naughty-girl

 

    คงปล่อยให้มัน แสดงความเหิมเกริม ใช้ปชต. ให้เต็มที่

    เหมือนตักขี้-นางโตมร ...ที่เคยทำ

    ตอนนี้เจออะไรต่ออะไร ...จนเปิดตำรารับไม่ทัน

 

    ไอ้ตู่ก็เหมือนกัน กลัวแต่ว่าตอนจบ จะจองศาลาไม่ทัน

 

    **ใครจะเป็น ผบ.ทบ. คนต่อไปครับ ..ไม่ค่อยได้ตามข่าวนี้

กรุณา   เปลี่ยนรูปอวตาร ด้วยครับ รับไม่ได้ครับ (ชมรมคนรักน้องตั๊น  )

หากไม่เปลี่ยนจะแจ้ง MOD ครับ ชิร์สสสส 

ขอโ?ษ จขกท. ไม่เกี่ยวกระทู้ครับ แต่มันอดไม่ได้....    

      ได้ความคิดครับ ใครที่อยู่ในชมรมฯ เปลี่ยนรูป อวตาร เป็นของตั๊นหมดทั้งชมรมฯ จะได้รู้ว่ามีกี่คน

       บอร์ดคงน่าดูขึ้น เธอเป็นคนสวย จึงมีรูปสวยๆเยอะ ดูรูปอวตารของสมาชิก(ชมรม) ในหลายๆท่า กระชุ่มกระชวยไปทั้งบอร์ด

       ที่ผมเอาเธอมาลง เพราะรูปนี้ของเธอได้อารมณ์ ...ในเรื่องความมุ่งมั่นตั้งใจ ชอบมากครับ

       แต่เมื่อขอมาก็ให้ครับ เป็นคนไม่ขัดใจใครอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องไร้สาระแบบนี

       พอดีได้รูปถูกใจรูปใหม่เพิ่งเจอในเวบบ์นี้แหละ เมื่อวาน ขออนุญาตคนเอามาโพสท์ด้วย ...รูปนี้ถูกตาถูกใจมากกว่าของตั๊นซะอีก ...ถูกใจ๊ ถูกใจ ได้อารมณ์ ดูการโพสท์ท่า ดูกล้ามเนื้อ ดูเตี่ยว หวูววว

เอาเฉพาะชอบมากๆนะ  

ขวัญใจต้อง  ดร.ไตรรงค์   คนอะไรไม่รู้  เก่งเว่อๆ  มีทั้งลูกล่อลูกชน  หลอกด่าแสบๆคันๆ

ยกตัวอย่างเฉียดๆแต่เห็นภาพเป๊ะ  ความรู้รอบตัวด้านประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองเพียบ

ลากจูงให้เนื้อหาผสมกันได้เข้าใจง่าย  มีมุกเยอะ  ฟังแล้วไม่อยากให้จบเลย

ดร. ไตรรงค์  กับกำนันนี่ห้ามขึ้นคนละเวทีเลยนะ  ไม่รู้จะวิ่งไปทางไหนดี  ตอนมีหลายเวที

กำลังอยู่ปทุมวันฟังกำนันเพลินๆ  เพื่อนบอก ดร. ไตรรงค์อยู่ลาดพร้าว  ต้องไปฟังกำนันต่อ

ที่ลาดพร้าวกันเลยทีเดียว  ดูกำนันในมือถือไปพลางๆ  เพราะตอนนั้นยังไม่ตัดไปตัดมา 

รองมาก็ คุณหมอวรงค์  เก่ง  ข้อมูลแน่น  ข่าวใหม่ตลอด  คุณหมอจะเป็นคนที่เกาะแล้วหนึบ

มีคนให้ข่าวแกเยอะ  พอเอามาใช้ก็ตอกย้ำ  ชี้มูลได้ชัดเจน  และใจเย็นมาก  ถ้าไม่รู้ว่าเป็นหมอ

ต้องคิดว่าแกเป็นเกษตรจังหวัดอะไรอย่างนี้เลย  การพูดจาทั้งสุภาพและชัดเจนได้นำหนักมาก

คุณหมอ  ให้พอๆกับ ดร. สมเกียรติ  เพราะ  ดร. มีจุดแข็งเดียวกับคุณหมอ  คือเป็นคนที่พูดแล้ว

มีคนฟังเชื่อมั่นเป็นจำนวนมาก  ดร.สมเกียรติ  จะมีข้อดีด้านตลาดโลก  และการชี้ปมประวัติศาสตร์

การเมืองไทยที่เน้นตักขี้โดยเฉพาะ  เครดิตดีอะไรดี  เรียกความเชื่อมั่นได้หลายวงการ 

รองมาก็อรรถวิชช์  เก่ง  คมคาย  เห็นภาพง่าย เข้าใจง่าย  ชี้แจงชัดแจ้ง   มีลูกหลอกลูกขู่

แข็งกร้าว  สามารถตีความเป็นไปในอนาคตให้เรามองตามได้โดยมีข้อมูลครบ  คนนี้ยังได้อีกเยอะ

นอกนั้นก็ ดร. เสรี หลอกด่าแสบ  ฮา  วันนี้กะเผลกขึ้นเวที  คนฮากันซะ  ได้ความรู้และได้อารมณ์

เวลาฟังจะสนุก  ยิ่งถ้าด่าริดสีดวง  กับ  เป็ดเหลิม  จะแพรวพราวเป็นพิเศษ  แฟนเยอะมาก

แต่อาจารย์ต้องระวังนิดนึง  เพราะบางประโยคอาจโดนโจมตีได้  

รองมาก็ เจ๊ปอง  เจ๊มีพรสวรรค์  ปลุกระดมคนเก่ง  บงการเวทีเก่ง  ด่าแสบ  ด่าหน้าตาย  ด่าสามวันไม่ซ้ำ 

