สันขวาน

 

เข้าใจท่านนายกค่ะ

 

 

จากเพจ  แถวนี้ไม่มีหญ้าให้ควายแดงแดก

ไปลากจูดี้มาทำงานด้านประชาสัมพันธ์

คิดจะพลิกดำเป็นขาวหรืออย่างไร

ปล่อยให้โจรใต้อัพคลิปลงยูทูบใส่ร้ายประเทศไทย เป็นครั้งที่3แล้ว

 

 

อ้าวววว..............ไหนว่าท่าน "จูดี้ อีเว้นท์" ลาออกจากตะกวด......ไปเป็นผู้ว่าฯ.....แล้วไม่ใช่ เหรอะ..............  

 

หรือว่าท่านมารับจ๊อบ......ช่วยงานดับไฟใต้ .............555+

เหนื่อยว่ะ  ไม่รู้มันงงอะไรกันหนักหนา  

อีกโพสต์ไปแล๊ว    คือข้าวที่เขาประมูลกันมันไม่ใช่ข้าวที่ปกติ  มันเป็นข้าวที่ถูกน้ำท่วม

เพราะฉะนั้นมันจึงมีข้าวที่ยังพอใช้การได้  และที่เสียหายเพราะถูกน้ำท่วมใช้ไม่ได้

ตอนที่เขาประมูลเขาก็ประมูลคละกันไป  จำนวน  200000  ตัน(ทั้งดีและเสีย)  โชควราลักษณ์ ได้ไป

ในราคา  5700  ต่อตัน  จำนวน  200000  ตัน

     แต่มันมีส่วนหนึ่ง(3500 ตัน)  ที่อยู่ในโกดังของ ทรัพย์ยืนยง  ๆ จึงขอซื้อต่อจาก  วราลักษณ์  ในราคา  12000 ต่อตัน

เพราะอาจจะเห็นว่ามีข้าวดีที่ใช้ได้ มากกว่าข้าวที่จมน้ำ(เพราะเป็นโกดังของเขาเอง  เขาคงรู้)

ส่วนที่เหลืออีก  196500 ตัน  วราลักษณ์  เขาก็ไปจัดการของเขา  คัดแยกที่เสียออก   ก็ยังไม่รู้ว่าใช้การได้เท่าไหร่ ทิ้งเท่าไหร่

ไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่าเขาประมูลมาได้  5700  ต่อตัน(คละทั้งดีและเสีย) ประเด็นมันก็มีเท่านี้แหละ   มันน่างงตรงไหน  เหนื่อยว่ะ

 

    ครับเหนื่อย แต่ที่เหนื่อยคือคนที่แย้งกับคุณ เพราะต้องหาข้อเท็จจริงมาแย้งกับคุณ ซึ่งใช้ข้อมูลยกเมฆมาแถก

 

   ใครโกหก

    *ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวก่อน รัฐบาลออกมาบอก ข้าวที่รับจำนำมาเก็บอย่างดี(ครบจำนวน ...อาจหายก็คือกระสอบที่หมอวรงค์โขมยมาเป็นหลักฐานกลางสภา) ไม่มีเน่าเสีย(จากน้ำท่วม) ในโกดัง จำนวนครบ ...เอหรือผมจำผิด

    *แต่คุณยืนยันหลายโพสท์ มีข้าวเสียจากน้ำท่วม 

 

     #155 K.Hentai ..."....แต่ที่สำคัญที่สุดมันเป็นข้าวลม  ไม่มีอยู่จริง เพราะโรงสีที่เก็บข้าวกองนี้ไว้ เอาข้าวเวียนออกไปขายก่อนแล้ว...."

 

    ใครมั่ว hentai(#155) หรือคุณ

    #29 ดอนยอ .."ฟังต่อจะได้เข้าใจ ไอ้ที่โรงสีโชควราลักษณ์  ประมุลได้(200000ตัน)  มันมีข้าวที่เก็บไว้ที่โกดังทรัพย์ยืนยงดว้ย  3500 ตัน

ซึ่งข้าวจำนวนนี้  จะกลายเป็นข้าวของโชควราลักษณ์(เพราะประมูลได้)  แต่ทรัพย์ยืนยงเห็นว่าข้าวในโกดังของตน(ซึ่งเป็นข้าวของวราลักษณ์)

มีข้าวดีมากกว่าข้าวเสีย  จึงขอซื้อต่อจากวราลักษณ์  ในราคา  12000 ต่อตัน  จำนวน  3500 ตัน  ราคารวมประมาณ  20 ล้าน(อันนี้แหละที่  วรงค์  มันเอาไปอภิปราย  ทำแบบลับๆล่อๆให้คนฟังเข้าใจผิด)  เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับข้าวอีก196500 ตันที่เหลือ  ที่วราลักษณ์  ประมูลได้  วรงค์เอาไปแหล เหมารวมหมด  เข้าใจหรือยัง"                       

    ** ตกลงโรงสีโชควราลักษณ์ ประมูลข้าวทั้งหมด2แสนตัน เป็นเงินเท่าไรครับ(K.Sudthorn #130 คำนวณได้1,860,000,000บ.)  ทำไมไม่มีใครพูดถึงยอดเงินนี้ แม้แต่คุณ พูดกันแค่เงิน 20ล้าน

   ** ผมฟังข่าวก่อนอภิปรายงบประมาณ นางโยกเคล็ด ออกข่าวว่าขายข้าว G2G ได้อีกแล้ว จะขายได้เท่าไร ข้าวในสต็อคมีเท่าไร เพราะโชควราลักษณ์ เอาไป2แสนตัน แล้ว ...หรือเอาข้าวจากขอมที่ทะลักเข้ามาจำนำ ไปขาย

  ....คุณเข้าใจหรือยัง ใครแหล

 

