Jump to content


TheGreatBeyond

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 20 ตุลาคม 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2557 22:23
-----

#117456 ขอทราบนโยบายด้านการศึกษาของพี่มาก

โดย นักเรียนตลอดชีพ on 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:51

เขาไม่รู้หรือ สมัยอภิสิทธิ์ เป็นรัฐมนตรีดูแลด้านการศึกษา ทำอะไรไว้บ้าง ...


ผลงานทางการเมือง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมีผลงานทางการเมืองที่สำคัญคือการจัดทำ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542[7] ซึ่งเป็น พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับแรกของไทย ที่ดำเนินการจัดทำจนสำเร็จในช่วงเวลาที่นายอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่ง เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี[8] ที่กำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ

เพื่อมอบสิทธิแก่เยาวชนไทย ในการได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปี ที่รัฐจะต้องจัดให้ทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ตามบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มาตรา 43 โดยนายอภิสิทธิ์มีบทบาทดูแล ทั้งด้านนโยบาย หลักการและรายละเอียด รวมทั้งผลักดัน ให้ผ่านคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา เป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษา ของสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา และได้ดูแลจนกระทั่ง พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรับรอง และประเมินคุณภาพการศึกษา ประกาศใช้

ศาสตราจารย์ ดร.สิปปนนท์ เกตุทัต อดีตกรรมการการศึกษาแห่งชาติผู้ทรงคุณวุฒิ และ ประธานกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เคยให้ความเห็นไว้ว่า นายอภิสิทธิ์เป็นผู้หนึ่งที่มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของ พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และการปฏิรูปการศึกษาของไทยอย่างทะลุปรุโปร่ง




#117385 ขอทราบนโยบายด้านการศึกษาของพี่มาก

โดย นิติรั่ว on 26 มกราคม พ.ศ. 2555 - 19:10

รบกวนด้วยนะท่านแมงวาปทั้งหลาย

ปัจจุบันนี้ผมไม่เห็นด้วยกำการศึกษาของไทย ซึ่งเรียนในเรื่องที่ไร้สาระเช่นวิทยาศาสตร์และคณิตกันมากเกินไปอัดใส่หัวกันมากไป จนเกินพวกอาจมเช่นนิติลาดขึ้นมา ซึ่งความรู้พวกนั้นส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เอาไปทำให้เกิดโล่ห์เช่นเงินและทองมาได้เลย

ซึ่งจะว่าไปแล้ว เราควรสอนความรู้รอบตัวที่เป็นประโยชน์มากกว่า แล้วไปเน้นเรื่องดังกล่าวตอนม. ปลาย จะดีกว่า การศึกษาไม่ใช่สักแต่ว่าอัดเรื่องใดไปก็ได้ แต่ต้องคิดถึงประโยชน์ที่จะนำไปใช้ด้วย

ระบบของมาหาอาลัยยังค่อนข้างปิดกั้นเป็นลักขณะของอำมาตย์อยู่ กล่าวคือ ไม่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้เลื่อนไปศึกษาได้ ทั้งด้าน อายุ เวลา และหลาย ๆ อย่าง

คำถามอยู่ตรงนี้ พี่มากจะ
- ทำให้การศึกษาต่อง่าย ในด้านต่าง ๆ เช่น อายุ ปีการจบจากชั้นเดิม เงิน การทำงานเดิมที่เกี่ยวข้องกับด้านที่เรียน หรือไม่อย่างไร
- มีมาตรการใดกับการกับนายจ้างในการปฏิบัติให้ลูกจ้างได้มีโอกาสศึกษาต่อเพื่อเลื่อนระดับความรู้กัน
- จะทำอย่างไรให้นักวิชาเกินไปวิจัยเรื่องที่ชาวบ้านต้องการจริง ๆ ได้
- จะเพิ่มความรู้กฎหมายที่เป็นประโยชน์ พวกการเงิน ทรัพย์สิน ฯลฯ ให้ได้เรียนไหม

แค่นี้ก่อนไม่ถามมาก ถ้าไม่ทำอะไรระวังจะได้เป็นฝ่ายค้านไปจนนายกปูของผมหัวขาวหมดแล้วยังไม่ได้เป็นรัฐบาลนะจ๊ะ

อยากจะเรียนที่ท่าน จกท. ว่าที่นี่คือ สรท. มิใช่พระโขนง หรือ พรรคประชาธิปัตย์ หรือ facebookของคุณอภิสิทธิ์ท่านถามถึงนโยบายด้านการศึกษาของพี่มาก ต้องถามพี่มากหรือนางนาค แต่หากถามนโยบายด้านการศึกษาของพี่มาร์คก็ควนถามไปที่พรรคประชาธิปัตย์ หรือ facebookของคุณอภิสิทธิ์ :) :) :)


#111534 บาปของโกร่ง

โดย amplepoor on 21 มกราคม พ.ศ. 2555 - 23:08

14 สิงหา 2554
โกร่งเขียนบทความไว้อย่างนี้
ฟัง ดูว่าจะใช้เงิน 4 แสนล้านบาท มาหมุนเวียนซื้อสินค้าเกษตรเหล่านี้ นโยบายรับจำนำสินค้าเกษตรนี้เป็นนโยบายที่ล้มเหลวที่สุดตั้งแต่ทำกันมา ตั้งแต่ปี 2529 สูญเสียเงินละลายน้ำไปมากมาย โดยผลประโยชน์ไม่ได้ตกถึงมือเกษตรกรอย่างที่คิด ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่กับโรงสี ผู้ส่งออกลานตากมัน รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พรรคพวกของนักการเมือง จึงไม่มีใครยอมเลิกโครงการนี้

เห่ามากไป ก็เผลองับลิ้นตัวเอง

โกร่งคงลืมไปว่า
ไอ้เด็กสองคน เพิ่งจะเลิกโครงการรับจำนำข้าว
เปลี่ยนเป็นประกันพืชผล....และประสบความสำเร็จ

ดังนั้น รัฐบาลของมันเองต่างหาก ที่เป็นหมาไม่อาจเลิกอาจม
ยังต้องหวนกลับไปกินอุจจาระที่ตัวเองด่าว่าเหม็น


#46405 ...ที่ดินรัชดา ประสาชาวบ้าน...

