การแปลงเงินให้เป็นสิ่งของก่อน ก็เป็นอีกวิธี ที่ยากจะตรวจสอบ จะประเมินราคาก็ไม่ตรงครับ
ข่าวเก่าที่เกี่ยวข้องมาให้ดูครับ
ก่อนจะให้สัมภาษณ์ตามนัด เขาไม่ลืมจะเจียดเวลาออกไปทักทายมวลหมู่มิตรสหายที่มาเฝ้ารออยู่บ้านฝั่งตรงข้าม ซึ่งตอนนี้กลายเป็นที่รับรองผู้มาเยือนของจตุพรไปแล้ว โดยจตุพร พูดทำนองว่ามีคนไปซื้อบ้านหลัง นั้นไว้แล้วเพื่อคอยรับรองผู้มาเยือน เพราะลำพังบ้านเขาไม่พอรับแขก แต่ย้ำว่าไม่ใช่บ้านของเขา ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นบ้านเขาจะมีปัญหาแน่เพราะเขาไม่ได้แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ปปช.)
"ผมอยู่บ้านหลังนี้แหละ หลังเดียวกับที่แจ้งกับ ป.ป.ช. เมื่อวันก่อนสำนักข่าวหนึ่งเขาก็มาถ่ายภาพหน้าบ้านไปลง(หัวเราะ) ถ้าไม่ไปต่างจังหวัด ไม่ต้องลงพื้นที่ปราศรัย ก็ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ อยู่แบบง่ายๆ ส่วนพวกข้าง หน้าเขามารอผม ถ้าจะไปทำธุระที่ไหนเขาจะมารอรับ บางคนก็มารอพบ เป็นคนเสื้อแดงบ้าง เป็นเพื่อนที่คบหากันบ้าง อย่างวันนี้ก็มากหน่อยเพราะผมมีนัดต่อ อย่างว่าไอ้ผมมันคนขับรถไม่เป็นต้องมีคนขับให้” เขาเล่าพลางอธิบายให้รายละเอียดกิจวัตรในบ้านที่แจ้งต่อปปช.ว่าราคากว่า 2.7ล้านบาท ที่ซุกตัวปลายซอยถนนวัชรพล
บ้านทั้ง 2 หลังแตกต่างจากบ้านหลังอื่นอย่างชัดเจน ด้านหน้าปกคลุมทึบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ที่จตุพรบอกว่าซื้อต้นไม้ใหญ่ให้รถเครนเอามาลง เพราะถ้าปลูกเองคงโตไม่ทัน เพิ่งอยู่มา 5 ปี ต้นไม้ที่เขาเลือกมาปลูกมีต้น มหาโชค ต้นจัน ต้นแคนา ต้นมะเฟือง เรียกว่ามีทั้งต้นไม้โชคลาภและต้นไม้ที่เขาชื่นชอบ
ก่อนจะตั้งวงคุยเรื่องหนักๆ จตุพรชี้ชวนให้คณะผู้สื่อข่าว "เครือเนชั่น" ดูของประดับบ้านที่เขาบอกว่าซื้อมาจากพี่น้องเสื้อแดง เมื่อขอถ่ายถ่ายวีดีโอเขาก็ไม่เคอะเขินที่จะทำหน้าที่เป็นพิธีกรให้ โดยพื้นที่ที่น่าสนใจที่ สุดเป็นพื้นที่ชั้นสองใกล้ทางเดินขึ้นบันได คำนวณขนาดสายตาราว10ตารางเมตร โดยจุดนี้ถูกจัดให้เป็นพื้นที่สำหรับบูชาวัตถุมงคล ประเภทรูปหล่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย ไล่ตั้งแต่สมเด็จพระนารายณ์ สมเด็จ พระนเรศวร พระสยามเทวาธิราช พ่อขุนรามคำแหง พระเจ้าตากสินเกือบทุกปาง ตลอดจนองค์รัชกาลราชวงศ์จักรี ไม่นับพระแสง-พระขรรค์โบราณ มีดอรัญญิกของดี ที่ถูกจัดวางตามความเหมาะสมและบริบทพื้นที่
“ผมมั่นใจว่าผมมีองค์กษัตริย์ไว้บูชามากกว่าบ้านผู้บัญชาการทหารบกเสียอีก(หัวเราะ) บางองค์มาจากช่างเมืองนครฯทั้งเนื้อโลหะ องค์ไม้แกะสลัก และนี่แหละสิ่งเหล่านี้อยู่ที่บ้านของคนที่ถูกข้อกล่าวหาว่าล้มเจ้า”
“เกือบทุกองค์มีคนนำมาให้ ผมก็รับไว้และบูชาด้วยความเคารพ บางองค์ได้แบบไม่ตั้งใจ อย่างองค์พระเจ้าตากสินนี่ วันที่อยากได้นึกตอนก่อนนอน อยากจะหามาบูชา ตื่นเช้าก็มีคนอัญเชิญมาให้ มันเหมือนเรื่อง มหัศจรรย์ อย่างปางนี้เป็นปางที่เขานำไปสร้างอนุสาวรีย์ (ชี้ให้ดู) หรืออย่างองค์พระนเรศวรองค์นี้ก็เป็นองค์ที่ใช้แห่ในช่วงชุมนุมเสื้อแดง (ปี 2553) เป็นของของพี่เลิศ ไม้เก่า พี่น้องเสื้อแดงพิษณุโลก แต่ตั้งหมด ผมไม่ได้เป็นเจ้าของเองนะ มีคนเอามาให้บูชา” เขาย้ำ โดยบอกว่าหากเป็นของเขาก็ไม่รู้จะแจ้ง ปปช.อย่างไร ก็เลยถือว่าเป็นของที่เอาไว้บูชาร่วมกัน
