Jump to content


แม้ว ม.7

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 21 ธันวาคม 2555
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2557 02:04
*****

#783977 ก่อนคิดล้มแม้ว ต้องรู้ก่อนว่าแม้วคิดยังไง ??

โดย idecon on 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 21:33

แบ่งแยก แล้วปกครอง
แนวคิดคอมฯ เลยนะท่าน


#783752 แม้แต่ทนายยังสติแตกคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ก็ต้องรับสภาพจากผลการกระทำไป

โดย V for vendettaขี่er6nไปราช on 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 18:56

เอาผู้พิพากษาไปทำธุรการ ฮากว่านี้มีอีกไหม วงการตุลาเสื่อมๆ เป็นผมโดนย้ายแบบนี้ ลาออกไปทำข้าวไข่เจียวขายยังดีฟ่า

เอากาหรี่มาเปนนางยกฮากว่าเยอะ :lol: :lol: :lol: :lol:




#783732 อเมริกาพบสารหนูในข้าว!!!!

โดย aunaun on 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 18:50

ทำไมมาตั้งกระทู้เรื่องสารหนูล่ะครับ

ผมจำได้ว่ามีคนโพสต์เรื่องอเมริกาสั่งกักข้าวไทยเพราะสารตะกั่วนะครับ




#777937 สุทธิพงษ์ พิธีกรคนค้นฅน แฉรายชื่อยี่ห้อข้าวห้ามกิน!

โดย redfrog53 on 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 11:59

นี้ขนาดอยู่ในห้างฯเลยเหรอ เหวอเลยตรู!!
 
Jeabpu Pujeab
นี่คือ 1 ในยี่ห้อข้าวที่คุณเชค-สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ออกมาเตือน ประชาชนคนไทย ผู้บริโภคข้าวคะ

1068873_624453844240270_1203832154_n.jpg 
Banjong Thongjuntra ยี่ห้ออะไรวะ
Thanawat Geattisakkamjai ก็ยี่ห้อที่หงายอยู่นี่แหละเต็มๆ




#777907 สุทธิพงษ์ พิธีกรคนค้นฅน แฉรายชื่อยี่ห้อข้าวห้ามกิน!

โดย Rxxxx on 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 11:36

 พี่เชคเอาข้อมูลที่คนในวงการข้าว ข้อมูลจากการตรวจข้าวมาเล่าและเตือนเพื่อนๆในเฟซส่วนตัวครับ

 ไม่ได้ตั้งโต๊ะเช่าโรงแรมแถลงข่าวใหญ่โตอะไร

 แต่ในเมื่อมีคนอื่นมาแคปและเอาไปขยายผลต่อในเฟซแดงจนมีคนแชร์ไปทั่ว

 พี่เชคก็ต้องลบโพสนั้นครับ เพราะข้อมูลเรื่องเล่าของพี่มันไปกระเทือนรัฐบวมเเล้ว ทั้งๆที่พี่เชคเล่าให้เพื่อนฟังเท่านั้น :mellow:
 




#777838 ฟ้าหญิงฯมีพระดำรัสข้าวไทยไม่มีสารพิษ

โดย ริวมะคุง on 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:42

ท่านก็พยายามตรัสช่วยประเทศชาติ ทั้งๆที่พวกที่ทำนั้นเป้นพวกที่จ้องจะใส่ร้ายท่านได้ตลอดเวลา

 

ถ้าพวกควายแดงแถมาให้แกลำไปเลยครับว่า

 

1 ท่านตรัสหมายถึงข้าวที่ชาวนาไทยปลูกไม่มีสารพิษ

2 ส่วนข้าวมีสารพิษที่โดนแฉมาจากการรมยาฆ่าหนูในโกดังเก็บข้าว

 

ด่าไปเลยครับ แยกแยะแค่นี้ไม่ออกเอามีดเฉาะสมองทิ้งไปเหอะพวกโง่ดักดาน




#776498 ความจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่พวกล้มเจ้าชอบเอามาบิดเบืิอน

โดย wincha on 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 22:51

ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" กับ "ทรัพย์สินราชวงศ์จักรี" กับ "ทรัพย์สินส่วนพระองค์

