คุณ chaidan กำลัง พูดถึง ทุกข-เวทนา-สังขาร ตะนิ่นตาญี เข้าใจ ถูกไหมครับ?
ตะนิ่นตาญี
ฟังเทศน์หลวงพ่อเลยครับ
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพง
- chaidan, ตะนิ่นตาญี, ชาวสวน and 4 others like this
Nuttana hasn't added any friends yet.
โดย กีรเต้ on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 20:52
คุณ chaidan กำลัง พูดถึง ทุกข-เวทนา-สังขาร ตะนิ่นตาญี เข้าใจ ถูกไหมครับ?
ตะนิ่นตาญี
ฟังเทศน์หลวงพ่อเลยครับ
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพง
โดย chaidan on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 20:40
โดย Bookmarks on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 23:35
โดย kuuga on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 23:10
https://www.facebook...0023947/?type=1
โดย 200SX on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 22:44
โดย Bookmarks on 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 15:06
เห็นไอ่ปลื้ม ปลาดุก มันเรียกอี้ ให้ไปร่วมประท้วงต้านรัฐประหารแล้ว มีหน้ามาเรียก อภิสิทธิ์ด้วย ว่าถ้า 2 คนไป มันก็จะไป จะไปเอง ก็ไม่กล้า ต้องมาชวนคนอื่น ถ้าเค้าจะต้าน ก็คงไม่ไปร่วมกับพวกควายแดงหรอก อุดมการณ์มันต่างกัน ต้านรัฐประหาร แต่ไม่ต้านรัฐบาลโกงกินชาติ อภิสิทธิ์เค้าคงไม่อยากจะไปให้เป็นเสนียดกับตัวเองหรอก
โดย abba-yourdad on 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 12:13
จะขับรถหรือพายเรือก็ไปจุดหมายเดียวกัน หากรถ กปปส มันไม่ยางรั่ว แหนบทรุด เกียร์รวน เบรคเสีย ขืนขับไปตายยกคันแน่ๆ ทหารคงไม่พาไปนั่งเรือหรอก ทำใจเย็นๆ อย่าอุดมการณ์มาก โลกสวยเยอะไป ทหารเขาจะปฏิรูปให้ หากภายหลังทหารเปลี่ยนไปไปเป็นเผด็จการเพื่อพวกพ้องค่อยต่อต้านยังไม่สาย ประสบการณ์ทางการเมืองยังน้อย อุดมการณ์จัดอย่างนี้ อาจไม่รุ่งในอนาคต
ปล.ติชมตามความคิด ผิดถูกคิดกันเอง
โดย 134340 on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 00:49
โดย เสือยิ้มยาก on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 00:32
เป้าหมายของ กปปส.ก็คือปฏิวัติไม่ใช่เหรอ แต่เป็นปฎิวัติโดยประชาชน ต้องตอบตัวเองก่อนว่าทำไมไม่ยอมให้เลือกตั้งก่อนปฎิรูป
เป้าหมายของ กปปส.คือต้องการปฏิวัติ(โดยประชาชน) ก่อน ประชาธิปไตย ใช่หรือไม่
สมมติว่าเราทำสำเร็จ แล้วจะเรียกว่าอะไร ตอนนี้ทหารเขามาทำเองก็ดีแล้ว ไม่ต้องเหนื่อย ผมว่ามันต้องมี 1 คนที่สับสน ไม่ผมก็แทนคุณ
โดย wincha on 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 18:53
“ในหลวง” กับ “ศุภนิมิตของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร”
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ไม่ว่าจะตกเข้าไปในที่มีภัยอันตรายมากมายเพียงใด
