- แมวน้อยสีน้ำเงิน, mickie, MuuSang and 32 others like this
- ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด
- → ดูประวัติผู้ใช้: Likes: MOD_01
MOD_01
เป็นสมาชิกตั้งแต่ 14 ธันวาคม 2555ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2557 01:56
Community Stats
- กลุ่มผู้ใช้ Moderators_S
- จำนวนกระทู้และความเห็น 443
- Profile Views 11,445
- Member Title ขาประจำ
- อายุ ไม่ระบุ
- วันเกิด ไม่ระบุ
-
Gender
Not Telling
เครื่องมือสมาชิก
ผู้เยี่ยมชมล่าสุด
#608208 สะท้านวงการดงขมิ้น เมื่อการเมืองเข้าไปยุ่มย่าม พระครูปลัดพายัพ ( เยิน )
โดย เด็กปากดี on 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 07:32
#606991 หุๆๆ เข้าใจผวนคำ..."พระพายัพ -พาพระยับ"...
โดย Suraphan07 on 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 09:23
นายพายัพ ชินวัตร (น้องชายของทักษิณ ชินวัตร) ทำการอุปสมบท ได้รับฉายา “พระพายัพ เขมะคุโณ”
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีข่าวว่าท่านได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส สมเด็จพระธีรญาณมุนี ให้เป็นพระฐานานุกรมในตำแหน่ง “พระครูปลัดสัมพิพัฒน์ญาณจารย์”
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อึงมี่
เนื่องจากพระพายัพเพิ่งจะบวชได้ไม่ถึง 10 วัน ในขณะที่ตามธรรมเนียมปฏิบัติ พระสงฆ์ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมจะต้องบวชมาแล้วอย่างต่ำ 10 พรรษา
1) เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2556 สื่อมวลชนโทรศัพท์ไปสัมภาษณ์พระพายัพขณะอยู่ที่ประเทศอินเดีย
พระพายัพ เขมะคุโณ ให้สัมภาษณ์ว่า “มีความตั้งใจที่จะบวชมานานแล้วแต่ไม่มีเวลาและโอกาสที่เหมาะสม ซึ่งวันบวชก็ทำพิธีเงียบ ๆ แบบเรียบง่ายทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ทราบข่าวหลังจากที่บวชแล้วเพราะไม่ได้แจ้งให้ทราบ”
พระพายัพชี้แจงทางโทรศัพท์ ยืนยันว่าได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งพระครูปลัดสัมพิพัฒน์ญาณจารย์จริง
โดยอธิบายว่า “การได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งพระครูปลัดสัมพิพัฒน์ญาณจารย์นั้น ก็คล้ายกับการรับปริญญาเอกดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เป็นกรณีพิเศษที่สมเด็จพระธีรญาณมุนีท่านเห็นว่าอาตมาสร้างวัดมามาก ทำนุบำรุงศาสนาและปฏิบัติธรรมมาเยอะ ซึ่งเป็นความเสียสละเพื่อพระพุทธศาสนา ตำแหน่งดังกล่าวก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของศาสนา อนุเคราะห์หมู่สงฆ์ต่อไป ดังนั้น จึงเป็นภาระตำแหน่งไม่ใช่ความยินดี ท่านก็มอบภาระนี้ให้อาตมาก็รับไว้ อย่างไรก็ตามวันที่ 23 ก.พ.นี้จะเดินทางกลับประเทศไทยเพราะมีเทศน์ที่สวนอัมพรร่วมกับพระพยอม”
2) พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ ให้สัมภาษณ์เห็นดีเห็นงามไปกับพระพายัพ
อ้างว่า พระพายัพมีผลงานในการสนับสนุนส่งเสริมพระพุทธศาสนาหลายประการ เช่น การสร้างโบสถ์ จึงมีสิทธิได้รับการแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมได้ แม้ว่าหลักเกณฑ์การแต่งตั้งพระฐานานุกรมจะต้องบวชหลายพรรษาก็ตาม “อาตมาเห็นว่า เราไม่ควรจะไปยึดเรื่องพรรษากันได้แล้ว เพราะพระบางรูปบวชมานานหลายพรรษา แต่ไม่เคยทำคุณงามความดี หรืออะไรที่เป็นประโยชน์แก่พระศาสนา ก็ไม่ควรเลื่อนตำแหน่งอะไรให้เลย”
ที่ร้ายกว่านั้น คือ พระพยอมอ้างว่า เรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาเลย หากพระพายัพไม่ใช่น้องชายของทักษิณ
ทำเหมือนกับจะให้เข้าใจว่า คนที่วิจารณ์เรื่องนี้เป็นพวกจะหาเรื่องทักษิณ
“พระบางรูปบวชมาหลายพรรษา...”
