครับก่อจะวิจารณ์
#55
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 22:52
อื้อฉาว !! รัฐบาลเด็ก "มาร์ค" ... 4 เดือน ถลุงเงินกองทุนน้ำมัน 2.8 หมื่นล้านเกลี้ยง
อื้อฉาวและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางกับการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของรัฐบาลของ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เนื่องจากเงินที่สะสมไว้ 28,000 ล้านบาทตั้งแต่สมัยนายปิยสัวส์ดิ์ อัมระนันท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในยุครัฐบาลคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ( คมช.) เพื่อใช้ในการดูแลกลไกราคาพลังงานถูกใช้เกลี้ยงในพริบตาเพียงระยะเวลา 4 เดือนเท่านั้น
ผลงานรัฐบาลชุดนี้โดดเด่นที่การจ่ายเงิน แต่ไม่ชำนาญด้านการหาเงิน ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ในวันนี้เหลือเงินสดอยู่เพียง 4,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้หักรวมหนี้ต่าง ๆ ที่เจ้าหนี้รอแบมือทวงเงินอยู่กว่า 4,000 ล้านบาทต่อเดือน และต้องใช้พยุงราคาน้ำมันดีเซล 1,671 ล้านบาทต่อเดือน เท่ากับวันนี้ความเป็นจริงของกองทุนน้ำมันฯมีสภาพติดลบไปแล้วกว่า 1,600 ล้านบาทต่อเดือน แต่ที่รัฐบาลพยายามประกาศว่ายังมีเงินเหลืออยู่เพื่อพยุงราคาดีเซลจนถึงรัฐบาลชุดหน้านั้น ก็เกิดจากการเบี้ยวจ่ายเงินเจ้าหนี้นั่นเอง
และเจ้าหนี้รายใหญ่คือ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)นั่นเอง ที่ตามทวงหนี้ 2 ก้อนใหญ่ๆ จากกองทุนน้ำมันฯ คือ หนี้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) 2,900 ล้านบาทต่อเดือน และก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(เอ็นจีวี) 300- 400 ล้านบาทต่อเดือน ยังไม่นับรวมที่กองทุนน้ำมันฯต้องตามชดเชยราคาพลังงานทดแทนอื่นๆ อีก
เนื่องด้วยกระทรวงพลังงานเห็นว่า ปตท. เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐ ดังนั้นรัฐบาลจึงเห็นว่าสามารถถ่วงเวลาจ่ายหนี้ไปก่อนได้ และภาระหนักก็ตกกับ ปตท.ที่ขณะนี้แบกรับภาระการชดเชยแอลพีจีไปแล้วเกือบ 10,000 ล้านบาท และเอ็นจีวีอีกเกือบ 20,000 ล้านบาท สำหรับเงินกองทุนน้ำมันฯที่หมดไปกับมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรต่อลิตรของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นั้น เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 จนถึงวันนี้ใช้เงินพยุงราคาดีเซลไปแล้วทั้งสิ้น 23,301 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งขึ้นช่วงปี 2523 - 2524 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือชั่วคราวในการทยอยปรับเปลี่ยนราคาน้ำมันให้เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้น โดยใช้วิธีดังนี้คือ เมื่อราคาน้ำมันแพง ก็เอาเงินกองทุนฯไปพยุงราคาไว้ไม่ให้ขึ้นราคาอย่างรวดเร็ว แต่จะค่อยๆ ทยอยขึ้นราคาน้ำมันทีละนิดเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว แต่เมื่อราคาน้ำมันถูกลง ประชาชนยังคงต้องใช้น้ำมันราคาสูงไปสักระยะเพื่อเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯก่อน
