เมื่อไหร่จะเลิกคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่นซะที จริงๆ อีปูมันก็เริ่มปล่อยน้ำมากขึ้นแล้วถ้าเทียบกับตอนเสี่ยมาร์ค เพียงแต่ระบายออกน้อยกว่าน้ำไหลเข้าก็เท่านั้นเอง ถ้าจะถามว่าทำไมไม่ระบายออกเยอะๆ ก็เพราะน้ำมันท่วมอยู่แล้วนะซิ ต่อให้ทหารอุ้มเสี่ยเค้ากลับมาเป็นนายกได้ เสี่ยเค้าก็ไม่กล้าปล่อยน้ำแบบที่ท่านว่ามาอยู่ดีแหละ ย้ำอีกครั้งว่าน้ำไม่ได้มีแค่ในเขื่อน ต่อให้บริหารจัดการอย่างไรก็มีผลรับไม่แตกต่างจากนี้อย่างมีนัยยะหรอก ส่วนตัวผมก็ไม่คิดว่ามีใครวางยา เพราะถ้าเป็นงั้นจริงๆ ไอ้อธิบดีกรมชล มันกระเด็นไปนานแล้ว แล้วเรื่องไปเตะบอลนะ แค่เอามาถากถางสนุกๆ นะพอได้ แต่อย่าเอามาเป็นประเด็นมากนักเลย เดี๋ยวมันจะสะท้อนภูมิปัญญาที่แท้จริงของสลิ่มในนี้
น้ำในเขื่อนกับน้ำฝนที่มาจากพายุก็ดี หรือจากฝนตกตามธรรมชาติ และพฤติกรรมของน้ำ ก็ดีต่างกันสิ้นเชิง
ลองไปเทียบดูปริมาณน้ำฝนของที่นี้ ดูแล้วเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนๆ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ซึ่งก็ได้รวมปริมาณน้ำฝนที่มาจากพายุแล้ว
น้ำฝนจากพายุ----- ตกลงมาก็ไหลตามธรรมชาติ กระแสน้ำไม่แรง พวกนี้โดนป่า โดนธรรมชาติกักเก็บน้ำไว้ และกระแสน้ำก็ค่อยๆทยอยไหลลงไป
น้ำจากเขื่อน ----- ปล่อยออกมา ไม่ตามธรรมชาติ กระแสนน้ำแรง พวกนี้จะทำให้เกิดน้ำขัง เกินปริมาณที่ธรรมชาติจะกักเก็บน้ำไว้ได้
นึกไม่ออก ถ้าโง่นัก
ก็ลองคิดภาพ ตัดน้ำมา 1 ขัน แล้วสาดไปที่กำแพง (เหมือนน้ำในเขื่อนที่ปล่อยออกมา)
กับ
น้ำปริมาณเท่ากัน แต่ไหลออกจากฝักบัว (เหมือนน้ำจากฝนที่ตกลงมา)
แล้วขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น สมมุติเป็นน้ำจากโอ่งหนึ่งโอ่งแล้วจับราดกำแพง กับน้ำปริมาณเท่ากับหนึ่งโอ่งเหมือนกัน แต่ค่อยๆ ปล่อยไหลจากฝักบัว
น้ำจากหรือพายุ ต่อให้พวกนี้มันตกมาแรงๆ ก็โดนธรรมชาติดูดซับไว้ ต่อให้ท่วมขัง มันก็ค่อยๆ หายไปและไม่นาน
ฝนที่ตกลงมานั้น โดยปกติแล้วที่ตกเยอะๆ ก็เป็นพวกป่าหรือเขาหรือที่สูงๆ ที่ก่อให้เกิดน้ำฝนได้ง่าย ฝนที่ตกลงมานั้น มีปัจจัยรองรับดังนี้
1. ซึมลงใต้ดิน ต้นไม่ดูซับไว้ พื้นดินดูดซับไว้
2. ไหลไปตามธรรมชาติ แม่น้ำ ลำคลอง
3. พอหยุดตก แต่ละพื้นที่จะมีอัตราการระเหยของไอน้ำ
ปัจจัยเหล่านี้มีสูตรการคำนวนทั้งสิ้น เอาแค่อัตราการระเหย ลองไปค้นหาดูมีทฤษฎีของ penman อยู่ และก็ไม่ได้มีทฤษฎีเดียว มีเยอะด้วยซ้ำ โดยมีปัจจัยตัวแปรต่างๆ ในการคำนวนที่ต่างกัน