Jump to content


แดงประจำเดือน

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 16 มิถุนายน 2556
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2557 13:35
-----

Topics I've Started

รัฐวิสาหกิจ ทำไมจึงทรยศต่อประชาชน

18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 20:59

    กำลังฟัง อ ธิดาอยู่ค่ะ  ท่านพูดได้ดีมาก  หน่วยงานรัฐวิสากิจเป็นแค่พนักงาน จะมาข่มขู่ประชาชนไม่ได้ค่ะ  

 

 

-รัฐวิสาหกิจ   นั้นต้องทำกำไรให้ประเทศมากๆเท่านั้นดังที่ลี กวน ยูบอก  การบินไทยอยู่ในตลาดหุ้นมันก็ดิ่งมากแล้ว  ถ้าพนักการการบินไทยมาร่วมชุมนุมด้วยหุ้นมันจะร่วงไหม ร่วงกว่าเดิมอีก คนประท้วงมันจะรับผิดชอบไหม!!  หรือจะธนาคารกรุงไทยก็เช่นกัน พวกรัฐวิสาหกิจในตลาดหลักทรัพย์จะทำแบบนี้ไม่ได้ นี่คือโลกทุนนิยม ในประเทศต่างๆ อื่นรัฐวิสาหกิจที่ประท้วงหนักๆ ระวังจะโดนแปรรูปให้เป็นของเอกชนหมด!

 

 

   - ในอดีตประชาธิปไตยมันบังอาจแปรรูปรัฐวิสาหกิจ จะมาโทษเพื่อไทยไม่ได้   และกฏหมายขายชาติ11ฉบับ อาจารย์ได้ร่วมต่อสู้กับนายสมศักดิ์โกสัยสุขมา ประชาธิปัตย์คือตัวที่ทำให้ชาติไทยกลายเป็นระบอบทุนนิยม จะมาว่าพื่อไทยมิได้

 

  - งานราชการ โดยเฉพาะกองทัพนั้นค้างค่าไฟมาก 

 

 

10374149_765155890196337_129278451_n.jpg


พวกมึงต้องตาย!! คราวนี้พวกมึงจะเจอทั้งคนกลางและคนของกู กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด...

7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 14:44

  องค์อิสระพวกกูขึ้นมาทำสงครามแล้วค่ะ อิดอกก!!   ผู้ฃุมนุมจะต้องตายกันหมด ผู้ที่ใช้อำนาจพิเศษเพื่อเป็นรัฐบาลจะต้องแพ้ กร้ากกๆกกกกกๆๆๆ โฮ่ะๆๆๆๆๆ กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!

 

10305409_219501798260230_225619425425501


กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!! ประเทศไทยไร้ความเป็นธรรม แม้แต่สิ่ง...

1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 21:29

  จัดหนัก..เปรี้ยง โครม แดงเมืองพระยา30 เม.ย.57 จัดหนัก..เปรี้ยง โครม แดงเมืองพระยาพิชัย เลือดสาด คอหวิดขาด

 

 

 

1544442_233597186830316_4209933024182388

พระยาพิชัยดาบหัก เดิมชื่อ จ้อย เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2284 ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา บ้านเกิดคือ ห้วยคา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ท่านมีนิสัยชอบชกมวยมาตั้งแต่เด็ก เมื่ออายุได้ 14 ปี พ่อท่านได้นำไปฝากกับท่านพระครูวัดมหาธาตุ เมืองพิชัย ท่านสนใจเอาใจใส่ในตำราเรียน และซ้อมมวย ไปด้วย ทั้งหมัด เข่า ศอก และสามารถเตะได้สูงถึง 4 ศอก ในขณะที่เป็นเด็กวัดนั้น มักจะถูกกลั่นแกล้งจากเด็กที่โตกว่าเสมอ แต่ท่านก็สามารถปราบเด็กวัดได้ทุกคน ด้วยชั้นเชิงมวย

