lazylemon

I Support PM Abhisit

"ประยุทธ์" เมินเคลียร์ปม "ทักษิณ" ลั่นใส่เกียร์เดินหน้าลูกเดียว #NationTV

ศาสตราจารย์ ดร. เจริญ วรรธนะสิน
บ้านเมืองเข้าสู่ยุค น้ำลด ตอผุด สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น 
สิ่งที่ไม่เคยรู้ก็จะได้รู้ หรือสิ่งที่คลุมเครือไม่ชัดก็เริ่มชัดขึ้น
เพียงสัปดาห์เดียว คสช ทำงานที่มีผลสัมผัสได้มากกว่ารัฐบาลชุดก่อนๆ ไม่เคยนึกเลยว่า จะเห็นปรากฎการณ์นี้ในไทยมานับปี ๆ มีความสุขจริง ๆ

 

 

 

 

อยากอยู่เหมือนกันขอรับหลวงพ่อ ไอ้ช่วงที่วุ่น ๆ กับไล่ทรราชย์

 

เมียผมแอบไปซื้อบ้านไว้อีกหลัง ตอนนี้เลยต้องมาเร่งผ่อนบ้าน

 

มิน่าบังคับเราให้ทำงานเพิ่ม โอย....ลมแทบใส่ 

 

โอ๊วววววว...ท่านอาวุโสโอเค  สุดยอดสามีอันดับหนึ่งเลยนะนั้น

ขอส่งแรงใจให้ท่านผ่อนบ้านให้เมียหมดโดยเร็วนะครับ

แล้วท่านก็ แอบไปมีบ้านหลังเล็กไว้อีกหลัง ดูซิ คุณเธอจะเร่งทำงานเพิ่มมาช่วยเร่งผ่อนบ้านหลังเล็กหรือปล่าว      

สร้างความร้าวฉาน คืองานของเรา   

ปู จิตรกร บุษบา

จากเพจ "สกลธี ภัททิยกุล"

Sakoltee Phattiyakul
:: พี่ๆ แกนนำเล่าให้ฟังว่าตอนเข้าบ้าน AF พี่ๆ ทหารพยายามบอกให้พวกเราแชร์บ้านกันอยู่กับแกนนำเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยเพื่อความสามัคคี...พวกเรานำโดยลุงปรีชา พี่ปอง อ.เสรี พี่บี ลูกหมี พี่ณัฏฐพลและทยา พี่ยะใส พี่นกเขา...หัวเด็ดตีนขาดไม่ยอมเด็ดขาด...ทำใจไม่ได้ที่จะต้องไปอยู่ร่วมกับคนพวกนี้...ที่เล่าให้ฟังไม่มีอะไรมากครับ แค่จะบอกว่าคนไทยบางส่วนไม่ลืมง่ายครับ โดยเฉพาะกับพวกที่ทำร้ายประเทศชาติและสถาบัน...ความสามัคคีและปรองดองไม่จำต้องใช้กับคนบางจำพวก...ไม่ใช่หน้าฉากตีกันแทบตายหลังฉากกอดกันกลม ประชาชนโดนต้ม...เสียอะไรเสียได้แต่อย่าเสียจุดยืนและศักดิ์ศรี...ภูมิใจในพี่ๆ มิตรร่วมรบทุกท่านครับ

แระ

ไม่มีรัยย์มาก ฮี่ๆๆ

ธรรมศาสตร์ สิ้นแล้ว ซึ่งธรรมหรือ
ธรรมนั้นคือ หัวใจ ไปไหนหนา
เฝ้าพิทักษ์ กระพี้ไม้ ฉาบบังตา
แก่นธรรมา ประชาธิปไตย นั้นไม่มี
เฝ้าเรียกร้อง แต่เปลือก ที่ฉาบไว้
แต่แก่นใน โดนปลวกแทะ เน่าดังนี้
เขามาซ่อม สร้างใหม่ ให้ดูดี
ก็มาไล่ ทันที สงสัยจริง
บ้านของเรา เน่าแล้ว ไม่แคล้วถล่ม
ชาติล่มจม เพราะโกงกิน กันอย่างยิ่ง
ก็ยังมี ทหาร ไว้พึ่งพิง
ดีกว่าพวก ผีสิง สุดระอา
จะมาเรียก ร้องหา อะไรกัน
หาสวรรค์ วิมาน ในโลกหล้า
พอเขาโกง เขากิน เจือกไม่มา
ปิดหูตา ไม่สนใจ ชาติล่มเอย