ต่อมาเกิดวิกฤติราคาน้ำมันโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี 2522 - 2529 ราคาน้ำมันพุ่งจาก 7 บาทต่อลิตร เป็น 13.45 บาทต่อลิตร ต่อมาประเทศไทยพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยปี 2524 และไทยเริ่มผลิตแอลพีจีได้เป็นครั้งแรก มีการส่งเสริมใช้แอลพีจีในรถยนต์ โดยรัฐบาลอนุมัติให้ขึ้นราคาน้ำมันเบนซินสูงสุดตามตลาดโลกสมัยนั้น 13.45 บาทต่อลิตร แต่ตรึงราคาแอลพีจี 6 บาทต่อลิตร เมื่อมีทางเลือกในการใช้พลังงานแล้วรัฐบาลต่อมาจึงประกาศลอยตัวราคาน้ำมันในปี 2532
ผลจากการลอยตัวทำให้ไม่ต้องใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ จนเมื่อราคาน้ำมันกลับมาสูงอีกครั้งสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2533-2534 ประชาชนแห่มาใช้แอลพีจีอย่างหนัก และรัฐบาลต้องแบกรับภาระชดเชยแอลพีจีเป็นครั้งแรก ดังนั้นเมื่อประกาศลอยตัวราคาน้ำมันไปแล้วทำให้ไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเข้ากองทุนฯได้ ขณะที่ต้องมีภาระชดเชยแอลพีจี ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯติดลบเป็นครั้งแรก 10,000 ล้านบาท และต้องกู้เงินจากธนาคารมาชำระหนี้แอลพีจี
ต่อมายุค พล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีปี 2540 ได้จัดการเคลียร์ปัญหากองทุนน้ำมันฯจนกลับมาเป็นบวก ด้วยการขึ้นราคาแอลพีจี 3 บาทต่อกิโลกรัม และไม่แทรกแซงราคาน้ำมัน แต่แล้วก็เกิดวิกฤติราคาน้ำมันโลกอีกครั้งสมัยรัฐบาลทักษิณ2 ในปี 2548 - 2549 มีการนำเงินไปพยุงราคาดีเซลจนกองทุนติดลบเป็นครั้งที่ 2 ถึง 90,000 ล้านาท จนสมัยนายปิยสวัสดิ์ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในยุครัฐบาล คมช. แก้ไขปัญหาจนกองทุนน้ำมันเป็นบวกกว่า 30,000 ล้านบาท
และแล้วก็มาสู่ยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนล่าสุด ที่ทำให้ตัวเลขทางบัญชีกองทุนน้ำมันฯกลับกลายเป็นลบ นับเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนน้ำมันฯขึ้นมา ปัญหาที่ถมทับกองทุนน้ำมันฯในขณะนี้คือ การพยุงราคาแอลพีจีมานานและรัฐบาลไม่กล้าขยับขึ้นราคาแอลพีจีในประเทศ โดยยังตรึงไว้ 330 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ราคาตลาดโลกพุ่งไป 930 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ที่ผ่านมามีการพยายามจะปรับขึ้นราคาแอลพีจีเป็นระบบขั้นบันได หรือทยอยปรับขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้เริ่มรับรู้ราคาพลังงานจริงที่เกิดขึ้น แต่หลายรัฐบาลไม่กล้า เนื่องจากหวั่นปัญหาคะแนนเสียงทางการเมือง
จนปัญหาด้านราคาเอ็นจีวีมาซ้ำเติม เพราะรัฐบาลตรึงราคาอีกเช่นกันที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาจริงขึ้นไป 13 - 14 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ภาระเพิ่มพูน และบวกภาระการชดเชยราคาดีเซลเข้าไปอีก ท้ายที่สุดกองทุนน้ำมันฯหนีไม่พ้นกลับมาเป็นหนี้ต้องกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินมาใช้หนี้ค้างชำระต่างๆ อีกครั้ง