     ต้นเรื่องที่คุยกันเกิดจากหมอวรงค์ที่พูดแค่3,500ตัน ประมูลตันละ 5,700บาท ......ซึ่งผมคิด(อาจตรงกับอีกหลายคน ถ้ารบ. ไม่สุดโง่ ก็ code โกง)

    เหตุ ที่ทำให้ถกกันยาว เพราะคุณพยายามเอาเรื่องจำนวน2แสนตันมาคุย ว่าที่ประมูลถูกๆเพื่อให้พ่อค้าเอาไปถัวกับอีกแสนเก้าหมื่นกว่าตัน ที่อาจเป็นข้าวเสียมากกว่าผสมกับข้าวดี รัฐเลยยอมขายถูกๆๆๆๆๆให้พ่อค้า เกรงว่าเก๋าเจี๊ยะจะลดลง พ่อค้าจะเจ๊ง ...ทั้งที่มันไม่เกี่ยวกันกับที่หมอวรงค์พูด 

 

    คุยกันเรื่องข้าว3,500ตัน ประมูลตันละ5,700บาท รวม20ล้าน (3500x5700=19,950,000บาท) ไม่เกี่ยวกับอีกกว่าแสนเก้าหมื่นตันที่เหลือ 

    หรือคุณคิดว่าถ้าประมูลส่วนที่เหลือข้างต้น ผู้ประมูลรายนี้จะประมูลได้อีก??? คือคุณเชื่อว่าประมูลกี่ครั้งเจ้านี้ก็จะได้ทุกครั้ง

 

     มีผู้ถามคุณ กรณีคุณอ้างข้าว2แสนตัน แต่เงิน20ล้าน ตกตันละ100บ. คุณไม่ตอบหรืออ้างถึงโพสท์นี้เลย แต่ยังอ้างถึง2แสนตันเป็นข้าวดี-ไม่ดี ปะปนกัน ทำให้เกิดประมูลตันละ 5,700บ.  ผมไม่รู้ว่าคุณเอามาโยงกันได้ยังไง 

 

   ถ้ารัฐปล่อยประมูล ตันละ100บ. ผมจะขอแบ่งสัก0.5ตัน(500บ.) เพราะถูกกว่าข้าวที่ผมซื้อมาหุงให้หมา2ตัวที่บ้านกินอีก จะลองดูว่าข้าวถูกๆจากรัฐ พอไอ้2ตัวกินแล้วมันจะยังซื่อสัตย์เหมือนเดิมไหม ถ้ามันยังซื่อสัตย์ ผมจะซื้อเพิ่มอีกสัก10ตัน สีไปแจกคนบางกลุ่ม/บางคน กิน มันจะได้ซื่อสัตย์ขึ้นมาบ้าง

ผมเคยคุยกับเสื้อแดงบางคนครับไม่ถึงกับกลับใจ แต่ก็ทำให้ได้คิดครับ จนตอนนี้เลิกบูชาเสื้อแแดงไปแล้ว

 

ต้องใช้เวลาและข้อมูลต้องแน่นหน่อยครับ เพราะพวกชอบถามอะไรไปเรื่องอื่นตลอด เหมือนกับรับไม่ได้ที่ไม่รู้ว่าถูกหลอก

บางทีเวลาที่เนิ่นนานเกินไปจะพาฉิบหายกันหมดนะครับ ผมไม่ได้หัวรุนแรงไม่ได้อยากให้ประเทศแตกแยก พวกเสื้อแดงก็เป็นคนไทยที่ดันเกิดมาร่วมประเทศเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน ก็คือเพื่อนร่วมประเทศเดียวกัน แต่ต่างความคิด ความเชื่อในทางการเมือง เปรียบได้กับคนเป็นเพื่อนกัน แฟนกัน พอความเห็นต่างกันเมื่อถึงเวลานึงก็ต้องแยกทางกัน ต่างคนต่างไป ทางใครทางมัน วิธีเดียวที่จะทำพิสูจน์ว่าความเชื่อของฝ่ายไหนดีกว่ากันคือ แยกกันปกครองแยกกันบริหาร ไม่งั้นเสื้อแดงก็ยังงมงายว่าใข่แพง น้ำมันแพงเพราะรัฐประหาร จำนำข้าวดีกว่าประกันรายได้ รถไฟความเร็วสูงสายเชียงใหม่สำคัญกว่าสาย หนองคาย-ปาดังเบซาร์ ในสภาพูดกันให้ตาย สส เสื้อแดงก็ยังยกมือประท้วงเวลาพูดถึงเรื่องจำนำข้าว พรบ.การออมแห่งชาติก็ไม่เริ่มซะที คนใต้ไม่ได้รับการดูแล เพราะไม่ใช่ฐานเสียง ฯลฯ มันไม่มีรูปธรรมให้เห็นว่าความคิดทางการเมืองแบบไหนจะนำพาประเทศไปในทางที่ดีได้มากกว่ากัน ประชาชนกลุ่มไหนเสียภาษีเพื่อส่วนรวมมากกว่ากัน ประชาชนกลุ่มไหนผลาญเงินภาษีของชาติมากกว่ากัน มันเห็นกันไม่ชัด เสื้อแดงอ้างเสียงข้างมาก15ล้านเสียงชนะการเลือกตั้งแล้วจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านนี้เมืองนี้ พวกที่เหลือใครจะไปยอม ถ้าดูผลการเลือกตั้งในแผนที่ประเทศไทย เสียงพวกเสื้อแดงข้างมากจะอยู่ในเหนือ อิสาน และกลางบางส่วนเท่านั้น ส่วนที่เหลือ ตะวันออก กลางบางส่วน ภาคใต้ทั้งหมด เสียงข้างมากเค้าไม่ใช่พวกเสื้อแดงนะ ผมว่าน่าลองแยกกันบริหารนะ เอาภาษีที่เก็บได้ในเขตของส่วนข้างมากแต่ละฝ่าย มาบริหารกันดูว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน มันจะได้เห็นกันเป็นรูปธรรม จับต้องได้ วัดกันได้ว่าเขตไหนจะนำพาไปในทางที่ดีมากกว่ากัน ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่ากัน  