ก่อนอื่นเราต้องแยกระหว่างคำว่า "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" กับ "ทรัพย์สินราชวงศ์จักรี" กับ "ทรัพย์สินส่วนพระองค์" ให้เข้าใจเสียก่อน จึงจะได้ไม่สับสน

1.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

คือ ทรัพย์สินของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งหมายถึงสถาบันฯ ที่ไม่ใช่ตัวบุคคลที่ดำรงพระยศเป็นพระมหากษัตริย์ เป็นทรัพย์สินที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ต้นราชวงศ์จักรี พูดง่ายๆก็คือเป็นสมบัติของชาติชนิดหนึ่ง หมายถึงเป็นสมบัติของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีมาตั้งแต่เริ่มตั้งราชวงศ์จักรีสืบทอดเรื่อยมา

ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทรัพย์สินส่วนนี้จึงตกเป็นของแผ่นดิน แต่เพื่อเป็นการให้เกียรติ์ราชวงศ์จักรีซึ่งเป็นเจ้าของเดิม จึงตั้งชื่อเป็นสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ขึ้น ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังอีกที

ส่วนพระมหากษัตริย์ ก็ได้รับพระเกียรติ์ให้ทรงสามารถแต่งตั้งคณะกรรมไปช่วยดูแลการทำงานได้ 4 คน โดยมีรมต.กระทรวงการคลังเป็นประธาน และมีผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้บริหาร แต่ทั้งหมดนี้ต้องนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเท่านั้น

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไม่ได้นำทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปใช้ในเรื่องส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์เลย แต่นำไปใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชนและสังคมทั้งหมด

แต่ถ้าสำนักงานทรัพย์สินฯ อยากจะบริจาคเงินให้มูลนิธิต่างๆ ของในหลวง ก็ย่อมทำได้ และตามกฏหมายทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินจึงไม่ต้องเสียภาษี แต่ส่วนเงินปันผลที่ได้จากการถือหุ้นบริษัทต่างๆก็มีการหักภาษีณ.ที่จ่ายตามปกติ (ข้อมูลทั้งหมดจากเว็บสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และสามารถติดตามการทำงานต่างๆของสำนักงานฯได้เช่นกัน)

ส่วนรายได้ของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ก็จะนำไปลงทุนในกิจการต่างๆเพื่อออกดอกผล แต่ทั้งหมดเมื่อได้มาก็เพื่อนำไปส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมต่อไป 

แต่จะมีเงินส่วนหนึ่งที่จะถวายให้ในหลวงในแต่ละปี เพื่อไปใช้ตามพระราชอัธยาศัยบ้างตามสมควร (ก็อาจถือว่าเป็นเงินเดือนโดยตำแหน่งก็ได้ เราต้องไม่ลืมนะครับว่า เดิมทรัพย์สินตรงนี้เดิมเป็นของราชวงศ์จักรีมาก่อน พอเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ไปขอของๆพระองค์ ให้มาเป็นสมบัติชาติ )

2.ทรัพยสินส่วนพระองค์ 

อันนี้แปลง่ายๆ ก็คือทรัพย์สินส่วนตัวของในหลวง ซึ่งต้องเสียภาษีอากรให้แก่รัฐ และมูลนิธิตางๆที่ในหลวงทรงริเริ่มตั้งก็จะนำมาจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ก่อตั้งทั้งสิ้นครับ เช่น

มูลนิธิอานันทมหิดล จุดประสงค์เพื่อมอบทุนให้แก่นักเรียนเรียนดีไปศึกษาต่อต่างประเทศในสาขาวิชาสำคัญๆที่ขาดแคลนในประเทศ 

มูลนิธิชัยพัฒนา เป้าหมายที่สำคัญคือ เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนให้มีความร่มเย็นเป็นสุข และอยู่ดีกินดี อันจะนำไปสู่ความมั่นคงของประเทศ คือ “ชัยชนะแห่งการพัฒนา (ดูรายละเอียดได้ที่เว็บมูลนิธิชัยพัฒนา) และยังมีอีกหลายๆมูลนิธิเช่น มูลนิธิราชประชาสมาสัย เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อนและญาติ เป็นต้น