ผู้ถึงรัตนตรัยเป็นสรณะย่อมพ้นจากภัยทั้งปวงนั้น ทั้งทางกายและทางใจ
ทางใจ คือ ไม่กลัว ไม่หวาด ไม่สะดุ้ง และไม่หนี
มีแสดงไว้ว่า ผู้นึกถึงพระพุทธเจ้า หรือพระธรรมของพระองค์
หรือพระสงฆสาวกของพระองค์
แม้ตกอยู่ในที่แวดล้อมที่น่าสะพึงกลัว ก็จะไม่กลัว ไม่หนี
เพราะพระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ไม่สะดุ้ง ไม่กลัว และไม่หนี
สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าพระผู้ทรงคุณอันประเสริฐ
ทรงถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะมั่นคง จึงไม่เคยทรงหนีเหตุการณ์ใดเลย
ทรงเผชิญได้ด้วยพระอาการสงบอย่างยิ่งและทรงชนะตลอด
ท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร แห่งวัดถ้ำขาม จังหวัดสกลนคร เล่าไว้ว่า
ท่านได้นิมิตเห็นสัตว์ร้ายมากมายในป่าแห่งหนึ่ง กำลังอาละวาดวุ่นวายไปทั้งป่า
สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าทรงปรากฏพระองค์ขึ้น
ท่ามกลางความน่าสะพึงกลัวนั้น
และทันใดสิงห์สาราสัตว์ที่กำลังบ้าคลั่ง ก็สยบลงทั้งหมดแทบเบื้องพระยุคลบาท
ศุภนินิตท่านพระอาจารย์ฝั้น ท่านปรากฏแล้วว่าเป็นจริง
มีเหตุการณ์เกิดขึ้นรับรองแล้วหลายครั้งหลายหน เป็นที่ประจักษ์
: พระมงคลวิเสสกถา ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ๖ ธันวาคม ๒๕๓๙
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร แห่งวัดถ้ำขาม จังหวัดสกลนคร
ที่มาhttp://www.dhammajak...hp?f=25&t=40221
โดย wincha on 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 23:55
เคยมีคนบอกว่าในหลวงท่านถอดจิตได้
ถ้าหากไม่ติดพระราชกรณียะกิจใดๆ ในหลวงท่านจะนั่งสมาธิตั้งแต่ 6 ทุ่มถึง 6 โมงเช้าทุกวัน ฟังทีแรกยังไม่อยากเชื่อเลย แต่ได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำที่ได้พูดถึงในหลวงว่า ท่านมีสมาธิดีมาก ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ตามธรรมดาหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ) แห่งวัดท่าซุงจะอัดเทปถวายในหลวง เพื่อนำไปเปิดขณะปฏิบัติธรรม เท่าที่ทราบมาท่านเอาเทปของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำที่อัดถวายแขวนคอแล้วเดินจงกรมที่พระราชวังไกลกังวล หัวหิน บางครั้งท่านก็นั่งสมาธิโดยจับเสียงคลื่นเป็นอารมณ์กรรมฐานในหลวงท่านทรงแนะนำให้บุคคลใกล้ชิดได้ปฏิบัติธรรมด้วย เช่น พระราชวงศ์ องคมนตรี องครักษ์ หรือแม้แต่บุคคลที่ใกล้ชิดท่าน มีหลายพระองค์บอกว่าในหลวงเป็นผู้ทรงฌานคนหนึ่ง เวลาท่านไปไหนพระเถระชั้นผู้ใหญ่หลายองค์ขยับแล้วขยับอีก แต่ในหลวงท่านเพียงแค่กระพริบตาอย่างเดียว นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเลยได้เป็นชั่วโมงๆ พลตำรวจเอกที่เคยเป็นองครักษ์ของท่านคนหนึ่งก็เคยพูดว่า ในหลวงท่านเคยเล่าให้ฟังว่า ท่านเคยนั่งสมาธิเห็นร่างของท่านเป็นเนื้อแดงๆ ลอกออกจนเห็นกระดูกสีขาวๆ มีผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ในหลวงท่านเคยถอดจิต ( จะเรียกว่าถอดจิตก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะโอเลี้ยงหายไปครึ่งแก้ว ) มหาท่านหนึ่งที่มีบารมีมากสามารถต่อรองกับพระยายมเพื่อนำคนที่ตกนรกแล้วขึ้นมาได้ ในหลวงท่านถอดจิตมาหาก็เพราะต้องการให้ช่วยอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งที่เป็นเชื้อพระวงศ์ขึ้นจากนรก แต่ท่านนี้ไม่ยอมช่วยเพราะเหตุไม่ถูกกับอดีตนายกฯ คนนี้ แต่ที่น่าแปลกก็คือ ถ้าในหลวงท่านถอดจิตมา ( มาแค่จิตอย่างเดียว ร่างกายไม่ได้มาด้วย ) โอเลี้ยงคงไม่หายไปครึ่งถ้วยหรอกครับ เพราะเจ้าของบ้านให้คนไปซื้อมาถวายในหลวง แต่ที่นี่หายไปครึ่งแล้ว แสดงว่าในหลวงท่านหายตัวได้ครับ! ในหลวงท่านฝึกสมาธิจนถึงขั้นอภิญญา ซึ่งลูกศิษย์สายหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมีหลายคนทำได้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เพียงแต่ว่าเขาไม่ค่อยแสดงฤทธิ์เท่านั้นเอง แต่ถ้าท่านรู้มากกว่านี้ ก็คือ ในหลวงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่ ( พระโพธิสัตว์ คือ บุคคลที่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ) และท่านก็มีบารมีมากพอที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตแน่ๆ แล้ว ( ต่อจากหลวงปู่ ท..... และสมเด็จ ต..... ) ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะหายตัวได้
ที่มา http://www.oknation....nt.php?id=86546
โดย อิสระเสรีชน on 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 16:18
คั่นอารมณ์กันหน่อยนึงนะครับ อิอิ
ดราม่าการเมือง @political_drama 2 นา
“@NochPH: ขอเสนอให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ขึ้นตัววิ่งเนื้อเพลง.ผู้ชมทางบ้านจะได้ฝึกร้อง และร่วมร้องไปด้วยกันครับ ด้วยความเคารพอย่างสูง/ฮาา
โดย pongpong on 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 16:16
เมื่อผิดจรรยาบรรณสื่อ โทษที่คุณควรได้รับสำหรับการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ไม่เป็นกลาง คือ หางานใหม่ ตามนั้น
โดย Bookmarks on 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 14:08
เม้นต์อันนี้อาจจะไม่ถูกใจสาวกประชาธิปัตย์ก็ได้(เราก็สาวกปชปนะ) แต่เผชิญ การมีวิวาทะกับเพื่อนสมาชิกในบอร์ดเมื่อครู่ ทำให้ไปกระตุกข้อสังเกตบางอย่างเกี่ยวกับคุณลักษณะของคนหรือสส.ในพรรคประชาธิปัตย์บางอย่างได้ คือเหตุผลว่าทำไมพรรคนี้จึงแพ้การเลือกตั้งมาตลอด 20 ปีหลังๆ