ในกระทู้นี้ ดูเหมือนมี 2 ประเด็น ซึ่งควรแยกออกจากกัน

 

ประเด็นแรก ก็คือคำถามของเจ้าของกระทู้ ในเรื่อง

ถ้ารู้อยู่เต็มอกว่ารัฐบาลนี้คอรัปชั่นมหาศาล ยังทนได้อีกเหรอ....หรือจะรอให้ประเทศพังไปก่อน

อันนี้เจ้าของกระทู้ตั้งคำถามคนเสื้อแดง

 

คนเสื้อแดงเลยเปิดประเด็นที่สอง คือ รัฐบาลนี้ไม่ได้โกง โดยเน้นไปที่โครงการจำนำข้าว

บอกว่ารัฐบาลไม่ได้โกง  โรงสีโกง  ประเด็นนี้มาทีหลัง และควรทำความจริงให้กระจ่าง

ตอนนี้ ปปช. ก็เริ่มตามเก็บข้อมูลแล้ว อีกไม่ช้าต้องได้คนโกงออกมาแน่นอน

เพราะมันข้อมูลหลายอย่างที่เป็นหลักฐานชัดเจน

 

 

ผมไม่ใช่คนเสื้อแดง และไม่ได้เป็นกลาง แต่อยากตอบประเด็นแรกอ่ะครับ

ประเด็นที่สอง ไว้มีคนตั้งกระทู้เรื่องจำนำข้าว ค่อยเข้าไปคุยอีกทีว่าจริงหรือไม่จริงอย่างไร

 

 

กับประเด็นแรก อยากแสดงความคิดเห็นว่า

 

หลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่พรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้ง ทักษิณเป็นนายก

จนเกิดความขัดแย้งต่างๆ ตามที่เราได้เห็นกันมา

สิ่งที่ขัดแย้งกันคืออะไรกันแน่  เป็นเรื่องของอุดมการณ์ทางการเมือง ? หรือ เป็นความแตกต่างตามธรรมชาติของบุคคล(คนดีกับคนเลว)?

ทุกวันนี้ หลายคนก็ยังไม่แน่ใจว่า พื้นฐานที่แท้จริงของความขัดแย้งคืออะไรกันแน่

 

หลายคนเชื่อว่า เป็นความขัดแย้งระหว่าง หัวก้าวหน้า ทุนนิยม  กับ  หัวอนุรักษ์นิยม

บางคนก็ว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างบุคคลชั้นสูง พวกประชาชนโดนลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

บางคนถึงขนาดพูดว่า  เป็นการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว

แต่เกือบทุกคนมองไม่เห็นทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ และไม่สามารถทำนายว่า จะจบลงอย่างไร

 

ย้อนกลับไปยังคำถามที่ว่า

ถ้ารู้อยู่เต็มอกว่ารัฐบาลนี้คอรัปชั่นมหาศาล ยังทนได้อีกเหรอ....หรือจะรอให้ประเทศพังไปก่อน

 

ถ้าเราเป็นผู้โดยสารรถที่กำลังจะวิ่งตกเหว แน่นอนครับ เราคงไม่ทนนั่งรอความตายแน่ เราคงจะต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อแก้สถานการณ์

 

ปัญหาคือ วิธีการแก้สถานการณ์นั่นต่างหาก ที่เป็นโจทย์ยากมาก

 

รัฐบาลคอรัปชั่นมหาศาล เราควรส่งหลักฐานให้ ปปช. หรือ จะออกไปเดินขบวนขับไล่รัฐบาลดี

 

ถ้าองค์กรอิสระของเราทำงานไม่ได้  เราจะเรียกฝ่ายความมั่นคงออกมาแก้สถานการณ์ดีไหม

 

หลายปีที่ผ่านมา  เราก็ได้ทำทุกอย่าง ตามที่ผมได้เขียนมาแล้ว แต่ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น

 

ส่วนตัว  ผมคิดว่า การรัฐประหาร และการเดินขบวน ไม่ใช่คำตอบแน่นอน

 

เราควรบังคับใช้กฏหมาย  ให้กฏหมายทำหน้าที่ในทางที่ควรจะเป็น

 

รัฐบาลที่คอรัปชั่น ก็ต้องให้ ปปช.และศาลตัดสินลงโทษจำคุกยึดทรัพย์ นั่นคือแนวทางที่ถูกต้อง

 

เป็นแนวทางที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด  แต่ เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นแล้ว

 

เพราะฝ่ายคนโกง ได้พัฒนาความคิดการต่อสู้ไปไกลกว่าการติดสินบนเจ้าพนักงาน

 

เขาพัฒนาไปถึงขึ้นการออกแบบระบบการปกครองใหม่ ซึ่งเป็นระบบที่เขาควบคุมได้

 

เขาไม่เล่นไปตามกติกาเดิมที่เคยตกลงกันในปี40

 

ผมจึงสรุปว่า  ไม่มีทางออกของปัญหานี้ เพราะแต่ละฝ่ายก็มีความคิดล้ำเส้นเกินไป

 

มีตัวอย่้างในอดีตในต่างประเทศมากมายที่ลงเอยด้วยความรุนแรง  ราบพนาสูญก่อนแล้วค่อยฟื้นฟู

 

แต่ก็ไม่แน่ อาจไม่เป็นไปตามที่ผมคิดก็ได้  พรหมลิขิต หรือ อะไรที่เหนือธรรมชาติ

 