รัฐบาลยุคนายอภิสิทธิ์ โชคร้ายตรงที่ราคาพลังงานมาปรับสูงขึ้นเกือบทุกอย่าง แต่แล้วก็ไม่มีวิธีการแก้ปัญหาใดๆ ออกมา มีเพียงแต่พยุงราคาเพียงอย่างเดียว จนประชาชนผู้ใช้น้ำมันดีเซลยังไม่ตระหนักรับรู้ว่า ราคาน้ำมันโลกสูงต้องร่วมมือกันประหยัดแล้ว แต่ผู้ใช้น้ำมันเบนซินคงทราบดี เนื่องจากเงินทุกบาทที่จ่ายไปกับการซื้อน้ำมันเบนซินต้องจ่ายเพิ่มไปยังกองทุนน้ำมันฯด้วย และกองทุนน้ำมันฯก็นำไปพยุงราคาให้กับผู้ใช้ดีเซล เอ็นจีวี แอลพีจี เท่ากับวันนี้ผู้ใช้น้ำมันเบนซิน เป็นผู้เสียสละอย่างจำใจ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ดีเซล เอ็นจีวี และแอลพีจี ได้มีพลังงานใช้ราคาถูกกันต่อไป ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มี น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังคงยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้มีเงินสดพอที่จะพยุงราคาน้ำมันดีเซลต่อไปจนยุบสภาและรอรัฐบาลชุดหน้ามาบริหารจัดการภาระหนี้กองทุนน้ำมันฯ แทน
เป็นอันว่า รัฐบาลชุดนี้ใช้เงินหมดแล้ว ใครมาเป็นรัฐบาลชุดหน้าก็แก้ปัญหาไปก็แล้วกัน..... ก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาลชุดหน้าจะมีกึ๋นในการบริหารจัดการพลังงานของประเทศได้ดีกว่าทุกวันนี้
http://www.matubhum.or.th/main/content.php?page=sub&category=11&id=2467
#56
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 22:54
แล้วมาเจอคว่ำบาตรอิหร่านถือว่าซวยครับ
#57
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:00
แค่นั้นจบหรอครับ ตลกว่ะครับ
#58
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:04
ถ้ารัฐบาลปูเก็บเข้ากองทุนน้ำมันแบบยุคมาร์ค ป่านนี้น้ำมัน ปาไปลิตรละ 45 นานแล้วครับ
#59
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:05
#60
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:06
บายบาย
อย่าลืมเอากลับไปคิดนะครับเรื่องนี้
#61
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:11
ริจะอวดอ้างก็เอาข้อมูลมาให้ดูดีกว่าครับ
ดูเอาละกันว่าราคาตลาดโลก รัฐบาลไหนสูงกว่า
แต่ราคาขายปลีกของใครแพงกว่า
แปลกดีนะครับ ซื้อมาแพงกว่าแถมเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแต่ทำไมขายปลีกได้ถูกกว่าไม่รู้
#62
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:19
เอาไปดูและทำความเข้าใจอีกรอบ
#63
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:19
เริ่มต้นมีเงินกี่บาท แล้วมันลดลงๆนี่เพราะใครบริหารครับ?
ตัวเลขจริงสอดคล้องกับบทความหลอกควายที่โพสมาหรือเปล่าครับ?
#64
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:22
หรือรู้จักแต่โพส อ่านกราฟไม่เป็น?
#66
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:38
#67
ตอบ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:42
ผมว่าคุณดูข้อมูลที่คุณโพสเองดีกว่าครับ ว่าก่อนปี 2011 เดือน 7 ที่รัฐบาลนี้เข้ามาน่ะ ราคาสูงสุดที่เท่าไหร่ แล้วตอนนี้สูงสุดเท่าไหร่
หรือรู้จักแต่โพส อ่านกราฟไม่เป็น?
เอาไปทำความเข้าใจ
อย่ามาเล่นขายของว่ารัฐบาลไหนน้ำมันแพงกว่ากันโดยไม่ฟังเหตุผลของใคร
งั้นผมก็บอกได้เมื่อ 50 ที่แล้วก๋วยเต๊๋ยวจานละไม่ถึง บาท
Edited by evomans136, 4 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:42.
#68
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 00:14
นั้นละที่กองทุนน้ำมันก็ร่อยหลอลงเรื่อยๆด้วยเพราะต้องเอามาอุ้ม
#69
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 00:19
เราจะกระชากค่าครองชีพลงมาคร๊าาาาาาา... จะปล่อยให้พี่น้องต้องแบกรับภาระได้อย่างไรค่ะ (ตอนนี้ค่าครองชีพได้สูงขึ้นแล้วคร๊าบบท่านนายกฯ ปู้วววว)