ต่อมาเจ้าเมืองพิชัยได้นำลูกตนเอง มาฝากที่วัดเพื่อร่ำเรียนวิชา เขากับพวกมักหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับจ้อยเสมอ ท่านจึงตัดสินใจหนีออกจากวัดขึ้นไปทางเหนือ โดยไม่ได้บอกพ่อแม่และอาจารย์ เดินตามลำน้ำน่านไปเรื่อยๆ จนถึงวัดบ้านแก่ง ท่านได้พบกับครูฝึกมวยคนหนึ่ง ชื่อ เที่ยง จึงฝากตัวเป็นศิษย์แล้วท่านเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ทองดี” ครูเที่ยง มักเรียกท่านว่านายทองดี ฟันขาว เนื่องจากท่านไม่เคี้ยวหมากพลูเหมือนคนสมัยนั้น ด้วยความขยันขันแข็งเอาใจใส่การฝึกมวย ทำให้ลูกหลานครูเที่ยงอิจฉาท่านมาก จนหาทางกลั่นแกล้งต่างๆ นานา ท่านจึงกราบลาครูขึ้นเหนือต่อไป

เมื่อเดินถึงบางโพ ได้เข้าพักที่วัดวังเตาหม้อ (ปัจจุบันคือวัดท่าถนน) แล้วต่อไปที่ท่าเสา ขอสมัครเป็นลูกศิษย์ ครูเมฆ ซึ่งมีชื่อเสียงในการสอนมวยมาก ครูเมฆ รักนิสัยใจคอท่าน จึงถ่ายทอดวิชาการชกมวยให้จนหมดสิ้น ขณะนั้นท่าน อายุได้ 18 ปี ต่อมาได้มีโอกาสชกมวยในงานไหว้พระแท่นศิลาอาสน์ กับนายถึก ศิษย์เอกของครูนิล นายถึกถูกท่านเตะสลบไปนาน ประมาณ 10 นาที ครูนิลอับอายมาก จึงท้าครูเมฆชกกัน ทองดี ได้กราบอ้อนวอน ขอชกแทนครูเมฆ และได้ตลุยเตะต่อย จนครูนิลฟันหลุดถึง 4 ซี่ เลือดเต็มปากสลบอยู่เป็นเวลานาน 

ชื่อเสียงนายทองดี ฟันขาว กระฉ่อนไปทั่วเมืองทุ่งยั้ง ลับแล พิชัย และเมืองฝาง ต่อมาท่านก็ขอลาไปศึกษา การฟันดาบ ที่เมืองสวรรคโลก ด้วยความฉลาดมีไหวพริบ เขาใช้เวลาเพียง 3 เดือน ก็เรียนฟันดาบสำเร็จ เป็นที่พิศวงต่อครูผู้สอนยิ่งนัก จากนั้น ก็เดินทางไปต่อที่เมืองสุโขทัย และเมืองตาก ระหว่างทางได้รับศิษย์ไว้ 1 คน ชื่อบุญเกิด (ต่อมาเป็นหมื่นหาญณรงค์) เพราะเมื่อครั้งที่บุญเกิดถูกเสือคาบไปนั้น ทองดีได้ช่วยบุญเกิดไว้ โดยการแทงมีดที่ปากเสือจนหนีไป จนเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว

เมื่อท่านเดินทางถึงเมืองตาก ขณะนั้นได้มีพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาที่วัดใหญ่ เจ้าเมืองตาก จึงจัดให้มีมวยฉลองด้วย นายทองดี เข้าไปเปรียบมวยกับครูห้าว ครูมวยมือดีของเจ้าเมืองตาก และมีอิทธิพลมาก นายทองดี ใช้ความว่องไวใช้หมัดศอก และเตะขากรรไกร จนครูห้าวสลบไป เจ้าเมืองตาก ถามว่าสามารถชกนักมวยอื่นอีกได้หรือไม่ นายทองดี ตอบรับ เจ้าเมืองตากจึงให้ชกกับครูหมึก ครูมวยร่างสูงใหญ่ ผิวดำ นายทองดี เตะซ้ายเตะขวา บริเวณขากรรไกร จนครูหมึกล้มลงสลบไป