จัดเป็นฝ่ายต่อสู้ด้วยปาก  ที่ต่อให้อำมาตย์แดงทั้งฝูงเรียงหน้าเข้ามาเลย  ต้านวาจาเจ๊แกไม่ได้หรอก

สี่ตุ๊ดตู่  สองคางคก  สามนกแสก ก็ด่าสู้เจ๊แกไม่ได้  

ทางกฏหมาย ต้องยกให้ 2 สัน คือ  อ. แก้วสรร  กับ อ. คมสัน  เก่งทั้งคู่  ท้าทาย  ให้เคล็ดลับ

ไปต่อสู้กับตำกวดที่พอจะทำได้ไม่เสี่ยงมาก คมคายทั้งคู่ อ. จักร  อีกคน  เน้นฮาเป็นสีสัน  

ยังมีอีกหลายท่านที่ไม่ได้พูดถึง  แต่ทุกท่านก็เป็นกำลังสำคัญของ กปปส  ที่สร้างให้เวทีมีความหลากหลาย

เป็นเสน่ห์ที่มีแต่บนเวที  กปปส  เท่านั้น  ตอนมีเวทีเยอะๆ  จะไปเวทีไหนก็เสียดายปราศัยอีกเวทีบ่อยๆ 

บางทีดูถ่ายทอดอยู่บ้าน  เห็นช่องเล็กอีกเวทีมีคนที่อยากฟังมาออก  ก็อยากให้ไปถ่ายทอดเวทีนั้นประจำ    

ถ้าตัดกำนันสุเทพออก ผมชอบ

1.อรรถวิทย์ สุวรรณภักดี

2.ประสาร มฤพิทักษ์ (ชอบจริงๆเวลาพูดว่า "อย่าไปเอ่ยชื่อเค้านะครับ  ......  เนี่ยนะครับอย่าไปเอ่ยชื่อ   )

3.แทนคุณ จิตอิสระ

4.แก้วสรร อติโพธิ (เฮ้ย.. ไอ้ชิบหาย    )

5.อัญชะลี ไพรีรัก

6.น้องตั๊น     

อีกหนึ่งคนที่ผมอยากให้กำลังใจคือคุณอี้ครับ ผมว่าแกเป็นพิธีกรที่่พูดได้ทุกช่วงเวลาจริงๆ ไม่รู้ว่าเอากำลังมาจากไหน ชอบอาจารย์ปิง กับอาจารย์กบ สนุกดีคู่นี้

เคยคุยกับแกที่กระทรวงคลัง ก็สุภาพดีครับ แต่เรื่องด่ารัฐบาลนี้แกจัดเต็ม ผมให้กำลังใจครับ เป็นอีกหนึ่งคนที่สู้ไม่ถอยเหมือนกัน

 

 

 

 

https://www.facebook...668232213241980

คลิปแถวแจ้งครับ คนถ่ายบอกว่าการ์ดยิงมั่วอีกแล้ว ไตร่ตรองพิจารณากันเองครับ

 

จริงๆผมอยากให้มีคลิปจะๆเลยนะ

เพราะจากคลิปนี้ก็มีแต่เสียงคนพูด(ไม่อยากบอกว่าใครโกหก เพราะไม่อยู่ในเหตุการณ์)

 

อยากเห็นชัดๆ 

 

ใครไปเวทีแจ้งวัฒนะบ่อยๆ มาแถลงไขหน่อยครับ บริเวณนั้นเป็นยังไงบ้าง

 

 

ลองไป surway กับผมซักรอบมั้ยครับ คุณไทยไม่ทน ไปนอนฟังเสียงปืน ระเบิด ให้ลื่นหูซักคืน       

 

 

จากที่ลองหาข่าวนะครับ(จากที่โพสชื่อดัง กับโพสเล็กๆย่อยๆ หลายๆอัน)

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเวทีที่ไม่มีการอัพเดทข่าวสารเท่าไหร่ 

 

เวทีแจ้งวัฒนะ โดนโจมตีบ่อยมากๆ(และไม่มีการอัพเดทข่าวสาร)

 

เวทีแจ้งวัฒนะ การ์ดไม่ค่อยเป็นมิตร(อันนี้ผมค่อนข้างเชื่อ เพราะคนใกล้ตัวเล่าให้ฟัง)

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเขตอันตราย เข้าไปแล้ว ห้ามออกมาจนกว่าจะเช้า

 

เวทีแจ้งวัฒนะ พระพุทธอิสระออกหน้าปกป้องผู้ชุมนุมและการ์ดตลอด

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเวทีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด ถ้าเทียบกับเวทีอื่นๆ เผลอๆภาพลักษณ์ติดลบยิ่งกว่า คปท.

 

เวทีแจ้งวัฒนะ คงอยู่เพื่อปกป้ององค์กรณ์อิสระ และเป็นเวทีกันชน

 

เวทีแจ้งวัฒนะ ไม่ยุบ ไม่ย้าย จนกว่าจะชนะ

 

 

ตัวผมเองไม่เคยไปเลย พูดตรงๆว่าอคติกับเวทีนี้นิดหน่อย แต่ก็เข้าใจความจำเป็น

มันคงมีความสำคัญบางอย่างล่ะครับ จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเวทียุบไปแล้วดูผลที่ตามมา

 

ถูกทุกข้ออ่ะครับ  ขนาดเวทีอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมน่ะครับ นั่งรถ 15 นาที ถึง ๆ ผมว่ามันยังเดินทางไปลำบากเลยอ่ะครับ เพราะมันอันตราย

รามคำแหงที่ว่า เข้าง่าย ออกยาก มาเจอเวทีที่ แจ้งวัฒนะเข้าไป เข้ายาก แต่ออกโคตรจะยากกว่า   

