คนบูรพา

อ่านไปอ่านมา สรุปได้ว่า...  ปีใหม่ไม่สนุกเพราะ...

 

-  คนอื่น เค้าได้โอกาศ จากรัฐบาล จนมีรถใช้ แล้วเอาออกมาวิ่งบ้าง...  ตามสิทธิที่มี...   แต่มันไปทำให้ อำมาตย์ที่เคย สุขสบายใช้รถ ใช้ถนน ของ ส่วนรวม 

คิดไปเองว่า เป็น ของส่วนตัว...   พอ คนอื่นมาใช้บ้าง....  มันก็ อัพเซท...   สงสัย ปีใหม่จะมีความสุขของท่าน...  ต้องถนนโล่งๆ...  ตูขอวิ่งคนเดียว...    

พวกเองเก็บเงินใส่กระปุก... ซื้อรถไปก่อน....  

 

-  ดอกที่สอง เจอ ป้ายไม่ตรงจริต ขัดหูขัดตา...   ผมว่า ถ้าเจอป้าย เจ้าสำนัก...คงไม่เกิดอาการแบบนี้....

 

นี่แหละหนา วิธีคิดของพวกอันธพาลแดง คิดแบบเป็นตรรกะไม่เป็นเลยใช่มั๊ย

จะบอกให้ว่า สิ่งที่รํฐบาลควรจะทำก็คือการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ครอบคลุม ให้มีประสิทธิภาพ ให้ปลอดภัย เพื่อที่จะดึงให้คนที่มีรถส่วนตัวอยู่แล้วหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนแทน ไม่ใช่ส่งเสริมให้คนที่ใช้ขนส่งมวลชนอยู่แล้วไปใช้รถส่วนตัวแทน

ทีนี้ก่อนจะไปแถต่อ เอาประเด็นนี้ก่อนว่าเข้าใจหรือยังว่าสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำมันผิด

พูดไปพูดมา...  ก็วกมา...   ต้องแก้ด้วยการทำขนส่งมวลชน....    ถามว่า...  ทำที่ไหนวะ...  กรุงเทพไง...   

พูดไปพูดมา...  ก็วกมา...   ต้องมีการคุมจำนวนรถ...    ถามว่า...   แล้วไอ้พรรคที่แล้ว...  มันทำอะไรอยู่ละ..  หรือว่ามันไม่รู้ ว่่าต้องคุมจำนวนรถ...  

พูดไปพูดมา...  ก็วกมา...   ภาษีต้องใช้ประโยชน์มากกว่านี้... . ถามว่า แบบไทยเข้มแข็ง..  ใช่ไหม...

 

สุดท้าย พวกท่าน จะมีรถกี่คัน ผมไม่เคยไปว่าอะไรท่าน...  ทำไมพอรัฐบาลจะช่วยผมให้มีรถบ้าง  ..

ท่านต้องมีปัญหา...  รถมันเกิดจะเยอะ จะติด ขึ้นมาทันที...  

เห็นหรือยังว่าที่แถต่อลงมาเนี่ย มันไม่ได้ตอบประเด็นข้างบนเลย เค้าตั้งประเ็ด็นว่านโยบายรัฐบาลนี้มันผิด พอคนท้วง ก็แถไปว่า แล้วรัฐบาลที่แล้วล่ะทำหรือเปล่า ซึ่งมันไม่ตรงประเด็นเลย ถ้าคิดจะโต้เถียงในประเด็นนี้ ก็ต้องตอบว่านโยบายมันถูก หรือ ผิดอย่างไร ไม่ใช่พอคนบอกว่า แบบนี้ผิด ตัวเองแก้ตัวไม่ได้ ก็ไปบอกว่าฝ่ายเอ็งก็ไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกเหมือนกัน สรุป แบบนี้ประเทศก็ไม่ต้องพัฒนาไปไหนแล้ว ใช่มั๊ย