เราจะยกเลิกกองทุนน้ำมัน จะทำให้น้ำมันราคาถูกลงคร๊าาาาาาา ดีมั้ยค่ะ เอามั้ยคร๊าาาาา (ตอนนี้กลับมาเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแล้ว ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นอีกแล้วคร๊าบท่าน ปู้วว ปู้ววว)
โปรดรับผิดชอบกับสิ่งที่ท่านได้หาเสียงไว้ด้วยคร๊าบบ
ชีวิตประจำวันทุกวันนี้ พวกผมลำบากขึ้นเพราะนโยบายที่ท่านหาเสียงไว้แล้วไม่รับผิดชอบ ทำทุกอย่างตรงกันข้ามหมดเลย
นี่เพิ่งผ่านมาแค่ 7 เดือนเอง ยังแพงขนาดนี้แล้วถ้าท่านอยู่ครบ 4 ปี พวกผมจะเอาอะไรกินล่ะคับ
ปล. อย่าโทษสถานการณ์อิหร่าน, อย่าโทษราคาน้ำมันตลาดโลก อีกต่อไปเลย บริหารจัดการไม่ได้ก็ได้โปรดออกไปเถอะ ปล่อยให้คนที่พร้อมทำงานมาทำแทนดีกว่า
#70
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 00:26
#71
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 00:29
แต่ก็ไม่ติดลบและมาร์คไม่ได้หาเสียงว่าจะยกเลิกกองทุนน้ำมันแบบปู
ซึ่งรัฐบาลปูหาเสียงไว้อย่างแต่ทำอย่าง ตรงนี้มันน่าตำหนิครับ
แถมรัฐบาลปูยังขาดสติปัญญาในการประเมินสถานการณ์น้ำมัน
มาลดราคาน้ำมันชั่วระยะเวลาสั้นๆให้เงินหมดกองทุนเร็วขึ้น เอาเงินมาชดเชยให้ปั๊มน้ำมันอย่างไร้สาระหลายพันล้านบาท
ทำลายความเติบโตของพลังงานทางเลือกอย่าง ไบโอดีเซล และแก๊สโซฮอลล์
เรื่องพวกนี้เป็นความผิดพลาดของรัฐบาลปูทั้งสิ้นไม่มีทางโทษใครได้
จะบอกว่าต่อให้มาร์คมาเป็นนายกฯก็เป็นเช่นนี้มันไม่จริงแน่ๆครับ
มาร์คมีความสามารถในการประเมินสถานการณ์ ผ่อนสั้นผ่อนยาวได้ดีกว่า
(ยกตัวอย่างเช่นสมัยทักษิณก็ทำกองทุนน้ำมันติดลบเกือบแสนล้านบาทมาแล้ว)
ผมก็ไม่ทราบว่าสมาชิกบางท่านจะมาเถียงแก้ให้รัฐบาลปูด้วยการบอกว่าสมัยมาร์คสถานการณ์ไม่แย่ขนาดนี้ทำไม
ทั้งที่ตอนสมัยมาร์คคนในรัฐบาลตอนนี้ก็ออกมาวิจารณ์มาร์คอย่างไม่เป็นเหตุเป็นผลเรื่องน้ำมันแพง
ตอนมาร์คเก็บเงินเข้ากองทุนมากๆในช่วงน้ำมันถูก ตอนนั้นเพื่อไทยก็เอาแต่โจมตี
แถมอ้างว่าหากพรรคตัวเองมาบริหารจะทำให้น้ำมันถูกกว่า
แล้วมันทำได้ไหมล่ะครับทั้งที่ต้นทุนน้ำมันถูกกว่ายุคมาร์คเสียอีก
สรุปคือทำไม่ได้ ดีเซลก็แพงจนภาคขนส่งต้องขยับขึ้นแน่ วิจารณ์คนอื่นไว้เสียมากมายพอตัวเองมาทำกลับไร้ฝีมือ
กองทุนน้ำมันยุคมาร์คจะร่อยหรอลงยังไงก็ไม่ติดลบร่วมแสนล้านเหมือนสมัยทักษิณหรอกครับ จะอ้างอะไรก็ย้อนกลับไปดูสิ่งที่รัฐบาลของพวกเสื้อแดงทำไว้ด้วย
วิธีการยุติระบอบทักษิณ
ก็แค่เพียงทำให้คนไทยส่วนใหญ่ "ฉลาด"
#72
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 00:43
#73
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 01:03
ประเด็นนี้โดนถีบหน้าหงายกันมานักต่อนักแล้วครับ เดี๋ยวก็มีคนมาตอบเองละครับ แต่ว่าเชื่อรึป่าวว่าไอแม้วมันแค่จอมสร้างภาพ ขอให้โชคดีในความเชื่อครับรัฐบาลไหนว่ะติด หนี้ imf เป็นแสนล้าน แล้วใครตามเช็ดก้นให้
คนดีจริงไม่โกงที่วัด ไม่ยุแยงให้คนแตกแยก ไม่หลอกคนอื่นให้มารับเคราะห์ตายแทน
#74
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 10:24
ผมว่าคุณดูข้อมูลที่คุณโพสเองดีกว่าครับ ว่าก่อนปี 2011 เดือน 7 ที่รัฐบาลนี้เข้ามาน่ะ ราคาสูงสุดที่เท่าไหร่ แล้วตอนนี้สูงสุดเท่าไหร่
หรือรู้จักแต่โพส อ่านกราฟไม่เป็น?