น่าจะเป็นแค่นักศึกษากลุ่มหนึ่งเท่านั้นครับ ผมว่าคนดีๆในธรรมศาสตร์ก็มีเยอะ แต่คนไม่ดีมันจะกล้าแสดงออกมากกว่า  พวกนี้มันมีปมด้อยครับ โดยเฉพาะพวกนักศึกษาที่อยู่  อมธ สมัยผมเรียนคนกลุ่มนี้แหล่ะตัวสร้างปัญหา ทั้งเรื่องการแต่งตัว การตัดงบ กิจกรรมของชุมนุม ต่างๆ  ผมไม่อยากให้เหมารวมทั้งสถาบันครับ  ตอนที่กำนันเป่านกหวีต  ผมดีใจมากที่กลุ่มธรรมศาสตร์ก็เข้าร่วม อย่างมากมาย

จริงๆตอนที่ มธ เข้าร่วมกับ กำนัน ผมก็ดีใจครับ อาจารย์ มธ ดีๆก็มีมาก แต่ผมรู้สึกว่า พวกนี้มันชักจะเลยเถิด กลายเป็นภาพลักษณ์ไปแล้ว นศ ที่เป็นพวกแนวนี้ มักจะมีช่องทางให้แสดงออกเสมอ และแสดงแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้จนเป็นที่โจษจันกันไป ทำให้ไม่สบายใจเลยที่มีคนบอกว่าเป็น ม.แดง ไปแล้ว ก็เพราะพวกนี้ล่ะ...ทำให้รู้สึกว่า ความเป็นธรรมศาสตร์ในตัวพวกเขา...มันมีอะไรที่แปร่งๆไป

 

กลัวว่าจะลามไปอีกหลายมหาวิทยาลัยจริงๆ เพราะรัฐประหารกับเสรีภาพนักศึกษานี่มันของคู่กัน ปลุกกันง่ายมาก
แต่ม็อบ นักศึกษา ดีหน่อยที่ส่วนใหญ่จะไม่ใช้ความรุนแรง เพราะฉะนั้น น่าจะต้องเร่งทำความเข้าใจในเหตุผลของการทำรัฐประหาร
อาจจะเรียก อธิการบดี ทั้งหลายมาทำความเข้าใจ หรือ มาขอคำปรึกษากับคณะ คสช

 

สมัยนี้แล้วม๊อบนักศึกษาปลุกไม่ขึ้นหรอกครับ สมัยโบราณที่ปลุกขึ้นเพราะกระแสบุปฝาชนมันแรง เด็กสมัยนั้นถ้าใครไม่พูดถึงสายลมแสงแดดและเชฯจะดูโลว์

 

แต่สมัยนี้...วัยรุ่นเขานิยมเรื่องสนุกสนาน ไม่สนใจสายลมแสงแดดแล้ว

 

ใช่เลย แถมบรรดานักเขียน กวีเพื่อมวลชน กิจกรรมนักศึกษาเพื่อสังคมก็เยอะ ไม่ใช่ยุคออนไลน์แบบเดี๋ยวนี้ การสื่อก็จะเป็นวิธีบอกต่อ ปากต่อปาก กลุ่มต่อกลุ่ม

อย่าไปใส่ใจเลย  เเค่เด็กธรรมศาสตร์ไม่กีคน  ทีตอนวรเจตสมศักดิ์อัมเนโกะทำชั่วต่างๆ  ไม่เห็นมันมีอาการอะไร  นี่ทหารยึดอำนาจอาทิตย์เดียว  มันคลั่งได้ขนาดนี้ก็ปล่อยๆไปเถอะ  ไอ้สุรพงหัวล้านทาสทักษิณก็จบวิศวะมข เราก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นตัวเเทนเด็กมขทั้งหมด  มันอยากชั่วมันก็ตัวมันคนเดียว  ชั่วดีมันเป็นเรื่องตัวบุคคล  สอนกันลำบากด้วย อายุยี่สิบกว่าเเล้ว  บอกว่าอย่าเเต่งรัดโชว์นมเเล้วมันเชือไหม  เด็กดีๆเขาไม่ต้องสอนมากก็เรียบร้อยออกจากบ้าน  

 

Cathay Mee

11 นาที · แก้ไขแล้ว · 

29/5/57 ... ( 15.50 น. )

ที่หน้าอนุสวรีย์ฯ ไม่มีสักตัว /ไปโผล่อยู่นี่ ธรรมศาสตร์ จุดนี้ 80 คนได้

 

 

ผมเคยเห็น เด็กวิ่งสะดุดล้มร้องไห้เสียงดัง ร้องนานมากเราเข้าไปดูเด็กร้องดังขึ้นและไม่ยอมหยุดสักที

แต่มีครั้งหนึ่งเหตุการณ์คล้ายกันแต่ไม่มีคนเห็นและไม่มีใครอยู่ใกล้(นอกจากผมบังเอิญเห็น)

เด็กมองหาคนแถวนั้น เมื่อไม่เห็นใครก็เลยลุกและเดินไปโดยไม่ร้องสักแอะเดียว

มันคืออะไรรู้ไหมครับ

พวกนี้(น่าจะ)เหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจ ถ้าเราไม่สนใจ ไม่ไปมุงดูน่าจะเดากันได้นะครับ

ผมไม่ไปดู ไม่ไปใกล้ ไม่ให้ความสนใจ 

 

ผมไม่เห็นด้วยที่จะเอาทหารไปรอต้อนรับตามที่พวกนี้นัดไป

แต่ควรจะไปรวบทีเดียว จบ ถ้ายังไม่ยอมเลิก

ผมชัดเจนนะครับ อย่าหาว่าโหด

ผมอยากให้ทางราชการ ตั้งหน่วยงานชี้แจ้งอะไรบ้างก็ดี

ผมว่าอย่าปล่อยให้ม๊อปน้องๆนักศึกษาลุกลามใหญ่โตเลย

ใครจะตัดไฟแต่ต้นลม กลัวมันจะลามไปเรื่อยไม่รู้จบ

 

 

ผมแค่สงสัยสัยนะครับไม่รู้จะมีใครคิดเหมือนผมมั้ย

 

หลายๆครั้งที่มีการประทะหรือประท้วง ทำไมทหารใจเย็นไม่ทำอะไรฉาบฉวย

 

สิ่งที่ผมคิดไม่รู้จะมีใครคิดเหมือนผมไหมว่า  ทหารกำลังรออะไรอยู่ เหมือนกับว่า

 

เสือซ่อนเล็บ 

 

ถ้าความเห็นไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม ลบได้นะครับ

เราว่าเขารอ พวกนี้เขาต้องวางแผน แต่เราเป็นคนนอก มันเลยใจร้อนไม่ทันอกทันใจ

เหมือนที่เรานั่งว่า ผบ.ทบ.มาตลอด ว่าต้องรอให้มีคนตายเท่าไหร่ ถึงจะออกมาปราบไอ้พวกกองกำลังติดอาวุธ

ในการที่เขาไม่ทำอะไร เขากับเตรียมแผนไว้รอปฏิบัติการณ์ ที่รวดเร็ว ว่องไว การแบ่งงาน มีการวางแผนมาอย่างดี

แหล่งข่าว ข้อมูลข่าว เราถึงคิดว่าเขารออะไร หรือคิดอะไร เราไม่ได้อยู่ฝ่ายปฏิบัติการเลยไม่รู้

ได้แต่เอาใจช่วยตลอด ไม่เหมือนตอนกปปส. ถ้ากำนันเรียกก็ออกกันเต็มถนน แต่นี่เราช่วยอะไรไม่ได้เลยได้แต่ให้กำลังใจ

 

 

'อภิสิทธิ์'แนะจับตาศูนย์ปรองดอง หวั่นแปลงสภาพเป็นนิรโทษกรรม

วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557, 12.59 น.

tags : อภิสิทธิ์, นิรโทษกรรม

 

29 พ.ค. 57 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กระทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยนายอภิสิทธิ์  ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวทางการบริหารประเทศและนโยบายด้านความมั่นคงของ คสช. ว่า ตนยังไม่เห็นภาพชัด จนกว่าจะมีธรรมนูญการปกครองหรือรัฐธรรมนูญชั่วคราวให้เห็นโครงสร้างว่าใครจะ มาทำอะไร แต่สิ่งที่ดำเนินการไปแล้วบางเรื่องเป็นการตอบโจทย์เหตุการณ์เฉพาะหน้า เช่น การเร่งจ่ายเงินให้ชาวนาที่รอคอยเงินจากโครงการรับจำนำข้าวมานาน เป็นสิ่งที่สมควรทำ การใช้อำนาจเพื่อควบคุมสถานการณ์น่าจะอยู่ช่วงที่จะต้องมีการคลี่คลายโดย ลำดับ เพราะตนมองไม่เห็นว่าจะใช้อำนาจในลักษณะนี้ไปได้ยาวนาน จุดที่จะมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ น่าจะเป็นเรื่องของสื่อมวลชน กับสภาพความอึดอัดในเรื่องข้อมูลข่าวสาร

