หลงฮู้เช็ง

ปชป. เป็นแค่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งนะครับ  เป็นพรรคฝ่ายค้าน มีเสียงข้างน้อยในสภาเสียด้วย

ที่เขาทำหน้าที่ได้ขนาดนั้น  ผมว่าคนที่เลือก ปชป. เข้าไป ส่วนใหญ่ไม่มีคนผิดหวังในบทบาท

ที่ปชป. ทำลงไปนะ  ชาติ บ้านเมือง ไม่ใช่ ของ ปชป. และคนที่เลือก ปชป. เพียงเท่านั้น

แต่เป็นของทุกคน  จขกท. หากเชื่อมันในพรรค ปชป. จริง ก็คงจะไม่รณรงค์โหวตโน เอื้อให้

พท. ชนะเลือกตั้งไปตั้งแต่ต้นแล้ว  และการยื่นร่าง พรบ. นิรโทษฯ ที่ผ่านมา  ก็ไม่เห็นจะทำอะไร

ได้แค่ชี้แนะ   อย่านั่งบนภู งอมือ งอเท้า ไม่ทำอะไร แล้ววิจารณ์คนที่เขาทำดีสิครับ  

หลายๆ คน คงจะเริ่มสงสัยแล้ว ว่า ปชป มีแนวทางที่จะทำอะไร? ที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไร?

 

ยิ่งทิ้งเวลาไป กระแสที่จุดไว้ก็มีแต่จะแผ่วลง แผ่วลง แผ่วลง

 

ยิ่งหากวันนี้ไม่ทำอะไรเลย มัวแต่มุ่งในสภา นอกสภาก็มีโอกาสจบ แม้ว่าเมื่อวานคนจะมาก แต่เท่าที่ฟังดูหลายคนเสียความรู้สึก

 

อยากให้ ปชป ชัดเจนมากกว่านี้ กล้ากว่านี้ วางแผนเป็นระบบมากกว่านี้

 

แต่ตอนนี้ ไม่รู้เลย ว่า ปชป จะทำอะไร? ที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไร?

 

ผมคิดว่า ในนี้คงมีคนของ ปชป อยู่ด้วย

 

กรุณาบอกหน่อยเถอะครับ ว่าต่อไปจะทำอะไร? ที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไร?

 

อย่าปิดเป็นความลับมากมายเลยครับ

 

เพราะถ้าประชาชนไม่รู้ว่า ปชป จะทำอะไร? ที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไร? ก็จะพากันหน่าย ห่างหาย และไม่เหลือในที่สุด

 

ยิ่งช่วงนี้สื่อหลายๆ แห่งก็ให้ข่าวว่า ปชป ทิ้งประชาชน

 

...

ผมว่าประชาชนทิ้ง ปชป. มากกว่านะ

เจอกระแสเจนนี่ตีทะเบียน   ทุกอย่างก็หลงลืมหมดสิ้น     

   การสื่อสารมันเจริญ ปัญญาชนมีการศึกษาที่เข้าถึงเทคโนโลยี่สื่อสารถึงได้เลือก ปชป   

 

ถ้าคิดได้แบบนี้ ทางใต้ที่เลือกปชป.เกือบ100% ก็เป็นปัญญาชนกันหมดเลยนะสิ  คุณแน่ใจเหรอ

 

กทม.เลือกผู้ว่า ปชป.ได้ล้านสอง  เพื่อไทยได้ล้าน  โอ้โห คนปัญญาชนกับคนห่างไกลความเจริญกันมันต่างกันเท่าไหร่เอง  555   

 

       ทำไมพวกที่เลือกปชป.ชอบหลงตัวเองว่าฉลาดล้ำเลิศกว่าคนอื่น  ทั้งๆที่พรรคปชป.พาขายหน้าตั้งไม่รู้กี่ที      ผมว่าพวกคุณก็ไม่ได้ฉลาดอย่างที่ชอบคุยโวกันเองหรอก