 

ไม่ทุกข้อครับ

เวทีนี้ไม่มีนักพูดระดับแม่เหล็ก แต่ก็เห็นหลายท่านพยายามแวะเวียนมาบ้าง

เวทีนี้ไกลจากในเมือง คนเมืองหลวงมาไม่สะดวก

ไม่ได้มีการเหนี่ยวรั้งผู้เข้าร่วมชุมนุมอย่างที่กล่าวถึง ผมไปหัวค่ำกลับสี่ทุ่มประจำ

ผมเฉยๆกับการ์ด ไม่ไปข้องแวะกับเขาเขาก็ไม่ยุ่งกับเรา การจัดการอาจเด็ดขาดบ้างแต่ก็เห็นถึงความจำเป็น

ผมไปบ่อยครับ บ้านอยู่ปากเกร็ด บางทีก็เอาของไปบริจาคบ้าง การเข้าและออกไม่ได้ยุ่งยาก การตรวจค้นมีตลอด

แต่บริสุทธ์ใจให้ตรวจแต่โดยดีก็ไม่เห็นมีอะไรที่่ต้องกลัว

ข้อสุดท้าย เป็นเวทีท่ีอาหารแจกอร่อยมาก หลากหลายและบริบูรณ์ที่สุดครับ

 

 

 

 

https://www.facebook...668232213241980

คลิปแถวแจ้งครับ คนถ่ายบอกว่าการ์ดยิงมั่วอีกแล้ว ไตร่ตรองพิจารณากันเองครับ

 

จริงๆผมอยากให้มีคลิปจะๆเลยนะ

เพราะจากคลิปนี้ก็มีแต่เสียงคนพูด(ไม่อยากบอกว่าใครโกหก เพราะไม่อยู่ในเหตุการณ์)

 

อยากเห็นชัดๆ 

 

ใครไปเวทีแจ้งวัฒนะบ่อยๆ มาแถลงไขหน่อยครับ บริเวณนั้นเป็นยังไงบ้าง

 

 

ลองไป surway กับผมซักรอบมั้ยครับ คุณไทยไม่ทน ไปนอนฟังเสียงปืน ระเบิด ให้ลื่นหูซักคืน       

 

 

จากที่ลองหาข่าวนะครับ(จากที่โพสชื่อดัง กับโพสเล็กๆย่อยๆ หลายๆอัน)

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเวทีที่ไม่มีการอัพเดทข่าวสารเท่าไหร่ 

 

เวทีแจ้งวัฒนะ โดนโจมตีบ่อยมากๆ(และไม่มีการอัพเดทข่าวสาร)

 

เวทีแจ้งวัฒนะ การ์ดไม่ค่อยเป็นมิตร(อันนี้ผมค่อนข้างเชื่อ เพราะคนใกล้ตัวเล่าให้ฟัง)

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเขตอันตราย เข้าไปแล้ว ห้ามออกมาจนกว่าจะเช้า

 

เวทีแจ้งวัฒนะ พระพุทธอิสระออกหน้าปกป้องผู้ชุมนุมและการ์ดตลอด

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเวทีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด ถ้าเทียบกับเวทีอื่นๆ เผลอๆภาพลักษณ์ติดลบยิ่งกว่า คปท.

 

เวทีแจ้งวัฒนะ คงอยู่เพื่อปกป้ององค์กรณ์อิสระ และเป็นเวทีกันชน

 

เวทีแจ้งวัฒนะ ไม่ยุบ ไม่ย้าย จนกว่าจะชนะ

 

 

ตัวผมเองไม่เคยไปเลย พูดตรงๆว่าอคติกับเวทีนี้นิดหน่อย แต่ก็เข้าใจความจำเป็น

มันคงมีความสำคัญบางอย่างล่ะครับ จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเวทียุบไปแล้วดูผลที่ตามมา

 

ถูกทุกข้ออ่ะครับ  ขนาดเวทีอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมน่ะครับ นั่งรถ 15 นาที ถึง ๆ ผมว่ามันยังเดินทางไปลำบากเลยอ่ะครับ เพราะมันอันตราย

รามคำแหงที่ว่า เข้าง่าย ออกยาก มาเจอเวทีที่ แจ้งวัฒนะเข้าไป เข้ายาก แต่ออกโคตรจะยากกว่า   

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเวทีที่ไม่มีการอัพเดทข่าวสารเท่าไหร่   ใช่ครับ

เวทีแจ้งวัฒนะ โดนโจมตีบ่อยมากๆ(และไม่มีการอัพเดทข่าวสาร) ใช่ครับ

เวทีแจ้งวัฒนะ การ์ดไม่ค่อยเป็นมิตร(อันนี้ผมค่อนข้างเชื่อ เพราะคนใกล้ตัวเล่าให้ฟัง) อันนี้ขอขยายความเนื่องจากเวทีนี้ จับผู้แฝงตัวเข้ามาได้เป็นรายวัน เกือบทุกวัน 7วันจับได้วัน2-5คน ถามว่าแฝงเข้ามาทำอะไร คาดว่า 1ชี้จุด 2จดจำชื่อหรือหน้าตาการ์ด 3อยู่ติดกับกลุ่มคนเสื้อแดงมาก บอกตรงๆว่าไม่เกิน200-300เมตรก็เจอบ้านผู้นำแดงบางคน

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเขตอันตราย เข้าไปแล้ว ห้ามออกมาจนกว่าจะเช้า อันนี้ไม่เคยเจอ เข้าออกได้ปกติแต่ค้นนาน ถามเรื่อยๆ เพราะการถามคือการรู้ถึงสำเนียงการพูดและเป้าหมายการเข้ามา