3. ทรัพย์สินของราชวงศ์จักรี

อันนี้เป็นทรัพย์สมบัติที่อยู่ภายใต้การดูแลจากรมธนารักษ์ เช่นสิ่งของมีค่าทรัพย์สมบัติส่วนพระองค์ของในหลวงรัชกาลต่างๆที่ผ่านมา เช่นเหรียญกษาปณ์ เครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ หรือจะเป็น
สำนักพระราชวัง รัฐบาลให้งบประมาณปีละประมาณ 2,000 ล้านบาทแก่สำนักพระราชวังซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรีโดยตรง และมีเลขาธิการพระราชวังบริหาร ส่วนหน้าที่ดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งจัดการงานคลังหรืองานอื่นๆอีกมากมาย (ไปดูได้ที่เว็บสำนักพระราชวัง)

ฉะนั้นใครที่กล่าวหาว่า ในหลวงทรงได้เงินงบประมาณมาก จงรู้ไว้ด้วยว่า งบประมาณที่ได้จากรัฐบาลไม่ใช่จะใช้ส่วนพระองค์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเงินที่จะต้องถวายให้พระบรมวงศานุวงศ์ด้วย รวมทั้งเป็นงบใช้จ่ายเกี่ยวกับเงินเดือนข้าราชการ ค่าน้ำมัน ค่าน้ำ ค่าไฟค่าซ่อมแซมของพระราชวังที่ยังใช้งานอยู่ทั้งหมดด้วย 

ถ้าจำไม่ผิดเงินที่ถวายส่วนตัวที่รัฐถวายให้ในหลวงเป็นส่วนพระองค์จริงๆเดียวน่าจะอยู่ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น ส่วนพระบรมวงศานุวงศ์แต่ละพระองค์ได้น้อยกว่านี้มาก (ข้อมูลตรงนี้เคยได้อ่านจากนิตยสารสกุลไทย) ซึ่งเงินส่วนนี้ที่ได้รับก็จะถูกแยกนำไปเข้าสู่ทรัพย์สินส่วนพระองค์อีกทีหนึ่งครับ และรายได้ที่ประชาชนทูลเกล้าถวายก็จัดอยู่รวมในทรัพย์สินส่วนพระองค์เช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนั้นต้องเสียภาษีด้วย (มีนักกีฬาเหรียญโอลิมปิคหรือนักกีฬาเทนนิสชื่อดังอย่างภราดร ก็ยังเคยได้รับการงดเว้นภาษีรายได้จากเงินรางวัลครับ)

ถามว่า ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์สามารถตรวจสอบได้มั้ย?

ตอบว่า ได้ครับ เพราะเป็นทรัพย์สินของรัฐประเภทหนึ่งตามที่ได้อธิบายไปแล้ว จึงสามารถตรวจสอบได้ตามกฏหมายครับ ซึ่งเรื่องนี้ในเว็บของสำนักพระราชวังก็มีบอกไว้ ดูได้จากเว็บสำนักพระราชวัง เรื่อง สิทธิของประชาชน หรือหากใครคิดว่าสงสัยเรื่องความโปร่งใสเรื่องใดที่เกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ก็ทำเรื่องร้องเรียนได้ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ได้เลยครับ 

แต่ถ้าถามว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีหน้าที่ต้องเปิดเผยการใช้เงินมั้ย? 

ต้องตอบว่าไม่มีหน้าที่ แต่ถึงไม่มีหน้าที่ต้องเปิดเผย แต่ในทางปฏิบัติก็มีการเปิดเผยอยู่เพื่อทำเป็นบัญชี แต่ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศทั่วไป แต่ถ้าใครอยากรู้เรื่องไหนก็ไปขอดูได้ แต่ต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบ อย่าลืมว่า ทรัพย์สินส่วนนี้แม้ยกให้แผ่นดินก็จริง แต่ถือว่าเดิมเป็นทรัพย์สินส่วนที่ได้มาจากราชวงศ์จักรี ไม่ได้เกิดจากการเก็บภาษีจากประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยและไม่ใช่จากงบประมาณแผ่นดินนะครับ

ถามว่า ทรัพย์สินส่วนพระองค์สามารถตรวจสอบได้มั้ย? 

