kabokaboh

กลัวทั่นปลอดจะปรอทแตกซะก่อนน่ะครับ ................หมอนี่ต่อมจริตใต้ผิวหนังมันอยู่ต่ำ พอตอบโต้ไม่ได้เดี๋ยวก้อใช้คำพูดแบบหมาๆอีก

เพราะโครงการไทยเข้มแข็งนี้ไง ที่คนตกงานเป็นล้าน มีงานทำต่อ GDP จากติดลบเป็นบวก 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ และมีเงินให้อีปูมันถลุงถึง 3 แสนล้าน

ส่วนอีปูมีอะไรที่จับต้องได้หรือ เศรษฐกิจตกต่ำ ส่งออกตกต่ำ เงินเฟ้อสูงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น อย่าเอามาเทียบกับรัฐบาลอภิสิทธิ์เลย มันคนละชั้นกัน 

เขาตำหนิในฐานะ "นายกฯ" ..........ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ........ไม่ได้ตำหนิในฐานะ "ผู้หญิง" .......

ถ้ามันตำหนิ หรือ วิจารณ์ หรือแตะต้องอะไร....ไม่ได้เลยยยย............

เห็นสมควรว่า......ควรลาออกไปซะ........อย่ามาทำตัวทุเรศ.....ใช้เรื่องเพศเป็นเกราะกำบัง.....อย่างหน้าด้านต่อไปอีกเลย......

"มันทุเรศว่ะ" .......

เพาะผู้หญิงเก่งๆ....ที่เขาทำงานดีๆ ฉลาดๆ ก็มีเยอะ......เขาไม่ได้อ่อนแอ.......เหมือน "อีโง่" ทุกคนหรอกนะ....จะบอกให้....

"อีหมวดเจี๊ยบ อี ควาย" ..........   

เคยหลงเข้าไปดูกระทู้ของแพงในปลักกระบือแล้วรู้สึกสังเวชใจกับตรรกะกระบือๆ

กระบือแทบทุกตัวว่าคนที่บ่นของแพงคือ "สลิ่ม" "พวกขี้เหลือง" "แมงสาบ"

(งงกับมัน..อาหารน่ะต้องกินกันทุกคนไม่ได้มีแต่สลิ่ม แมงวาปที่กินนะ)

บ้างก็ว่าคนที่บ่นของแพงคือ "พวกโง่ไม่รู้จักไปกินร้านถูกๆ" "มีเงินอย่างเดียวไม่ได้ต้องโง่ด้วย"

(ไอ้พวกนี้สงสัยจะอยู่แต่ในปลัก ถึงไม่รู้ว่าคนทำงานออฟฟิสมีเวลาพักเที่ยงติ๊ดเดียวจะให้นั่ง

เครื่องบินไปเชียงใหม่กินของถูกกับอิโอ๊ครึไง)

บ้างก็ว่าคนที่บ่นของแพงคือ "พวกที่ไปกินร้านที่ขึ้นราคา ส่งเสริมให้แม่ค้าขูดรีด" 

(ถ้าเขามีทางเลือกเขาจะกินของกันตายราคาแพงๆ หรือ ถ้าเป็นอาหารฟุ่มเฟือยที่กินเพื่อเสพย์

ความหรูหราก็อีกเรื่อง)

บ้างก็สอนให้คนที่บ่นของแพง "รู้จักทำข้าวกล่องกินไปเอง" 

(ใช่ว่าทุกคนจะว่างตื่นแต่ไก่โห่มาทำข้าวกล่อง แค่ตื่นให้ทันออกจากบ้านก่อนช่วงรถติดก็ลำบากแล้ว)

บ้างก็สอนให้คนที่บ่นของแพง "ไข่-เนื้อแพงก็ไปหาอย่างอื่นกินแทน"

(เอ่อ..ของมันแพงขึ้นทุกอย่างตกลงไม่ต้องซื้ออะไรกินเลยใช่มั้ย ตรูไม่ใช่เอ็งนะเว้ยที่เก็บผักเก็บหญ้า

จับจิ้งเหลนกันได้)