ถ้าพระพุทธศาสนาถือปฏิบัติตามแนวทางที่พระพยอมอ้าง ก็เท่ากับว่า ใครมีเงินมาก ไม่ต้องมีศีลธรรม ไม่ต้องเป็นคนดี ก็สามารถใช้เงินซื้อตำแหน่งในวงการสงฆ์ได้อย่างอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงพระวินัย ธรรมเนียมปฏิบัติ หรือพรรษาของการบวช
ประเดี๋ยวคงมีโจรปล้นเงินแผ่นดิน เจียดเงินไปสร้างโบสถ์ วิหาร กุฏิหรูๆ หอระฆังใหญ่ๆโตๆ ยอยกพระสงฆ์ด้วยทรัพย์ แล้วก็บวชสักเดือน พ่วงขอโบนัสเป็นตำแหน่งใหญ่โตในวงการสงฆ์
3) ล่าสุด นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะแก้เกี้ยวกรณีดังกล่าว
อ้างว่า เรื่องนี้ ไม่ใช่การแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรม แต่เป็นเพียงการตั้ง “ฉายา” สำหรับพระบวชใหม่
อธิบายเรื่องใหม่ บอกว่า พระอุปัชฌาย์ของพระพายัพได้ตั้งฉายาให้ว่า “พระครูปลัด”
ยอมรับว่า การจะได้รับตำแหน่งพระฐานานุกรมนั้น จะต้องผ่านการอุปสมบทมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 พรรษา และเป็นพระที่มีคุณงามความดีเผยแผ่พุทธศาสนา และต้องเข้าสู่การพิจารณาของมหาเถรสมาคม เพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
น่าคิดว่า นายปรีชามีหน้าที่เป็น “อธิบดีกรมการศาสนา” มิใช่ “โฆษกของพระพายัพ”
การพยายามแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ทำนองว่า ตำแหน่ง “พระครูปลัดสัมพิพัฒน์ญาณจารย์” เป็นเพียงฉายา จะเป็นการดูถูกสติปัญญาของคนไทยมากไปไหม เพราะในข่าวปรากฏฉายาอยู่ทนโท่ว่า “พระพายัพ เขมะคุโณ”
ยิ่งกว่านั้น พระพายัพยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนจากประเทศอินเดีย ยืนยันว่าตนเองได้รับแต่งตั้งตำแหน่ง “พระครูปลัดฯ” จริงๆ ก่อนหน้าที่อธิบดีจะโผล่ออกมาแก้เกี้ยวเสียอีก!
ถ้าตกข่าว ก็ขอให้กลับไปอ่านข้อ 1
หรือถ้าอธิบดีกรมการศาสนาจะยืนยันว่า พระพายัพโกหก อวดอ้างว่าตนเองได้รับแต่งตั้งเป็น “พระครูปลัดฯ” ก็พูดออกมาดังๆ ชัดถ้อยชัดคำ!
4) เห็นพฤติกรรมของพระที่เกี่ยวข้องกับกรณีข้างต้นแล้ว ช่างน่าสลดใจ...
ดูท่าว่า งานนี้ “พระพายัพ” จะพาพระยับ(เยิน) ไปเสียหรือไม่?