เอาไปทำความเข้าใจ
อย่ามาเล่นขายของว่ารัฐบาลไหนน้ำมันแพงกว่ากันโดยไม่ฟังเหตุผลของใคร
งั้นผมก็บอกได้เมื่อ 50 ที่แล้วก๋วยเต๊๋ยวจานละไม่ถึง บาท
โทษนะครับ อ่านสิ่งที่ตัวเองโพสมาบ้างหรือเปล่า ผมถามง่ายๆละกันว่ากองทุนน้ำมันคืออะไรครับ
มันก็คือกันเงินไว้ buffer ราคาน้ำมันที่มันสูงขึ้นไม่ใช่มีไว้เก็บแต้มสูงๆเอาไว้ดูเล่นนะครับ
แล้วจากกราฟที่คุณโพสมาเองนั่นก็เห็นว่าปลายรัฐบาลที่แล้วราคาน้ำมันโลกสูงขึ้น
ก็ถูกแล้วไม่ใช่หรอครับที่จะต้องเอาเงินกองทุนออกมาใช้
แต่ก่อนรัฐบาลชุดนี้จะมารับตำแหน่งไม่นานจะเห็นว่ามีช่วงที่น้ำมันถูกลง ซึ่งผมก็ได้เอาตัวเลขมาให้ดูแล้วว่าเงินในกองทุนยังเหลือถึง 14,000 ล้าน
แต่มันค่อยๆมาลดเอารัฐบาลชุดนี้ แล้วยังงี้จะโทษว่ารัฐบาลที่แล้วใช้เงินหมดได้ไงครับ?
#75
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 10:36
#76
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 12:57
รัฐบาลไหนว่ะติด หนี้ imf เป็นแสนล้าน แล้วใครตามเช็ดก้นให้
ทักษิณแค่เป็นคนจ่ายเงินงวดสุดท้ายเท่านั้นเอง แล้วคิดว่าเงินก้อนที่ทักษิณเอาไปจ่าย ใช้เงินตัวเอง จากกระเป๋าตัวเองหรือเปล่าล่ะ หรือเป็นเงินที่รัฐบาลก่อนหน้าเค้าเตรียมเอาไว้ให้จ่ายอยู่แล้ว
#77
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 13:07
เอามาให้อ่านเล่นๆแก้เครียดครับ
อื้อฉาว !! รัฐบาลเด็ก "มาร์ค" ... 4 เดือน ถลุงเงินกองทุนน้ำมัน 2.8 หมื่นล้านเกลี้ยง
อื้อฉาวและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางกับการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของรัฐบาลของ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เนื่องจากเงินที่สะสมไว้ 28,000 ล้านบาทตั้งแต่สมัยนายปิยสัวส์ดิ์ อัมระนันท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในยุครัฐบาลคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ( คมช.) เพื่อใช้ในการดูแลกลไกราคาพลังงานถูกใช้เกลี้ยงในพริบตาเพียงระยะเวลา 4 เดือนเท่านั้น
ผลงานรัฐบาลชุดนี้โดดเด่นที่การจ่ายเงิน แต่ไม่ชำนาญด้านการหาเงิน ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ในวันนี้เหลือเงินสดอยู่เพียง 4,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้หักรวมหนี้ต่าง ๆ ที่เจ้าหนี้รอแบมือทวงเงินอยู่กว่า 4,000 ล้านบาทต่อเดือน และต้องใช้พยุงราคาน้ำมันดีเซล 1,671 ล้านบาทต่อเดือน เท่ากับวันนี้ความเป็นจริงของกองทุนน้ำมันฯมีสภาพติดลบไปแล้วกว่า 1,600 ล้านบาทต่อเดือน แต่ที่รัฐบาลพยายามประกาศว่ายังมีเงินเหลืออยู่เพื่อพยุงราคาดีเซลจนถึงรัฐบาลชุดหน้านั้น ก็เกิดจากการเบี้ยวจ่ายเงินเจ้าหนี้นั่นเอง
และเจ้าหนี้รายใหญ่คือ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)นั่นเอง ที่ตามทวงหนี้ 2 ก้อนใหญ่ๆ จากกองทุนน้ำมันฯ คือ หนี้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) 2,900 ล้านบาทต่อเดือน และก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(เอ็นจีวี) 300- 400 ล้านบาทต่อเดือน ยังไม่นับรวมที่กองทุนน้ำมันฯต้องตามชดเชยราคาพลังงานทดแทนอื่นๆ อีก