กทม. มีปัญญาชนอยู่เท่าไหร่ล่ะคุณ  พวกไร้การศึกษาก็เยอะ  ต่อให้มีเทคโนโลยีสูงในเมืองกรุง

พวกนี้มีโอกาสสัมผัสหรือเปล่า   มือถือยังต้องเติมเงิน  สำมะหาอะไร กับการเข้าถึงเทคโนโลยี่

ถึงพรรค ปชป. พาขายหน้า  แต่ก็ไม่เคยพาขายชาติ เหมือนพรรคการเมืองอื่นนะ  

อยากให้เข้าใจว่าเรื่องนินทาดาราเป็นนิสัยปกติของคนทั่วโลก  ไม่ใช่แค่คนไทยครับ

ที่กล้าการันตีได้ เพราะผมทำงานด้านบันเทิงต่างประเทศอยู่ คลุกคลีกับมันพอสมควร

แม้แต่คนอเมริกันเองถึงช่วงเวลา State of the Union speech ของปธน.ซึ่งสำคัญสุดๆ  ก็เจอข่าวดาราเตียงหักมากลบเหมือนกันครับ

... แล้วคนอเมริกันก็จะบ่นๆๆในเว็บฟอรั่มเหมือนบ้านเราเลยว่า....เดี๋ยวนี้มันเป็นไง  สนใจแต่ข่าวดารา  บ้าไปแล้ว

 

ไม่สบายใจที่อะไรๆไม่ดีเหมาให้ "คนไทยรับหมด"

แต่อเมริกา มี freedom of speech นะครับ  ทางเลือกที่จะเสพข่าวสาร เพราะเสรีภาพทางสื่อ  ไม่ถูกปิดกั้น ครอบงำ  

ผมก็เห็นด้วย  ว่านิสัยนินทาดารา เป็นปกติของคนทั่วโลกและคนไทยเรา ก็ไม่น้อยหน้าชนชาติอื่นใดในเรื่องนี้  

แต่ที่บ่น คือเห็นว่าข่าวสารบ้านเมืองก็ถูกปิดกั้น แทบจะไม่มีที่ให้อ่านอยู่แล้ว ดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางเดียว

กันหมด มาเจอข่าวดารากลบเข้าไปอีก  ก็เท่ากับปิดประตูตอกฝาโลง เอวังกันไป  

ไม่เห็นมีอะไรแปลกนี่ครับ มีประเทศไหนประชาชนชอบเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องบันเทิงด้วยเหรอ 

ประเทศล่มจมไม่เป็นไร  ขอซับน้ำตานันทิดาก่อนใช่มั้ยครับ 

สังคมชาวเฟซเมื่อวาน  พล่านกันแต่เรื่องเจนนี่กับเอ๋ ชนม์สวัสดิ์  จนกลบแทบทุกข่าว  แม้แต่ข่าว พรบ.นิรโทษกรรมฯ  ฉบับ วรชัย เหมะ  ผ่าน

มติวาระแรกไปแล้วอย่างลอยลำ  ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น   ดูๆ ไป สังคมโซเชี่ยล ก็สมกับที่พวกแดงเขาสบประมาทเหมือนกัน  ว่ามาไวไปไว

วูบวาบตามกระแส ทั้งๆ ที่คนกลุ่มนี้ น่าจะเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพที่สุดแล้วในการขับเคลื่อนการเมืองของประเทศ  เป็นแบบนี้คนดูไบคงยิ้มร่า

โด๊ปถั่งเช่าเตรียมตัวไว้กลับเมืองไทยอย่างเท่ห์ๆ ในอีกไม่นาน  ไม่ต้องไปรับมือกับม๊อบหรืออะไรให้มากมาย  หาข่าวมากลบข่าวเอาไว้เรื่อยๆ

ข้าวเน่าเอาเอกยุทธกลบ  พรบ. นิรโทษ เอาเจนนี่กลบ ฯลฯ  เจริญล่ะ! 