สำหรับพระที่บวชมานาน หากไม่ได้แก่แต่พรรษา หรือมีกิเลสบังตา พึงสังวรว่า ในสมัยพุทธกาล เคยมีพระสงฆ์พยายามประจบเอาใจคฤหัสถ์ เพียงเพราะพึงพอใจในของฉันที่เขาถวาย
ถึงกับพยายามแสดงความเห็นที่ไม่ถูกต้องต่อคณะสงฆ์
ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าทรงติเตียน แล้วทรงบัญญัติสิกขาบท มีใจความว่า “ภิกษุประทุษร้ายสกุล (ประจบคฤหัสถ์ ทอดตนลงให้เขาใช้) มีความประพฤติเลวทราม เป็นที่รู้เห็นทั่วไป ภิกษุทั้งหลายพึงว่ากล่าวและขับเสียจากที่นั้น ถ้าเธอกลับว่าติเตียน ภิกษุทั้งหลายพึงสวดประกาศ (เป็นการสงฆ์) ให้เธอละเลิก ถ้าสวดครบ 3 ครั้ง ยังดื้อดึง ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.”
นอกจากนี้ พระพุทธองค์ยังเตือนภิกษุที่มาบวชให้สำเหนียกว่า การมาบวชแล้วกลับไปแสวงหากามที่ละแล้ว (คือ รูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัสที่ทำให้เจริญราคะ) ย่อมเป็นของต่ำทรามและไม่สมควรปฏิบัติ และที่สำคัญคือ พระองค์ได้ตรัสสอนไว้ว่า “พวกเธอ (ภิกษุ) ทั้งหลายจงเป็นธรรมทายาท (คือรับมรดกธรรม) ของเราเถิด อย่าเป็นอามิสทายาท (คือรับมรดกสิ่งของ) เลย”
สารส้ม
http://www.naewna.co.../columnist/5462
- Bookmarks, อู๋ ฮานามิ, Lucas Leiva Benitez Rodger and 2 others like this
#605622 "พระพยอม" ชี้"พระพายัพ"เหมาะสมได้พระครูปลัดฯ อ้างวุ่นเพราะขึ้...
โดย wat on 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 09:01
อ่านไปนิดหน่อยแล้วขี้เกียจ เดี๋ยวอดใจไม่ได้ ไม่อยากไปวุ่นวายกับพระเจ้า เพราะไงเราก็เป็นพุทธ
ยิ่งเป็นชาวพุทธยิ่งต้องสนใจนะครับผมว่า บางครั้งการไม่ตำหนิ ติเตียนในเรื่องที่ไม่สมควร
มันก็เท่ากับเป็นการส่งเสริมทางอ้อม ในกรณีนี้ผมว่าไม่สมควรครับ
การทำบุญมากๆใช่ว่าจะเป็นการสะสมเหมือนเก็บเงินเข้าบัญชี บวชปุ๊บจะมาถอนบุญมาสมทบผมว่าไม่ใช่
เพราะการบวชก็เหมือนเป็นการเริ่มต้นในอีกมิติหนึ่ง ไม่งั้นเค้าไม่จัดอาสนะตามพรรษาที่บวชมาหรอกครับ !
หากยังเคารพศรัทธาพระพุทธองค์, คำสอนของพระพุทธองค์, สาวกของพระพุทธองค์... ต้องทำขอรับ... ไม่งั้นพระสัทธรรมจะเสื่อม ดังคำพระพุทธองค์ตรัสในหลายๆพระสูตรถึงเหตุแห่งความเสื่อมของธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ 1 ในนั้นก็คือคำสอนผิดเพี้ยน, หลงไปเอาความเห็นเหล่าสมณะหมู่อื่นมาใช้... ที่สาวกของพระองค์อย่างแท้จริงจะไม่ปฏิบัติตาม... พระองค์กล่าวถึงด้วยซ้ำไปว่าสงฆ์สาวกใดที่ไม่ปฏิบัติตามธรรมวินัยของพระองค์ ก็ไม่ใช่สาวกของพระองค์ เป็นแค่มหาโจรขโมยธรรมของพระองค์ไปใช้หากินแล้วบอกเป็นธรรมของตนบ้าง, เป็นพวกที่เปรียบดัง "กูเป็นโค" คือลาที่อยู่ในฝูงวัวแล้วก็ร้องว่ากูเป็นวัวๆๆบ้างขอรับ...