เนื่องด้วยกระทรวงพลังงานเห็นว่า ปตท. เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐ ดังนั้นรัฐบาลจึงเห็นว่าสามารถถ่วงเวลาจ่ายหนี้ไปก่อนได้ และภาระหนักก็ตกกับ ปตท.ที่ขณะนี้แบกรับภาระการชดเชยแอลพีจีไปแล้วเกือบ 10,000 ล้านบาท และเอ็นจีวีอีกเกือบ 20,000 ล้านบาท สำหรับเงินกองทุนน้ำมันฯที่หมดไปกับมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรต่อลิตรของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นั้น เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 จนถึงวันนี้ใช้เงินพยุงราคาดีเซลไปแล้วทั้งสิ้น 23,301 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งขึ้นช่วงปี 2523 - 2524 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือชั่วคราวในการทยอยปรับเปลี่ยนราคาน้ำมันให้เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้น โดยใช้วิธีดังนี้คือ เมื่อราคาน้ำมันแพง ก็เอาเงินกองทุนฯไปพยุงราคาไว้ไม่ให้ขึ้นราคาอย่างรวดเร็ว แต่จะค่อยๆ ทยอยขึ้นราคาน้ำมันทีละนิดเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว แต่เมื่อราคาน้ำมันถูกลง ประชาชนยังคงต้องใช้น้ำมันราคาสูงไปสักระยะเพื่อเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯก่อน
ต่อมาเกิดวิกฤติราคาน้ำมันโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี 2522 - 2529 ราคาน้ำมันพุ่งจาก 7 บาทต่อลิตร เป็น 13.45 บาทต่อลิตร ต่อมาประเทศไทยพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยปี 2524 และไทยเริ่มผลิตแอลพีจีได้เป็นครั้งแรก มีการส่งเสริมใช้แอลพีจีในรถยนต์ โดยรัฐบาลอนุมัติให้ขึ้นราคาน้ำมันเบนซินสูงสุดตามตลาดโลกสมัยนั้น 13.45 บาทต่อลิตร แต่ตรึงราคาแอลพีจี 6 บาทต่อลิตร เมื่อมีทางเลือกในการใช้พลังงานแล้วรัฐบาลต่อมาจึงประกาศลอยตัวราคาน้ำมันในปี 2532
ผลจากการลอยตัวทำให้ไม่ต้องใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ จนเมื่อราคาน้ำมันกลับมาสูงอีกครั้งสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2533-2534 ประชาชนแห่มาใช้แอลพีจีอย่างหนัก และรัฐบาลต้องแบกรับภาระชดเชยแอลพีจีเป็นครั้งแรก ดังนั้นเมื่อประกาศลอยตัวราคาน้ำมันไปแล้วทำให้ไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเข้ากองทุนฯได้ ขณะที่ต้องมีภาระชดเชยแอลพีจี ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯติดลบเป็นครั้งแรก 10,000 ล้านบาท และต้องกู้เงินจากธนาคารมาชำระหนี้แอลพีจี
ต่อมายุค พล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีปี 2540 ได้จัดการเคลียร์ปัญหากองทุนน้ำมันฯจนกลับมาเป็นบวก ด้วยการขึ้นราคาแอลพีจี 3 บาทต่อกิโลกรัม และไม่แทรกแซงราคาน้ำมัน แต่แล้วก็เกิดวิกฤติราคาน้ำมันโลกอีกครั้งสมัยรัฐบาลทักษิณ2 ในปี 2548 - 2549 มีการนำเงินไปพยุงราคาดีเซลจนกองทุนติดลบเป็นครั้งที่ 2 ถึง 90,000 ล้านาท จนสมัยนายปิยสวัสดิ์ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในยุครัฐบาล คมช. แก้ไขปัญหาจนกองทุนน้ำมันเป็นบวกกว่า 30,000 ล้านบาท