ตอบว่า ไม่ได้ครับ ก็เพราะมันเป็นทรัพย์สินส่วนตัว 
ชาติ (ประกอบด้วย 3 สถาบัน) คนไทยทกคนต้องจ่ายภาษีให้สถาบันฯชาติทุกคน ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม แล้วทำไม แค่เงินงบประมาณที่รัฐบาลให้แก่สถาบันพระมหากษัตริย์เพียงปีละประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างตามข้างต้น กลับมีคนจ้องโจมตี ก็เพราะคนที่จ้องโจมตีมันไม่ต้องการให้มีสถาบันฯอยู่แล้ว ทุกอย่างจึงล้วนผิดหมด 

เงินส่วนพระองค์จริงๆปีละประมาณแค่ 100 ล้าน ซึ่งพระองค์ก็นำไปช่วยเหลือประชาชนอีกต่อหนึ่ง กลับโดนพวกไม่จงรักภักดีสถาบันฯจ้องโจมตี แต่ผู้บริหาร ปตท. มีเงินเดือนๆละ 13 ล้านบาทยังไม่รวมโบนัส กลับไม่มีใครสนใจ ทั้งๆที่ ปตท.ก็เป็นของประชาชนแท้ๆ แต่ถูกนักการเมืองนำไปแปรรูปฯ
ฉะนั้นการที่ FOBES นำเสนอว่า ในหลวงเรารวยที่สุดในโลกจึงไม่เป็นความจริง แต่ถ้านำเสนอว่า ในหลวงคือกษัตริย์ที่มีจำนวนประชาชนร่วมถวายทรัพย์แด่พระองค์ เพื่อให้พระองค์นำไปพัฒนาช่วยเหลือความเป็นอยู่ให้ประชาชนดีขึ้นมากที่สุดในโลกอย่างนี้ ถึงจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดครับ
พวกที่ไม่จงรักภักดียังโจมตีเรื่อง รถพระที่นั่งยี่ห้อมายบัค (may Bach) ขอตอบว่า เป็นรถที่บริษัทเดมเลอร์ไครสเลอร์ ได้ทูลเกล้าถวายให้เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองการครองราชครบ 60 ปีเป็นจำนวน 2 คัน ฉะนั้นใครไม่เชื่อก็ไปถามบริษัทเบนซ์ได้เลย 

สมัยรัฐบาลทักษิณก็ได้ซื้อถวายเพิ่มอีก 2 คันเพื่อใช้ทดแทนรถพระที่นั่งชุดเก่าที่ทรงใช้มากว่า 30 ปี ส่วนรถยี่ห้ออื่นไม่ว่าจะเป็นบีเอ็มหรือโตโยต้าและเบนซ์ล้วนแต่เป็นรถที่ทูลเกล้าถวายฯจากบริษัทรถเป็นส่วนใหญ่ (บริษัทเดมเลอร์มีแผนจะยุบผลิตภัณฑ์ may Bach อีกภายใน 2 ปีข้างหน้า)
(แต่พวกชั่วคิดล้มเจ้ายังจะโทษเรื่องการใช้รถราคาแพง ก็น่าจะไปโทษทักษิณมากกว่า เพราะในหลวงท่านไม่เคยรับสั่งว่าต้องซื้อให้ท่าน)
และเราต้องเข้าใจคำว่า ร.ย.ล. หรือ ราชยานหลวง เสียก่อนว่า เป็นรถสำหรับใช้ในราชการของสถาบันฯ ไม่ใช่รถส่วนพระองค์ ร.ย.ล. อาจเป็นได้ตั้งแต่รถกระบะที่ใช้งานในวังไปจนถึงรถพระที่นั่งของพระราชวงศ์ ส่วนรถมายบัคที่เป็นรถพระที่นั่งก็เปรียบ เสมือนรถประจำตำแหน่งของพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่รถส่วนพระองค์ของในหลวงนะครับ โปรดทำความเข้าใจด้วยครับ

