14 พฤษภาคม 2555 16:09 น.
องค์กรสื่อแห่งหนึ่งมอบรางวัลให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นนายกฯ หญิงคนแรกของประเทศ มีความรู้ มีความสามารถในการแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างปาฏิหาริย์ เป็นที่ประจักษ์แก่มวลมหาประชาชนคนไทยทั้งหลาย
นางสาวยิ่งลักษณ์ รับรางวัลดังกล่าวนั้นแล้วก็บินไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศบาห์เรน
หากจะมีองค์กรใดมอบรางวัลให้นางสาวยิ่งลักษณ์เพิ่มขึ้นอีกในด้านการต่างประเทศ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตั้งแต่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ก็ได้ให้ความสนใจในกิจการต่างประเทศตลอดมา ไม่ว่าใกล้ไกล ทั้งเอเชีย ยุโรป นางสาวยิ่งลักษณ์ไปมาหมดแล้ว บางแห่งตามหลังพี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร รุดหน้าไปก่อน นางสาวยิ่งลักษณ์ตามเก็บผลงานทีหลัง บางที่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่อยู่ในฐานะที่บอกได้ใช้ฟัง สำหรับตระกูลชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่
จนทุกวันนี้บรรดาลิ่วล้อทักษิณเอาการที่ทักษิณสามารถเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ที่เคยห้ามทักษิณมาโฆษณาชวนเชื่อกับผู้คนทั้งหลายว่า เห็นไหมเล่า ทั่วโลกเขายอมรับทักษิณกันหมดแล้ว เป็นต้น จีน ญี่ปุ่น ลาว เยอรมนี ทักษิณไปมาหมดแล้ว แต่ละประเทศล้วนให้การต้อนรับ
แสดงให้เห็นว่าแต่ละประเทศเหล่านั้นยอมรับทักษิณว่าเป็นคนถูก คดีความทั้งหลายนั้นเป็นการกลั่นแกล้งโดยแท้ เพราะฉะนั้นสมควรที่จะต้องนิรโทษกรรม สมควรที่จะต้องปรองดองเพื่อให้คนดีๆ อย่างทักษิณได้กลับประเทศไทย โดยที่ไม่ต้องติดคุกตามคำพิพากษาของศาล
พวกเขามักจะหาเหตุหาผลมาสรุปให้เห็นว่า ทักษิณ ชินวัตร “พ่อของเขา” เป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องเสมอ ทั้งที่การเดินทางเข้าประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นคนละเรื่องกับคำพิพากษาของศาลสถิตยุติธรรมของไทย
คำพิพากษาของศาลสถิตยุติธรรมแก้ไขไม่ได้ โดยการที่สามารถเดินทางเข้าประเทศโน้น ออกประเทศนี้ได้ โดยจบกว่าจะเอาโลกล้อมประเทศอย่างที่ทักษิณทำอยู่เวลานี้
เพราะแต่ละประเทศดำเนินนโยบายก็เพื่อผลประโยชน์ของเขาเอง ยุคหนึ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์ไล่ล่าทักษิณ บอกประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้รู้ว่า ทักษิณเป็นนักโทษหนีคุก พ้นรัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั่วโลกก็รู้ว่า ทักษิณคือพี่ชายยิ่งลักษณ์ ทักษิณคือผู้บงการ สั่งการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในทุกเรื่อง แม้กระทั่งจะเอาใครเป็นรัฐมนตรี หรือจะไม่เอาใครเป็นรัฐมนตรี
ประเทศต่างๆ เหล่านั้นก็ปรับนโยบายเพื่อผลประโยชน์ของเขา จากที่ไม่ให้ทักษิณเข้าประเทศ เปลี่ยนเป็นจะมาเมื่อไหร่ก็ยินดี
ขณะเดียวกับที่ยิ่งลักษณ์กำลังปลาบปลื้มปีติยินดีได้รับรางวัลจากองค์กรสื่อ (ที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้จักสักเท่าไรนัก) ที่ภาคใต้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้เกี่ยวกับความเชื่อมั่นและผลงานของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ในรอบ 9 เดือนจากประชาชน 1,093 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 4-9 พฤษภาคมนี้
นางสาวทัศนีย์ ประธาน รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยว่า ประชาชนภาคใต้พึงพอใจการบริหารงานโดยภาพรวมของรัฐบาลค่าเฉลี่ย 3.93 คะแนนจาก 10 คะแนน ร้อยละ 56.7 ชื่นชอบนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศมากที่สุด รองลงมานโยบายปริญญาตรีเงินเดือน 15,000 บาท ร้อยละ 46.6 และนโยบายคืนภาษีรถคันแรกร้อยละ 32.5
ส่วนความสำเร็จในการบริหารงานในรอบ 9 เดือนของรัฐบาล ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้คะแนนสูงสุดค่าเฉลี่ย 4.42 คะแนน แก้ปัญหายาเสพติด 4.35 ด้านการศึกษา 4.22 การท่องเที่ยว 4.18 ส่วนการบริหารงานด้านเศรษฐกิจมีความพึงพอใจ 3.75 จากคะแนนเต็ม 10
ร้อยละ 56.9 เห็นว่าการปรับราคาสินค้าส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจของครัวเรือนในระดับมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 38.7 ส่งผลกระทบระดับปานกลาง ร้อยละ 10.0 ส่งผลกระทบน้อยถึงน้อยที่สุด
ร้อยละ 80.5 ไม่มั่นใจในแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญนำไปสู่ความปรองดองของคนในชาติ
ความรู้สึกนึกคิดของประชาชนภาคใต้ 14 จังหวัดแตกต่างกันเกือบจะสิ้นเชิงที่มีการสำรวจความคิดความเห็นของประชาชนภาคอีสานที่มีต่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ คะแนนด้านประชาธิปไตยของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ได้คะแนนสูงลิ่ว ที่มีความเห็นเหมือนๆ กันก็คือ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ อาจจะเป็นเพราะเรื่องของข้าวของแพง มันจับต้องได้ มันรู้ว่า แพงจริงๆ เพราะจับจ่ายใช้เงินเอง โดนเข้ากับตัวเองว่าข้าวของมันแพง หรือมันถูก หรือเกิดความรู้สึกไปเอง
โพลที่สำรวจความคิดความเห็นของประชาชนย่อมแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับองค์กรที่มอบรางวัลให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ซึ่งเขียนคำสดุดีเสียเลอเลิศประเสริฐศรี หมดอายุรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์แล้วน่าจะให้เธอเป็นต่อไปครบวาระ หรือจนกระทั่งชั่วฟ้าดินสลาย หรือจนกว่าจะไม่มีประเทศไทยอยู่ในโลกนี้
เธอเหมาะที่จะได้รางวัลจริงๆ
จะมีรางวัลใหม่เป็นรางวัลโนเบรน ก็ยิ่งจะเหมาะ เพราะ 9 เดือนที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เธอสมควรได้รางวัลนี้ รางวัลโนเบรน นี่จริงๆ
ใครจะค้านบ้างครับ
http://www.manager.c...D=9550000059313