อาจทำให้เกิดสถานการณ์พิเศษ จนทำให้คนในชาติ หันมาสามัคคีกันเหมือนเดิมก็ได้

 

ส่วนตัวผมเอง จะสู้ด้วยการให้ข้อมูลที่เ็ป็นจริงกับคนรู้จัก แล้วก็คอยดูว่า ผลการเลือกตั้งจะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่

 

การสู้รูปแบบอื่น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมจะไม่ร่วม ผมคงเพียงแต่ติดตามสถานการณ์เท่านั้นครับ

>๑. พิมพ์ผิด  เป็นพันล้าน.......ล้างผลาญ กันเสียหาย

.....ผิดมี  อีกมากมาย..............วอดวาย  หลายรายการ

 

>๒.รัฐสภา  สารพัด................พิบัติ  บรรณสาร

.....อัตตา  กล้าประจาน...........พวกพาล  เพียงพาที

 

>๓.เท็จถ้อย  บ่อยบ่อยบอก.......กลับกลอก วอกผีผี

.....เบื่อหน้า  หน้ากาลี...............เอาดี  ดีดับดวง

 

>๔.ง่ายง่าย  ร่ายเพ้อพจน์.........โป้ปด  ปานปวดป่วง

.....ย่อยยับ เล่นลับลวง...............บำบวง  ปวงปอบโซ

 

>๕.นี่ฤๅ  รัฐสภา......................นิจจา  น่าโมโห

.....ด้านดื้อ  ถือใหญ่โต.............อภิโธ่  ทุรชน......ฯะ

 

 

>>>>>>>>>>>พระฤๅษี<<<<<<<<<<<<

 

........................๓๑//๕//๕๖.........( กลอน ๕) 

>> ก๊ากกกก  กั๊กกก...๕๕๕๕๕  อ่านไป ขำไป  ตะละคนเนาะ

..เจริญพร..ไอ้คกกัน ...ตะละแบบ..๕๕๕๕  ขำมากกกกกกก

.. ถ้าไอ้คกมันมาอ่าน..มันคงหัวใจวายแน่ ๆ จะ(สาป แช่ง) กัน

..ไป ถึงไหน...โทษทัณฑ์ ของมัน มันยังไม่สิ้นอายุ....มันต้อง-

..พิการ..นอนจม กองมูตรคูถไปนับปี..เมียก็ลี้หนีหน้า.เงิน

..ที่รับจ้างทำชั่วช้า..ก็ถูกนารีพาหนีหมด.อดๆอยากๆปากก็เน่า

..เหม็นเหมือน..ซากอศุภ....แล..........

 

>>> เวรกรรม ซ้ำไอ้คก...........ลงนรก  อเวจี

......โทษทัณฑ์ มันกาลี............เลวระราน กับบ้านเมือง......ฯลฯ

 

 

>>>>> พญายม....๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

ตระกูลไหน ช่างจัน ไร.....................คิดเฉไฉ โกงคลังหลวง

 

เป็นของไทยทั้งปวง...................ที่องค์หลวงตาเพียรหามา

 

 

ตระกูลไหนช่างชั่วช้า......................คิดจะมา ชุบมือเปิบ

 

ชั่วช้า มาทำกำเริบ..........................คิดจะเปิบ ท้องพระคลัง

 

 

หลวงตาบัวท่านเมตตา.................ทำผ้าป่า มาช่วยชาติ

 

ท่านเหนื่อยสายตัวแทบขาด.............ทำเพื่อชาติ ให้ปลอดภัย

 

 

ท่านหวังเพียงชาติรอด.....................ไปตลอดจนลูกหลาน

 

ไม่ให้ มีภัยพาล...............................มาล้างผลาญ คลังแผ่นดิน

 

 

แต่ชาติมี เวรกรรม.........................มีผู้นำ แสน จัน ไร

 

คิดผลาญงบคลังใช้........................ทำไปได้ ไอ้พวร เวร

 

 

หลวงตาเป็นคนหา........................ไอ้ชาติ หมา ขโมยไปใช้

 

เรื่องนี้เป็นไปได้.............................เมื่ออยู่ใน ยุค "อีปู"

 

ความปรากฏค่อนข้างชัดว่า ปาฐกถาที่อูลันบาตอ มองโกเลียนั้น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำกับเนื้อหาเองทุกช็อต ทั้งเธอและขี้ข้าก็มิได้ปฏิเสธประเด็นนี้เลย และมิได้โต้แย้งใน “ความเท็จ” ที่ถูกจับได้สารพัด ในบทปาฐกถาของเธอ แต่ไพล่ไปใช้ประเด็น “ดูถูกเพศแม่-รังแกผู้หญิง” มากลบเกลื่อนแทน ผมคิดว่า ยิ่งลักษณ์หงายไพ่ของเธอออกมาอ้าซ่า เปิดเผย “ธาตุแท้” ของเธอออกมา ผ่านบทพูดที่เธอกำกับเนื้อหาเองครั้งนี้ ที่ทำให้คนทั้งโลกรู้เช่นเห็นชาติว่า เธอเป็นคนจำพวก “พูดความจริงครึ่งๆ กลางๆ” เพื่อหาประโยชน์ให้แก่ครอบครัว โดยไม่คำนึงถึงประเทศชาติ

 

“ทุกคำกล่าวของนายกฯ ไม่ใช่เฉพาะที่มองโกเลีย ล้วนแต่เป็นความคิดของท่าน นายกฯเป็นคนทำงานละเอียด จะพูดอะไรถือว่าเป็นคำพูดของท่าน แนวคิดก็ต้องเป็นของท่าน ดังนั้นทุกคำกล่าวนายกฯจะดูเองทั้งหมด” นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เปิดเผยกับข่าวสดออนไลน์...