บ้างก็กระแนะกระแหนคนที่บ่นของแพง "ข้าวขึ้น 5 บาทบ่นจะตายทีกาแฟแก้วละ 100 - ไอโฟน 2 หมื่นยังซื้อได้"

(ทานโทษนะครับ..บ้านเอ็งแด๊กกาแฟหรือไอโฟนดำรงชีพทุกวันเหรอครับ แล้วคำว่า "ปัจจัย 4" กับ "สินค้าฟุ่มเฟือย" นี่

ที่บ้านไม่ได้สอนให้แยกแยะได้เหรอครับ)

จากที่อ่านๆ มา น่าทึ่งตรงที่กระบือทุกตัวยอมที่จะใช้ชีวิตแบบกระเบียดกระเสียร ยอมมีคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำลง

ยอมลำบากมากขึ้นเพื่อนักการเมืองที่มันบูชาจนสุดหัวใจ (ไม่รู้ว่าพ่อแม่มันเองมันจะปกป้องขนาดนี้รึเปล่าเนี่ย)

แล้วยังจะมาพยายามกล่อมประสาทคนอื่นให้ยอมลำเค็ญไปกับมันด้วยจะได้เลิกโยนความผิดให้รัฐบวม

(แถมยังจะโบ้ยให้ร่วมกันด่าม๊ากโยนความผิดให้ม๊ากอีก เอากันมันดิสะกดจิตกันเข้าไป)

แต่ประทานโทษครับ..ผมคนกินข้าวนะครับไม่ได้กินขริ้นักการเมืองแบบพวกเอ็ง ต่อให้ม๊าก ทักกี้ สนธิ จำลอง ฯลฯ

หรือใครถ้าเป็นนายกฯ แล้วมันกระชากค่าครองชีพขึ้นทุกรายการแบบนี้ผมก็ด่าเช็ดครับ ฉะนั้นกระบือทั้งหลาย

จะมาอ้างม๊ากของแพงแล้วอิโง่แพงได้นี่ไปไกลๆ ตอ-สระ-อีน เลยครับ ถ้าเอ็งไม่คิดว่าของแพงก็กรุณาอยู่เฉยๆ 

ประเทศประชาธิปไตยทุกคนแสดงความคิดเห็นได้ไม่ใช่ว่าใครบ่นของแพงก็พยายามจะเอาพวกรุมด่ายัดข้อหา

ว่า "สลิ่ม"หมด ถ้ามันไม่แพงจริงเดี๋ยวคนก็เงียบๆ กันไปเองจะกลัวไปทำไม 

ระบอบทักษิณ

ทักษิณตายคนเดียว

แก้ได้ทันทีทั้งระบบ

.. ข้าวต้องปลูก เพราะอีก 20 ปีประชากรอาจจะ 80 ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก.." (พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการพระราชดำริ ที่บ้านโคกกูแว จ.นราธิวาส วันที่ 28 กันยายน 2536)

 

ในหลวงของปวงชนชาวไทย ทรงมีพระราชดำริไว้เมื่อปี 2536

ทรงห่วงใยราษฎร คำนึงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น จะส่งผลกระทบไปในระยะยาว

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ปัญหาในปี 2536 ทีในหลวงทรงห่วงใยคือ

ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ

ถามว่าทำไมอยู่ดีๆชาวนาถึงได้ลดการปลูกข้าว

เราคงต้องมองกลับไปในปี 2536  ซึ่งอยู่ในช่วงขาขึ้นของฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์

ที่ดินบูมอย่างร้อนแรง ซื้อเช้าขายบ่าย ทำกำไรที่ดินกันไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ

โครงการบ้านจัดสรร คอนโดยังไม่ทันลงมือก่อสร้าง ใบจองก็เปลี่ยนมือไม่รู้กี่ต่อ

นักเก็งกำไรอสังหาฯพยายามกว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร

เจ้าของที่ดิน ซึ่งส่วนใหญ่คือชาวนาไม่เคยกำเงินล้าน ก็อยากเป็นเจ้าของเงินนั้น ซึ่งจะโทษเขาก็ไม่ได้