ประการแรก เราว่านโยบายของพรรคก็ดูดี เพียงแต่ใช้คำที่เข้าใจได้ยาก หรือ เข้าถึงได้ยากในหมู่ชนชั้นแรงงาน เช่น บอกถึงโครงการประกันราคาข้าว แต่ไม่ได้บอกลิมิตว่าได้เท่าไหร่ คือคนเขาต้องการเห็นตัวเลขแบบที่พรรคเพื่อไทยทำ เช่นว่า 15000 บาทต่อตัน เพื่อที่เขาจะได้ประมาณการรายได้ไว้ เราไม่รู้หรอกว่าทำได้หรือไม่ได้อย่างไร เพียงแต่ถ้าจะทำนโยบายในการหาเสียงใหม่ ต้องพยายามที่จะระบุเป็นตัวเลขออกมาให้เห็นชัดๆไปเลย จะขั้นสูงขั้นต่ำก็ว่ากันไป หรือด้านเงินออมแห่งชาติ ก็บอกตัวเลขไปเลยว่าถ้าเกษียณอายุแล้วจะได้เท่าไหร่ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ชอบอะไรที่เป็นตัวหนังสือยาวๆ เข้าใจยาก
ประการที่สอง ด้านบุคลากรในพรรค
2.1 ผู้ที่เกี่ยวข้องกับตัวสส. หรือสมาชิกในพรรค มักจะมีลักษณะของบุคคลชนชั้นสูง มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย การศึกษาดี ซึ่งจริงๆสิ่งเหล่านี้ไม่ผิด แต่บังเอิญว่า การทำงานด้านพรรคการเมืองจะเกี่ยวกับการบำบัดทุกข์บำรุงสุขของราษฎร และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง เช่น เลขานุการ ก็จะต้องรับหน้าที่ในรับมือกับประชาชน และบุคคลทางแวดวงการเมืองด้วย เรื่องบุคคลทางแวดวงทางการเมืองนั้นจะละไว้เป็นที่เข้าใจ แต่กับคนที่ต้องรับมือหรือทำงานกับประชาชน ควรจะเป็นบุคคลที่ติดดิน คนเข้าถึงได้ง่าย ไม่ใช่บุคคลที่ใส่แบรนด์เนม รองเท้าคู่ละสี่ห้าหมื่น คือในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนเดินดินธรรมดาคนหนึ่ง ทำให้เรารู้สึกไปว่า บุคคลที่มีบุคลิกเหมือนเป็นบุคคลชั้นสูงนั้นแปลกแยกไปจากพวกเรา แม้ว่าบุคคลคนนั้นจะมีท่าทีที่เป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใส เต็มใจช่วยเหลือ แต่เรากลับรู้สึกว่าเมื่อพูดกับเขาเหล่านั้น เหมือนกับเราตัวเล็กกว่าพวกเขามาก และทำให้ไม่ค่อยกล้าที่จะเปิดใจ ทางที่ดีน่าจะมีการปรับลุคใหม่ให้ดูติดดิน ลดการใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมลง ให้มีบุคลิกคล้ายสส.น้องแนนลูกพ่อใหญ่อิสระ นั่นแหละ เหมาะมาก เพราะ มันทำให้ชาวบ้านที่เข้ามาติดต่อรู้สึกสบายใจ และอบอุ่น คุ้นเคย และสนิทใจด้วยง่าย สรุปง่ายก็คือน่าจะมีบุคลากรที่มาจากชนชั้นที่มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่ไปกระจุกตัวอยู่ที่บุคคลชนชั้นสูงฐานะร่ำรวยเพียงอย่างเดียว
2.2 สส. ของพรรค ส่วนใหญ่ สส.ของพรรคนี้ ต้องยอมรับว่ามีคุณภาพดี การศึกษาดี ความประพฤติดี แต่สิ่งที่ขาดมากๆคือความเป็นคนติดดิน และความแปลกแยกกับสังคมชนบทอย่างมาก มีไม่กี่คนในพรรคที่บุคลิกดูเข้ากับคนในท้องถิ่่นได้ เช่นจุมพล จุลใส เทพไท เสนพงศ์ อิสระ สมชัย บางคนอาจจะแย้งว่า สส.แถบไหนก็ต้องทำตัวให้เข้ากับถิ่นนั้น เช่นสส. กรุงเทพ ก็ต้องแต่งตัวเป็นหนุ่มเมืองกรุง ประเภทนี้ทแอนด์คลีน โดยการใส่เสื้อเชิ้ต หรือสแล้ค ที่ว่ามานั่่นก็ถูก แต่เราต้องอย่าลืมว่า สส. ก็คล้ายๆกับเป็นmass product อย่างหนึ่งที่เสนอตัวมาให้คนเลือก โดยคนที่เลือกต้องเป็นคนหมู่มาก ซึ่งเราไม่คิดว่าคนหมู่มากคือคนรวย หรือชนชั้นกลางในประเทศไทยหรอก เพราะฉะนั้น การทำตัวเป็นmass product