เจ้าเมืองตากพอใจมาก ให้เงิน 3 ตำลึง และชักชวนให้อยู่ด้วย นายทองดี จึงได้ถวายตัวเป็นทหารของเจ้าเมืองตาก ตั้งแต่บัดนั้น รับใช้เป็นที่โปรดปรานมาก ได้รับยศเป็น "หลวงพิชัยอาสา" ต่อมาเมื่อเจ้าเมืองตาก ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาวชิรปราการ ครองเมืองกำแพงเพชร หลวงพิชัยอาสา ได้ติดตามไปรับใช้อย่างใกล้ชิด และเป็นเวลาเดียวที่พม่ายกทัพล้อม กรุงศรีอยุธยา พอดี

พระยาวชิรปราการ พร้อมด้วยหลวงพิชัยอาสา และทหาร ได้เข้าปะทะต่อสู้จนชนะ ได้ช้างม้าอาหารพอสมควร และเข้าสู้รบกับทัพพม่าหลายคราวจนได้รับชัยชนะ ได้รับการต้อนรับจากประชาชน และยกย่องขึ้นเป็นผู้นำ คือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อกอบกู้เอกราชได้แล้ว พระองค์ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองกรุงธนบุรี และได้โปรดเกล้าฯ ให้หลวงพิชัยอาสา เป็นเจ้าหมื่นไวยวรนาถ เป็นทหารเอกราชองครักษ์ในพระองค์

ในปี พ.ศ. 2311 พม่าได้ยกทัพมา 1 หมื่นคน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พร้อมด้วยหมื่นไวยวรนาถ ได้เข้าโจมตีพม่าจนแตกพ่าย และได้มีการสู้รบปราบก๊กต่าง ๆ อีกหลายคราว จึงทรงโปรดตั้งเจ้าหมื่นไวยวรนาถ เป็น "พระยาสีหราชเดโช" มีตำแหน่งเป็นนายทหารเอก ราชองครักษ์ตามเดิม เมื่อปราบก๊กพระเจ้าฝางได้แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ปูนบำเหน็จความชอบให้พระยาสีหราชเดโช ให้เป็นพระยาพิชัย ปกครองเมืองพิชัย อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนแต่เยาว์วัยของพระยาพิชัย 

ในปี พ.ศ. 2313 - 2316 ได้เกิดการสู้รบกับกองทัพพม่าอีกหลายคราว และทุกคราวที่กองทัพพม่าแตกพ่ายไป ก็สร้างความอัปยศอดสูแก่แม่ทัพนายกองเป็นทวีคูณ พอสิ้นฤดูฝนปีมะเส็ง พ.ศ. 2316 โปสุพลา แห่งพม่า ยกกองทัพมาหมายตีเมืองพิชัยอีก ศึกครั้งนี้พระยาพิชัย จับดาบสองมือคาดด้าย ออกไล่ฟันแทงพม่าอย่างชุลมุน ณ สมรภูมิบริเวณ วัดเอกา จนเมื่อพระยาพิชัยเสียการทรงตัว ก็ได้ใช้ดาบข้างขวาพยุงตัวไว้ “จนดาบข้างขวาหักเป็นสองท่อน" ในที่สุดก็ชนะพม่า กองทัพโปสุพลา ก็แตกพ่ายกลับไป เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2316


 

พระยาพิชัยดาบหัก ได้สร้างมรดกอันควรแก่การยกย่องสรรเสริญ ให้สืบทอดมาถึงปัจจุบันได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความกตัญญูกตเวที ความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดกล้าหาญ รวมถึงความรักชาติ ต้องการให้ชาติเจริญรุ่งเรืองมั่นคง ท่านได้รับความเคารพนับถือจากคนอุตรดิตถ์ และคนไทยจำนวนมาก เป็นที่กล่าวขานในความศักดิ์สิทธิ์ว่า ดาบของท่านยังคงปัดเป่าทุกข์ภัยให้ลูกหลายตลอดมา

 

 

 

 

และแล้วบัดนี้ อิทธิปาฏิหาริย์ของพระยาพิชัยดาบหัก ก็ปรากฏให้ประจักษ์ชัดต่อสายตาอีกครั้ง เมื่อแก๊งค์เนรคุณป่วนชาติ (นปช.) ที่มีเป้าหมายโค่นล้มสถาบันเบื้องสูง และเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศไทยเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ภายใต้การแอบอ้างชื่อว่า “ประชาธิปไตยแบบเท่าเทียม” ไปจัดม็อบเสื้อแดง ที่สนามกีฬาจังหวัดอุตรดิตถ์ หมอนไม้ ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 

