Andiond Thunder

ช่วงเบรคเอาข่าวเก่ามาให้อ่านครับ

 

http://car.spiceday....post&sid=wgG8x6

นพดลฯ สั่งย้ายนายวีรชัย พลาศรัย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2551 ได้มีมติให้โยกย้ายนายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย (กรมที่ดูแลกรณีเขาพระวิหาร) นายวีรชัย พลาศรัย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เป็นเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง เป็นอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ มีผลนับแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง

ทั้งนี้นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้มีประเด็นเรื่องต่างๆ รวมถึงเขาพระวิหาร จึงต้องปรับคนเพื่อประสิทธิภาพในการประสานงานกับรัฐมนตรี และจัดคนให้เหมาะกับงาน ยืนยันว่าไม่ได้ย้ายเพราะเหตุผลอื่น ทั้งนี้นายกฤตมีความเหมาะสม เพราะเคยเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญามาก่อน จึงมีประสบการณ์และรู้ปัญหาต่างๆ ดี

เมื่อถามว่า การโยกย้ายครั้งนี้จะไม่ถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึกหรือ เพราะการเจรจาเรื่องเขาพระวิหารต้องมีความต่อเนื่อง นายนพดล กล่าวว่า ม้าแต่ละตัวในกระทรวงมีประสิทธิภาพทั้งสิ้น ตัวไหนก็วิ่งได้ แต่ต้องการม้าที่วิ่งในลู่ที่จะให้วิ่ง ตอนนี้นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ รับเป็นประธานคณะทำงานเรื่องเขาพระวิหาร เพื่อให้ระบบต่อเนื่องและมีคนรับผิดชอบชัดเจน

แหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายวีรชัย พลาศรัย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ที่ถูกโยกไปเป็นเอกอัครราชทูตประจำกระทรวงนั้น ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรมว.ต่างประเทศ และนายกฤษณ์ กาญจนกุญชร อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และที่ผ่านมาถูกคนในกระทรวงการต่างประเทศวิจารณ์กันมากว่า เป็นบุคคลที่ได้โบนัสขึ้นปีละซี โดยเขยิบจากซี8-ซี9-ซี10 ในช่วงเวลาแค่ 3-4 ปีเท่านั้น

Image“ที่สำคัญคือ ก่อนหน้านี้นายวีรชัย เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเศรษฐกิจ และดูแลเรื่องปล่อยกู้พม่าของเอ็กซิมแบงก์ ซึ่งทราบว่ามีการชงข้อมูลให้กับคตส.ด้วย กระทั่งในยุคสมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีการโยกย้ายมาเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ที่ต้องดูแลเรื่องตัวบทกฎหมายในสัญญาต่างๆ ที่รัฐบาลได้ทำขึ้น และเมื่อนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ได้มีการขอข้อมูลที่เป็นชั้นความลับหลายเรื่อง เช่น เรื่องปล่อยกู้พม่าของเอ็กซิมแบงก์, เรื่อง “อี-พาสปอร์ต”, เรื่องเอกสารฉบับแปลกรณีซีทีเอ็กซ์ของสหรัฐฯ ที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนของคตส.และเรื่องเหล่านี้ต่างมีความเกี่ยวโยงไปถึงตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่า ได้รับการปฏิเสธ ไม่ให้ความร่วมมือแต่อย่างใด จึงมีการสั่งย้ายไปแขวนในตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง”แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีเขาพระวิหารที่นายนพดล กล่าวอ้างว่าย้ายครั้งนี้เพื่อต้องการหาคนที่เหมาะสมมีประสบการณ์มาดูแลแทนนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือ มีเรื่องการแบ่งเขตดินแดน ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล ทั้งเรื่องก๊าซและน้ำมัน เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นการที่นายวีรชัยไม่สนองนโยบายของรัฐมนตรีในหลายๆ เรื่องจึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ต้องมีการโยกย้ายนอกฤดูกาลในครั้งนี้

อย่างไรก็ตามการโยกย้ายนายกฤต ไกรจิตติ จากอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ให้มาเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย แทนนายวีรชัยนั้น ก็ไม่ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากนัก เพราะนายกฤตเคยดำรงตำแหน่งนี้มาก่อน แต่ถูกนายนิตย์ พิบูลสงคราม อดีตรมว.ต่างประเทศ ในสมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์โยกย้ายไป เพราะทำงานไม่เข้าขากัน แต่ถือว่านายกฤตมีความรอบรู้ด้านกฎหมายเป็นอย่างดี และเป็นที่ยอมรับของหลายฝ่าย จึงทำให้ไม่ถูกวิจารณ์แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับนายสุรเกียรติ์นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า ไปเป็นพยานในคดีการปล่อยกู้พม่าของเอ็กซิมแบงก์ และมีการพาดพิงไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณว่าเป็นผู้สั่งการ ทั้งที่กระทรวงการต่างประเทศได้มีการท้วงติงไปแล้ว รวมถึงการที่มีการนำข้อมูลลับบางอย่างในคืนวันที่โดนรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ซึ่งนายสุรเกียรติ์อยู่ร่วมคณะของพ.ต.ท.ทักษิณในการเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกา และมีคำพูดบางอย่างที่ไม่เหมาะสมหลุดออกมา จนทำให้พ.ต.ท.ทักษิณแสดงความไม่พอใจนายสุรเกียรติ์เป็นอย่างมาก