เวทีแจ้งวัฒนะ พระพุทธอิสระออกหน้าปกป้องผู้ชุมนุมและการ์ดตลอด การ์ดก่อนหน้านี้บอกตรงๆ แย่มาก แต่ปัจจุบัน ดีขึ้นจากคะแนน 3น่าจะเป็น7 แต่หากเป็นผู้ต้องสงสัยหรือคนแปลกหน้าเข้ามา จะโดนติดตามตลอด

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเวทีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด ถ้าเทียบกับเวทีอื่นๆ เผลอๆภาพลักษณ์ติดลบยิ่งกว่า คปท. เนื่องจากเวทีนี้เป็นศูนย์รวมระบบราชการเจอคนจำนวนมาก จึงมีวาทะกันบ่อยๆแต่ไม่เป็นข่าว

เวทีแจ้งวัฒนะ คงอยู่เพื่อปกป้ององค์กรณ์อิสระ และเป็นเวทีกันชน น่าจะใช่ เหตุเพราะมีคนน้อย(คนน้อยเคลื่อนที่สู้และถอยได้เร็ว) แต่เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ ^^

เวทีแจ้งวัฒนะ ไม่ยุบ ไม่ย้าย จนกว่าจะชนะ ยกเว้นสามารถทำตามคำเรียกร้องของหลวงปู่ตามที่เคยเสนอใว้

การ์ตูน ชัย ราชวัตร

ขอบคุณนะครับที่แสดงความรักชาติ...ชอบพี่นกครับ ภาพมีความหมายดี...ส่วนน้องซี...ความจริงก็ดังอยู่แลัวนะ...มองในแง่บวกละ กัน ว่ายังดีที่ถอดแค่ท่อนบน...คงไม่ต้องรักมากกว่านี้เดี๋ยวป้าๆทั้งหลายจะ หัวใจวาย...

หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)

17 มีนาคม 2557่ ช่วงค่ำ เวทีแจ้งวัฒนะ

หลวงปู่พุทธะอิสระ
 

(เจริญมนต์)

สุดยอด วันนี้ยังกับคนเดียวสวด
จวนจะดีแล้ว สังเกตเวลาลูกหลานออกเสียงเจริญมนต์ มันชัดถ้อยชัดคำ มีหลักคิดสองอย่าง
1 ปัญญา. 2 สัญญา
ถ้าเจริญมนต์ด้วยปัญญา มันจะชัดเจน อักขระ มันประกอบด้วยสติ ความระลึกได้ สัมปชัญญะความรู้ตัว เสียง ถ้อยคำ น้ำหนัก ชัดเจน แจ่มใสอยู่ในหัวใจเต็มเปี่ยม

ถ้าใช้สัญญา จะใช้สมอง มันจะล่องลอย มนต์กับเราจะอยู่กันคนละที่ ถ้าฟังดูรู้เรื่องว่าคนๆ นี้ มีปัญญาในการเจริญ หรือใช้สัญญาในการเจริญ ถ้าใช้สัญญา เขาเรียกว่าสาธยาย ถ้าใชีปัญญา เรียกว่าเจิรญ คือกำลังทำจิตให้เจริญ ถ้าใช้สัญญา อย่างดีก็ได้แค่ท่อง จบแล้วไม่เหลืออะไร ไม่ได้อะไร
แต่ถ้าใช้ปัญญา หลังจากการเจริญมนต์แล้วจิตใจ จะโปร่งเบาสบาย ละเอียดละเมียดละไม พร้อมแก่การงานต่อไป แต่ถ้าใช้สัญญา จิตยังหยาบกระด้างอยู่ สักแต่ว่าท่อง บ่น ให้จบๆ ไป เสียเวลาเปล่า

ธรรมะอยู่กับใคร จะทำให้คนๆ นั้นซื่อตรง คือ คิดอย่างไรทำเช่นนั้น ทำเช่นไรพูดเช่นนั้น คือคิด ทำ พูด เรื่องเดียวกัน หลวงปู่ย้ำว่า ตาดูมนต์ ปากท่องมนต์ ใจรู้มนต์ ก่อนจะปฏิรูปรุปคนอื่นสิ่งอื่น สิ่งที่ควรปฏิรูปก่อนคือตัวเราเอง ถ้าตัวเองยังหลอกตัวเองอยู่เนืองๆ ทั้งที่ไม่มีเจตนาจะหลอก แต่มันเป็นสัญญามาข้ามภพข้ามชาติ อย่างตาดูมนต์ ปากท่องมนต์ แต่ใจไม่รู้มนต์ เราหลอกตัวเอง ในมนต์ที่กำลังท่อง สังเกตว่านะโม บทเดียว ดีไม่ดีบางคนยังไม่ได้ครึ่งบท เราแถไปไหนแล้ว ลูกผัวกลับบ้านหรือยัง ปิดแก๊สหรือยัง เสื้อแดงมันจะมาบุกหรือเปล่า กำลังสวดมนต์..ถ้ามันมาจะทำอย่างไร แถไปอย่างนี้ ทั้งหมดเป็นความไม่ซื่อตรง

ธรรมะอยุ่กับใครจะทำให้เป็นคนซื่อตรง ธรรมะคือความเป็นจริง ตอนนี้ความเป็นจริงของเราคือกำลังตาดูมนต์ ปากท่องมนต์ ใจก็รู้มนต์ อย่างนี้เรียกว่าผู้มีธรรมะ