โดย bird on 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 17:49

ถามแบบชาวบ้าน...ก็ขอตอบแบบชาวบ้าน

ทุก ๆ วิชาชีพต้องมีจรรยาบรรณ ถูกต้องมั้ย หมอก็ต้องมีจรรยาบรรณของหมอ วิศวกรก็ต้องมีจรรยาบรรณของวิศวกร
จรรยาบรรณก็คือสิ่งที่ควรปฏิบัติ...นอกจากนี้ก็ยังมีข้อบังคับ เปรียบเทียบกับโรงงาน พนักงานทุกคนก็ต้องปฏิบัต
ตามกฎระเบียบข้อบังคับของแต่ละโรงงาน ถูกต้องมั้ย...

ข้าราชการก็มีข้อบังคับ จรรยาบรรณ และกฎหมายเหมือนกัน ในที่นี่ก็คือ กฎหมาย ปปช (มาตราอะไรค่อยว่ากัน)
กล่าวโดยรวมก็คือ ห้ามข้าราชการและคู่สมรสกระทำนิติกรรมกับหน่วยงานของรัฐที่ตนเองเกี่ยวข้องหรืออาจมี
ผลประโยชน์ (ย่อ ๆ ประมาณนี้)

หมายความว่า...ข้าราชการและคู่สมรสจะทำนิติกรรมใด ๆ กับหน่วยงานของรัฐที่อาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ได้

ยกตัวอย่างเช่น...สามีอยู่ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้าง ภรรยาจะเป็นผู้ยื่นซองประมูลไม่ได้ ง่าย ๆ ประมาณนี้
ถ้าจะแย้งว่า..นี่เป็นการซื้อที่ดิน แสดงว่า เจ้าหน้าที่กรมที่ดินจะซื้อที่ดินไม่ได้...อันนี้ไม่ใช่
การทำสัญญาซื้อขายที่ดิน มีประมวลรัษฎากรของกรมสรรพากรรองรับเรื่องจากชำระภาษีอยู่ และการซื้อขายที่ดิน
เป็นการซื้อขายระหว่างบุคคลกับบุคคล หรือ บุคคลกับนิติบุคคล รัฐมีหน้าที่เพียงรับรองการซื้อขายและดูแลเรื่อง
กรรมสิทธิ์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการฟ้องร้องและอ้างสิทธิ์ทับซ้อน

ที่นี่กรณี..ทักษิณ กับ ภรรยา...

ทักษิณ เป็นนายก ถือเป็นข้าราชการ จึงมีหน้าที่ต้องปฎิบัติตามกฎหมาย ห้ามกระทำนิติกรรมใด ๆ
และการทำนิติกรรมครั้งนี้ เป็นการทำสัญญาระหว่างบุคคล คือคุณหญิง กับกองทุนฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ
ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลโดยตรง...ผิดมั้ย..ผิดกฎหมายแน่นอน

อีกประเด็น ง่าย ๆ ประสาชาวบ้าน

ถ้าในหมู่บ้านของคุณ...มีคนหนึ่งประกาศขายที่ดิน แล้วมีผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าสัว พ่อเลื้ยง อาเสีย บอกว่า
" ที่ดิน แปลงนี้ อั้วจะซื้อ เมียอั้วจะซื้อ...ถามว่า จะมีชาวบ้านคนในหาญกล้าไปแข่งบารมีว่า..

ไม่ได้...ผมก็จะซื้อ ผมให้ราคาสูงกว่า..." ร้อยทั้งร้อย ไม่มีเด็ดขาด

ทั้งนั้น..ผลที่ตามมาคือ ราคาที่ผู้ขายจะได้รับ ก็อาจจะไม่ใช่ราคาขายที่ถูกต้องนัก ก็ต้องแล้วแต่ว่า
ผู้ซือจะพอใจที่เท่าไหร่...ที่ไม่น่าเกลียดจนเกินไปนัก

สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า...การซื้อขายครั้งนี้ มันไม่ควรเกิดขึ้น ตั้งแต่ต้น และที่สำคัญ วันที่โอนกรรมสิทธิ์
ก็เป็นวันที่ตามประเพณีคือ วันหยุดราชการ และ เป็นวันสุดท้าย ในกรณีลดหย่อนภาษีโอนกรรมสิทธิ์
อะไร ๆ มันถึงได้ยุ่งเหยิง..มาจนทุกวันนี้

หากวันนั้น..ท่านมีกุนซือที่ฉลาดกว่า..ท่านอาจจะไม่ต้องพบวิบากกรรมเช่นนี้ก็ได้
ช่องโหว่มันมีอยู่ตั้งหลายช่องทาง แต่ท่านเลือกช่องทางที่อันตราย เพราะคิดว่า กุมอำนาจไว้หมดแล้ว

ส่งท้าย...

ถ้าจะว่ากันด้วยภาษากฎหมาย...วันเสาร์ค่อยว่ากัน...วันนี้กะพรุ่งนี้ มีภาระกิจต้องปฏิบัติ