...อยู่ที่พวกเรานี่แหละขอรับ... หากเราไม่โจษ หรือละการให้ทานกับคนเหล่านี้ ก็จะทำให้พวกมันเติบโต, เข้มแข็งขึ้น ทำให้สงฆ์สาวกของพระองค์จริงๆ ต้องนั่งนิ่งคอตกซบเซาในหมู่พวกทุศีลนี้ ตามที่พระตถาคตเคยกล่าวไว้นั่นแหละขอรับ...
"พระพยอม" ชี้ พระพายัพ มีได้สิทธิ์รับตำแหน่งพระครูปลัดฯ หากข่าวเคยสร้างโบสถ์เป็นเรื่องจริง
โอดแทนปัญหานี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย ถ้าพระพายัพไม่ได้เป็นน้องชายของคนชื่อทักษิณ
พร้อมแนะเลิกยึดติดกับเงื่อนเวลาได้แล้ว อ้างพระบางรูปบวชมานานหลายพรรษา
แต่ไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ศาสนา ก็ไม่ควรเลื่อนตำแหน่ง
พระบางรูปถึงบวชมานานหลายพรรษา
แต่ยังมองเหตุการณ์ไม่ออกว่าเป็นเรื่องของกิเลสล้วนๆหรือเรื่องปกติ
ก็ควรลาสิกขาบทซะ ศาสนาจะได้ไม่เสื่อม
ท่านกุ๊กไก่
ศาสนาและธรรมวินัย ไม่เสื่อมหรอกครับ ที่เสื่อมคือคนที่มาอาศัยศาสนา แต่ยังมีกิเลสบังตา ตัณหา บังใจ
ขอถกมองต่างสักครั้ง
ศาสนาเปรียบดังธรรมชาติ คือมีอยู่แล้ว พุทธองค์แค่มองเห็นและเอามาบอก
เมื่อมนุษย์เราช่วยกันทำลาย ของดีที่มีอยู่ก็หมดหรือเสื่อมไป
เมื่อทุกคนต่างช่วยกันทำลาย อนาคตเราจะมีธรรมชาติแบบนี้อยู่อีกหรือ
ถูกแล้วขอรับ... เพราะคนเหล่านี้ใช้เครื่องแบบของพระตถาคต แต่ไม่ใช้ธรรมของพระตถาคตมาประพฤติปฏิบัติให้รู้แจ้ง แล้วเผยแผ่ธรรมที่ถูกที่ควรแก่มหาชนต่อไป... แต่กลับใช้เครื่องแบบของพระองค์เป็นเครื่องแสวงหาอามิสทาน สั่งสม, สะสมทานเหล่านั้น แล้วเผยแผ่แต่สิ่งผิดๆให้แก่มหาชน ก็เพื่อเพียงหวังแต่อามิสทานทั้งหลายนั่น...
...หากเรายังไปสนับสนุนคนเหล่านี้ต่อไปในทางใดทางหนึ่ง... มันก็เท่ากับทำลายแก่นของพระศาสนา คือพระธรรมวินัยอันแท้จริงของพระองค์ให้หมดสิ้นไปขอรับ...
- ploychanpen, วันศุกร์, ฉันรักเมืองไทย and 2 others like this
#605571 "พระพยอม" ชี้"พระพายัพ"เหมาะสมได้พระครูปลัดฯ อ้างวุ่นเพราะขึ้...