และแล้วก็มาสู่ยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนล่าสุด ที่ทำให้ตัวเลขทางบัญชีกองทุนน้ำมันฯกลับกลายเป็นลบ นับเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนน้ำมันฯขึ้นมา ปัญหาที่ถมทับกองทุนน้ำมันฯในขณะนี้คือ การพยุงราคาแอลพีจีมานานและรัฐบาลไม่กล้าขยับขึ้นราคาแอลพีจีในประเทศ โดยยังตรึงไว้ 330 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ราคาตลาดโลกพุ่งไป 930 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ที่ผ่านมามีการพยายามจะปรับขึ้นราคาแอลพีจีเป็นระบบขั้นบันได หรือทยอยปรับขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้เริ่มรับรู้ราคาพลังงานจริงที่เกิดขึ้น แต่หลายรัฐบาลไม่กล้า เนื่องจากหวั่นปัญหาคะแนนเสียงทางการเมือง
จนปัญหาด้านราคาเอ็นจีวีมาซ้ำเติม เพราะรัฐบาลตรึงราคาอีกเช่นกันที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาจริงขึ้นไป 13 - 14 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ภาระเพิ่มพูน และบวกภาระการชดเชยราคาดีเซลเข้าไปอีก ท้ายที่สุดกองทุนน้ำมันฯหนีไม่พ้นกลับมาเป็นหนี้ต้องกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินมาใช้หนี้ค้างชำระต่างๆ อีกครั้ง
รัฐบาลยุคนายอภิสิทธิ์ โชคร้ายตรงที่ราคาพลังงานมาปรับสูงขึ้นเกือบทุกอย่าง แต่แล้วก็ไม่มีวิธีการแก้ปัญหาใดๆ ออกมา มีเพียงแต่พยุงราคาเพียงอย่างเดียว จนประชาชนผู้ใช้น้ำมันดีเซลยังไม่ตระหนักรับรู้ว่า ราคาน้ำมันโลกสูงต้องร่วมมือกันประหยัดแล้ว แต่ผู้ใช้น้ำมันเบนซินคงทราบดี เนื่องจากเงินทุกบาทที่จ่ายไปกับการซื้อน้ำมันเบนซินต้องจ่ายเพิ่มไปยังกองทุนน้ำมันฯด้วย และกองทุนน้ำมันฯก็นำไปพยุงราคาให้กับผู้ใช้ดีเซล เอ็นจีวี แอลพีจี เท่ากับวันนี้ผู้ใช้น้ำมันเบนซิน เป็นผู้เสียสละอย่างจำใจ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ดีเซล เอ็นจีวี และแอลพีจี ได้มีพลังงานใช้ราคาถูกกันต่อไป ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มี น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังคงยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้มีเงินสดพอที่จะพยุงราคาน้ำมันดีเซลต่อไปจนยุบสภาและรอรัฐบาลชุดหน้ามาบริหารจัดการภาระหนี้กองทุนน้ำมันฯ แทน
เป็นอันว่า รัฐบาลชุดนี้ใช้เงินหมดแล้ว ใครมาเป็นรัฐบาลชุดหน้าก็แก้ปัญหาไปก็แล้วกัน..... ก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาลชุดหน้าจะมีกึ๋นในการบริหารจัดการพลังงานของประเทศได้ดีกว่าทุกวันนี้
http://www.matubhum.or.th/main/content.php?page=sub&category=11&id=2467
ตกลงเข้าใจหรือยังว่ากองทุนน้ำมันเค้ามีไว้ทำอะไร? เค้ามีไว้เพื่อไม่ให้ราคาในตลาดปรับขึ้นปรับลงมากเกินไป
เค้าไม่ได้ห้ามรัฐบาลปูเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อพยุงราคาน้ำมัน แต่เจือกไม่ทำเอง เพราะคิดว่าตัวเองบริหารเก่ง แล้วเป็นไง?