ที่ออกมาค้านเรื่องพรบ. เพราะเจตนาฝ่ายยื่นไม่บริสุทธิ์ตั้งแต่ต้นครับ  มีเรื่องที่ต้องกระทำกันโดยรีบด่วนอยู่ก่อนมาก

แทนที่จะทำ กลับมายื่น พรบ. นิรโทษกรรม .. คือถามว่าหากดองเรื่องนี้ไว้อีกสักสี่ปี  จะมีผลกระทบต่อคน

ในวงกว้างไหม .. คำตอบก็คือ ไม่  คนที่ได้รับผลกระทบ เทียบไม่ได้สัก 0.001 %  ของประชากรในประเทศ

และอีกประการ เนื้อหาใน พรบ. นิรโทษกรรม ก็รู้ๆ กันอยู่  ว่าเป็นยังไง  พยายามยื่นเพื่อผลประโยชน์ใคร

ถกเถียงกันมาเกลื่อนบอร์ดแล้ว จะมาย้ำหัวหงอนวนลูปเพื่ออะไร ไม่เข้าใจ

อนึ่ง ที่เค้าออกมาเหย็งๆ ก่อม็อบ ขณะนี้ ไม่ใช่แค่ค้าน พรบ.นิรโทษฯ นะครับ  แต่เป็นการออกมาเพื่อ

ล้มล้างระบบทักษิณที่กัดกินประเทศจนผุกร่อนใกล้โค่นครืนอยู่ทุกขณะจิต ตะหาก

อาจารย์  เรียนเมืองนอกตั้งแต่อนุบาลหรืออย่างไร  เด็กไทย ตั้งแต่เข้า รร. ป.ขี้ไก่ ก็ต้องหมอบ คลาน ถือพานไหว้ครู

ในวันครู  ก่อนเรียนทุกปี  แม้แต่นักมวยไทย ก่อนขึ้นชก ก็ต้องร่ายรำ ไหว้ครู  

ยกตัวอย่างบัวขาว หัดเตะต้นกล้วยหมดไปเป็นไร่ๆ  ก่อนขึ้นชก รำมวยไทยไหว้ครู ทุกครั้ง  

...  แต่ภาพลักษณ์ของเขา คือนักมวย ไม่ใช่นางรำ!!  

เห็นด้วยนะครับ  ว่าชัย ราชวัตร ห่างชั้นจากเพื่อนร่วมเล่ม อย่างเซีย มากๆ

ชัย น่ะ  ชั้นเซียนเหยียบเมฆ ไปแล้ว  ส่วนเซีย น่ะ  สู้นักเขียน ขายหัวเราะ ยังไม่ได้เลย

เอฟเฟค จากคางคกตั้งทีมรองผู้ว่าฯ นี่  ทำให้หลายคนเลิกที่จะลังเลเลยครับ  อย่างน้อยๆ เพื่อนผม สองคนละ

ตอนนั้น ยังสองจิต สองใจ ชอบแขก  แต่เจอคางคกกระโดดจะขึ้นวอเนี่ย  กา 16 ไปเลยไม่คิดแล้ว

ข้อสี่  ผมว่า ปชป. ซุ่มหมัดเด็ด ไว้ได้ดีเลยทีเดียวครับ  แต่ใจผม  มันช้าไปนิดนะ แทบไม่ทัน

เรื่องทุจริต  ที่เอามาเล่น ใส่คุณชาย มันก็โดนไม่ถนัดถนี่  ตัวเองเป็นหม้อข้าวก้นดำ ไปเรียกกาต้มน้ำว่า

ก้นดำด้วย มันไม่เวิร์ค  โดยเฉพาะเรื่องโรงพัก  จูดี้ ตายอนาถจริงๆ 

ข้อห้า  ว่าจะเพิ่มเติม  ว่าแคนดิเดต ของเสื้อแดง  ที่ส่งมานั้น  ดูถูกคนกรุงเกินไปครับ จูดี้แก ไม่ได้มีอะไรดีเด่น