 

“แต่ที่ต้องจับตาดูคือการตั้งศูนย์ปรองดอง ยังไม่ชัดเจนว่าตั้งโจทย์อย่างไร ผมยืนยันว่าถ้าตั้งโจทย์ว่าเป็นเรื่องการต่อรองผลประโยชน์ทุกฝ่ายจะเป็นการ ตั้งโจทย์ที่ผิด โดยเฉพาะที่ผ่านมาเอาคำว่าปรองดองมาใช้นำไปสู่การนิรโทษกรรม จะกลายเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น แต่ถ้าพยายามเอาแนวคิดของทุกฝ่ายที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมมาประสานก็จะเป็น ทางออกให้กับประเทศ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว 

         

ผู้สื่อข่าวถามว่า แถลงการณ์ยึดอำนาจของ คสช. ระบุว่าจะสร้างความชอบธรรมให้กับทุกพวกทุกฝ่ายจะนำไปสู่การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น และคิดว่าถ้าทำจะเป็นชนวนให้เกิดความวุ่นวาย การจะสร้างความชอบธรรมให้กับทุกฝ่าย คือการทำให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย รับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตน สีไหน หรือใครก็ตามต้องยอมรับที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนคิดว่า คสช.ไม่ควรลืมว่ามีหลายประเด็นที่เป็นการขับเคลื่อนของมวลชนก่อนหน้านี้ เช่น ปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ควรเป็นสิ่งแรก ๆ ในการปฏิรูปที่ทำให้เป็นรูปธรรมว่าจะทำให้ดีขึ้นอย่างไร เพราะมีข้อเสนอจากหลายฝ่ายอยู่แล้ว

 

“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คำแถลงยึดอำนาจไม่พูดถึงเรื่องการทุจริต คอร์รัปชั่น แต่เป็นปัญหาที่อยู่ในใจคนมากที่สุดก่อนที่จะเกิดวิกฤตทางการเมือง พวกผมเป็นนักการเมืองกลุ่มแรกที่ยอมรับว่าประชาชนเสื่อมศรัทธาในตัวพรรคการ เมือง นักการเมือง เพราะฉะนั้น คสช.ต้องสร้างระบบการเมืองที่ดีกว่า ทำให้นักการเมือง พรรคการเมืองมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น ถ้าไปดำเนินการในลักษณะที่จะดึงพรรคการเมือง นักการเมืองเข้าไป ผมไม่แน่ใจว่าประชาชนจะยอมรับได้หรือไม่” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 

เมื่อถามว่า คสช.มีอำนาจเต็มควรจะทำให้บ้านเมืองไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าต้องการให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ พูดถึงการปฏิรูป ก็ต้องทำให้เป็นรูปธรรม ส่วนทีมที่ปรึกษานั้นเป็นรายชื่อที่คาดการณ์ได้ว่าให้คำแนะนำ ปรึกษาได้ แต่การบริหารจริงไม่ได้อยู่ที่คณะที่ปรึกษา และกลไกยังพึ่ง คสช.กับข้าราชการอยู่ ตนคิดว่าบางเรื่องราชการทำงานได้ เช่น การบริหารจัดการปกติ ซึ่งอาจจะทำได้ดีถ้าไม่มีการเมืองหรือผลประโยชน์เข้าไปแทรกแซง แต่งานปฏิรูปต้องพึ่งภาคส่วนอื่นที่ไม่ใช่ราชการ เพราะการปฏิรูปที่ประชาชนคาดหวังคือการลดทอนอำนาจรัฐ จะพึ่งราชการกับ คสช.คิดเองคงไม่ง่าย

 

ถามต่อว่า คสช.มีอำนาจเต็มในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และมีอำนาจตุลาการบางคดีที่ไปขึ้นศาลทหาร การดำรงสถานะเช่นนี้ต่อไปนาน ๆ จะมีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ในดุลพินิจของแต่ละฝ่าย โดยสถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดเหมือนที่พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ เพราะคงบอกไม่ได้ว่ากี่วัน กี่สัปดาห์ แต่ถ้าดูว่าจะสงบเรียบร้อย เช่นขณะนี้ผู้นำมวลชนไม่ได้เคลื่อนไหวก็น่าจะเร็วได้ เพราะการอยู่ในสภาพอย่างนี้จะมีความอึดอัดสะสม โดยปัญหาจุดแรกน่าจะเป็นเรื่องสื่อสารมวลชน

