ทู้นี้มาช่วยกัน รวบรวม Tricks and tips ในสถานการณ์น้ำท่วมกันเถอะ
Started by ลืมล็อกอินเก่า, 27 October 11 10:33
9 replies to this topic
#1
Posted 27 October 2011 - 10:33
รวบรวมมาอีกทีจาก บอร์ด&เฟซ
*** ข้อมูลเป็นประโยชน์ อุปกรณ์ไฟฟ้า ถ้าถูกน้ำท่วมทำยังไง***
1.ถ้าน้ำท่วมแอร์ตัวนอก(คอนเดนซิ่ง) ปล่อยไปเลยไม่ต้องไปยุ่งกับมัน รอให้น้ำลดแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งสัก2-3วันแล้วค่อยใช้งาน เพราะเขาออกแบบมาให้ใช้งานภายนอก
2.ตู้เย็น ถ้ายกไม่ทันหรือยกไม่ไหว ก้อปล่อยทิ้งไปเลย พอน้ำลด ปล่อยทิ้งไว้เอาไปตกแดด2-3วัน เพื่อให้สายไฟและอุปกร์ภายในแห้ง ถ้ารอไม่ไหว ก้อเอาไดร์เป่าผมเป่าให้แห้ง ก่อนเสียบปลั๊ก
3.พัดลม ถ้าน้ำเข...้าพัดลม ก้อเอาไปตากแดดให้แห้งสัก2วัน ก้อใช้งานได้ แต่ถ้าแกนใบพัดขึ้นสนิมก้อเอาน้ำมันหล่อลื่นนิดหน่อย ก้อใช้ได้
4.tv ถ้าน้ำเข้า เอาไปตากแดดสัก2-3วัน แล้วเอาลมเป่าอีกครั้ง ก้อพอช่วยได้
5.เตาแก๊ส ถ้าน้ำเข้าสายแก๊ส ให้ถอดสายแก๊สออกมาแล้วเป่าไล่น้ำในสายออก ก้อใช้ได้
6เครื่องซักผ้า ถ้ายกไม่ทันก้อปล่อยทิ้งไว้ พอน้ำลด ให้เอาลมเป่ามอเตอร์ และสายไฟภายในให้แห้งก่อนเสียบปลั๊ก ก้อพอช่วยได้
เครดิต: คนสับปรับ
http://webboard.seri...__fromsearch__1
*** ข้อมูลเป็นประโยชน์ อุปกรณ์ไฟฟ้า ถ้าถูกน้ำท่วมทำยังไง***
1.ถ้าน้ำท่วมแอร์ตัวนอก(คอนเดนซิ่ง) ปล่อยไปเลยไม่ต้องไปยุ่งกับมัน รอให้น้ำลดแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งสัก2-3วันแล้วค่อยใช้งาน เพราะเขาออกแบบมาให้ใช้งานภายนอก
2.ตู้เย็น ถ้ายกไม่ทันหรือยกไม่ไหว ก้อปล่อยทิ้งไปเลย พอน้ำลด ปล่อยทิ้งไว้เอาไปตกแดด2-3วัน เพื่อให้สายไฟและอุปกร์ภายในแห้ง ถ้ารอไม่ไหว ก้อเอาไดร์เป่าผมเป่าให้แห้ง ก่อนเสียบปลั๊ก
3.พัดลม ถ้าน้ำเข...้าพัดลม ก้อเอาไปตากแดดให้แห้งสัก2วัน ก้อใช้งานได้ แต่ถ้าแกนใบพัดขึ้นสนิมก้อเอาน้ำมันหล่อลื่นนิดหน่อย ก้อใช้ได้
4.tv ถ้าน้ำเข้า เอาไปตากแดดสัก2-3วัน แล้วเอาลมเป่าอีกครั้ง ก้อพอช่วยได้
5.เตาแก๊ส ถ้าน้ำเข้าสายแก๊ส ให้ถอดสายแก๊สออกมาแล้วเป่าไล่น้ำในสายออก ก้อใช้ได้
6เครื่องซักผ้า ถ้ายกไม่ทันก้อปล่อยทิ้งไว้ พอน้ำลด ให้เอาลมเป่ามอเตอร์ และสายไฟภายในให้แห้งก่อนเสียบปลั๊ก ก้อพอช่วยได้
เครดิต: คนสับปรับ
http://webboard.seri...__fromsearch__1
#4
Posted 27 October 2011 - 10:39
รู้ สู้ flood 2
#5
Posted 27 October 2011 - 10:44
จัดมหกรรมกรุงเทพเมืองแห่งสายน้ำ พ่อค้าแม่ค้าเอาเรือมาพายขาย เอาเรือเมล์มาใช้แทนรถ
ผมว่าสนุกดีออก งานมีแค่เดือนเดียวหารายได้เข้ากระเป๋า เอาไว้ซื้้อน้ำเปล่าจาก ต่างจังหวัด มาแจกผู้ประสภัย
แรงงานขาดตรงไหนก็ให้ผู้ประสพภัยช่วย ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว แก้เบื่อ