เป็นพิเศษ  ประวัติแก ก็ไม่เกลี้ยง  มาเจอวางยาจากพวกเดียวกันเองอีก  คือได้ล้านกว่าเนี่ย เมพขิงๆ แล้ว

ไม่อยากจะคิด ว่าหากส่งคน สมน้ำสมเนื้อ มาบู๊กับ ปชป.  หรืออย่างน้อยๆ ก็หน่อย มาเอง ผมว่าได้หนาวกันมั่งล่ะ

ผลเลือกตั้งเมืองกรุงครั้งล่าสุดนี้ ที่เสื้อแดงพลาด  ผมว่าน่าจะมีสาเหตุตามหัวข้อดังนี้นะ

1.         การประเมินกลเกม ผิดพลาด (wrong strategy) ธงแห่งชัยชนะที่ตั้งไว้ล่วงหน้า  น่าจะอยู่ที่เสาไฟฟ้านำคุณชายแบบไม่ห่างมาก แนวโน้มนี้ดูได้จากการที่โพลรับจ้างแทบทุกเจ้าหน้าด้านปั้นตัวเลขกันสุดฤทธิ์ให้ดีกรีของชัยชนะอยู่ที่ 5-10%  หากเกินไปกว่านี้อาจจะไม่ปลอดภัย เพราะคนกรุงนั้นประเมินยาก หากเสาไฟฟ้าชนะแบบขาดลอย อารมณ์ที่คุกรุ่นจากการพ่ายแพ้บวกกับความไม่ชอบมาพากลในผลคะแนนที่ดูไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป อาจจะเจอเอฟเฟคประท้วง จากน้ำผึ้งหยดเดียว หากมีคนจุดไฟติดถูกจังหวะจะโคน  เรื่องราวก็อาจจะลุกลามไปถึงการเมืองระดับประเทศได้เหมือนที่แป๊ะเคยจุดสำเร็จมาแล้ว  ซึ่งเรื่องนี้เสื้อแดงยังไม่พร้อมจะเสี่ยงเพราะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็เสวยสุขกันยังไม่เต็มอิ่ม ยังแบ่งผลประโยชน์กันไม่ถ้วนทั่วทุกตัวคน   

2.       การกำหนดตัวเลขแห่งชัยชนะผิดพลาด(wrong margin)   ตัวเลขกลมๆ ของคะแนนเสาไฟฟ้าน่าจะถูกขีดเส้นให้อยู่ที่ล้าน นิด นิด ใกล้เคียงกับอดีตผู้ว่าหมักโครงไก่คนก่อน  ซึ่งแม้จะชนะแบบค้านสายตาคนดูแต่ไม่สามารถนำไปสู่การล้มกระดานได้  วอร์รูมเสื้อแดง  คงประเมินกันแล้วประเมินกันอีกจนได้ผลสรุปว่าคุณชาย น่าจะได้คะแนนสิริรวมไม่ถึงล้าน  และเสียงบางส่วนก็ถูกดึงให้กระจายไปผู้สมัครอิสระรายอื่นๆ ด้วย  การชนะแบบไม่มาก แต่ได้ประชานิยมอีกต่างหาก จึงเป็นคำตอบที่ถูกเลือก  มากกว่าจะให้ผลออกมาแบบถล่มทลาย