แต่เมื่อชาวนาขายที่ ได้เงินก้อนโต เขาจะหวนกลับมาทำนาอีกหรือ เอาที่นาที่ไหนทำ

แล้วที่ดินที่เปลี่ยนผ่านการจัดสรร จะหวนกลับมาเป็นที่นาได้อีกหรือ

ประเทศจะสูญเสียทั้ง 2 ประการ

เสียบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการปลูกข้าว

เสียที่ดิน ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตข้าว

จนในที่สุดปี 2540 ฟองสบู่แตก

การซื้อขายที่ดินอย่างบ้าคลั่งก็หยุดลง

คนที่คิดว่าตวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล เอาพระราชดำริมาโหนเพื่อให้เข้ากับจริตของตัวเอง

โดยไม่ดูบริบทเลยว่า เวลาผ่านมาเกือบ 20 ปี อะไรๆก็เปลี่ยนไป

เงื่อนไขต่างๆเปลี่ยนไป

คนแบบนี้น่าสะอิดสะเอียนแท้

น่าไม่อาย

แสดงว่า ที่เศรษฐกิจไทยกำลังย่ำแย่อยู่ขณะนี้ ไม่เกี่ยวกับตลาดโลก แต่เป็นเพราะฝีมือบริหารที่ห่วยเข้าขั้นบัดซบของคณะรัฐบานโจรล้วน ๆ 

ตรรกะความคิดรัฐบาลของเรา ตอน: ยาง vs. ข้าว

รมว.เกษตร คุณยุคล ลิ้มแหลมทอง ให้สัมภาษณ์อธิบายว่าทำไมจึงช่วยชาวสวนยางกำหนดราคายางที่ ๑๒๐ บาทไม่ได้ ทั้งๆที่รัฐบาลเคยให้คำมั่นไว้ที่ราคานั้น

๑. "ประเทศไทย ไม่ได้เป็นผู้กำหนดราคายาง" (อ้าว แล้วทีข้าว เราเป็นคนกำหนดราคาหรือครับ)

๒. "เราใช้เงินไปแล้ว ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ซื้อยางราคาสูงกว่าตลาดที่ ๑๒๐ บาท แต่ไม่สามารถดึงราคาตลาดโลกขึ้นมาได้" (แล้ว ๗๐๐,๐๐๐ กว่าล้านบาท ที่ซื้อข้าวที่ ๑๕, ๐๐๐ บาทนั้นดึงราคาตลาดโลกได้หรือครับ)

๓. ท่านรัฐมนตรีถามว่า ถ้าชาวสวนยางยัง (ดื้อ) ที่จะเอาราคา ๑๒๐ บาท เทียบกับราคาตลาด ๗๔ บาท "ใครต้องจ่าย และจ่ายอีกนานเท่าไร" (มีคนถามคำถามเดียวกันกับการซื้อข้าวราคาแพงมาเป็นปีแล้ว แต่ท่านรัฐมนตรีไม่เคยตอบ)

๔. "ยางที่ซื้อมาเก็บในสต็อกขายไม่ได้เพราะต่างชาติรู้ว่าเราจะขายเมื่อไร เขาจะทุบราคาทันที" (เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว รัฐบาลเข้าใจหรือยังว่าทำไมจึงขายข้าวในโกดังรัฐบาลไม่ได้)

ทั้งหมดเป็นการพิสูจน์ว่าจริงๆแล้ว 'คิดได้' 
และเป็นการพิสูจน์ว่ารัฐบาลเจตนา 'เลือกปฏิบัติ'

และพิสูจน์ว่าเรื่องข้าวนั้นเป็นการ 'แกล้งโง่' นั่นเอง

เห็นรูปรถละอดขำไม่ได้  เอิ่มมม จะเอาจริงเหรอ ตำรวจอ่ะ  สงสารพวกปฏิบัติการเค้านะ ....ผมลองคิดแบบง่ายๆให้นะ