ก่อนการชุมนุม ได้มีการสั่งการอำนาจรัฐ ให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. ให้ขนประชาชนมาฟังแกนนำ นปช.ปราศรัย หมิ่นและให้ร้ายสถาบันเบื้องสูง คุยโวว่าครั้งนี้เป็นการชุมนุมใหญ่ของ นปช.ภาคเหนือ เป้าหมาย คือ 15,000 คน โดยมี รองนายก อบจ.อุตรดิตถ์ และนาย ป. ประธาน นปช.อุตรดิตถ์ เป็นผู้ระดมมวลชน แต่ปรากฏว่าทำอย่างไรประชาชนก็ไม่ยอมมา เพราะกลัวว่าพระยาพิชัย จะลงโทษที่ไปสนับสนุนขบวนการล้มเจ้า จนแกนนำระดมมวลชนปั่นป่วนไปหมด ต้องไปขอระดมคนเสื้อแดง จากจังหวัดใกล้เคียง คือ จ.แพร่ น่าน สุโขทัย พิษณุโลก และ จ.นครสวรรค์ ให้เดินทางมาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ด้วย

ทันทีที่แก๊งค์เนรคุณป่วนชาติ (นปช.) ประกาศว่าจะมาชุมนุมที่อุตรดิตถ์ ช่วงดึกๆ ทุกคืน ก็เกิดอาเพศพายุอย่างหนัก พายุพัดถล่มทุกอำเภอ ทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์หลายรอบ โดยเฉพาะ 3 อำเภอ ที่โดนอ่วมหนัก คือ “พิชัย” ตรอน และเมือง อุตรดิตถ์ จนต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับสายไฟฟ้าขาด ไฟฟ้าดับหลายแห่ง พายุอาเพศถล่มอุตรดิตถ์ จนบ้านพังไปแล้วกว่า 700 หลัง..จนวุ่นวายกันไปทั้งทั้งหวัด..โรงเรียนอนุบาลมีชื่อของจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มี ผอ.เสื้อแดงเคยเกณฑ์ให้เด็ก นักเรียนไปเดินรณรงค์สนับสนุนการเลือกตั้งก่อนปฏิรูป ถึง 2 ครั้ง 2 ครา..ปรากฎว่าหลังคาอาคารโรงเรียนนั้น..ลมพายุพัดกระจุยหายไปทั้งแผง..แม่เจ้า

 

10322787_233595853497116_412694410190786

ที่แปลกก็คือ ที่วัดหนองกาย ตำบลป่าเซ่า อำเภอเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ศาลาการเปรียญของวัด อายุเกือบ 150 ปี ที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลังได้พังคลืนลง เพราะถูกกระแสลมพัดเข้าใส่ จนไม่หลือซากของศาลา ท่ามกลางความงุนงงของพระ และประชาชนในพื้นที่ ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันมายืนมุงดูพร้อมวิพากษ์วิจารณ์ ว่าจะต้องเกิดอาเพศหนัก เจ็บ ตาย จำนวนมาก กับคนเสื้อแดงเร็วๆ นี่แน่ๆ และ รู้สึกเสียดายโบสถ์เพราะเป็นเป็นศาลาวัดที่เก่าแก่ คู่กับหมู่บ้านมาแต่ดั้งเดิม และยังไม่รู้จะดำเนินการอย่างไรต่อ เพื่อชาวบ้านมีที่ทำพิธีทางศาสนาต่อไป

 