 

ขณะที่ “เนชั่นสุดสัปดาห์” ให้ข้อมูลว่า “แหล่งข่าวระดับสูงที่ร่วมเดินทางไปกับคณะนายกฯที่มองโกเลีย เปิดเผยกับสำนักข่าวเนชั่นว่า... ก่อนหน้านี้เนื้อหาไม่ใช่แบบนี้ เพราะก่อนเดินทางจะมีการประชุมเตรียมการก่อนไปเยือน และกระทรวงการต่างประเทศได้รับมอบหมายในการจัดทำร่างปาฐกถาของนายกฯ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้สอบถามนายกฯว่าจะพูดเรื่องอะไร โดยนายกฯบอกว่าจะพูดเรื่องประชาธิปไตยในไทยและเรื่องการศึกษา ซึ่งนายกฯก็พูดแค่นั้น และหลังจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศก็ส่งร่างปาฐกถามาที่ตึกไทยคู่ฟ้าจำนวนเนื้อหาประมาณ 6-7 หน้าเอสี่ และหลังจากนั้นคณะทำงานด้านการจัดทำสคริปให้นายกฯ นำโดยนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็มีการปรับเนื้อหาให้กระชับขึ้นแล้วส่งให้นายกฯดู

 

“จนมาถึงวันที่ 27 เม.ย. วันเดินทางเนื้อหาในปาฐกถาก็ยังไม่นิ่งเห็นว่านายกฯคุยกับคณะทำงานและนายสุรนันทน์บนเครื่องบินระหว่างบินไปมองโกเลีย นายกฯบอกให้แก้ไข อยากให้พูดให้เขียนให้ชัดเจน ตรงๆ ไปเลย ใส่ชื่อพี่ชายคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไปเลย รวมทั้งอยากให้พูดถึงคนที่ติดคุกจำนวนมากด้วยซ้ำแต่ก็ถูกตัดออก ระหว่างการเดินทาง 5 ชั่วโมงบนเครื่องบินมีการแก้ไข แล้วก็ปรินท์ด้วยเครื่องปรินท์ไร้สาย (Portable) ปรินท์แล้วก็แก้ ปรินท์แล้วก็แก้ในที่สุดจนได้เนื้อหาตามที่นายกฯต้องการ คือไม่ใช่ภาษาทางการทูตและภาษาที่สวยงามของกระทรวงการต่างประเทศ” แหล่งข่าวกล่าว

 

ส่วนการส่งข่าวกลับมาที่ประเทศไทยนั้น แหล่งข่าวเล่าว่า ทีมงานของนายกฯได้ร่างเป็นภาษาอังกฤษแล้วมอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ทั้งนี้นายกฯมีคิวขึ้นพูดในเวลา 8.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่มองโกเลีย แต่ที่ไทยคือ 7.30 น. จึงสั่งให้ทีมงานส่งเข้าอีเมล์ประจำตัวของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล อีเมล์ของสำนักข่าวสำนักต่างๆ ก่อนที่จะมีการยิงขึ้นเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล 30 นาที เพราะหวังว่าผู้สื่อข่าวจะเห็นข่าวก่อนแล้วก็ยิงข่าวขึ้นเว็บและรายงานข่าว โดยนายกฯย้ำว่าไม่ต้องแก้ไขให้เป็นภาษาข่าว ขอให้พูดอย่างไรก็ส่งไปตามนั้น แต่ปรากฏว่าส่งอีเมล์เร็วเกินไปทำให้ผู้สื่อข่าวยังอาจจะไม่ตื่นมาเช็คอีเมล์ เพราะเห็นข่าวออกอีกทีก็ช่วงสายๆ...

 

“เมื่อนายกฯปาฐกถาจบ พอลงจากเวทีก็ถามทีมงานว่าที่ไทยมีข่าวอัพหรือยัง พอนายกฯรู้ว่ามีข่าวขึ้นแล้วก็ยิ้มและดีใจ แล้วก็สอบถามว่าเขาพาดหัวในเว็บกันยังไงบ้าง ด้วยสีหน้าท่าทางที่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ”

 

ดังนั้น เมื่อเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึง “ความไม่ตรงไปตรงมา เสมือนด่าประเทศชาติตัวเอง” และโดยเฉพาะข้อเขียนของ “ชัย ราชวัตร” ในเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า “โปรดเข้าใจ กะหรี่ไม่ใช่หญิงคนชั่ว กะหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ” โดยมีรูปยิ่งลักษณ์ประกอบ จนยิ่งลักษณ์ต้องส่งทนายไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา ดูหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์  กลับไม่มีการกล่าวถึงเนื้อหาอันเป็นเท็จของปาฐกถาที่ถูกยิ่งลักษณ์บิดเบือนใส่ร้ายประเทศไทยเลย

 

หนำซ้ำ ยิ่งลักษณ์ยังยืนยันถึงสิ่งที่พูดว่าเป็นทั้ง “ความจริง”และ “อุทาหรณ์” ทั้งในรายการนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินหรือไม่หลังจากไปพูดในเวทีประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลีย เป็นผลบวกหรือผลลบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าการไปชี้แจงนั้นพูดตามความจริง อยากให้เป็นอุทาหรณ์ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ถ้าฟังดีๆ ไม่มีเจตนาใดๆ เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาประเทศเราเสียหายไปเยอะ น่าจะมาร่วมในการช่วยกันแก้ไขปัญหาให้เดินหน้าต่อไป

 

“ดิฉันยืนยันทุกอย่างถ้าเป็นความจริง ทุกอย่างก็คือความจริง ก็เรียนว่าความจริงคือความจริง แต่ถ้าเราเอาความจริงนั้นมาเป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ดิฉันว่าน่าจะดีกว่าการที่เราหลีกเลี่ยงความเป็นจริง”