ส่วนที่ว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ทำอะไรบ้าง ก็ตอบได้เลยว่า ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลอภิสิทธิ์หรอก แทบทุกรัฐบาลที่ผ่านมาก็รู้ และมีนโยบายในหลักในการส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะทั้งนั้น ก็ทำกันมาเรื่อย หรือคิดว่ารถไฟฟ้ากี่สายรัฐบาลปูเป็นคนริเริ่มหรือไง รถใต้ดิน รถ BTS รถ BRT เป็นผลงานเฉพาะของรัฐบาลแม้ว หรือ รัฐบาลขี้ข้าแม้ว เท่านั้นหรือไง มันก็ช่วยๆกันทำมาหมดแหละ  เพียงแต่ไม่มีรัฐบาลไหนบ้าไปส่งเสริมให้คนซื้อรถเพิ่มมากมายขนาดนี้  เข้าใจมั๊ย

สำหรับประเด็นที่พยายามไปแบ่งว่า คนที่ซื้อรถใหม่เป็นไพร่ เป็นรากหญ้า คนที่มีเรถขับอยู่เดิมเป็นอำมาตย์ ไม่ทราบเอาที่ไหนมาอ้างอิง คนที่มีรถอยู่เดิมแต่อ้างว่าตัวเองเป็นไพร่ก็มีไม่น้อย คนขับรถแท็กซี่ซึ่งเป็นกลุ่มที่หาเช้ากินค่ำจริงๆ และสนับสนุนรัฐบาลนี้ แต่กลับเดือดร้อนจากนโยบายนี้ก็มีไม่น้อย แล้วทำไมคนแค่ประมาณล้านกว่าคน ที่มีเงินซื้อรถใหม่จากนโยบายนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีเงินดาวน์ แล้วยังต้องมีศักยภาพในการผ่อนอีก รีบไปตีขลุมว่าเป็นพวกของตน คนที่เป็นรากหญ้าจริงๆที่มีอยู่กี่สิบล้านคน ไม่มีปัญญาซื้อหรอก แล้วพวกเค้าไม่สนใจที่อยากจะมีรถด้วย เค้าขอแค่มีเงินใช้หนี้  มีที่ทำกิน แค่นี้ รัฐบาลนี้เคยคิดจะทำอะไรให้คนพวกนี้บ้างมั๊ย ถามว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ทำอะไรอยู่ ก็ตอบว่าเวลาที่ว่างจากการที่ต้องมานั่งแก้ปัญหาความวุ่นวายที่พวกอันธพาลแดงมันก่อ เค้าก็เอาเวลาไปทำนโยบาย ปลดหนี้ นโยบายประกันรายได้ นโยบายโฉนดชุมชน นโยบายเก็บภาษีที่ดิน เพื่อที่จะได้เอาเงินจากคนรวยมาช่วยคนจน ถามว่ารัฐบาลนี้ทำไมไม่ยอมผ่านกฏหมายนี้ซักที แค่ลดภาษีให้คนที่มีตังค์ซื้อรถ ล้านกว่าคนเนี่ยนะ มาอ้างว่าทำเพื่อรากหญ้า ถุยยยย

ว่ากันตามจริงเจ้ปูเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กไทยหลายคนนะฮะ

ประมาณว่า โง่ขนาดนี้ยังเป็นนายกได้ งั้นพวกหนูก็มีสิทธิ์เป็นสิ 

ผมไม่แคร์ และผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ ไม่แคร์ว่า นางยก นายก จะพูด ภาษาต่างประเทศ จนลิงหลับ หรือ 

จน ฝรั่งมันคิดว่า  กูยังพูดไม่ได้แบบมันเลย....    

 

ผมแคร์ และ ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่แคร์ ว่า นายก นางยก  มาจากไหน...  และจะทำอะไร...

ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศจะยี้ไหมมากกว่า...

 

 

หาเรื่องอะไรไม่ได้...  มันกลับมาเรื่อง ความสามารถ ทางด้านภาษา อีกแล้ว...    เอาละครับ...

ถ้าจริตชอบแบบนั้น ห้ามกันไม่ได้...    

 

 

เป็นนายกประเทศไทย ต้องพูด อังกฤษเก่งนะครับ...  ไม่งั้น... สลิ่มล้อ...    