ผมว่าสนุกดีออก งานมีแค่เดือนเดียวหารายได้เข้ากระเป๋า เอาไว้ซื้้อน้ำเปล่าจาก ต่างจังหวัด มาแจกผู้ประสภัย
แรงงานขาดตรงไหนก็ให้ผู้ประสพภัยช่วย ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว แก้เบื่อ
#6
Posted 27 October 2011 - 10:58
วิธีหุงข้าวสารโดยไม่ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าและไม่ต้องเช็ดน้ำ
กรณีมีเตาถ่านหรือเตาแก๊ส
1. ตวงข้าวใส่หม้อ ซาวข้าวหรือไม่ซาวก็ได้แล้วแต่ความจำเป็น แล้วใส่น้ำให้น้ำอยู่เหนือข้าวประมาณ 1 ข้อนิ้วชี้
2. ตั้งหม้อข้าวบนไฟแรง รอให้น้ำเดือดพล่านประมาณ 30 วินาที
3. ปิดฝาหม้อ ลดไฟลงให้เหลือเป็นไฟอ่อน รอต่อไปอีกประมาณ 30 นาที ข้าวก็จะสุกทั่วกัน
วิธีนี้เรียนรู้มาจากเพื่อนชาวเกาหลี และใช้หุงข้าวเวลาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองหรือเดินทางไปเที่ยวแล้วทำอาหารเองตาม youth hostel ค่ะ
กรณีมีเตาถ่านหรือเตาแก๊ส
1. ตวงข้าวใส่หม้อ ซาวข้าวหรือไม่ซาวก็ได้แล้วแต่ความจำเป็น แล้วใส่น้ำให้น้ำอยู่เหนือข้าวประมาณ 1 ข้อนิ้วชี้
2. ตั้งหม้อข้าวบนไฟแรง รอให้น้ำเดือดพล่านประมาณ 30 วินาที
3. ปิดฝาหม้อ ลดไฟลงให้เหลือเป็นไฟอ่อน รอต่อไปอีกประมาณ 30 นาที ข้าวก็จะสุกทั่วกัน
วิธีนี้เรียนรู้มาจากเพื่อนชาวเกาหลี และใช้หุงข้าวเวลาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองหรือเดินทางไปเที่ยวแล้วทำอาหารเองตาม youth hostel ค่ะ
รังเกียจประชาธิปไตยจอมปลอมของระบอบทักษิณ
#7
Posted 27 October 2011 - 10:59
อันนี้คิดดูเฉยๆ อย่างรถสมมติว่าเช่าตู้คอนเทนเนอร์ มาแล้วขับเข้าไปเก็บนี่จะกันน้ำได้ป่าว คุ้มกันไหม
#8
Posted 27 October 2011 - 11:08
อันนี้คิดดูเฉยๆ อย่างรถสมมติว่าเช่าตู้คอนเทนเนอร์ มาแล้วขับเข้าไปเก็บนี่จะกันน้ำได้ป่าว คุ้มกันไหม
ไม่คุ้มเพราะนอกจากจะเสียค่าเช่าตู้แพงๆแล้ว วันดีคืนดี พี่ ศปภ ก็จะเอาตู้ที่มีรถของเราไปทำพนังกันน้ำ ฮับ
#9
Posted 27 October 2011 - 12:47
อันนี้คิดดูเฉยๆ อย่างรถสมมติว่าเช่าตู้คอนเทนเนอร์ มาแล้วขับเข้าไปเก็บนี่จะกันน้ำได้ป่าว คุ้มกันไหม
ตู้คอนเทนเนอร์มันแค่ weather tight ครับ ไม่ใช่ water tight ดังนั้นจึงกันได้แค่น้ำสาดหรือฝนตกเท่านั้น
เคยเจอกรณีน้ำท่วมที่ลานวางคู้คอนเทนเนอร์ น้ำเข้าตู้ครับ ไม่เหลือ
#10
Posted 27 October 2011 - 18:28
วิธีการเตรียมน้ำดื่มด้วยสารเคมีรอบตัว (เบตาดีน ไฮเตอร์ผ้าขาว ฯลฯ)
การใช้สารเคมี
หลักการ
สารเคมีบางชนิดมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อก่อโรคและไม่เป็นพิษต่อร่างกายหากใช้ในความ เข้มข้นและปริมาณที่เหมาะสม จึงสามารถนำสารเคมีเหล่านั้นมาทำให้น้ำสะอาดเพื่อการอุปโภค บริโภคได้ โดยสารเคมีที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์นี้คือได้แก่คลอรีน (chlorine) และ ไอโอดีน (iodine) โดยพบเป็นสารสำคัญในน้ำยาซักผ้าขาว (เช่น ไฮเตอร์สูตรดั้งเดิม) และยาใส่แผลโพวิโดน-ไอโอดีน (เช่นเบตาดีน) หรือยาโพวิโดน-ไอโอดีนสำหรับผสมน้ำกลั้วปาก (เช่นไอซอดีน) ตามลำดับ
ข้อดี
๑. มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อก่อโรคต่างๆ ได้ดีมาก
๒. หาได้ง่าย โดยเฉพาะยาใส่แผลโพวิโดน-ไอโอดีนซึ่งมักมีในตู้ยาประจำบ้านหรือได้จากยาบริจาค
๓. ราคาไม่แพง
ข้อด้อย
๑. ต้องการการคำนวณเทียบกับปริมาณน้ำ เพราะต้องการช่วงความเข้มข้นที่พอเหมาะในการฆ่าเชื้อ และปลอดภัยต่อร่างกายคน
๒. หากผิดความเข้มข้นอาจไม่ได้ประโยชน์ หรือเกิดอันตราย
๓. ไม่เป็นที่ยอมรับเท่าที่ควร เพราะมีกลิ่น/สีเฉพาะตัว ทำให้น้ำไม่น่ารับประทาน วิธีแก้ไขคือการใช้วิตามินซีเติมลงในน้ำหลังเสร็จสิ้นกระบวนการและรอเวลาจน ครบกำหนดแล้ว ซึ่งจะช่วยทำให้สีและกลิ่นของน้ำเป็นที่ยอมรับมากขึ้น
๔. การบริโภคน้ำที่ทำให้สะอาดด้วยไอโอดีนต่อเนื่องหลายสัปดาห์ในหญิงมีครรภ์ หรือผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์อาจไม่ปลอดภัย ควรเลือกใช้คลอรีนแทนสำหรับคนเหล่านี้
๕. ต้องรอเวลาหลังจากเติมสารเคมีแล้วเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาฆ่าเชื้ออย่างเพียงพอ จึงจะใช้น้ำได้
วิธีการใช้สารเคมีทำให้น้ำสะอาด
ยาใส่แผลโพวิโดน-ไอโอดีน (ความเข้มข้นระบุที่ฉลากยาร้อยละ ๑๐)
ยาโพวิโดน-ไอโอดีนสำหรับผสมน้ำกลั้วปาก (ความเข้มข้นที่ระบุที่ฉลากยาร้อยละ ๗ หรือ ๗๐ มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร)
น้ำยาซักผ้าขาว (ความเข้มข้นระบุที่ฉลากเป็น sodium hypochlorite ร้อยละ ๕)
สำหรับด่างทับทิม (potassium permanganate) นั้นมีข้อมูลจำกัดในด้านปริมาณที่เหมาะสมและประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อก่อโรค จึงไม่แนะนำให้ใช้หากพอหาสารเคมีอื่นๆ ที่กล่าวไปแล้วได้ แต่หากจำเป็นต้องใช้เพราะไม่มีสารเคมีอื่น ให้ใช้จำนวน ๒-๓ เกล็ดละลายน้ำให้ได้สีชมพูเข้มอมม่วง และใช้เฉพาะการชำระล้างเท่านั้น ห้ามใช้ดื่มหรือบริโภค
http://is.gd/XYXRHF
การใช้สารเคมี
หลักการ
สารเคมีบางชนิดมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อก่อโรคและไม่เป็นพิษต่อร่างกายหากใช้ในความ เข้มข้นและปริมาณที่เหมาะสม จึงสามารถนำสารเคมีเหล่านั้นมาทำให้น้ำสะอาดเพื่อการอุปโภค บริโภคได้ โดยสารเคมีที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์นี้คือได้แก่คลอรีน (chlorine) และ ไอโอดีน (iodine) โดยพบเป็นสารสำคัญในน้ำยาซักผ้าขาว (เช่น ไฮเตอร์สูตรดั้งเดิม) และยาใส่แผลโพวิโดน-ไอโอดีน (เช่นเบตาดีน) หรือยาโพวิโดน-ไอโอดีนสำหรับผสมน้ำกลั้วปาก (เช่นไอซอดีน) ตามลำดับ