3.       เทคนิคการได้มาซึ่งคะแนนเสียงที่ผิดพลาด  (wrong techniques)  เสื้อแดง  ยังเคยชินกับระบบหัวคะแนน  ที่เคยได้ผลมาแล้วจากระดับรากหญ้า  จึงคิดไม่ได้ว่ากลยุทธนอกสาระบบที่เป็นลูกเล่นเก่าๆ  นั้นเอามาใช้ในการเลือกตั้งเมืองกรุงมันไม่เวิร์ค  ยกตัวอย่างการไปตั้งอัตราต่อรองแบบจูงใจ มันก็ใช้ได้ในวงแคบๆ  ไม่เหมือนภูธร ที่เสียงกลุ่มอิสระนั้นได้มาจากการชี้นำของผู้นำกลุ่ม เพราะเสียงคนกรุงเป็นอิสระไม่ถูกควบคุมเป็นกลุ่ม เหมือนเลือกตั้งใหญ่ที่เสียงชี้ขาดกันที่หัวคะแนน  อีกทั้งความถนัดป้ายโคลนเช่นการดิสเครดิตคู่ต่อสู้เรื่องกล้องดัมมี่ สนามฟุตซอล ตลอดจนถังขยะ แม้จะทำให้คุณชายเป๋ไปในยกแรก  แต่คนกรุง นอกจากจะไม่เชื่ออะไรง่ายๆ แล้ว  ยังค้นคว้าหาความจริง จนหอกที่ซัดออกไปย้อนกลับมาทิ่มตนเองจนได้  อีกทั้งการกระหน่ำแคมเปญสวยหรูของเสื้อแดงโดยไม่ต้องสนใจว่าทำได้ในความเป็นจริง ก็ไม่สามารถใช้ได้กับคนกรุง  กลเกมเตะตัดขาให้คะแนนกระจายบ้าง นำทีมโดยแป๊ะหนังกลับและลูกในไส้   อีกทั้งมีการส่งลูกสมุนตัวปิดปิ้วเปิดยุทธการชิงพื้นที่โซเชียลมีเดียเพื่ออวยพวกตัวเองและไล่บี้กระหน่ำฝ่ายตรงข้ามไปทุกเรื่องให้ดูเสื่อมศรัทธา  ก็ไม่ได้ผลอีก เพราะตัวแป๊ะเองตลอดจนสมุนทั้งหลายนั้นไม่มีใครให้ราคาตั้งนานแล้ว

4.       การประเมินคู่ต่อสู้ที่ผิดพลาด (wrong assessment of opponent)  ข้างฝ่ายปชป. เองก็ดูราวจะแตกแยกกันภายใน หาเสียงกันไม่เป็น   มีเพียงอดีตนายกฯ  สองคนคือชวนและอภิสิทธิ์ที่ออกตระเวณหาเสียงออกหน้าออกตา นอกเหนือไปจากตัวผู้สมัครเอง ในขณะที่คีย์แมนตัวอื่นๆ ของพรรค เข้ามุมสงบเงียบเชียบเหมือนจะนิ่งดูดายไม่ช่วยเหลือ และปชป. ดูจะท่องเป็นอยู่คำเดียว เรื่องเสียงแตก เสียงไม่แตก ฟังเป็นแผ่นเสียงตกร่องกระพร่องกระแพร่ง  การหาเสียงในเชิงรุกจากฝ่ายปชป. ดูจะมีน้อยเต็มที  จนเสื้อแดงดูเหมือนจะมีความมั่นใจในชัยชนะล่วงหน้าถึงขนาดแดงอำมาตย์และแดงได้ดีออกมาเหิมเกริมอ้างสัตย์สาบานกันอย่างไม่เกรงฟ้ากลัวดิน  ถึงขนาดว่ายึดเมืองหลวงได้แล้วก็ล้างเมือกคาวในคราวเผาเมืองไปเสียทีเดียวด้วยกันเลย  แม้แต่คางคกตู่  ยังออกมาร่าเริง กระดี้กระด้ากระสันต์เก้าอี้รองพ่อเมืองอย่างเก็บอาการไม่อยู่   แต่อย่างไรก็ตาม  คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต ผลที่ออกมา ทำให้เสาไฟฟ้าโค่นครืนลงกลางเมือง ทำเอาหงายเงิบไปตามๆ กัน