"ของแบบนี้แปลก ตอนอยู่วัดพระแขวนยังไม่มีเลย แต่ถึงเวลาท่านก็เสด็จมา บางองค์กว่าจะได้มาก็มีประวัติ เช่นไปที่อื่นรถสตาร์ทไม่ติด แต่มาอยู่กับเรา มันก็ต้องเรียกว่าเรื่องบังเอิญ" จตุพรเล่าอย่่างภาคภูมิ ก่อนที่ผู้ มาเยือนจะถามว่า“เกือบทั้งหมดได้มาจากหลังเป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงใช่ไหม?” จตุพรพยักหน้าตอบ "ใช่"
ไม่ไกลจากที่แรกห้องถัดมาคือห้องเก็บเสื้อผ้า ที่แทบไม่ต้องเดาว่าภายในตู้จะประกอบไปด้วยองค์ประกอบสีใดเป็นหลัก และภายในห้องนั้น มีจอ LCD ขนาดประมาณ 50 นิ้ว ที่แสดงภาพจากทีวีวงจรปิดที่ติดไว้ รอบบ้านและในบ้าน นับจากภาพหน้าจอที่แสดงอยู่ได้ 11 กล้อง ที่แสดงภาพกล้องวงจร เรียกว่าหากมีใครมาเยือน เจ้าของบ้านจะเห็นตั้งแต่อยู่นอกบ้านจนมาถึงในบ้าน นี่ยังไม่รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่ เริ่มตั้งแต่หน้าหมู่บ้านที่รปภ.จะเคร่งครัดถามผู้มาเยือนว่าจะไปหาใคร บ้านไหน และต้องแลกบัตรก่อนเข้าด้วย
จากนั้นจตุพร ก็พาขึ้นไปบนชั้น 3 เพื่อชมห้องพระ ที่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องบอกว่าสวยมาก... เป็นห้องขนาดประมาณ 3คูณ 4 เมตร ภายในถูกอัดแน่นไปด้วยองค์พระพุทธรูปขนาดหน้าตัก ไม่ว่าจะเป็นองค์ที่รู้จัก กันกันดีในหมู่นักเล่นพระ และองค์ที่เจ้าของศรัทธาและชื่นชอบเป็นการส่วนตัว และองค์ไม้แกะสลักจากบ้านถวาย จ.เชียงใหม่ ที่เจ้าตัวชื่นชอบ ที่จตุพรบอกว่าราคาไม่แพงแต่ฝีมือดีมาก รวมทั้งองค์บูชาของหลวงปู่บุญ ยอดพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง แห่งวัดกลางบางแก้ว นครปฐม ที่มีสะสมไว้หลายรูปแบบ โดยที่เจ้าตัวบอกว่ายังไม่เคยไปวัดนั้นเลย
"องค์นี้หลวงพ่อโต (สมเด็จพระอาจารย์โต ขนาดหน้าตักประมาณ 25 นิ้ว) ตอนแรกที่ลูกศิษย์วัดระฆังโทรมาบอก ผมก็คิดว่าคงเป็นพระไว้แขวนคอ แต่ไม่ใช่ อย่างนี้คงต้องคาดเบลท์(เข็มขัด)แล้วเพราะองค์ใหญ่มาก" เขาเล่าพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี และบอกว่า ปกติเวลาลงพื้นที่ ถ้าไม่ได้ปราศรัย ก็จะเข้าวัด ลงพื้นที่ก็จะถามหาวัด ไปไหว้พระ เสร็จแล้วค่อยไปชุมนุม คนทั่วไปอาจจะเห็นเราในมุมดุร้ายอย่างเดียว
นอกจากจุดใหญ่ที่ 2 ห้องนั้นแล้ว พื้นที่บริเวณห้องรับแขกชั้นล่างก็เต็มไปด้วยของสะสม ของตกแต่งบ้าน ของที่ระลึกต่างๆ ที่เจ้าของบ้านบอกว่าซื้อหามาจากพี่น้องเสื้อแดง ที่เรียกได้ว่าอัดแน่นจนแทบจะไม่มีทางเดิน
หากทฤษฎีสิ่งของและตำแหน่งจัดวางล้วนบอกความเป็นไปภายในบ้านยังใช้งานได้ดี สิ่งเดียวที่บ้านหลังนี้ต้องการเติมเต็มในลำดับถัดไป น่าจะเป็นภาพถ่ายเจ้าของบ้านในวันรับตำแหน่งรัฐมนตรี!!
เรื่องโดย อรรถภูมิ อองกุลนะ (คมชัดลึก ฉบับวันที่ 3 กันยายน 2555)
- Suraphan07 likes this