ชูวิทย์ ออกวาระฉุกเฉินแห่งชาติ อัดนายกยิ่งลักษณ์ ลอยหน้าลอยตาไม่แก้น้ำท่วม
เว็บไซต์ของพรรครักประเทศไทย ได้เผยแพร่บทความวาระฉุกเฉินแห่งชาติ โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค โดยระบุว่า
ผม เคยเห็นข่าวของแต่ละประเทศ ไม่ว่าประเทศใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา หรือประเทศเล็กในแอฟริกา เมื่อมีสถานการณ์ “ฉุกเฉิน” ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย แผ่นดินไหว หรือสึนามิเช่นประเทศญี่ปุ่น ผู้นำของแต่ละประเทศจะต้องทำหน้าที่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องบริหารงานให้หน่วยงานของรัฐ รวมถึงประสานงานกับเอกชนเพื่อแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินช่วยเหลือ การจัดสร้างที่อยู่ชั่วคราว อาหารการกิน และแผนการฟื้นฟู แน่นอนว่างานต่างๆเหล่านั้นมีขั้นตอนแบบแผน
แต่ อย่าง แรกที่ผู้นำจะต้องทำคือ อยู่ในประเทศของตัวเอง เพื่อให้ประชาชนที่เดือดร้อนเหล่านั้นได้เห็นว่าผู้นำของตัวเองได้อยู่ช่วย เหลือ หรือแม้กระทั่งเป็นกำลังใจเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคความทุกข์ยากลำเค็ญด้วยกัน บางประเทศที่ผู้นำไปทำภารกิจต่างประเทศต้องรีบกลับและยกเลิกภารกิจโดยทันที หากมีแผนงานหรือหมายกำหนดการที่จะต้องไปก็ต้องยกเลิก เป็นสิ่งที่เข้าใจกัน
ใน เมื่อบ้านเมืองตัวเองยังเดือดร้อน แล้วจะไปเที่ยวพักร้อนหรือไปเยี่ยมเยือนบ้านเมืองอื่นได้อย่างไร เรียกได้ว่าเป็นการแสดงออกถึง “ภาวะผู้นำ” ที่จะต้องเข้าใจถึงความรู้สึกของประชาชนที่เดือดร้อน จะทำลอยหน้าลอยตาไม่รับรู้หรือกระทั่งหน้าตา อากัปกิริยาที่ผ่านออกไปทางสื่อต้องแสดงออกถึงความทุกข์เข็ญ ไม่มีผู้นำประเทศใดที่ประชาชนตัวเองประสบความเดือดร้อนแล้วยังทำหน้าตายิ้ม แย้มลอยหน้าลอยตาไปเที่ยวเยี่ยมเยือนประเทศโน้นประเทศนี้ หรือมีกิจกรรมที่แสดงออกถึงความรื่นเริง กีฬาการแข่งขันใดๆก็แล้วแต่ จำเป็นต้องยกเลิกโดยกระทันหันเช่นกัน
แต่ผู้นำหญิงคน แรกของประเทศไทย “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กลับมีแผนการเยี่ยมเยือนมิตรประเทศ ไม่ว่าจะเป็น กัมพูชา อินโดนีเซีย หรือที่บอกว่าจะเยี่ยมตามตัวอักษรของแต่ละประเทศ ทั้งยังไม่ยอมยกเลิกหมายกำหนดการ ส่วนแผนการแก้ไขเป็นเพียงแค่การออกสื่อ จัดกิจกรรมรับบริจาคจากประชาชน แจกถุงยังชีพ วิธีการดังกล่าวไม่ได้แสดงถึงภาวะผู้นำที่จะบริหารประเทศในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่เป็นเพียงลีลาซ้ำๆที่เรียกว่า “ขายผ้าเอาหน้ารอด” ไปแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
การแก้ไขปัญหาดังกล่าวในสถานการณ์ ที่ พรรคเพื่อไทยเพิ่งได้รับการเลือกตั้งไปในระยะเวลาเพียงเดือนสองเดือนและเป็น รัฐบาลเสียงข้างมาก ควบคุมกระทรวงต่างๆ รวมทั้งการบริหารงานของรัฐบาลได้อย่างชัดเจน มีความสามารถที่จะสั่งการหรือแม้กระทั่งหากเป็นรัฐบาลผสม ก็สั่งการได้อย่างเฉียบขาดทันที เพราะนี่เป็นความเดือดร้อนของประชา ชนคนไทยกว่าล้านคน เสียชีวิตเกือบร้อยคน ครอบคลุมอาณาบริเวณกว่า 300 อำเภอ มากกว่า 20 จังหวัดในภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงภาคใต้บางส่วน
แต่เปล่า เลย ผู้นำประเทศซึ่งมีบุคลิกเป็นนักบริหารสมัยใหม่ กลับกระทำตัวเชื่องช้าและมีลีลาเหมือนนักการเมืองโบราณ รวมทั้งการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาเป็นไปในทางตรงกันข้าม เช่น ไปเยี่ยมเยือนมิตรประเทศในเวลาที่ไม่เหมาะสม จัดกิจกรรมเตะฟุตบอล โยกย้ายข้าราชการ หรือแม้กระทั่งรีบเร่งออกนโยบายที่ไม่จำเป็น เพื่อไปตอบสนองฐานเสียงของตัวเอง