ส่วนเรื่องพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพระพี่นาง ที่โดนโจมตีจากพวกไม่จงรักภักดีฯ ข้อนี้ผมไม่อยากเถียง เพราะคนที่รักก็มองอีกมุมหนึ่ง คนที่ไม่รักไม่ภักดีย่อมต้องมองอีกมุมหนึ่ง เถียงไปก็ไร้ประโยชน์ รังแต่จะสร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทไปเปล่าๆ และจะเป็นการเข้าทางพวกไม่จงรักภักดีได้ฯ เพราะพวกนี้เป็นฝ่ายอยู่ในที่มืด พวกนี้ไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว แต่เราผู้จงรักภักดีฯอาจกลายเป็นเหยื่อเอง

ผมบอกได้แค่เพียง งบประมาณที่ซื้อโน้ตบุ้คใหม่ๆเจ๋งสุดๆให้พวกบรรดาสส.และ สว.รวมถึงคณะรัฐมนตรีทั้งสภา รวมกับงบซื้อรถหรูๆประจำตำแหน่งรัฐมนตรีที่เปลี่ยนก็ออกบ่อยๆ เป็นเงินมากมายก็ยังไม่เห็นมีใครโวยกันเลย ฉะนั้นการเถียงกันเรื่องแบบนี้จึงยากที่จะจบ มันขึ้นอยู่กับมุมมองและความรู้สึกด้วย

(แต่ถ้าเรามองโลกในแง่ดี ก็จะรู้ว่า ช่างฝีมือทุกแขนงอยากมีที่ที่ได้แสดงฝีมือเพื่อเป็นการฝึกฝนและเป็นการเรียนรู้เพื่อสืบสานงานศิลปะชั้นสูง ที่ยากนักจะได้มีโอกาสได้ฝึกฝนอย่างเห็นเป็นรูปธรรมและใช้งานได้จริงๆ ศิลปะจากงานสร้างพระเมรุบางอย่างกำลังจะสูญหายไป เหลือแต่ในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งนั่นหมายถึงศิลปะที่ตายแล้ว และศิลปกรรมในการสร้างพระเมรุนั้น ไม่ใช่มีเฉพาะสิ่งที่เก่าๆที่สืบทอดมาเท่านั้น แต่ได้มีการประยุกต์และคิดค้นใหม่เพิ่มเติมเข้าไปด้วยหลายอย่าง ศิลปกรรมบางอย่างไม่อาจพบเห็นได้จากงานทั่วไป จะมีให้ได้เห็นเฉพาะงานพระราชพิธีเท่านั้น "ศิลปะบางครั้งวัดกันไม่ได้ที่ราคา แต่มันอยู่ที่คุณค่ามากกว่า" หากผมอยากจะมองในแง่ร้ายก็สามารถคิดได้สามารถหาเหตุผลมาโจมตีได้เหมือนกัน แต่ผมเลือกที่จะอยู่ฝั่งเข้าใจเหตุผลในแง่มองโลกในแง่ดีมากกว่า และในฐานะคนไทยคนนึง ผมยินดีที่ถวายให้พระองค์อย่างสมพระเกียรติ)

อย่าลืมนะครับว่า ในหลวง ร.9 คือบุคคล ไม่ใช่สถาบันฯ แต่ในหลวง ร.9
คือส่วนหนึ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ การที่ FOBES จัดอันดับเป็นเรื่องของทรัพย์สินที่รวมส่วนของสถาบันฯ เข้าไปคิดด้วย และไม่ใช่เงินสดทั้งหมด เป็นเพียงค่าประมาณการว่าถ้ามีการขายจะมีมูลค่าประมาณนั้น แต่ในความเป็นจริง แทบไม่มีการขายทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เลยน้อยมาก เช่นที่ดินก็มีแต่ให้เช่าเป็นส่วนใหญ่ และให้เช่าในราคาถูกกว่าราคาตลาดหลายเท่ามาก

แต่ทั้งหมดที่เขียนมา พวกไม่จงรักภักดีเขาไม่เชื่อผมหรอก พวกนี้ก็ยังคิดโทษอยู่อย่างเดียวว่า คนไทยจน คนไทยไม่เจริญเท่าญี่ปุ่นเพราะสถาบันฯเป็นต้นเหตุทั้งหมด เหตุผลอื่นๆเป็นเรื่องรองๆและไม่สำคัญไปหมด 
หากผมจะถามเล่นๆว่า จะมีใครกล้าเอาหัวและตระกูล 7 ชั่วโคตรของตัวเองเป็นประกันได้บ้างว่า หากไม่มีสถาบันฯแล้ว ไทยเราจะเจริญแบบญี่ปุ่นกับสิงคโปร์ จะไม่เป็นแบบพม่าหรือฟิลิปปินส์ จะมีนักการเมืองที่โกงกินกันน้อยลงจากการจัดอันดับของต่างประเทศ และคนไทยจะรักกันไม่แตกแยกไม่ฆ่ากันเพื่อชิงอำนาจ?