โดย kokkai on 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 07:19
"พระพยอม" ชี้ พระพายัพ มีได้สิทธิ์รับตำแหน่งพระครูปลัดฯ หากข่าวเคยสร้างโบสถ์เป็นเรื่องจริง
โอดแทนปัญหานี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย ถ้าพระพายัพไม่ได้เป็นน้องชายของคนชื่อทักษิณ
พร้อมแนะเลิกยึดติดกับเงื่อนเวลาได้แล้ว อ้างพระบางรูปบวชมานานหลายพรรษา
แต่ไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ศาสนา ก็ไม่ควรเลื่อนตำแหน่ง
พระบางรูปถึงบวชมานานหลายพรรษา
แต่ยังมองเหตุการณ์ไม่ออกว่าเป็นเรื่องของกิเลสล้วนๆหรือเรื่องปกติ
ก็ควรลาสิกขาบทซะ ศาสนาจะได้ไม่เสื่อม
- MuuSang, Kyubey, Strangerman and 5 others like this
#601694 เพราะนโยบายกำปั้นเหล็กแบบบ้าๆ จึงนำมาซึ่งหยดเลือดและหยาดน้ำตาที่ไม่สิ้นสุด
โดย Ricebeanoil on 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 20:26
สำหรับผม มันก็ผิดกันทั้ง 2 ฝ่ายนั้นละ
ฝ่ายแรก ทางราชการก็ไม่เข้าใจเค้า ไปทำรุนแรงแล้วก็ไม่ขอโทษ เรื่องก็เลยบานปลาย
ฝ่ายหลัง แค้นมากจนสิ้นคิด ไปลงกับคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไฟแค้นอีกฝ่ายก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ สิ่งที่ในหลวงมีพระราชดำรัสไว้นั้นละ "เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา"
เริ่มที่ข้อแรก เข้าใจ
มีใครเข้าใจเค้าบ้างไหมละ หลังเกิดเหตุที่ตากใบ สิ่งที่เค้าเรียกร้องคืออะไร เงินหรือ ผมว่าไม่ใช่มั่ง
เค้าเรียกร้องกับทางการว่าคนทำผิดคนสั่งการต้องได้รับการลงโทษ แล้วตอนนี้คุณให้เค้าได้หรือไม่ ตอบคำถามตัวคุณเองเถอะ
คนทำผิดยังลอยนวล คนสั่งการได้อวยยศให้ยิ่งๆ ขึ้น แล้วคุณจะให้เค้าคิดอย่างไร
ดังนั้นเมื่อข้อแรกยังให้ไม่ได้ ข้อหลังๆ คงไม่ต้องพูดถึง คุณไม่เข้าใจเค้า แล้วเข้าถึงได้อย่างไร จะพัฒนาอะไร
พัฒนาทางวัตถุเหรอ เค้าเรียกร้องอย่างนั้นเหรอ เค้าเรียกร้องความเป็นธรรมต่างหาก
ชีวิตชาวบ้านเค้าไม่ต้องการอะไรมากหรอก นอกจากกินอิ่มนอนหลับ ถ้าใครไม่ไปเบียดเบียนเค้า เค้าก็อยู่กับวิถีชีวิตที่ผูกพันธ์กับศาสนาเช่นนั้น
เรื่องมันจะไม่บานปลายแน่นอน
- เช never die, kaidum, kokkai and 7 others like this
#599920 ทำไมต้องโกง ทำไมต้องหลอก กับรถแท็กซี่ไทย
โดย wat on 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 11:00
thank Or Siriporn
- MIRO, -3-, พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน and 15 others like this
#599870 ทำไมต้องโกง ทำไมต้องหลอก กับรถแท็กซี่ไทย
โดย raffy on 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 09:57
คือผมอยากจะตั้งกระทู้นี้ไว้จะเป็นการประจานอะไรก็ตามแต่
แต่สิ่งหนึ่งที่รับไม่ได้ ก็คือรถแท็กซี่ไทยบ้านเราเนี้ยละครับ
คือผมมีธุรกิจอีกอันที่ทำอยู่ก็คือ ธุรกิจที่พักให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแบบเล็กๆ (อยู่ไม่ไกลจากสนามบินดอนเมือง)
ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาพักก็คือรถแท็กซี่จากสนามบิน(ทั้งสุวรรณภูมิ และดอนเมือง)
สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนรับทราบมาจากข้อมูลที่ได้รับมาคือ(นี้คือคำพูดของนักท่องเที่ยว ทั้งยุโรป และเอเซียที่เขาอ่านจากในหนังสือท่องเที่ยว)
แท็กซี่ไทย หลีกเลี่ยงที่จะขึ้นได้ก็หลีกเลี่ยง เพราะแท็กซี่ไทยขี้โกง
เราก็พยายามอธิบายว่ามันไม่ใช่ทั้งหมด แท็กซี่ดีๆ ก็ยังมีอีกเยอะ
แต่การอธิบายของเราก็กลับกลายไปเป็นแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
เพราะเมื่อเขาเข้าพักแล้ว วันรุ่งขึ้นก็จะเดินทางไปเข้าเมืองเพื่อท่องเที่ยวในกทม.