- นโยบายจำนำข้าวในราคา 15,000 บาท ทั้งๆที่สถานการณ์แบบนี้ นาข้าวถูกท่วมไปหมด แล้วจะรีบเร่งออกนโยบายนี้ไปเพื่ออะไร
– นโยบายลดภาษีให้กับบ้านหลังแรกหรือรถยนต์คันแรก ในเมื่อประชาชนเดือดร้อนถึงขนาดน้ำท่วมบ้านต้องไปบนอยู่ชั้นสอง บางคนไปอยู่บนหลังคา หรือบางคนไปนอนอาศัยอยู่ข้างถนน แล้วรัฐบาลจะไปห่วงในเรื่องรถยนต์คันแรกหรือบ้านหลังแรกไปเพื่ออะไร ประชาชนที่ทุกข์ยากลำเค็ญไม่มีจะกินไม่มีที่จะนอน แทนที่จะไปห่วงใยคนเหล่านั้น กลับไปห่วงถึงคนที่จะซื้อรถยนต์คันแรก
นี่ คือความไม่เข้าใจของรัฐบาลและการที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกไม่มีภาวะของผู้นำ รวมไปถึงการบริหารงานที่จะทันกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การขับเคลื่อนของหน่วยงานรัฐซึ่งมีความเชื่องช้า ทั้งๆที่มีหน่วยงานเครื่องไม้เครื่องมือมากมายกลับไม่สามารถที่จะช่วยเหลือ ประชาชนได้ทันท่วงที ทั้งนี้เพราะผู้นำไม่ได้แสดงออกถึงนโยบายในการช่วยเหลืออย่างฉุกเฉิน แต่กลับทำงานแบบ “สบายๆ” และมุ่งไปที่ประเด็นทางการเมืองเป็นหลัก
ประชาชน ที่เดือดร้อนเพราะอุทกภัยจึงได้รับเพียงถุงยังชีพ การออกทีวีของนายกรัฐมนตรีในการรับ บริจาคเงิน 3-4 ร้อยล้าน หรือการรับเงินครัวเรือนละ 5,000 บาท หรือเงิน 2,000 กว่าบาทสำหรับไร่นาที่เสียหาย ขั้นตอนทางราชการและกลไกที่มีการคอรัปชั่น ทำให้การดำเนินการช่วยเหลือเหล่านี้เป็นไปด้วยความชักช้า แม้กระทั่งตัวผมเองก็เคยประสบในช่วงหาเสียงที่ภาคใต้ อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่าความเดือดร้อนผ่านไปถึง 3 เดือนแล้ว แต่สะพานที่ยังขาดก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ จวบจนกระทั่งผมนำไปพูดผ่านสื่อ ความช่วยเหลือจึงลงมาถึงอย่างรวดเร็ว
อย่าง ที่ผมเรียนให้ทราบ ในเมื่อรัฐบาลมีเครื่องไม้เครื่องมือและหน่วยงานที่พร้อม ยังขาดอยู่อย่างเดียวคือ ภาวะของผู้นำของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องแสดงความกระฉับกระเฉงในการลงช่วยเหลือ แก้ไขความเดือดร้อนของประชน การบริหารงานภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินเหล่านี้ เป็นเรื่องจำเป็นและเป็นการแสดงออกที่สำคัญอย่างยิ่งที่ผู้นำประเทศใดจะ ละเลยไปไม่ได้
เสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำหญิงคนแรกของประเทศไทย กลับไม่ได้แสดงออกถึงภาวะผู้นำในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ นายกรัฐมนตรีกลับละเลยและหลงระเริงไปกับคลื่นลมทางการเมือง อาจเป็นเพราะว่าเธอก้าวขึ้นมาด้วยระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้สัมผัสถึงงานและความเข้าใจทางการเมืองในการบริหารประเทศอย่างแท้จริง
การ ผลักดันให้เธอก้าวกระโดดขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยระยะเวลาสั้นๆ ทำให้เธอเข้าใจผิดและไม่สามารถค้นหาตัวตนที่แท้จริงได้เจอ วังวนนี้ยังเป็นปัญหาของนายกรัฐมนตรีหญิงที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อไป ที่แม้แต่ความสวยของเธอก็ช่วยอะไรไม่ได้
ข้อมูลข่าวจาก http://www.rakthailandparty.com E
ความคิดเห็นส่วนตัวนัครับ คิดว่ากำลังมีคน กำลังขอตั๋วฟรีขึ้นแทนนางยกปูอยู่นะครับ ..
หรือไม่ชูวิทย์ก็กำลังทวงถาม สัญญาอะไรบางอย่าง ...