 

เมื่อวันที่ 7 พ.ค. เฟซบุ๊ค “สายตรงภาคสนาม” จึงได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นต่อปาฐกถาของยิ่งลักษณ์ โดยหยิบยก “ความจริง” ที่ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้พูดไว้ในปาฐกถามาแสดงต่อสาธารณชน โดยได้หยิบยกส่วนหนึ่งของปาฐกถามาอ้างอิงคำพูดของยิ่งลักษณ์ว่า “แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งถึงสองครั้งสองหนด้วยเสียงส่วนใหญ่ถูกล้มลงในปี 2006 ประเทศไทยเสมือนรถไฟตกรางและประชาชนคนไทยใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่า ที่จะได้เสรีภาพแห่งประชาธิปไตยกลับคืนมา หลายคนที่อยู่ในที่ประชุมแห่งนี้รู้ว่ารัฐบาลที่ดิฉันพูดถึงคือรัฐบาลที่พี่ชายของดิฉัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”

 

 

จากนั้นได้ชี้ประเด็น “ความจริงที่ยิ่งลักษณ์ไม่ได้พูด” ออกมาเป็นข้อๆ ว่า

 

1. ชัยชนะที่ทำให้ ทักษิณ ได้เสียงข้างมาก ไม่ได้มาโดยสุจริตแต่ใช้ช่องว่าง รธน. 40 ควบรวมพรรคการเมือง ซื้อ สส.เข้าพรรค ด้วยตัวเลขสูงถึงรายละ 50 ล้านบาท

 

2. รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่ได้โค่นอำนาจทักษิณเพราะในขณะนั้นเป็นเพียงแค่รักษาการนายกฯ ประเทศไทยอยู่ระหว่างรอการเลือกตั้งครั้งใหม่ หลังการเลือกตั้ง 2 เม.ย. 2549 เป็นโมฆะ

 

3. ทักษิณ แทรกแซง กกต. มีหลักฐานจากคำพูดของเสนาะ เทียนทอง อ้างถึงคำพูดทักษิณไว้ว่า “จะกลัวอะไรพี่เหนาะ กกต.ก็ของเรา”

 

4. กกต. ยุคทักษิณเรืองอำนาจ ถูกเรียกว่า สามหนาห้าห่วงถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา ตัดสิทธิการเมือง 10 ปี ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ช่วยเหลือพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้ง 2 เม.ย. 2549

 

5. ศาล รธน.ตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย เพราะจ้างพรรคเล็กลงสมัคร เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยย่างร้ายแรง กระทบความมั่นคงแห่งรัฐ” ประเด็นนี้ ผมเองได้เขียนลงเฟซบุ๊ค ร่วมไปกับการที่หลานโอ๊คและขี้ข้าบริวารของยิ่งลักษณ์ แถไปสร้างกระแส “ดูถูกเพศแม่-รังแกผู้หญิง” มากลบเกลื่อนความปลิ้นปล้อนของปาฐกถาว่า...

 

“อาปูกะหนูโอ๊คกี้ และขี้ข้าบุรุษสตรีทั้งหลายครับ

 

1. หยุดอ้างเรื่องการ “ดูถูกเพศแม่” เสียทีเถิดครับน่ารำคาญ และไม่สะท้อนความมีปัญญาด้วย คนเขารู้สึกติดลบที่นายกรัฐมนตรีของประเทศ ไปโป้ปดกับต่างประเทศ ด่าว่าบ้านเมืองของตัวเองว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้าบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย แล้ว “ยิ่งลักษณ์” มานั่งหน้าหนาเป็นนายกรัฐมนตรีทำอะไรอยู่ล่ะครับ ก็มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยนั้นแท้ๆ

 

2. ดูตัวอย่างหลายพรรคการเมือง ที่ตอนทักษิณ (พี่คุณปูกับพ่อคุณโอ๊ค) ยุบสภา แล้วตกลงกับ กกต. ชุดสามหนาห้าห่วงจัดการเลือกตั้งใน 30 วัน นั่นดูมั่ง เมื่อเขารู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตย เขาก็ไม่ลงเลือกตั้งด้วย จนต้องไปจ้างพรรคเล็กมาลงสมัครแข่งกัน เพื่อเลี่ยงกติกาว่า ถ้ามีผู้สมัครรายเดียวต้องได้คะแนนเกิน 20% จนถูกยุบพรรคไทยรักไทย ท่านนายกฯ เพศแม่ของพวกคุณ ก็ไปพูดครึ่งๆ กลางๆ ที่มองโกเลีย ว่าพรรคถูกยุบ เพราะกติกาไม่เป็นประชาธิปไตย ขอโทษนะ เขายุบพรรคพี่เธอ เพราะทำผิดกติกาประชาธิปไตยต่างหาก และพรรคอื่นๆ เขาก็ยอมเสียโอกาส ไม่ลงเลือกตั้งเพื่อประท้วง แต่พรรคเพื่อไทยไม่เห็นประท้วงด้วยการไม่ลงเลือกตั้งบ้างเลย

 

3. เช่นเดียวกับการยุบพรรคพลังประชาชน เพราะยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแทนที่จะด่าไอ้ยงยุทธ กลับมาด่ากติกา มาโทษรัฐธรรมนูญ ถามหน่อยเถอะ(อยากรู้จริงๆ) ทั้งโคตรทั้งตระกูล ไม่ได้สอนให้ชื่นชมการ “ทำตามกติกา”กันมาบ้างเหรอ พอกติกาทำให้เสียประโยชน์ จึงทำหน้าหนามาโทษว่ากติกาไม่เป็นประชาธิปไตยกันแบบนี้ อธิบายมาหน่อยซิ คนอื่นเขางงนะ