เอาคร่าวๆ แค่นี้ก่อนครับ  ใครมีอะไรเพิ่มเติมก็เชิญครับ 

ด้วยความยินดีครับ 

http://wber.oxfordjo.../10/2/323.short

 อนึ่งที่บอกว่าดับสนิทนั้น ผมตั้งใจหมายถึงคุณหลานฯ  มากกว่าครับ  ไม่ได้มุ่งตรงไปยัง จขกท. ครับ

ทำเนียนนะเช

เพิ่งนึกออกเหรอว่าตนเองถีบคะแนน ปชป เขาหายไปเป็นฝ่ายตรงข้ามมากแค่ไหนแล้ว

คะแนนที่คนแก่อย่างคุณชวนเขาต้องลากสังขารมาช่วยเพื่อเก็บทุกเม็ด

แต่คุณเอาไปโยนทิ้งหมดเหมือนของไม่มีค่า

สุหฤทจะไม่มีวันที่มีคะแนนพุ่งขึ้นมาอย่างนี้เลยหากไม่มีกองเชียร์เช่นคุณ

โดนด่าเข้าหน่อย มาทำตั้งกระทู้เรียกคะแนนเสียง จะไถ่บาปเหรอ? :-)

สายไปแล้วคุณเช

จะบอกให้ว่าคนที่เขาไปแล้วเขาไม่กลับมาเลือกหม่อมแล้วครับ

ต้องรออีก 4 ปี

หวังว่า 4 ปีข้างหน้าคุณจะรู้จักสงบปากสงบคำหยุดเชียร์ ปชป ด้วยการถีบคนอื่นไปอยู่ฝั่งตรงข้ามหมดอย่างที่คุณกำลังทำอยู่ทุกวันนี้

แค่กองเชียร์อย่างคุณรู้จักหุบปากเสียบ้าง คะแนนของ ปชป เขาก็กลับมาเองได้แล้ว

รู้ตัวหรือเปล่า

สำนวนแป๊ะชัดๆ ... ร่ายรำกระบวนท่าได้ราวกับต้นตำรับมาเองเลยทีเดียว  เลื่อมใสๆๆๆ

ของปชป.   นโยบายคือ  FREE BANGKOK   ครับ

สมาชิก ปชป. เชื่่่อมั่น  ในประสบการณ์ คลี่คลายสถานการณ์ยึดตัวประกัน ของคุณชาย!

Regression Analysis  มันก็แค่  การจับความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรที่ควบคุม ( dependent variable) เข้าสมการกับกลุ่มตัวแปรอิสระ

(independent variable) หลายๆ ตัว  โดยเฉลี่ยน้ำหนักของตัวแปรอิสระไปตามความเหมาะสม  แล้วก็หาคำตอบเพื่อนำไปทำนาย

หรือประเมิน ค่าตัวแปรควบคุมได้  มันไม่ได้เป็นสูตรตายตัวสากล ยกตัวอย่างเช่น   x+10 = 15 แล้ว  x ต้องเท่ากับ 5 นะครับ  

มันเป็นโมเดล  ที่ต้องอาศัยทฤษฏีและผลวิจัยต่อเนื่องมาก่อน  ว่าสิ่งนั้น สิ่งนี้ สัมพันธ์กันอย่างมีนัยยะ คุณจึงจะจับมันมาเข้าสมการกันได้

และไม่เพียงแต่ statistical regression เท่านั้น  วิธีการอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน  หลายคนที่ถามในกระทู้นี้ ไม่ได้อยากรู้ในทางเทคนิค

ว่าคุณจะค้นหาคำตอบได้อย่างไร  แต่อยากจะถามว่า  ที่คุณเอา ดัชนีตลาดหุ้น ไปทำนายค่า GDP   คุณมีอะไรอ้างอิงหรือเปล่า

หากมั่วเอา ผมว่ามันเป็น ecological fallacy นะครับ