แต่ถ้าเราไม่รู้ตัว แล้วสั่งสมไปเรื่อยๆ วันหนึ่ง เดือนนึง ปีนึง กลายเป็นคนตลบแตลง เมื่อเจอเรื่องจริงก็ไม่รู้จักความเป็นจริง เพราะเป็นสันดานแห่งความหลอกลวง เหมือนพระราชดำรัสในหลวงว่า เราเห็นสิ่งผิดปกติเป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องปกติเป็นเรื่องปลิ้นปล้อนหลอกลวง เห็นดำเป็นขาว เห็นขาวเป็นดำ ดูของจริงไม่รู้ พอคนมาบอกเรื่องจริงให้รู้ก็ไม่ยอมรับ ปฏิเสธ ทั้งหมดมาจากการอบรม สั่งสมอุปนิสัย
ใจคอ จิตวิญญาณตน เริ่มจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ การกระทำ คำที่พูด สมอง กาย วาจา เราสั่งสมความปลิ้นปล้อน มดเท็จ วันหนึ่ง สัปดาห์หนึ่ง ปีหนี่ง ชาติหนึ่ง หลายชาติ จนกลายเป็นนคนบาป สุดท้ายเมื่อได้เจอพระพุทธเจ้าก็บอกว่าไม่ใช่ เจอพระธรรมก็บอกว่าเป็นของปลอม เจอสิ่งที่โกหกบอกว่าใช่ จริง เพราะมันฝึกนิสัยมาอย่างนี้ พระพุทธเจ้าจึงบอกว่าว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ผู้ทำบุญมาแล้วแต่กาลก่อนก็จะได้รับผลในปัจจุบัน บุคคลทำกรรมเช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น

ฉะนั้นเรืองเล็กๆ น้อยๆ ต้องใส่ใจ สังเกตหลวงปู่ จะทำ พูด คิด จะจริงจัง ให้ความสำคัญกับมันมาก ไม่ว่าเรื่องเล็กใหญ่ ยาวสั้น หลวงปู่จะให้ความสำคัญทุกรายละเอียด เพราะทุกเรื่องเป็นสิ่งที่มีค่าที่เข้ามาและออกไป อย่างผู้เรียนรู้ศึกษา แต่ถ้าเรามองอย่างไร้ค่า ประสบการณ์ในการศึกษาเราจะไม่เพิ่มพูน แล้วเราจะหยาบกระด้าง ไม่ทะลุปรุโปร่ง แก้ปัญหาไม่ได้ สุดท้ายตัวเราจะกลายเป็นปัญหา มันมาจากการสวดมนต์ ลูกหลานราชสีห์ทั้งหลายทำอะไรอย่าทำแต่ซาก จงทำพร้อมใช้ติปัญญา ความรู้สึกนึกคิดไปด้วย แล้วเรื่องน้อยนิดเหล่านั้นจะกลายเป็นประสิทธิภาพ ที่เยี่ยมยอดที่เราได้เรียนรู้ ศึกษา สั่งสมปัญญา ไม่ใช่สั่งสมสัญญา สัญญาไม่ต้องสั่งสม แต่ปัญญาต้องทำ คนบางคนไม่เคยใช้ปัญญา ใช้แต่สัญญา แล้วอะไรคิดตัวตรึก อะไรคือ การใคร่ครวญ นิสัมมะกรณังไสยโย เรื่องอย่างนี้ต้องฝึกฝน อบรม ปฏิบัติ

วันนี้เรามาสำรอกตัวเรา หยิบมาทั้งวันรู้จักวาง
ถ้าไม่สั่งสม อบรมเรียนรู้ ทองก็กลายเป็นขี้ได้ เห็นทองไม่มีคุณค่า
เมื่อใดเราเห็นสิ่งอื่นไม่มีคุณค่าก็เท่ากับดูถูกตนเอง
เมื่อใดที่เรามองเห็นคนอื่นสิ่งอื่นมีค่า เท่ากับว่าเราได้ยกตัวเองเป็นผู้มีค่า ปฏิบัติคุณธรรม เป็นผู้ที่มีพัฒนาการ ซื่อตรง ชัดเจน เรียกว่าทำอย่างไรพูดอย่างนั้น พูดอย่างไรคิดอย่างนั้น ต่อไปนี้ไม่ว่าจะคิด จะพูดอะไรอย่างไร อย่าหลอกตัวเอง อย่าหลอกตัวเองเลว หลอกคนอื่นชั่ว อย่าใส่หน้ากากเข้าหากัน ใส่มายาการให้กันและกัน ไม่มีความจริงใจให้แก่กัน เวทีนี้ไม่มีหน้ากากให้ใส่ มีแต่หนังหน้าล้วนๆ มองตาก็รู้ใจ ไม่มีเรื่องราวที่ต้องมาโกหกต่อกัน ทุกคนเปิดใจกันรู้จักใจกัน ดีกว่ารู้จักหน้า ทีเรียกว่า รู้จักใจ แม้ไม่เคยเห็นหน้าก็สุดยอดแห่ง ความรู้จัก ต่อไปนี้ทำอะไรต้องทำจริงๆ จังๆ อย่าเหลาะแหละ ปลิ้นปล้อนตลบแตลง เราทำอะไรไม่หายไปไหน มันเป็นอกุศลมูล เมื่อไหร่หลอกครั้งหนึ่ง อาทิตย์หนึ่ง เดือนหน้าก็หลอกต่อไปเรื่อยๆ จนเป็นสันดาน ในมุมกลับกัน ถ้าเราจริงใจ จริงจัง จับจ้อง จดจ่อ วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืน อาทิตย์ เดือนทั้งเดือน มีแต่ความจริงใจ จริงจัง จับจ้อง จดจ่อ ชาติต่อไป คนพวกนี้เหมือนดั่งดอกบัวที่พ้นน้ำ สั่งสมอุปนิสัยที่พร้อมจะบานรับแสงอาทิตย์ แค่พระพุทธเจ้า ยิ้มให้เราเราก็บรรลุธรรมได้ เพราะเราฝึกฝนอบรมตนให้รู้เรื่องจริง ธรรมะคือเรื่องจริง ชีวิตเรามีพัฒนาการพร้อมรับเรื่องจริงตลอดเวลา มันเห็นมีแต่ความจริง พอใครมาแสดงความไม่จริง มีอุบายที่แสดงออกมาหลอกล่อ เราก็จะรู้เท่าทันหมด เพราะทั้งชีวิตเราอยู่กับเรื่องจริง เรื่องไม่จริงเรารู้เท่าทัน เรื่องจริงกับไม่จริงมันต่างกัน เพราะเรื่องจริงคือความสว่าง เรื่องไม่จริงคือความมืดบอด เมื่อเราอยุ่กับความสว่างตลอดชีวิต เห็นความมืดบอดเราก็รู้ได้ เราต้องฝึก ถ้าอยากเป็นบัวพ้นน้ำ เริ่มจาก...