 

อืม!!!ท่านเห็น ไมไม่แหกตาดูชาวโลกที่เค้าวิจารณ์ผู้นำไทยยังไงบ้าง

เค้าไม่ได้บอกว่าพูดภาษาอังกฤษได้ห่วยแค่ไหนแต่จริงๆมันฟังไม่รู้เรื่องต่างหาก

แล้วจะสื่อสารกับชาวโลกยังไงละท่าน ในเมื่อพูดแล้วกรูไม่รู้เรื่องเลยต่างหาก

จริงๆ ก็น่าจะมีคนแนะนำบ้างละ ว่าทั่นนังยกถ้าพูดไม่เก่งควรพูดผ่านล่ามเว้ยเฮ้ย

เพื่อนฝรั่งตรูฟังมันยังขำก๊าก เผอิญเราหน้าไม่ด้านพอจึงเกิดความชาด้วยความอับอาย

 

แต่มีที่ให้ชมนะ นังยกเราติดเพชรที่ต่างหูกับที่ติดผม วูบวาบจริงๆ กลบความโง่ น่าจะแพงหลายนะนั่น

 

ส่วนเรื่องมารยาทและวุฒิภาวะอย่าไปพูดถึงมันเป็นมาตั้งแต่ตัดสายสะดือแล้วละ เกินแก้ไข

 

ไม่ว่าจะเป็น ฟังหรือพูด มันก็เป็น ทักษะทางภาษาเช่นกัน...  ถ้าฟังไม่รู้แล้วจะตอบได้ถูกไหม...

ดังนั้น อย่ามาแก้ตัวดีกว่า ว่า ไม่ใช่เรื่องภาษา... 

สงสัยจังท่านเห็น เราไปแก้ตัวตั้งแต่เมื่อไร เราบอกว่ามันสื่อสารให้เข้าใจไม่ได้โว้ย

ท่านได้ดูในยูทูปยัง แล้วเห็นคอมเม้นแต่ละคนป่าว เป็นคนกลางประสาอะไรวะ

เอาแต่อวยๆอยู่ในนี้ละ ไปเปรียบเทียบกับอองซาน ซูจีแล้ว เป็นกรรมของประเทศต่างหาก

ที่ต้องมาทำใจยอมรับคนอย่างอีนี่ ที่ไม่รู้จักใฝ่เรียนรู้ รู้อย่างเดียวจะทำหน้าตาให้ดูเซ็กซ์จัดยังไงเท่านั้น....

พูดไปพูดมา...  ก็วกมา...   ต้องแก้ด้วยการทำขนส่งมวลชน....    ถามว่า...  ทำที่ไหนวะ...  กรุงเทพไง...   

พูดไปพูดมา...  ก็วกมา...   ต้องมีการคุมจำนวนรถ...    ถามว่า...   แล้วไอ้พรรคที่แล้ว...  มันทำอะไรอยู่ละ..  หรือว่ามันไม่รู้ ว่่าต้องคุมจำนวนรถ...  

พูดไปพูดมา...  ก็วกมา...   ภาษีต้องใช้ประโยชน์มากกว่านี้... . ถามว่า แบบไทยเข้มแข็ง..  ใช่ไหม...

 

สุดท้าย พวกท่าน จะมีรถกี่คัน ผมไม่เคยไปว่าอะไรท่าน...  ทำไมพอรัฐบาลจะช่วยผมให้มีรถบ้าง  ..

ท่านต้องมีปัญหา...  รถมันเกิดจะเยอะ จะติด ขึ้นมาทันที...  

คนหนึ่งคนมีรถหลายคัน แต่ก็ยังขับได้ทีละคัน แต่คนหลายคนมีคนละหนึ่งคัน แค่ขับคนละคัน มันก็เต็มถนนแล้วหล่ะ 

ในมหาวิทยาลัยวิชา transport หน่ะ ไม่มีที่ไหนสอน ให้แก้ไขปัญหาการขนส่ง ด้วยเพิ่มรถยนต์ส่วนตัวเขาไปในระบบ เพราะมันจะสร้างปัญหาให้กับระบบโดยรวมอย่างมาก ถ้าใครใช้การเดินทาง หรือการขนส่งที่เป็นโหมดถนน ก็จะช้าลงหมดทุกคน เมื่อเป็นปัญหา รัฐก็ต้องแก้ปัญหา 

ต้องลงทุนการสร้างถนน สะพาน อุโมงค์ แล้วของพวกนี้ใช้เวลาสร้างเท่าไร ใช้เงินเท่าไร แล้วอย่าลืมว่าการลงทุนพวกนี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบโดยรวมได้นิดหน่อยเท่านั้น 

นอกจากต้องเสียรายได้ทางภาษีแล้ว ยังต้องเสียเงินภาษีมาแก้ไขปัญหารถติดอีกด้วย...