 

ส่วนเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนคาดหวังคือการปฏิรูปให้ตำรวจใกล้ชิดประชาชนมากขึ้นไม่ใช่ทำ ให้องค์กรใหญ่ขึ้นหรือรวมศูนย์อำนาจมากขึ้น  แต่ที่มีการเสนอเรื่องการตั้งกระทรวงตนก็สับสนเพราะมีการพูดว่าจะกระจาย อำนาจ แต่กลับเสนอเรื่องกระทรวง ทำให้สับสน เพราะการตั้งกระทรวงจะยิ่งทำให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงได้ง่ายขึ้น ความจริงคนที่เคยเสนอเรื่องปฏิรูปโครงสร้างตำรวจไว้ดีคือ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ซึ่งหากจะมีการปฏิรูปตำรวจควรหยิบแนวทางนี้ขึ้นมาพิจารณา

 

สิ่งที่ผมกลัวตรงนี้แหละ นิรโทษกรรม คงได้หยิบนกหวีดขึ้นมาเป่าอีกรอบ

 

 

ถึงตอนนี้ ผมก็ยังมั่นใจท่านประยุทธ ว่าศูนย์ปรองดองของท่านคงจะมียุทธวิธีที่ดี....

 

แต่ขออย่าให้มีการฮั้ว, การประนีประนอมผลประโยชน์แบบนักการเมืองเลยนะคร้าาาบ... สงสารประเทศเถอะ.

 

พี่มาร์คออกมาจี้แบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา

กลุ่มปัญญาชนคนอีสานไม่เอาพรรคเพื่อไทย

‪#‎ก็แค่สงสัยทำไมเงียบ‬....!!!!!!!
ขอบคุณเจ้าของภาพ..

แต่เราว่า พวกมันต้องเป็นเหี้ ยรัยกันหลายอย่าง ไม่ใช่แค่สักอย่าง

'อภิสิทธิ์'แนะจับตาศูนย์ปรองดอง หวั่นแปลงสภาพเป็นนิรโทษกรรม

วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557, 12.59 น.

tags : อภิสิทธิ์, นิรโทษกรรม

 

29 พ.ค. 57 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กระทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยนายอภิสิทธิ์  ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวทางการบริหารประเทศและนโยบายด้านความมั่นคงของ คสช. ว่า ตนยังไม่เห็นภาพชัด จนกว่าจะมีธรรมนูญการปกครองหรือรัฐธรรมนูญชั่วคราวให้เห็นโครงสร้างว่าใครจะ มาทำอะไร แต่สิ่งที่ดำเนินการไปแล้วบางเรื่องเป็นการตอบโจทย์เหตุการณ์เฉพาะหน้า เช่น การเร่งจ่ายเงินให้ชาวนาที่รอคอยเงินจากโครงการรับจำนำข้าวมานาน เป็นสิ่งที่สมควรทำ การใช้อำนาจเพื่อควบคุมสถานการณ์น่าจะอยู่ช่วงที่จะต้องมีการคลี่คลายโดย ลำดับ เพราะตนมองไม่เห็นว่าจะใช้อำนาจในลักษณะนี้ไปได้ยาวนาน จุดที่จะมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ น่าจะเป็นเรื่องของสื่อมวลชน กับสภาพความอึดอัดในเรื่องข้อมูลข่าวสาร

 

“แต่ที่ต้องจับตาดูคือการตั้งศูนย์ปรองดอง ยังไม่ชัดเจนว่าตั้งโจทย์อย่างไร ผมยืนยันว่าถ้าตั้งโจทย์ว่าเป็นเรื่องการต่อรองผลประโยชน์ทุกฝ่ายจะเป็นการ ตั้งโจทย์ที่ผิด โดยเฉพาะที่ผ่านมาเอาคำว่าปรองดองมาใช้นำไปสู่การนิรโทษกรรม จะกลายเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น แต่ถ้าพยายามเอาแนวคิดของทุกฝ่ายที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมมาประสานก็จะเป็น ทางออกให้กับประเทศ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว 

         