10308223_233595873497114_420774401785802
พายุพิโรธยังไม่หยุดเท่านั้น เหตุการณ์ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นซ้ำอีก เมื่อคืนก่อนการชุมนุมวันที่ 29 เม.ย. เวลา 23.00 น. ได้เกิดอาเพศ พายุฝนฟ้าคะนองลมกระโชกรุนแรง มากที่สุดในรอบหลายสิบปีอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในเกือบทุกอำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์ ส่งผลทำให้ต้นไม้ใหญ่หักโค่นระเนระนาด บ้านเรือนชาวบ้านพังกระจุยเป็นจำนวนมาก บางบ้านถูกต้นไม้ใหญ่หักโค่นลงมาทับกลางหลังคาบ้าน (เหมือนดาบของพระยาพิชัยที่หักเป๊ะ) กระเบื้องแตกละเอียดตกลงมาใส่หัวของชาวบ้าน ที่นอนหลับอยู่บนที่นอน ได้รับบาดเจ็บ ส่งไปรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลกันชุลมุน    10155946_233596563497045_461540052573252

อาเพศพายุลมแรงพิโรธโกรธา ยังพัดกระหน่ำต่อไปไม่ยอมหยุดหย่อน พัดถล่มในหลายพื้นที่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ดึกๆ ทุกคืน จนราบเป็นหน้ากลอง จนถึงเช้ามืดวันที่ 30 เมษายน โดยเฉพาะที่บริเวณ ประตูทางเข้าสนามกีฬาฯ ที่เป็นที่จัดชุมนุมขบวนการล้มเจ้า คอมมิวนิสต์แดง นปช. ขนาดต้นไม้ใหญ่มาก ยังถูกลมพายุพัดจนโค่นล้มทับสายไฟฟ้า ที่เป็นเสาคอนกรีตแข็งแรง หักกลางลงมาอย่างง่ายดาย เหมือนไม้เสียบลูกชิ้น..คล้ายดาบของพระยาพิชัยไม่มีผิดเพี้ยน !! จนทำให้ทางการไฟฟ้าฯ ต้องทำการตัดไฟไว้ก่อน เพื่อป้องกันไฟฟ้าช็อตคนเสื้อแดง ที่จะมาชุมนุมช่วงเย็นตายคาสนามทุกคน

ส่วนพื้นที่ตำบลบ้านเกาะ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ชาวบ้านบอกว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอพายุรุนแรงที่สุด และไม่เคยเกิดเคยในพื้นที่มาก่อนแบบนี้ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ถูกต้นไม้ล้มทับ ซ้ำร้ายเป็นลาง คือ ต้นไม้ขนาดใหญ่ ต้นสักอายุ 300 ปี ราว พ.ศ.2257 ( พอๆ กับช่วงที่พระยาพิชัย อายุเป็นวัยฉกรรจ์รุ่นหนุ่มพอดี ) ที่ปลูกตามสองข้างถนนสายหลักอายุกว่า 300 ปี กว่า 20 ต้น ล้มชนิดถอนรากถอนโคนเป็นแนว ทับสายไฟฟ้า ส่งผลเสาไฟโค่นตามด้วยระเนระนาด บางต้นล้มทับบ้านเรือน ร้านค้าประชาชน หลังคาสังกะสีบ้าน ถูกแรงของพายุโกรธ พัดปลิวยกกระบิ หายไปทั้งหลังคา

ส่วนบริเวณกลางสนามกีฬาฯ ซึ่งมีการตั้งเวทีปราศรัยแดง นปช.ขนาดใหญ่ และด้านข้างเวที กางเต็นท์ไว้จำนวน 15 หลัง ถูกลมพายุพัดถล่มจนเสียหายพังยับเยิน พัดโต๊ะ-เก้าอี้-เต็นท์สนาม และเวทีกลางที่ได้มีการเตรียมไว้ ล้มกระจัดกระจาย เสาไฟฟ้าบริเวณทางเข้าชุมนุม ที่หักโค่น “กีดขวางทางเข้า – ออก” ..เหมือนพระยาพิชัย ท่านไม่ต้อนรับ และขับไล่ผู้มาจัดงาน ท่านจึงกระโดดเตะด้วยความโกรธ จนต้นไม้ เสาไฟฟ้า ล้มพับ โค่นคาเท้าท่าน เหมือนในอดีตกาล