ขอย้ำจุดประสงค์ของผมอีกครั้ง ผมไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงความคิดของพวกไม่จงรักภักดีสถาบันฯเลยแม้แต่คนเดียว แต่ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเป็นภูมิต้านทานทางความคิดให้แก่คนที่จงรักภักดีสถาบันฯ และให้คนไทยได้รับรู้ว่า ประเทศไทยมีผู้คิดล้มล้างระบบสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่จริง 

"การจ้องด่าและจับผิดนั้นทำง่าย แต่การพยายามทำดีโดยไม่มีที่ตินั้นทำยากที่สุด แม้องค์ศาสดาของทุกๆศาสนาเองก็ยังไม่พ้นคนนินทาเลย ธรรมดาของโลกครับ"

 

ผู้เขียน https://www.facebook...attannaOriginal




#772283 ภาพมันฟ้องความจริง...ก็เป็นแค่ขี้ข้า ได้แค่ยืนกุมกระโปกให้นายจิกหัวต่อไป...

โดย กรรมกรไอที on 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 12:45

มันช่างบังเอิญจริงๆ

 

jNksU6.jpg




#771815 เอาแล้วไง "อนุมานอาสา" กลุ่มหน้ากากลิง บุกปชป.เรียกร้อง ส.ส.ลาออกมาร่...

โดย จูกัดขงเบ้ง on 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 19:48

ในฐานะที่ติดตามเวปไอ้แป๊ะและเมเนเจอร์มานาน

 

เราขอบอกจุดยืนของไอ้แป๊ะ ที่เราเกลียดมากที่สุดตอนนี้

คือ

"ไอ้แป๊ะและกลุ่มแกนนำเสื้อเหลือง มันไม่อยากทำม๊อบแล้ว"

ขอให้รับทราบกันไว้ว่า

มันไม่ต้องการทำม๊อบ ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับม๊อบอะไรทั้งสิ้น

 

ม๊อบสนามหลวง แป๊ะเคยบอกว่า ไม่เห็นด้วย

เพราะ ประท้วงแล้วได้อะไรขึ้นมา

เต็มที่ก็เปลี่ยนรัฐบาล ซึ่งก็เป็นปชป.

ซึ่งไอ้แป๊ะมันก็ไม่ชอบ ปชป. เพราะถือว่า ปชป. ก็ แด รก เหมือนกัน

 

ดังนั้น เวลานี้ มันบอกว่า มันไม่อยากประท้วง ถ้าไม่เข้าเงื่อนไข 3 ข้อ คือ

อภัยโทษทักษิณ  เปลี่ยนแปลงการปกครอง และ สถาบัน

ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกมันก็ส่งหนังสือฟ้องศาลอย่างเดียว

 

แล้วถามว่ามันจะมาชิงการนำเพื่ออะไร

เพราะที่ประท้วงที่สนามหลวงมันยังไม่เอาด้วยเลย

มันไม่เคยโผล่ไป ไม่เคยถ่ายทอด ไม่เคยเสนอข่าวห้าอะไรเลย

 

แล้วที่มาสรุปกันว่า

ไอ้แป๊ะอยู่เบื้องหลังม๊อบสนามหลวงเนี่ย

สรุปกันได้ยังไง

 

ไอ้หน้ากากหนุมาน เป็นใคร สืบกันชัดเจนหรือยัง

เป็นสายเสื้อแดงแฝงมาเล่นเกมนี้หรือเปล่า

ไม่ใช่เอะอะอะไรก็แป๊ะ

 