ผู้สื่อข่าวถามว่า แถลงการณ์ยึดอำนาจของ คสช. ระบุว่าจะสร้างความชอบธรรมให้กับทุกพวกทุกฝ่ายจะนำไปสู่การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น และคิดว่าถ้าทำจะเป็นชนวนให้เกิดความวุ่นวาย การจะสร้างความชอบธรรมให้กับทุกฝ่าย คือการทำให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย รับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตน สีไหน หรือใครก็ตามต้องยอมรับที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนคิดว่า คสช.ไม่ควรลืมว่ามีหลายประเด็นที่เป็นการขับเคลื่อนของมวลชนก่อนหน้านี้ เช่น ปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ควรเป็นสิ่งแรก ๆ ในการปฏิรูปที่ทำให้เป็นรูปธรรมว่าจะทำให้ดีขึ้นอย่างไร เพราะมีข้อเสนอจากหลายฝ่ายอยู่แล้ว

 

“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คำแถลงยึดอำนาจไม่พูดถึงเรื่องการทุจริต คอร์รัปชั่น แต่เป็นปัญหาที่อยู่ในใจคนมากที่สุดก่อนที่จะเกิดวิกฤตทางการเมือง พวกผมเป็นนักการเมืองกลุ่มแรกที่ยอมรับว่าประชาชนเสื่อมศรัทธาในตัวพรรคการ เมือง นักการเมือง เพราะฉะนั้น คสช.ต้องสร้างระบบการเมืองที่ดีกว่า ทำให้นักการเมือง พรรคการเมืองมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น ถ้าไปดำเนินการในลักษณะที่จะดึงพรรคการเมือง นักการเมืองเข้าไป ผมไม่แน่ใจว่าประชาชนจะยอมรับได้หรือไม่” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 

เมื่อถามว่า คสช.มีอำนาจเต็มควรจะทำให้บ้านเมืองไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าต้องการให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ พูดถึงการปฏิรูป ก็ต้องทำให้เป็นรูปธรรม ส่วนทีมที่ปรึกษานั้นเป็นรายชื่อที่คาดการณ์ได้ว่าให้คำแนะนำ ปรึกษาได้ แต่การบริหารจริงไม่ได้อยู่ที่คณะที่ปรึกษา และกลไกยังพึ่ง คสช.กับข้าราชการอยู่ ตนคิดว่าบางเรื่องราชการทำงานได้ เช่น การบริหารจัดการปกติ ซึ่งอาจจะทำได้ดีถ้าไม่มีการเมืองหรือผลประโยชน์เข้าไปแทรกแซง แต่งานปฏิรูปต้องพึ่งภาคส่วนอื่นที่ไม่ใช่ราชการ เพราะการปฏิรูปที่ประชาชนคาดหวังคือการลดทอนอำนาจรัฐ จะพึ่งราชการกับ คสช.คิดเองคงไม่ง่าย

 

ถามต่อว่า คสช.มีอำนาจเต็มในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และมีอำนาจตุลาการบางคดีที่ไปขึ้นศาลทหาร การดำรงสถานะเช่นนี้ต่อไปนาน ๆ จะมีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ในดุลพินิจของแต่ละฝ่าย โดยสถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดเหมือนที่พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ เพราะคงบอกไม่ได้ว่ากี่วัน กี่สัปดาห์ แต่ถ้าดูว่าจะสงบเรียบร้อย เช่นขณะนี้ผู้นำมวลชนไม่ได้เคลื่อนไหวก็น่าจะเร็วได้ เพราะการอยู่ในสภาพอย่างนี้จะมีความอึดอัดสะสม โดยปัญหาจุดแรกน่าจะเป็นเรื่องสื่อสารมวลชน

 

ส่วนเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนคาดหวังคือการปฏิรูปให้ตำรวจใกล้ชิดประชาชนมากขึ้นไม่ใช่ทำ ให้องค์กรใหญ่ขึ้นหรือรวมศูนย์อำนาจมากขึ้น  แต่ที่มีการเสนอเรื่องการตั้งกระทรวงตนก็สับสนเพราะมีการพูดว่าจะกระจาย อำนาจ แต่กลับเสนอเรื่องกระทรวง ทำให้สับสน เพราะการตั้งกระทรวงจะยิ่งทำให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงได้ง่ายขึ้น ความจริงคนที่เคยเสนอเรื่องปฏิรูปโครงสร้างตำรวจไว้ดีคือ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ซึ่งหากจะมีการปฏิรูปตำรวจควรหยิบแนวทางนี้ขึ้นมาพิจารณา

 

สิ่งที่ผมกลัวตรงนี้แหละ นิรโทษกรรม คงได้หยิบนกหวีดขึ้นมาเป่าอีกรอบ