จนราวช่วงสายถึงเที่ยง คนเสื้อแดงที่รู้ข่าว บอกลือต่อๆ กันไปเริ่มเหวอหนัก กลัวกันมาก วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ว่าถ้าไปร่วมกับขบวนการล้มเจ้าเสื้อแดง ต้องตาย และครอบครัวฉิบหายวายป่วงแน่ๆ จึงมีการปฏิเสธกับแกนนำว่าจะยกเลิกไปแล้ว ทำเอาแกนนำสายจัดม็อบปั่นป่วนอย่างหนัก จึงสั่งเกณฑ์ระดมคนลาว ที่อยู่ในพื้นที่ ( อุตรดิตถ์ ติดชายแดนลาว ที่ อ.บ้านโคก ) มาร่วมให้ได้มากที่สุด ส่วนถ้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ขู่ว่าจะไม่จ่ายเงินเดือนให้ 

 

10152605_233596213497080_818678285967531

ส่วนผู้นำชุมชน ให้ไปข่มขู่ประชาชนพื้นที่ตนเองว่า คนที่ไม่ไปร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงล้มเจ้า จะถูกยกเลิกบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค , ยกเลิกเบี้ยยังชีพคนแก่ , ไม่ให้กู้กองทุนหมู่บ้าน , ไม่ให้พักหนี้ ธกส, ไม่จ่ายเงินค่าจำนำข้าวทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ค้างไว้ มากกว่าหมื่นล้านบาท , โรงสีจะไม่รับซื้อข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ ที่ตอนนี้เหลือราคาเพียง 4,000 บาทต่อตันเท่านั้น

 

ต่อมาช่วงบ่าย ทำให้ชาวบ้านบางส่วนเกรงกลัวคำขู่ ยินยอมรับเงินค่าจ้าง 150-200 บาทต่อคน เดินทางจากจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือล่าง ทยอยเดินทางมาที่สนามกีฬาฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแม่ค้าพ่อค้า ที่มาตั้งเต็นท์ขายของที่ระลึกของคนเสื้อแดง ส่วนใหญ่ คือเสื้อยืด เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาว ผ้าพันคอ และผ้าคาดหัว ที่มีรูปของปูเน่า และ ชายดูไบ..นี่อาจเป็นคำเฉลย ว่าทำไมพายุอาเพศ ถึงถล่มอุตรดิตถ์ เพราะภาพปูเน่าไปที่ไหน ที่นั่นเป็นโดนถล่มยับเยิน ขนาดไปโรงเรียนชายชุดดำ ไม่กี่วันตกเครื่องบินมาตาย 2 คนรวด, ไปเยี่ยม รมต.พีรพันธ์ ป่วย..ต่อมาไม่กี่ชั่วโมงตายทันทีเลย..คนพาความซวยแท้ๆ

 

tnews_1380631009_2149.jpg

แกนนำได้ ต้องสั่งทุยแดง ให้ไปขนเก้าอี้พลาสติกสีแดง 5,000 ตัว ที่ถูกลมพัดกระจาย ไปทั่วบริเวณ มาตั้งใหม่ไว้รองรับผู้ที่มาร่วมชุมนุมช่วงเย็น โดยมีชายชุดดำภูธรอุตรดิตถ์กว่า 200 คน มาคอยทำหน้าที่การ์ดรอบๆ บริเวณ รวมถึงมีการตั้งด่านตรวจ ผู้ที่จะมาเข้าร่วมชุมนุมด้วย

การชุมนุมของเสื้อแดง ที่สนามกีฬาฯ ช่วงเย็นถึงค่ำ แปลกมาก คือ ลมพายุกลับเปลี่ยนเวลาซะงั้น รีบมาแต่หัวค่ำ ที่ชุมนุมจึงเต็มไปด้วยข่าวลือเรื่องอาเพศพระยาพิชัยมากมาย เสื้อแดงที่มาจากจังหวัดอื่น ต่าง “จิตตก” สีหน้าอมทุกข์ วิตกจริต หวาดหวั่นภัยร้ายที่มีมาถึงตนเองและครอบครัว จนคนเสื้อแดงหลายคน ทนความกลัวไม่ไหว ขอกลับออกไปก่อน แต่การ์ด นปช. ที่ปิดทางเข้าออกไว้แน่นหนา ไม่ยอมให้ออกไปจากสนามกีฬาฯ 

 

 

 