 

4. ใช่ อาปูของเธอเป็นผู้หญิง แต่คนเขาไม่ได้ตำหนิความเป็นผู้หญิงของอาเธอนี่โอ๊ค ถ้าเขารุมด่าว่าอาเธอไปแย่งผัวหมออ้อม(นามสมมุติ) มีพฤติกรรมสำส่อน ทอดสะพาน หนีงานเข้าโรงแรมกับผู้ชาย อันนั้นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างนั้นค่อยมากรี๊ดๆๆๆๆ ว่ารังแกผู้หญิงดูถูกเพศแม่ ไม่จริ๊ง ไม่จริง อาฉันไม่เคยแย่งผัวใคร อาฉันเป็นกุลสตรีเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ แต่นี่ไม่ใช่ครับ ไม่มีใครพูดเรื่องที่ผมยกตัวอย่างหรือสมมุติขึ้นมาเลย เขาถามว่า ควรแล้วหรือ ที่นายกฯ ไปปาฐกถาด่าชาติตัวเอง แถมด่าด้วยความเท็จ เช่นนี้แล้ว จะถือเป็นพฤติกรรม“ขายชาติ” หรือไม่ หรือจะให้คนเขาบอกว่าทำเช่นนี้เรียกว่า “รักชาติ?”

 

5. ตอนอาเธอ ส่งตาหวานให้โอบามา จนสื่อระดับโลกหลายประเทศเอาไปพาดหัวข่าวว่า มีการตกหลุมรัก มีการทอดสะพาน (Flirt) บางประเทศทำเป็นแอนิเมชั่นออกมาดูถูกอาเธอ ดูถูกหญิงไทย ไม่เห็นเธอกับขี้ข้าบริวารในพรรคพ่อเธอทั้งหลายออกมากรี๊ดเลยนี่ ไม่เห็นดำเนินการทางกฎหมายเลยนี่ อย่างนี้ 2 มาตรฐาน เลือกปฏิบัติหรือเปล่า

 

6. สุดท้าย ขอย้ำในหลักการว่า ทุกวันนี้ ชายหญิงมีความเสมอภาคกันหมดแล้ว และความเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีความเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มีแต่ความเป็นผู้นำ มีแต่การกระทำที่ถูกหรือผิดชั่วหรือดี อย่าใช้ “โยนี” เป็นที่หลบภัย ที่มีอะไรก็อ้างแต่คำว่า “ดูถูกเพศแม่” เพราะสำหรับคนอื่นๆ ยิ่งลักษณ์ไม่ใช่แม่ของเขา และแม่เขาไม่ทำสิ่งที่น่าตำหนิ เช่น ยิ่งลักษณ์ แม้ยิ่งลักษณ์จะเพศเดียวกับแม่เขา แต่เขาต่างก็มีปัญญา รู้กันดีว่า ผู้หญิงหรือเพศหญิงนั้น มีทั้งชั่วและดี มีทั้งกุลสตรีและหญิงสำส่อน ผู้หญิงดีๆ เวลามีคำวิพากษ์วิจารณ์อะไร เขาก็จะชี้แจงกลับไปด้วยเหตุผลที่สะท้อนความมีปัญญา ไม่มีใครวิ่งไปหลบหน้า อยู่หลังคำว่า “เพศหญิง” หรอก และเครื่องเพศของสตรีมิใช่เครื่องซักผ้า ที่จะนำมาซักฟอกให้การกระทำชั่วหรือผิดหายไปจนสะอาดโอโม่!!

 

7. ผู้หญิงดีๆ ทั่วไป ไม่ใช้ความเป็นเพศมา “กลบเกลื่อน”การกระทำของตนอย่างขี้ขลาด และที่ร้ายแรงกว่านั้น คือ ผู้ชายที่เอาความเป็นเพศของผู้หญิงมาแห่แหน กลบเกลื่อน “การกระทำที่ถูกวิจารณ์” นั้น แสนจะสุ่มเสี่ยง เพราะอาจจะถูกคนเขาด่า ว่า “ไอ้หน้าเครื่องเพศ” เอาก็ได้ ระวังหน่อยนะ อิอิ ^^”

 

กรณี “ชัย ราชวัตร” ที่เขียนข้อความโดนใจ  เราคนไทยควรให้กำลังใจ แต่ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ที่ยิ่งลักษณ์ใช้สิทธิแจ้งความดำเนินคดี ด้วยคิดว่าข้อความของชัยทำให้ตนเสียหาย อย่าไปโกรธแค้นเธอในประเด็นนี้ ลองจินตนาการดูสิครับ เมื่อเรื่องนี้เข้าสู่การไต่สวนในศาล คงสนุกน่าดูเลย เพราะต้องพิสูจน์กันว่า อะไรคือกะหรี่ อะไรเลวกว่ากะหรี่ กะหรี่เร่ขายตัวจริงไหม ยิ่งลักษณ์เป็นกะหรี่หรือไม่ แล้วใครคือหญิงคนชั่ว สิ่งที่เธอกระทำ เข้าข่ายเร่ขายชาติหรือไม่ หูย...อยากฟังการสู้คดีมาก อิอิ...

 

... ถ้าผมมีโอกาสเป็นพยานฝ่ายโจทก์ ผมจะยืนยันกับศาลว่า เจ๊ปูว์ไม่ใช่กะหรี่อย่างแน่นอน เพราะกะหรี่ ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งโดยรัฐธรรมนูญที่ถูกด่าอยู่ตลอดเวลาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย!!...