ข่าวเอเอสทีวีมันเขียนผิดเขียนพลาดแล้วไปมีผลกะคนอื่นบ้าง

ผู้กองยังเข้าใจ และทางนั้นก็ขอโทษแล้ว

ผู้กองยังไม่เอาเรื่องเอาราวอะไรเลย

 

ขอให้ใจเย็นๆ ตอนนี้จะเข้าทางไอ้ตัวเสี้ยมบางตัวที่คอยท่าอยู่นานแล้ว

ได้ทีก็ปั่นให้ทะเลาะกันไปเลย




#767506 กรณีอดีตพระกับไฮโซ ตอนนี้แมเนเจอร์โยงเข้ากับปชป.เรียบร้อยรร.แป๊ะลิ้มแล้วครับ(...

โดย ปังตอ on 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 23:52

<_< ...ผมเองบวชตั้งหลายพรรษา...เข้าป่าก้อหลายป่า เจออะไรๆก้อหลายอย่าง ยังสึกเลย

ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าถ้าหมดบุญในผ้าเหลือก็สึกเถอะ...ถ้าดื้อดึงอยู่ต่อไป มันจะเผลอไปทำผิดพระวินัยเอา

 

เอาน่า...พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นหลายๆองค์ท่านก้อสึกลาสิกขาหลายๆรูปน่ะ

 

เอามาให้อ่านครับ..........................

 

หลวงปู่....ครูบา อาจารย์มิตซูโอะเป็นใคร
ครูบาอุปฐาก....เป็นหยังครับผม องค์พ่อแม่ถามทำไมครับผม
หลวงปู่....ก็เมื่อเช้าเห็นโยมในศาลามาเล่าให้ฟัง ผมก็อือๆนอไปกับเขา แต่ผมไม่รู้เรื่องนี้
ครูบาอุปฐาก....โอ๋ ขอโอกาสกราบเรียนองค์พ่อแม่ ท่านอาจารย์มิตซูโอะท่านเป็นคนญี่ปุ่นที่มาเรียกกรรมฐานในสายพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง บวชมา๓๐กว่าปีแล้วท่านก็สึกกลับบ้านท่านที่ญี่ปุ่น เมื่อเช้าแม่ออกมาบอกว่าท่านสึกไปมีเมีย ที่ญี่ปุ่นครับผม
หลวงปู่.....โอ๋ มันก็ดีแล้วนี่แล้วเอามาเล่ากันทำไม
ครูบาอุปฐาก......ขอโอกาสองค์พ่อแม่ ดียังไงครับผมพระกรรมฐานบวชมา ๓๐ กว่าปีแล้วมาสึกไปมีเมีย
หลวงปู่......โอ้ย ญาท่านสีทนศาลาพันห้องนั้น สึกตอนอายุ ๙๒ ไปเอาเมียอายุ ๑๖ นี่ผมก็ยังไม่ถึง ๙๒ เด้อ(พูดแล้วท่านก็หัวเราะ)
คนบวชคนสึกมันเป็นธรรมดาโลก บางคนบวชมานานกว่าท่านอาจารย์มิตซูโอะก็ยังสึก ท่านอาจารย์หนูใหญ่ศิษย์หลวงปู่มั่น นั่งภาวนาได้ฌาณได้ญาณเห็นนู้นเห็นนี่ท่านก็ยังสึก พระอริยคุณาธาร ขอนแก่นท่านก็สึก ในวงพระกรรมฐานเราก็มีให้เห็นอยู่ ไม่แปลกดอก ถ้าเรายังไม่แน่นอนในพระสัทธรรมมันก็มีโอกาสสึกกันทุกคน เพิ่นสึกออกไปหน่ะดีแล้ว ถ้าวิบากกรรมที่แก้เป็นพระไม่ได้มันต้องสึกออกไปแก้ก็ต้องตามไปแก้มัน คุณเอ้ย คนสึกก็ใช่ว่าจะเสียหาย ใช่ว่าจะเลวไปซะหมด คนอยู่ก็ใช่ว่าจะบริสุทธิ์ ใช่ว่าจะดีไปเสียหมด หยังกำลังว่าสู้ไม่ไหวก็สึกออกไปนั้นถึงจะเป็นการที่น่ายกย่อง มาสู้ทนหลอกชาวบ้านเป็นมหาโจรอยู่มันก็ตกนรกนั้นแหล่ว คนที่ทำกรรมฐานมาตั้ง๓๐ปีเพิ่นบ่ได้ปึกได้โง่เด้อ เพิ่นคิดเพิ่นตัดสินใจแสดงว่ากำลังของกรรมฐานที่สั่งสมมาประคับประคองอยู่ การที่เพิ่นตัดสินใจถือว่าคิดดีแล้วในแนวของเพิ่น ที่เอามาว่ามานินทากันนั้นเพราะมันขัดใจเรามันเข้ากิเลสเรา ว่ากันคะนองปาก คุณเอ้ย เล่นกันพระเหมือนเล่นกับไฟ ว่าเพิ่นขั่ว ถ้าเพิ่นชั่วเราไม่ได้บุญนะเราเท่าตัว ว่าเพิ่นชั่วเพิ่นบ่ได้ชั่วเราเป็นบาปเราขาดทุน ว่าเพิ่นแล้วมีแต่เท่าทุนกับขาดทุนหากำไรไม่ได้ ลงทุนแบบนี้ไม่งอกไม่เงยนะ เอาใจไปคิดเรื่องคนอื่นมันก็ทุกข์เรื่องคนอื่น แต่เอาใจมาไว้กับสติมาไว้กับเรานี้มันบ่ทุกข์มันมีแต่กำไร เพิ่นไปดีแล้วก็แล้วกันไปคุณเอ้ยทุกคนหันหน้าเดินไปหาพระนิพพานกันหมดนั้นหล่ะ ถึงช้าถึงเร็วขึ้นอยู่กับเราเดินกับเราลงทุนดอก มาพบพระพุทธเจ้า พบพระธรรมคำสั่งสอน พบครูบาอาจารย์พระเจ้าพระสงฆืแล้วอย่าให้ขาดทุนเด้อให้เอากำไรจากเพิ่นเด้อ