"จริงใจ จริงจัง จับจ้อง จดจ่อ "

เราจะพัฒนาการกลายเป็นดอกบัวที่รับแสงอาทิตย์ตลอดเวลา ไม่ใช่ดอกบัวที่จมกลายเป็นอาหารเต่าปลา

"จริงใจ จริงจัง จับจ้อง จดจ่อ "ฝึกได้จากการไม่ใส่หน้ากากให้ตัวเอง คนอื่น
จากการที่คิด ทำ พูด เรื่องเดียวกัน คือการสั่งสมอบรมสันดานแห่งผู้พัฒนาที่เจริญ และเข้าสู่อริยมรรควิถีอย่างชัดเจน เป็นดอกบัวที่พ้นน้ำ เจอแสงอาทิตย์นิดหน่อยก็พร้อมที่จะเบ่งบานสมบูรณ์ บรรลุธรรมได้

หลับตา กำหนดวางทุกอย่าง มือวาง เท้าวาง กายวาง สมองวาง อารมณ์วาง
เดี๋ยวความว่างมันเกิดตามมาเอง เริ่ม

สมองโล่งๆ อารมณ์โล่งๆ ใจโล่งๆ กายโล่งๆ มันได้มาจากความวางแล้วว่าง

กลับไปอยู่กับลมหายใจ
หายใจเข้า ภาวนาว่า "สัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข"
หายใจออก ภาวนาว่า "สัตว์ทั้ลปวงจงพ้นมุกข์"
วันนี้เอา 12 คู่ ทำด้วยความจริงใจ จริงจัง จับจ้อง
จริงใจ จริงจัง จับจ้อง

เสร็จแล้วเจริญมนต์เป็นพระราชกุศลต่อ
เจริญอย่าง จริงจัง จริงใจ จดจ้อง จดจ่อ นะลูก

_______

(เสียงโห่ร้อง และนกหวีด ดังกระหึ่ม)

เป็นอะไรลูก ประกาศศักดา ลูกหลานราชสีห์ เรื่องที่พูดเมื่อกี้เป็นความสำคัญอย่างยิ่ง

เราแยกไม่ออกว่าอะไรคือการใส่หน้ากาก อะไรคือหนังหน้าแท้ บางทีก็ใส่หน้ากากเข้าบ้าน จนทั้งบ้านไม่มีความจริงใจ ถ้ามีความจริงใจเราจะแก้ปัญหาในบ้านได้ทุกเรื่อง แต่ถ้าใส่หน้ากาก มันจะคุยกันไม่ได้ แล้วก็มีปัญหาค้างคาใจ ทำให้ปัญหามันเรียนรู้ไม่ได้ เพราะตัวเรามีวิถึ ทำคิด พูดที่สวนทางกับธรรมะ ธรรมชาติ ความเป็นจริง เราเลยไม่มีสิทธิ์ไปเรียนรูัเรื่องจริง ที่มีอยู่จริง เพราะชีวิตเรามันปลอมตลอด ใส่หน้ากากตลอดมีสิ่งที่ไม่จริงอยู่ในการคิด ทำพูดตลอด หลายสิ่งในชีวิตเราแยกไม่ได้เลยว่าอะไรคือของจริง หรือโกหก เราก็ทำอย่างนี้มาตลอด แม้ว่า พระพุทธเจ้ามาแสดงธรรมต่อหน้าก็ไม่รู้เรื่องเพราะชีวิตไม่เคยมีพัฒนาการในการสั่งสมความจริง เหมือนอุปการชีวก เป็นคนหากินโดยการพูดโกหก หรือศาลาโกหก ให้ประชาชนฟังเพราะเป็นพราหมณ์เฒ่า ก็หาเรื่องโกหกให้คนฟัง เขาชื่นชอบก็ให้ข้าวให้น้ำ ครั้งที่พระพุทธเจ้าบรรลุอนุตร สัมมาสัมโพธิญาณ คนที่ได้พบคนแรกคือ อุปการชีวก ซึ่งควรจะได้อานิสงส์มาก แต่เมื่อเจอพุทธเจ้า อุปการชีวก กลับถามว่าท่านเรียนรู้ศึกษาธร รมจากใคร ใครเป็นคนสอนท่าน เพราะมีฉัพพรรณรังสี สว่างถึง 6 สี ท่านผ่านมาก็แปลกใจว่า บุรุษนี้ต้องเป็นผู้วิเศษ ก็เข้าไปถามว่า ท่านปฏิบัติธรรมอย่างไร ใครเป็นครูของท่าน พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราปฏิบัติธรรมะ ไม่มีใครเป็นครูของเรา เราเป็นพระศาสดาตรัสรู้เองโดยชอบ อุปการชีวกไม่เชื่อ ส่ายหัวแล้วก็เดินไป เพราะทั้งชีวิตของอุปการชีวก ไม่ได้จรดจ่อ จริงจัง จริงใจ จับจ้อง ถ้าจรดจ่อคือโกหก หลอกลวงเพื่อหากินเลี้ยงชีพไปวันๆ เมื่อเจอคนจริง เลยไม่รู้ว่าของจริงต่างจากของไม่จริงอย่างไร