ผมก็จะมีการอธิบายเส้นทางต่างๆ ว่าที่พักเราอยู่ตรงไหน แล้วเราจะเดินทางไปที่ไหน ต่อรถไหนอะไรได้บ้าง
ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน พร้อมทั้งให้แผนที่แบบง่ายๆ ให้กับแขกทุกๆ คน (แถมมีภาษาไทยให้แท็กซี่อ่านด้วยว่าที่พักเราอยู่ตรงไหน)
เชื่อไหมครับกับสิ่งที่ลูกค้าและผมได้รับมา มีทั้งทิ้งเขาไว้หน้าปากซอย ขับรถอ้อมบางละ ไม่คิดราคาตามหน้ามิเตอร์ จะเอาราคาเท่านั้นเท่านี้
ถ้าผมอยู่ ผมจะเอาเรื่องให้แขกทันที ถามเขาทันทีว่าเราจะแจ้งตำรวจจับไหม แขกก็จะไม่ค่อยจะเอาเรื่องแต่ผมจะไม่ยอมกับเรื่องแบบนี้
เพราะขายขี้หน้าแทนคนไทยมากกับนิสัยแย่ๆ ของแท็กซี่บ้านเรา
ยกตัวอย่างเช่นมาจากบีทีเอส หมอชิต มิเตอร์มาเกือบ 200 บาท แต่จะเรียกเอาลูกค้า 400 บาท
ผมก็จะถามว่าถ้าคุณจะตี่ราคาเหมามา แล้วคุณกดมิเตอร์ทำซากอะไร เขาไม่ได้ตาบอดนะเว้ย
ตัวเลขเขาก็เห็นว่าราคานั้น แต่จะมาเก็บราคานี้ ถ้าเจอกับผมแบบนี้แท็กซี่จะยอมซึ่งเมื่อแขกเห็นอย่างนี้
ไอ้ประเภทขับอ้อมอีก มีไปยันรังสิต ไปลำลูกกา ลูกค้าฟ้องผมเพราะเขารู้ดูในแผนที่ว่าที่พักเราอยู่ตรงไหน
แท็กซี่มันว่าไงไหมครับ มันบอกมันไม่รู้จักทาง(ทั้งๆ ที่ก็มีแผนที่ที่ผมให้กับลูกค้าไว้)
ก็คงจะจำฝังใจไปอีกนานกับแท็กซี่ไทย ที่ขี้โกงจริงตามที่เขาร่ำลือ
ส่วนประเภทโกงมิเตอร์มาจับได้ก็เพราะว่ามีลูกค้าจากสุวรรณภูมินั่งแท็กซี่มา(แท็กซี่ป้ายแดงซะด้วย)
เราก็ดูมิเตอร์เขา แค่ 300 กว่าบาท เราก็ถามว่า พี่วิ่งเส้นไหนมาละทำไมถูกจัง
เพราะปกติบางคันมา 500 ก็มี 400 กว่าก็มี
เขาบอกว่าไงไหม "ก็มาทางปกตินี้ละ ยังไม่มีเวลาไปเขี่ยมิเตอร์เลย"
โอว...พระเจ้างั้นทุกวันนี้ที่เราขึ้นแท็กซี่มิเตอร์ร้อยทั้งร้อยมันคงเขี่ยมิเตอร์กันหมดแล้วซินะ
อนาจใจกับแท็กซี่เมืองไทยบ้านเราจริงๆ
ปล.มีนักท่องเที่ยวเขาจดเลขทะเบียนแท็กซี่เพื่อให้ผมแจ้งร้องเรียนให้ที ย้ำนะครับว่าชาวต่างชาติ
เขาก็จดได้แค่เลข 4 ตัวหลังเท่านั้น ผมก็แจ้งร้องเรียนไปยังขนส่งพร้อมเลข 4 หลัก
ขนส่งบอกว่าดำเนินการไม่ได้เพราะจดมาไม่ครบ
ก็สรุปว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจดมาไม่ครบก็ร้องเรียนไม่ได้ ตรูจะทำไงดีเนี้ย งง งง
อนาจใจกับขนส่งอีกรอบครับ