ก็คือการทำตัวให้บุคคลทุกระดับชั้นสามารถประทับใจในความเป็นกันเอง ไม่แปลกแยกกับคนหมู่มาก เข้าถึงง่าย คือ การจะทำให้ได้รับเลือกคือการทำให้คนส่วนใหญ่พึงใจให้ได้ต่างหากที่สำคัญ ยกตัวอย่างพิธีการสายล่อฟ้าสามคน คือเทพไท ชวนนท์ และศิริโชค ถ้าลงรับสมัครเลือกตั้งนะ คนที่จะได้รับเลือกในสายตาชาวบ้านคนแรกคือเทพไท คนที่สองคือชวนนท์ คนที่สามคือศิริโชค เพราะเทพไทมีความเป็นชาวบ้านอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นคำพูดจา หรือท่าทาง ส่วนชวนนท์ ท่าทางคือคำพูดอาจจะไม่ดูเหมือนชาวบ้านธรรมดา แต่บุคลิกเขามีความอบอุ่นและมีความเป็นผู้ใหญ่สูงมาก ส่วนศิริโชค นี่ขอบอกเลย ในฐานะเราเป็นผู้หญิง เขาคือคนที่ไม่มีเสน่ห์เลย ดูเหมือนเป็นคนเย็นชาไม่ว่าจะด้านคำพูดคำจา หรือการวางตัว บางคนอาจจะแย้งว่าไม่รู้จักเขาไปวิจารณ์เขาได้อย่างไร ก็เราเป็นประชาชนธรรมดา เขาเป็นสส. ทำอย่างไรก็ไม่มีทางจะไปรู้จักเขาได้มากจากการดูทีวีหรอก เราก็ต้องตัดสินจากสิ่งที่เห็นจากทีวีนั่นแหละ สิ่งที่เห็นจากทีวีบอกเราว่าศิริโชค ดูเป็นคนไม่อบอุ่น ช่างประชดประชัน เสียดสีเก่งมาก พูดง่ายๆคือปากจัด อันที่จริงสกลธี นี่ก็ปากจัด แต่เขามีอารมณ์ขัน เราดูแล้วไม่รู้สึกสะดุด แต่ของศิริโชคนี่บุคลิกบางอย่างคล้ายสรยวย เรายังคิดเล่นๆเลยว่าถ้าเขาไม่ได้ลงพรรคประชาธิปัตย์นี่เขาจะได้เป็นสส.หรือเปล่า เราก็ไม่รู้ว่าควรต้องทำอย่างไร แต่น่าจะไปปรึกษามืออาชีพในด้านการปรับลุ้คดู เพื่อให้ดูเป็นคนอบอุ่น เข้าถึงได้ง่าย และปากไม่จัด (อันหลังนี่ไม่ทราบว่าทำได้หรือเปล่า)
คือทั้งหมดนี่ เราได้มาจากการสังเกตสส.พรรคเพื่อไทย ว่าทำไมพวกเขาถึงได้รับเลือกมากในภาคอีสานถึงร้อยกว่าเสียงในขณะที่ปชป ได้ไม่ถึงสิบ ถึงแม้หลายคนจะบอกว่าซื้อเสียงก็ตาม แต่ทำไมคนอย่างจ่าประสิทธิ์ยังได้รับเลือก หรืออย่างเมียขวัญชัย ยังได้รับเลือกเป็นสว ถึงจะขนเพชรก็เหอะ ก็มันเป็นอย่างที่ว่า ก็คือชาวบ้านเขาก็เลือกจากรูปร่างหน้าตา บุคลิกภาพภายนอก ที่พวกเขารู้สึกคุ้นเคย พูดจาแบบชาวบ้านๆ พวกชาวบ้านเขาไม่จำเป็นต้องรู้ลึกถึงขนาดว่าเป็นคนดีหรือเปล่าหรอก เขาก็เลือกจากสิ่งที่เขาเห็น ก็แค่นั้น ถ้าคุณสมบัติดีด้วยอย่างสส.พรรคปชป. ก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะฉะนั้น ถ้าพรรค ปชป อยากได้สส.เพิ่มมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า เราคิดว่าที่เราได้กล่าวไว้ ก็น่าจะนำไปพิจารณาด้วย
สงสัยว่าเม้นต์นี้่จะโดนถล่มแน่ๆ
เป็นเรื่องการตั้งแง่..ของคนไม่รักจริง แค่นั้น...
ผมขอสรุปให้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งยากสำหรับประเทศที่มีควายมากกว่าคน
เลือกนัง สว ขนเพชร มาเป็น สว ก็บ่งบอกสติปัญญาพวกมันแล้ว สภานิติบัญญัติ เลือกตัวอะไรมาทำหน้าที่ เห็นแล้วอนาถกับพวกมันมาก
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net