พวกเราทั้งหลายใส่หน้ากากเข้าหากันตลอดเวลา จนลืมถอดหน้ากากออก เมื่อมีปัญหาก็ยากแก้ไข เพราะทุกคนมีมารยาสาไถย หลอกกันไปมา สุดท้ายเรื่องจริงก็ไม่ปรากฏ แก้ปัญหาไม่ได้ ลุกก็ฆ่าพ่อแม่ ฆ่าน้อง เพราะทุกคนในสังคมไม่มีความจริงใจ ไม่จริงจัง จับจ้อง ทำอะไรชนิดที่หลอกลวงตลอดเวลา ตลบแตลง ปลิ้นปล้อน ที่สุดคือหลอกตัวเองอยู่ทุกขณะ แม้จะกิน จะเดิน จะนั่งจะนอน ถ้าเราไม่หลอกตัวเองเราจะรู้ว่าอาหารที่ตักมามันเหมาะสมแก่ เราไหม ถ้าเราเอาความอยาก โลภโมโทสัน เราก็ไม่รู้ว่าจริงๆ ท้องเราต้องการอะไร ปฏิเสธเรื่องจริง อย่างนี้เป็นต้น ลูกหลานที่รัก เวทีนี้เราคุยกันเรื่องการปฏิรูปประเทศ ก่อนที่จะปฏิรูปประเทศ เรามาเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนดีไหม (ดี)

เริ่มตั้งแต่เวทีนี้ ต่อไปนี้อย่าใส่หน้ากากเข้าหากัน มองตารู้ใจ รู้จักใจไม่ต้องรู้จักหน้า

"ลูกรัก รู้จักหน้าไม่รู้จักใจเหมือนไม่รู้จัก รู้จักใจไม่รู้จักหน้า สุดยอดรู้จัก"

ก่อนจะปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปกฎหมาย เรามาเปลี่ยนตัวเองกันก่อน เปลี่ยนคนอื่นลำบาก เปลี่ยนตัวเองไม่ยากหรอกลูกเอ๋ย ต่อไปนี้ทำอะไรต้องซื่อตรง ทำอย่างไร พูดอย่างนั้น คิดอย่างไรทำอย่างนั้น คนที่เป็นอย่างนี้ไม่มีฟอร์ม ไม่รักษาภาพ มันต้องมีภาพอะไร เพราะทุกอย่างมันจริงไปหมด ที่มันต้องรักษาภาพเพราะภายในมันอัปรีย์ ถ้าอย่างนี้ไม่ถูกต้อง ถ้าคิดจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงประเทศต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน แล้วหนึ่งหัวหนึ่งตัวของเราจะแข็งแกร่งมาก เราจะเข้าใจสุขทุกข์คนอื่นได้มากขึ้น ถ้าแม้แต่ตัวเราเรายังไม่เข้าใจเลย แล้วเราจะมีแรงไปแก้ไขคนอื่นได้อย่างไร

วันนี้มีสหภาพการไฟฟ้านครหลวงมาขอพร ถามว่ามาทำไม มาขอพรหลวงปู่ ผมลงสมัครเลือกตั้งประธานสหภาพ เขาบอกว่าหมดวาระ แล้วยังไง ขอให้หลวงปู่ให้พร เพื่อจะไปขับเคลื่อนสหภาพการไฟฟ้านครหลวง หลวงปู่บอกว่า สำคัญที่สุดต้องเปิดใจกว้าง ให้คนทั้งหลายเห็นความจริงใจของเรา พลังในตัวเรา ว่ามีความแกร่งกล้าสามารถ ที่จะใข้พลังเพิ่อประโยชน์คนส่วนใหญ่ ทำให้เขารู้อย่างนี้ และปลดเปลื้องพันธะนาการของสหภาพจากการครอบงำของนักการเมืองให้ได้ นั่นเป็นกุศโลบาย นโยบายที่ใครก็ทำไม่ได้ เราจะทำให้สมาชิกทั้งหมด เขารู้ว่าฉันมีพลังที่จะให้คุณพึ่งได้ด้วยความจริงใจ และจะทำให้คุณไม่ต้องอยู่ใต้อุ้งตีนอุ้งมือนักการเมืองต่อไป ถ้าทำอย่างนี้ได้ คุณมีชัยชนะ เขาก็รับปากว่าจะกลับไปทำ
ฉะนั้นเวทีนี้อยู่ได้ด้วย ความจริงใจ และสติปัญญา เวทีอื่นเขาอยู่ด้วยมวลชนจัดตั้ง แต่เราไม่ใช่ มาด้วยใจล้วนๆ ถึงเวลาเราก็มา พอเห็นท่าว่าไม่ดี เราก็ไป (ฮา) ไปไหม (หัวเราะ) ไปไหม (ไม่ไป )
เห็นท่าว่ารอด ก็มา เห็นท่าไม่ดี ก็ดูก่อน..(ฮา)
วันนี้ขอบใจลูกหลานเอาน้ำฉีดชีวภาพมาให้ เสียดายมาช้า เมื่อคืนนี้มีมอไซค์ 300 คันแล้วมายิงปืนใสการ์ด 1 ลูก แล้วก็ลูกหลานเอาถังดับเพลิงมาให้ เดี๋ยวต้องสอนวิธีใช้ การ์ดของเรามันซื่อมาก
______

(หลวงปู่อ่านพระราชหัตถ์เลขา ร.7 ที่ทรงเขียนที่เมืองแครนดี้ ประเทศอังกฤษ หลังจากที่ทรงลี้ภัยไปจากคณะราษฎร์ ทรงเขียบรรยายความรู้สึกที่คณะราษฎร์ โดยพระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดอำนาจ และปกครองอย่างไม่เป็นประชาธิปไตย ......)