- MIRO, karasu, พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน and 16 others like this
#597945 สุดยอด! “เฉลิมลั่น” ตำรวจเรียกรับแต๊ะเอียไม่ผิด อ้างเป็นประเพณีช่วงตรุษจีน
โดย คนกรุงธน on 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 18:37
ตรุษจีนเขาต้องรับ "อั่งเปา" อั่งเปาก็คือ "ซองแดง"
ตามธรรมเนียมจีนผู้ใหญ่เขาให้ "อั่งเปา" กับผู้น้อย คือ ให้ลูกหลาน หรือบริวาร ถ้าเป็นระดับเดียวกันเมื่อเขาให้อั่งเปาเราก็ต้องให้อั่งเปากลับเป็นธรรมเนียมประเพณี ปีนึงมี 1 ครั้ง พูดง่ายๆว่า "แต๊ะเอีย" ก็คือ "โบนัส" ของฝรั่ง หลังจากทำงานตรากตรำมาก็ให้แต๊ะเอีย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
ทีนี้มาพูดถึงที่คุณเฉลิมบอกว่า ตำรวจรับอั่งเปาไม่ผิด คุณเฉลิมเอาที่ไหนมาพูด เพราะว่าตำรวจมีเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชน จะเที่ยวไปเดินเร่รับอั่งเปามันไม่ถูกเรื่อง ตำรวจไม่ได้เป็นบริวาร ลูกหลาน ญาติสนิท จะมาเที่ยวอ้างข้างๆคูๆว่าเป็นธรรมเนียม ก็เพราะคุณเฉลิมแกเป็นตำรวจเก่า เลยติดอยู่กับธรรมเนียมที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง อันนี้เป็นธรรมเนียมจีนแท้ๆ ส่วนเรื่องส่งส่วยมันคนละเรื่องกับอั่งเปา คุณเฉลิมเอามาพูดลิ้นพันกันมันไม่ถูก เป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ อย่างนี้คนจีนเขาเรียกว่าพวก "เฉ๊าฉุ่ย" (พวกปากเหม็น) แล้วถ้าไม่รู้ธรรมเนียมจีนแต่สะเออะไปพูด เขาเรียกว่าเป็นพวก "ฮวงกุ้ย" (พวกหลังเขา) เป็นพวกห่างไกลความเจริญ พอเห็นเขาตั้งโต๊ะมีซาลาเปาก็สะเออะไปหยิบกินก่อนเจ้าของบ้าน แบบนี้มันผิดธรรมเนียม อ้างเอาว่าตัวเองเป็นพวกหลังเขาไม่รู้ธรรมเนียม ท้องหิว หน้ามืดตาลาย ก็หยิบกินเอา อ้างข้างๆคูๆแบบนี้แหละครับ
ธรรมเนียมไทยเขาเรียบร้อยสงบเสงี่ยม หากมีคนเขาจะให้ก็ยกมือไหว้รับ คนให้ก็ภูมิใจ อวยพรให้มั่งมีศรีสุข แต่ถ้าลองตำรวจไปขอซองแบบนี้สิครับ ไอ้คนให้ ลับหลังไปมันจะอวยพรหรือด่าว่าเป็นพวก "เก๋าเจ้ง"? (พวกชิงหมาเกิด)
- tu249cm, THE THIRD WAY, turbora and 20 others like this
- ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด
- → ดูประวัติผู้ใช้: Likes: MOD_01
- Privacy Policy
- กฎการใช้งานเว็บบอร์ด ·