ยกตัวอย่างง่ายๆ นาย ก ไม่ได้ทำงานประจำ รับจ้างเป็นจ๊อบๆไป วันนึงคิดว่างานไม่มั่นคงเลยแฮะ เอางี้ดีกว่า จะปันส่วนเงินที่หามาได้เข้าใส่ธนาคาร สมมติ 20% ของรายได้ ก็เก็บๆไป วันไหนไม่มีงานก็ยังมีเงินเก็บก็ดึงออกมาใช้ไปก่อน พอได้งานทำ ได้เงินก็เก็บใหม่ ทำแบบนี้ก็จะรู้สึกว่าปลอดภัย มีเงินกินเงินใช้ตลอด แม้ว่าวันทีทำงานได้มาจะกินไม่เต็มที่เพราะต้องเจียด 20% ไปเก็บ แต่เวลาไม่มีเงินเข้าก็ยังอยุ่รอด
นาย ข ไม่ได้ทำงานประจำเหมือนกัน พอวันไหนทำงานได้เงินก็เอาไปกินจนหมด พอวันไหนไม่มีงาน ก็ไม่มีอะไรกิน ถ้าไม่ไปกู้หนี้ยืมสินก็ไม่รู้จะเอาอะไรกิน
นี่คือภาพง่ายๆของกองทุนน้ำมัน ไม่ใช่เก็บไปแล้วน้ำมันจะถูกลง ไม่ใช่เก็บไปแล้วคนจะใช้น้ำมันเปลืองขึ้น แต่มันเพื่อทำให้ราคามีเสถียรภาพ คนไม่รู้สึกว่าราคามันขึ้นนะ ลงนะ จะว่าทำแล้วคนใช้น้ำมันเปลือง ถามหน่อยเถอะ ตอนนี้คนไทยคนไหนบ้างที่รุ้สึกว่าน้ำมันถูกว่ะ เอารถไปขับเล่นๆ (นอกจากพวกมีอันจะกินอยู่แล้วนะ รายได้ต่อเดือนเป็นหลายๆแสน ซึ่งจะมีกี่เปอร์เซ็นต์กัน) พอราคาน้ำมันเสถียร ราคาของก็เสถียร
แล้วตอนนี้เป็นไง เดี๋ยวน้ำมันขึ้นๆ ชอบไม๊? ราคาของก็ขึ้น ชอบหรือเปล่า แถมไม่รู้ด้วยว่าจะไปสิ้นสุดตรงไหนนะ
#78
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 13:14
#79
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 13:19
ทำไมไม่ขายข้าว? ข้าวไม่มีขาย คำตอบจาก ศรเพขร ศรสุพรรณ
#80
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 13:40
55555555555555 ควายแท้ๆเลยใช่ไม๊นั่น
http://www.facebook....&type=1
ไม่คิดว่าจะมีคนกดไลท์ ให้มันด้วย เหอๆ
เรื่องง่ายที่hentai ไม่คิด ปล่อยให้เราคิดกันจนหัวแทบแตกว่าทำไมน้ำมันที่เราใช้แพงขึ้นทุกวัน โดยที่รัฐไม่หาทางแบ่งเบาให้เลย
เหอๆๆ ถามคำเดิม
1) ตอน พ่อม้ากเป็น นายก น้ำมัน 95 เรา แถวๆ 40 มาเลเซียเท่าไรครับ....
2) ราคาที่ว่าต่างกัน มัน ต่างจาก ตอน พ่อม้ากเป็น นายก อย่างมีนัยสำคัญหรือไม่...
เหอๆๆ
คนฉลาดๆที่อ่านเกิน สามบรรทัดได้ ควรจะถามคำถามเหล่านี้.... ซะก่อนแล้วค่อยออกความเห็น
ไม่งั้น ยิ่งออกมา ยิ่งอายเค้า....
ถ้าฉลาดก็ช่วยให้นังปู มันทำให้ถูกลงหน่อยซิครับ อันไหนไม่ดีก็ควรทำให้ดีครับ
เอ็งขอเป็น"ขี้ข้าโจร" ข้าเลือกเป็น"ข้าธุลีพระบาท" เอ็งขอเป็น"ไพร่" ข้าเลือกเป็น"พสกนิกร"
#81
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 14:23
ประโยคนี้ขึ้นมาแสดงว่าน๊อคบอสได้ ยินดีด้วยครับรัฐบาลไหนว่ะติด หนี้ imf เป็นแสนล้าน แล้วใครตามเช็ดก้นให้
ปล. มันจบแล้วใช่มั้ยตัวเธอว์
#82
ตอบ 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 12:04
รัฐบาลไหนว่ะติด หนี้ imf เป็นแสนล้าน แล้วใครตามเช็ดก้นให้
รัฐบาลสมัยไหนเป็นคนเซ็นกู้ IMF หว่า รู้สึกว่ารองนายกก็เป็นพวกเกาะขาเผด็จการด้วยนะ...
---------------------------------------
#83
ตอบ 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 19:05
เห็นประโยคนี้แล้ว เชื่อแล้วว่า evoman เพิ่งเข้ามาใหม่จริงๆประโยคนี้ขึ้นมาแสดงว่าน๊อคบอสได้ ยินดีด้วยครับ
รัฐบาลไหนว่ะติด หนี้ imf เป็นแสนล้าน แล้วใครตามเช็ดก้นให้
ปล. มันจบแล้วใช่มั้ยตัวเธอว์