รถติดเป็นปัญหาของทุกคน !!!!!

สมมุติว่า ผมเป็นเจ้าของบริษัทขนส่ง มีรถกระบะ 6 คัน ใช้ทำงานวันละ 8 ชม. ดังนั้นรถ 6 คันส่งของได้ 48 ชม. ต่อวัน เดิมมีต้นทุนอยู่ 100 บาท แค่รถติดเพิ่มแค่วันละ 10 นาที เท่ากับว่าจาก 1 วันที่เคยใช้ได้งาน 48 ชม. ก็จะเหลือ 47 ชม.

ต้นทุนเท่าเดิมแต่งานน้อยลง ถ้าจะให้ได้งานเท่าเดิม ก็ต้องจ่ายมากกว่าเดิมจาก 100 บาท คำนวณคร่าวๆได้ 102.2 บาท ใช่ครับเรื่องนี้ต้องมีคนเดือดร้อน ไม่ครับผมไม่ออกเองแน่ ก็ผลักภาระให้ผู้บริโภคไป เพราะบริษัทไหนๆ ก็ต้องเจอเหมือนกันอยู่แล้ว ยังผมก็ไม่เสียเปรียบ

ถ้าเห็นไตอยู่เมืองกรุง จะกินจะใช้อะไร ขนมาทางรถทั้งหมด ก็จะมีค่าขนส่งแพงขึ้น ร้อยละ 2 

ตอนนี้เห็นไต อาจจะกำลังกิน สโมกกี้ไบท์ จากเซเวรอีเลเวร ที่แพงขึ้นแบบไม่รู้ตัวแล้วก็ได้ 

 

ตกลงว่า ถ้า รากหญ้าจะมีรถได้เนี่ย.... อำมาตย์ต้อง วางแผนคมนาคม ให้ ดีๆก่อน...
ถ้ายังไ่ม่ดี... เองห้ามมีรถ... เพราะ มันทำให้ข้า... รถติด...

ถ้าจะโทษรถติด... รถของท่านก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ติด.... เคยคิดหรือป่าว...

แค่ รัฐวางแผนให้คนซื้อรถไปเฉพาะที่จำเป็นต้องใช้จริงๆเท่านั้น รวมทั้งให้ความรู้กับประชาชนนิดหน่อย แค่นี้รถก็ไม่ล้นประเทศแล้ว
น่าจะลดปัญหาหนี้เน่าได้ระดับนึงด้วย แต่พอดีถ้าทำแบบนั้นมันคงไม่สะใจ เดี๋ยวคะแนนเสียงไม่เข้าเป้า.....

ปล. กรูไม่มีรถ ไม่ได้ใช้สิทธิรถคันแรก กรูนั่งรถเมลล์ไปทำงาน แต่รถมันติดมากขึ้น ส่วนนึงก็เพราะรถคันแรก แต่ไม่ให้กรูบ่นด้วยเว้ยเฮ้ย
ปล.2 กรูไม่ได้ห้ามใครไม่ให้ซื้อรถ ไม่ได้ด่าใครที่จะซื้อรถ แต่กรูกำลังด่ารัฐบาล เพราะมันออกนโยบายที่มีข้อบกพร่องออกมา
สนับสนุนให้คนมีรถ แบบไม่คิดหน้าคิดหลัง แล้วทำให้ชีวิตกรูลำบากลำบนขึ้นเว้ย!
ปล. 3 ถ้าใครบ่นเรื่องรถติดเพราะนโยบายรถคันแรก มันผู้นั้น เป็นพวกใจแคบ ขี้อิจฉา ชอบเอารัดเอาเปรียบคนอื่น เว้ยเฮ้ย.......

ตรรกกะวิบัติชิบ