ข้อดี
๑. มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อก่อโรคต่างๆ ได้ดีมาก
๒. หาได้ง่าย โดยเฉพาะยาใส่แผลโพวิโดน-ไอโอดีนซึ่งมักมีในตู้ยาประจำบ้านหรือได้จากยาบริจาค
๓. ราคาไม่แพง
ข้อด้อย
๑. ต้องการการคำนวณเทียบกับปริมาณน้ำ เพราะต้องการช่วงความเข้มข้นที่พอเหมาะในการฆ่าเชื้อ และปลอดภัยต่อร่างกายคน
๒. หากผิดความเข้มข้นอาจไม่ได้ประโยชน์ หรือเกิดอันตราย
๓. ไม่เป็นที่ยอมรับเท่าที่ควร เพราะมีกลิ่น/สีเฉพาะตัว ทำให้น้ำไม่น่ารับประทาน วิธีแก้ไขคือการใช้วิตามินซีเติมลงในน้ำหลังเสร็จสิ้นกระบวนการและรอเวลาจน ครบกำหนดแล้ว ซึ่งจะช่วยทำให้สีและกลิ่นของน้ำเป็นที่ยอมรับมากขึ้น
๔. การบริโภคน้ำที่ทำให้สะอาดด้วยไอโอดีนต่อเนื่องหลายสัปดาห์ในหญิงมีครรภ์ หรือผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์อาจไม่ปลอดภัย ควรเลือกใช้คลอรีนแทนสำหรับคนเหล่านี้
๕. ต้องรอเวลาหลังจากเติมสารเคมีแล้วเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาฆ่าเชื้ออย่างเพียงพอ จึงจะใช้น้ำได้
วิธีการใช้สารเคมีทำให้น้ำสะอาด
ยาใส่แผลโพวิโดน-ไอโอดีน (ความเข้มข้นระบุที่ฉลากยาร้อยละ ๑๐)
- ๐.๓๕ มิลลิลิตร หรือ ๘ หยดต่อน้ำ ๑ ลิตร (สำหรับกรณีน้ำใส ไม่ขุ่น) รอหลังเติมสารเคมีแล้ว ๔๕ นาทีจึงจะใช้น้ำได้
- ๐.๗๐ มิลลิลิตร หรือ ๑๖ หยดต่อน้ำ ๑ ลิตร (สำหรับกรณีน้ำค่อนข้างขุ่น) รอหลังเติมสารเคมีแล้ว ๑๕-๓๐ นาทีจึงจะใช้น้ำได้
ยาโพวิโดน-ไอโอดีนสำหรับผสมน้ำกลั้วปาก (ความเข้มข้นที่ระบุที่ฉลากยาร้อยละ ๗ หรือ ๗๐ มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร)
- ๐.๕ มิลลิลิตร หรือ ๑๑ หยดต่อน้ำ ๑ ลิตร (สำหรับกรณีน้ำใส ไม่ขุ่น) รอหลังเติมสารเคมีแล้ว ๔๕ นาทีจึงจะใช้น้ำได้
- ๑ มิลลิลิตร หรือ ๒๒ หยดต่อน้ำ ๑ ลิตร (สำหรับกรณีน้ำค่อนข้างขุ่น) รอหลังเติมสารเคมีแล้ว ๑๕-๓๐ นาทีจึงจะใช้น้ำได้
น้ำยาซักผ้าขาว (ความเข้มข้นระบุที่ฉลากเป็น sodium hypochlorite ร้อยละ ๕)
- ๐.๑ มิลลิลิตร หรือ ๒ หยดต่อน้ำ ๑ ลิตร (สำหรับกรณีน้ำใส ไม่ขุ่น) รอหลังเติมสารเคมีแล้ว ๔๕ นาทีจึงจะใช้น้ำได้
- ๐.๒ มิลลิลิตร หรือ ๔ หยดต่อน้ำ ๑ ลิตร (สำหรับกรณีน้ำค่อนข้างขุ่น) รอหลังเติมสารเคมีแล้ว ๑๕-๓๐ นาทีจึงจะใช้น้ำได้
สำหรับด่างทับทิม (potassium permanganate) นั้นมีข้อมูลจำกัดในด้านปริมาณที่เหมาะสมและประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อก่อโรค จึงไม่แนะนำให้ใช้หากพอหาสารเคมีอื่นๆ ที่กล่าวไปแล้วได้ แต่หากจำเป็นต้องใช้เพราะไม่มีสารเคมีอื่น ให้ใช้จำนวน ๒-๓ เกล็ดละลายน้ำให้ได้สีชมพูเข้มอมม่วง และใช้เฉพาะการชำระล้างเท่านั้น ห้ามใช้ดื่มหรือบริโภค
http://is.gd/XYXRHF
ในห้องมืดย่อมมีความมืด