 17.00 น. มีมวลชนที่ถูกบังคับมา และจ้างมา ถูกขังอยู่ในสนามกีฬาฯ ประมาณไม่เกิน 1,000 คน แต่ แกนนำอับอายมาก กลัวว่าจะโดนเช็คบิลจากเจ้าของท่อน้ำเลี้ยง เลยแถออกข่าวว่าเสื้อแดงมา 12,000 คน..(ฮา)..ช่วยลือบอกไปถึงชายดูไบ ว่าขาด 12,000 คน ไปแค่ 11,000 คนเอง..ไอ้ที่แดงๆ ที่ทีวีเอเชียอาบแดดถ่ายหนะ มันคือ “เก้าอี้เปล่า” ที่ไม่มีคนนั่ง..เพราะที่เหลือมัน อมแบ่งเงิน รับเงินมา 1,000 บาทต่อหัว จำนวน 15,000 ราย แต่จ่ายจริง 150-200 บาท และจ่ายเพียง 1,000 กว่าคนเท่านั้น เงินที่เหลือแกนนำ อมกันแหลกลาญ เข้ากระเป๋าไปแล้ว..ดังนั้นเจ้าของท่อน้ำเลี้ยงไป “สอย” เอาเงินคืนได้ที่แกนนำ นปช.ได้เลย

 

เสื้อแดงที่อยู่ในสนาม จึงตกอยู่ในสภาพเหมือนถูกขังคุก  ท่ามกลางพายุพิโรธ ลมแรงพัดกรรโชกล้อมรอบที่ชุมนุมเหมือนตกอยู่ในนรกก็ไม่ปาน เสียงลมพายุดึงหึ่งๆ อื้ออึงไปทั่วบริเวณ เหมือนเสียงคำรามจากลมหายใจโกรธของพระยาพิชัย ..

 

10178004_233596393497062_195295142301014

ในขณะที่แกนนำกำลังปราศรัย โจมตีเฉี่ยวไป เฉี่ยวมา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินอยู่นั้น สิ่งเลวร้ายลางความตายของคนเสื้อแดงก็เกิดขึ้น เมื่อพายุโกรธกรรโชกแรงขึ้นอย่างผิดปกติ เสียงดังปานสายฟ้าฟาด ดังสนั่นหวั่นไหว เปรี้ยงๆๆ โครม ครืน ลมพัดตัวแกนนำปราศรัยบนเวที จนยืนโยกทรงตัวแทบไม่อยู่ ทรงผมหลุดลุ่ย โดยเฉพาะนกแสก ถึงกลับเห็นหัวล้านหมดทั้งหัวเหมือนไม่มีผมเลยที่เดียว..และถ้าดูดีๆ คล้ายคนไม่มีเงาหัว และเหมือนผีจูออนมากๆ..  10269480_233596176830417_316523035300632

 

 

 

 

 

และแล้วสิ่งที่พระยาพิชัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอุตรดิตถ์ เตือนมาก่อนหลายวัน แต่ไม่มีเสื้อแดงฟังก็เกิดผล เมื่อมีพายุลูกหนึ่ง พัดจงใจพุ่งเข้าใส่มวลชนเสื้อแดง ลักษณะเป็นมวลใหญ่เหมือนกำปั้นพระยาพิชัย ชกดัง “ โครม “ เข้ากระแทกใส่โคมไฟในสนามกีฬาฯ จนหล่นแตกกระจาย ฟาดหัวคนเสื้อแดงจนบาดเจ็บกันจำนวนมาก ที่หนักๆ คือ หัวแตกเลือดอาบโชก 1 คน บาดเจ็บเลือดสาด 3 คน และบาดเจ็บเล็กๆ น้อยอีกระนาว ร้องโหยหวนกันระงม วิ่งกันกระเจิดกระเจิง หงายเงิบ หน้าเหวอ..น่ากลัว ไม่ไหวแล้วโว้ย !!

 

 

 

1908296_233596306830404_8190922729279503

 

 

 

 

กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!