 

... แต่ถ้าต้องเป็นพยานฝ่ายจำเลย ผมก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะวิเคราะห์ต่อศาล ในฐานะที่เป็นนักอักษรศาสตร์ ว่าเนื้อหาในปาฐกถาของยิ่งลักษณ์มีลักษณะที่บ่งชี้ว่าเธอคนนี้ใส่ร้ายประเทศชาติด้วยความเท็จ ที่ทำให้คนกังขาว่าเธอ “ขายชาติ” หรือไม่ อย่างไร ศาลนัดวันไหน ใส่ชื่อผมเป็นพยานในส่วนนี้ได้เลยครับ พี่ชัย ราชวัตร!!...

 

http://www.naewna.co.../columnist/6564

ผิดครับ

นี่เป็นความรอบคอบของกระทรวงศึกษาธิการโดยแท้

ที่คนอย่างพวกคุณ ไม่มีวันจะเข้าใจ

 

ราคาที่แพงขึ้นอีกเท่าตัวกว่าๆ นั้น

เป็นงบประมาณสำหรับรถสำรองพร้อมคนขับอีก 1 คัน และ 1 คนต่างหาก

เผื่อรถเสียกลางทาง รถสำรองที่ตามประกบ จะสามารถเปลี่ยนมาใช้แทนคันนั้นได้ทันที

โดยที่แทบไม่เสียเวลาในการเดินทางไปเล่าเรียนของเด็กๆ

ดังนั้น การจัดซื้อรถ ที่เบิกจ่ายไปจำนวน 1000 คันนั้น

แท้จริง จะได้รถจำนวน 2000 คัน และคนขับอีก 1 พันคน

 

นี่เป็นความรอบคอบอย่างที่จะหากระทรวงศึกษาประเทศใดในโลกคิดได้

มันหายไปไหน ล้าน กว่า ๆ อ่ะ

 

ขนาด commuter ยัง ราคา 1258000 เอง แต่ตั้งงบคันละ 2300000

แมงสาบหยุมหยิมอีกแระ อีกล้านกว่าๆ เป็นค่าทำเบาะใหม่ ติดระบบโฮมเธียเตอร์ ติดระบบรับดาวเทียม ระหว่างการเดินทาง ขรก. กระทรวงศึกษา หรือนักเรียนที่ใช้บริการ จะได้ผ่อนคลาย ชอบค้านทุกเรื่องจุงเบย  

เมื่อคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรของกระทรวงการคลัง

ทำการสรุปโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลขาดทุนไป 2.06 แสนล้านบาท

เมื่อรวมค่าบริหารจัดการจัดเก็บของกระทรวงพาณิชย์อีก 3.3 หมื่นล้านบาท

ค่าเสื่อมราคาของข้าวที่เก็บไว้อีกประมาณราวๆ 2 หมื่นล้าน

รวมขาดทุนประมาณ 2.6 แสนล้านบาท

นี่คือโครงการที่ไม่ก่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ มีแต่ผลาญงบ ทำให้ประเทศเสียหาย

แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือความมัวเมาในอำนาจทางการเมือง ของบรรดาผู้มีอำนาจ

จึงปรากฎแผนคิดจะ "ฆ่าปิดปาก" รองปลัดกระทรวงการคลัง "สุภา ปิยะจิตติ"

ในฐานะประธานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร

โดย "ปลด" ออกจากตำแหน่ง

เหตุผลคือ สรุปตัวเลขที่ฝ่ายการเมืองรับไม่ได้ ถึงมันจะเรื่องจริงก็ตาม

ความจริงที่ไม่มีใครกล้าพูดนอกจากฝ่ายค้าน

คือโครงการรับจำนำข้าว เป็นการยักยอกเงินแผ่นดินอันมหาศาลอย่างแยบยล และ ชั่วช้าที่สุด

ขาดทุนกว่า 2 แสนล้าน จากเงินภาษี ย้ายไปสู่กระเป๋าผู้อำนาจอย่างทั่วถึง

ทั้งทุจริตโรงสี โกดังเก็บข้าว ทั้งโกงจากข้าวรัฐบาล รวมถึงขั้นตอนการทุบราคาของผู้ส่งออก ฯลฯ

นี่คือการโกงแบบบูรณาการเบ็ดเสร็จเท่าที่เคยมีมา ส่วนชาวนาไม่ได้อะไรเลยนอกจาก

โดน "กดราคา" นี่คือความเสียหายจากแนวนโยบาย "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ"

ของรัฐบาลชุดนี้ มันคือความบัด ซบ ที่คิดจะฆ่าปิดปาก ใครก็ตามที่จะมีข้อมูลเอาผิดผู้มีอำนาจ

ต้องเซ็คเรื่องเวลาครับ

ว่ามันหายไป หรือมันงอกมาเพิ่ม ตอนมีเรื่อง

 >>> ทั่น ปราทาน คาบบบ ...ไอ้กราผ๊ม  ขอค้านคร๊าบบบ

...นี่..( ไม่ใช่ สภาโจ๊ก ) นะคารับ...ปล่อยให้มาตี..ฝีปาก...

...อยู่ได้ไง คารับ....มันน่า...ตีปาก...ซั๊กป๊าบ..ดีไม๊คะรับ.??

............................................................................................

 

=========================================

 

>>> คุณหมอวรงค์ครับ   คุณทำหน้าที่ ได้ดีมากแล้วครับ

...ผมติดตาม ให้กำลังใจคุณมาตลอด................

...กระจ่าง ชัดแบบนี้.  ถ้าหนังหน้าไม่หนาจริง   คงนั่งอยู่

...ในตำแหน่งไม่ได้แน่....................

...ยังคิดจะดำเนินการต่ออีก.  ขาดทุนไปเท่าไรแล้ววะ..??

... คิดจะทำต่อ  ทั้งที่ขาดทุน  งั้นเหรอ.?? บริหารบ้า.บอ.ไร-

...กัน. บ้านเมืองจะ วายวอด  เพราะทำ..เฮงซวย....แบบนี้