จากภาพรถดังกล่าว ถ้าผมเป็นโจร .... ผมจะเลือกพื้นที่สูงข่ม ทางด้านขวา  ยิงด้วยหนังสติ้ก หรือ BB Gun ก็พอ (เดี๋ยวจะบอกว่าเอาลูกจริงไว้ทำอะไร) ..... ให้คนขี่เสียหลัก....รถแบบนี้ น้ำหนักเกราะสร้างปัญหาแน่ๆ  เสียหลักปุ้ป ถึงไม่คว่ำ็ตอบโต้ไม่ได้ เพราะรถมันควบคุมไม่ได้แน่นอน  เดี๋ยวมันก็พุ่งเข้าข้างทาง.......หรือถ้าใส่หมวกกันน้อค ก็ล่อลูกจริงเลย ยิงจากพื้นที่สูงข่ม ทางขวาด้านคนขี่  จอดแน่ๆ เพราะไม่มีกำบัง

 คิดในกรณีเลวร้ายที่สุด มอร์ไซด์คว่ำ ....... เกราะพวกนี้แหละ คือตัวที่ทำให้พลปืนหนีไม่ได้และหมดทางต่อสู้ เพราะพื้นที่กลับตัวขึ้นมายิงต่อสู้ไม่มี ...ดิ้นแค่กๆในถังเกราะนั่นแหละ

ถ้าผมเป็นโจรผมมีทางเลือกดังนี้ครับ 

1. เดินมาอย่างใจเย็น ราดน้ำมัน เผาสด .....โชว์ความโหด

2. เดินมาอย่างใจเย็น ยิงหัว แล้วปาดไข่อัดคลิปโชว์ความโหด....

3. เดินมาอย่างใจเย็น เอามีดปาดไข่....แล้วเผา  (ไม่ต้องเสียลูกปืนแม้แต่นัดเดียว)  โชว์ความโหด

ไอ้รถนี่มันโลงศพเคลื่อนที่หรือเป้าซ้อมยิงชัดๆ  ถึงผมจะไม่ค่อยกินเส้นกับตำรวจ แต่เห็นมันสมองคนคิดไอ้รถพวกนี้มาเพื่อแด่กส์งบอย่างเดียวแล้วอดสงสารไม่ได้ครับ  นี่มันทุเรศพอๆกะ GT200 เลยนะ 

ไอ้ข้อ 1 2 3 ข้างบนน่ะ มันเกิดมาแล้วทั้งนั้น  อย่าโลกสวยว่าไอ้รถมอร์ไซด์นั่นจะป้องกันอะไรได้เลย  ถ้าผมเป็นโจร ผมไม่เสียเวลาขุดถนนฝังระเบิดหรอกครับ

ผมอยากให้ตำรวจมองดูรถเกราะแท้ๆมากกว่านะ ถ้าจัดซื้อกันอย่างโปร่งใส มันไม่แพงหรอก  ชัยเสรี หรือ ไทยรุ่ง ก็ได้ เค้ามีรถต้นแบบให้ทดสอบแล้ว ผมเพิ่งลองไปนั่งมา  ดูดีและมั่นใจกว่าเอามอร์ไซด์โลงศพล่อเป้านี่เยอะเลย  สงสารกำลังพลที่ทำงานกันบ้างครับ

หมื่นปีมีผลงานคนเดียว

ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่ง อยากเรียกร้องให้ทั่นนังยก ไสหัวไปสภา นั่งฟัง นั่งคิด นั่งพูด นั่งทำหน้าที่ของท่านในสภา ให้สมบูรณ์ก่อนเถอะครับ

ค่อยเสนอหน้ามาขอให้คนโน้นคนนี้ทำอย่างนั้นอย่างนี้

หน้าที่ทั่นยังไม่รู้จักทำยังจะมาขอให้คนอื่นทำโน่นทำนี่ แบบนั้นแบบนี้

ไม่อายบ้างเหรอครับ

ผมก็ว่าถึงจะไม่ติดโทษ

 

แม้วก็ไม่น่าจะกลับมาอย่างถาวร

 

อาจจะไปๆมาๆ เพราะ โจทย์ก็ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน

 

อย่างน้อย คงต้องหาคนขับรถ ไว้ใจได้หน่อย

ผมขอเสนอชื่อคนนี้ครับ  ซึ่งประชาธิปไตยอย่างมาก นาย "สันติภาพ"