หลวงปู่ไดโนเสาร์

(จากเฟสบุ๊กพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น)




#765287 ตะลึง!!!ภาพชัดๆ "อ.มิตซูโอะ"คลอเคลียคู่สาว-เผยหลักฐานมัดส...

โดย ชาวสวน on 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 00:56

ขอเล่าประสบการณ์ที่เจอมา

 

เคยบวชอยู่วัดแห่งนึงในกรุงเทพฯ นานพอสมควรประมาณ๑๒เดือน

 

รู้จัก สามเณรเปรียญ ปธ.๓ อายุ17 หนุ่มเต็มที่ โทรคุยกับสีกาทุกคืน อีกไม่นานก็สึก คบกับแฟนอย่างคนทั่วไป

พระมหา ประโยค๙ อยู่ดีๆก็สึก ซักพักไม่นาน ก็มีข่าวว่าแต่งงาน

 

พระสงฆ์ ยังเป็น สมมติสงฆ์ ต่างจากคนธรรมดา ด้วย ศีล๒๒๗ กับวัตรปฎิบัติ

เมื่อปฎิบัติไม่ไหว สึกขาลาเพศ ออกมาเป็นฆราวาส

ย่อมดีกว่าทำผิดขั้นปาราชิกในคราบสงฆ์

 

ส่วนเรื่อง ท่านไปปิ๊งกันตอนไหน ก็อยู่ที่สถานะ(ในขณะนั้น) กับการ(ปฎิบัติ) 

ถ้าผิด พระธรรมวินัย ก็ต้องอาบัติตาม พุทธบัญญัติ

 

 

ที่ลับหูลับตา 2ต่อ2 โดยไม่มีอีกคน ที่ปกติ มีสติสัมปชัญญะ ร่วมอยู่ด้วย ท่านห้ามไว้

 

สมัยนี้เทคโนโลยี การสื่อสาร ยิ่งกว่าเสียง

 

ตอนบวช เวลาโทรคุยกับแม่/แฟน ต้องออกจากห้อง(กุฎิ) ออกมาคุยข้างนอกห้อง อย่างน้อยก็มีคนอื่นได้ยิน ได้เห็นเราคุย ของอย่างนี้อยู่ที่จิตสำนึกกับสติที่รู้ตัว