 

 

แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนแผ่นดินไทยก็ยังไม่มีความเป็นธรรม ไม่เห็นแก่ประชาธิปไตย แถมยังมีอยู่ที่ไทยที่เดียวที่ประเทศอื่นไม่เห็นมีแบบนี้  นี่ไงคะ! เราสมควรแบ่งแยกประเทศเพื่อไม่ให้เป็นไทย จะได้ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ยุติธรรมค่ะ!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

https://www.facebook...44770444&type=3

 

 


ทำไมโยกย้ายไอ้ถวิล หมอพรทิพแล้วมันว่าผิด ทีไอ้มาร์คมันย้ายแล้วไม่ผิด!!

23 เมษายน พ.ศ. 2557 - 12:23

10176016_1442093362699348_70062551040453


สาเหตุที่เชียงใหม่มหานครเหมาะสมกัับคำว่าเมืองหลวงของประเทศ

22 เมษายน พ.ศ. 2557 - 22:24

10014659_132376980270781_1823265901_n.jp

 

เชียงใหม่ - ศูนย์กลางการบินแห่ง AEC

ปัจจุบัน เชียงใหม่มีเที่ยวบินเข้าออกหนาแน่นเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย รองจากสนามบินสุวรรณภูมิ และ ภูเก็ต .... แต่เชื่อผมเถอะว่า หลังจากเปิด AEC แล้ว ภูเก็ตจะต้องชิดซ้ายอย่างแน่นอน ความสำคัญของกรุงเทพ และ ภูเก็ต จะลดลง อันเนื่องมาจากภูมิศาสตร์ของเชียงใหม่ ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังแหล่งการค้า และแหล่งท่องเที่ยวของเขตเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ใกล้กว่า ไม่ว่าจะเป็น พม่า ลาว จีน อินเดีย

ปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่มีผู้โดยสารประมาณปีละ 5 ล้านกว่าคน และกำลังจะเข้าถึงขีดจำกัดของสนามบินเชียงใหม่ที่ 8 ล้านคนในไม่ช้า ทำให้เกิดความต้องการที่จะสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 โดยได้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ สันกำแพง แม่ออน และบ้านธิ (ลำพูน) ซึ่งพื้นที่อำเภอแม่ออนและบ้านธิเป็นพื้นที่รอยต่อราว 3 พันไร่ เบื้องต้นพบว่าพื้นที่อำเภอบ้านธิส่วนใหญ่เป็นที่ราบ จึงค่อนข้างมีความได้เปรียบ

สายการบินต่างประเทศ ที่มีเส้นทางบินตรงมายังเชียงใหม่ก็ได้แก่

การบินลาว - หลวงพระบาง 
โคเรียนแอร์ - โซล (อินชอน) 
ไชนาแอร์ไลน์ - ไทเป 
ไชนาอีสเทิร์นแอร์ไลน์ - คุนหมิง, เซี่ยงไฮ้-ผู่ตง
ทรานส์เอเชียแอร์เวย์ ไทเป 
บิซิเนสแอร์ โซล (อินชอน) 
ดรากอนแอร์ - ฮ่องกง 
Hong Kong Express - ฮ่องกง 
ซิลค์แอร์ - สิงคโปร์ 
จูนเหยาแอร์ไลน์ -เซี่ยงไฮ้ 
ไทยแอร์เอเชีย - มาเก๊า, ฮ่องกง, หางโจว 
แอร์บากัน - ย่างกุ้ง 
แอร์เอเชีย - กัวลาลัมเปอร์ 
ไทเกอร์แอร์ - สิงคโปร์ 
แอร์ไชน่า - ปักกิ่ง 
Asian Wings - มัณฑะเลย์ 

นอกจากนี้ยังมีสายการบินอีกราว 10 สายการบิน ให้ความสนใจที่จะเปิดบินตรงเชื่อมระหว่างเมืองกับเชียงใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากกรอบเวลาในการบินไม่สอดคล้อง ซึ่งอาจเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง 

คำว่า "กรุงเทพคือประเทศไทย" คงจะใช้ได้อีกไม่นานแล้วค่ะ ควรมุ่งตรงไปที่เหนือและอีสานก่อนเพราะกรุงเทพได้ถูกทำลายไปแล้วค่ะ

Credit 
- ข้อมูลจาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 22 ส.ค. 2556 
- Picture from http://www.oknation....t.php?id=880794