______

ที่ต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมากล่าวอ้างว่าลัทธิ ประชาธิปไตย ที่รัฐบาลพยายามมาอ้างมันไม่ได้เกิดจาก ประชาธิปไตย จริงๆ มันเกิดมาจากรัฐประหาร และต่อมาก็เห็นได้ว่ามีการลอบปลงพระชนม์ ร.8 ในห้องบรรทม จนมาถึง รัชกาลปัจจุบัน พระองค์ทรงต่อสู้กับปัญหาทั้งในประเทศ นอกประเทศ ทรงอยู่อย่างทุ่มเท เสียสละ ต่อความสุขทุกข์ของอาณาประชาราษฏร์ แม้แต่พระเชษฐายังโดยปลงพระชนม์ แล้วพระองค์เป็นพระองค์น้อย พระองค์ทรงมีชีวิตอยู่ท่ามกลางควันปืนมีชีวิตมาจนวันนี้ พวกเราลองหลับตาพระองค์ทรงทุ่มเทขนาดไหน

แล้วไอ้ตระกูลชิน ไอ้หน้าเหลี่ยมมันทุ่มเท เสียสละอะไรให้แผ่นดินนี้บ้าง โคตรเหง้ามันตายเพราะประชาธิปไตยมากี่คน มันถึงบังอาจ มันถึงคิดว่าจะล้มล้างราชวงศ์ ก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ ก่อตั้งระบอบประธานาธิบดี ยอมได้ไหมลูก ก็บอกว่า "สู้ที่นี่ สู้ตรงนี้ สู้จนตาย ถึงเป็นคนสุดท้าย กูก็จะสู้"

ขอเพลงถามคนไทยหน่อย

เปิดเพลง ถามคนไทย และเพลงหนักแผ่นดิน

หลวงปู่ : ที่ต้องนำมาพูดให้ลูกหลานฟังว่ากระบวนการล้มเจ้ามันมีตั้งแต่ 2477 แล้ว ไม่เช่นนั้นพระเชษฐาธิราชไม่โดนลอบปลงพระชนม์ เพราะเขาต้องการครอบครองยุวกษัตริย์ ที่ทรงพระเยาว์ โชคดีที่ทรงมีพระมารดาที่ทรงชาญฉลาด และทรงพระคุณยิ่ง ทรงหาทางมีกุศโลบายที่จะหลบเลี่ยง ถ้าเราไม่ได้ผูัหญิงที่ใจเพชรพระองค์นี้ วันนี้คงไม่มีราชสกุลจักรีวันนี้ แต่ทรงมีใจเพชร ทรงอบรมยุวกษัตริย์ให้รู้จักนอบน้อมถ่อมตน สู้ในเวลาที่ควรสู้ หมอบในเวลาที่ควรหมอบ รบในเวลาที่พร้อมรบ คำสอนเหล่านี้ทำให้เรามีกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชา เอาประเทศคืนมาได้จากอำนาจเถื่อนถ่อยที่เรียกว่าอำนาจประชาธิปไตย

หลวงปู่จึงถามว่า โคตรเหง้าตระกูลชินมันทำอะไร สละเลือดกี่หยดแก่แผ่นดินนี้ ทำไมมันจึงแสดงอำนาจบาตใหญ่ด้วยพลังเงินที่มันโกงพวกเราไป เอาเงินทุ่มซื้อชีวิตคนในแผ่นดิน และคนที่มาชุมนุมที่อยุธยา ปราจีนบุรีซึ่งพอรับเงินแล้วก็ต่างคนต่างไปตัวใครตัวมัน

พอได้แล้วตระกูลชินเอ๋ย หยุดเสียที ตราบใดที่กูยังมีชีวิตอยู่มึงไม่มีสิทธิ์จะแสดงอำนาจในแผ่นดินนี้ต่อไป กูยอมมึงมาเยอะแล้ว ต่อไปนี้กูจะไม่ยอมมึงอีกแล้ว ยกเว้นมึงจะฆ่ากูตายเสียก่อน

เดี๋ยวให้ กปปส. อ่านบทความใน หนังสือพิมพ์แนวหน้า เปลี่ยนอารมณ์มั่งเดี๋ยวน้ำตาหมดบ่อ

(กปปส. อ่านบทความ)

สวัสดีเพื่อนๆ เวทีแจ้งวัฒนะ
วันนี้ หนังสือพิมพ์แนวหน้า เขียนบทความว่า "พระสู้ศึก" โดยนามปากกา "เสาชิงข้า หน้าโบสถ์พราหมณ์ "
ผมขอนำมาอ่านให้ฟัง

ในสมัยอยุธยาก่อนเสียกรุงครั้งที่สอง “พระอาจารย์ธรรมโชติ” เป็นพระสู้ศึกประสิทธิ์ประสาทวิทยาคมบำรุงขวัญชาวบ้านบางระจัน เมืองสิงห์บุรี ทำการรบต่อสู้กองทัพพม่าอย่างสุดชีวิตถึง 8 ครั้ง เพื่อยับยั้งกองทัพพม่าซึ่งนำโดย เนเมียวสีหบดี ไม่ให้เดินทัพเข้าเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ได้โดยง่าย การสู้รบในครั้งนั้น ใช้เวลาถึงหนึ่งปีครึ่ง ตั้งแต่เดือนสี่ ปีระกา พ.ศ. 2308 จนถึงเดือนเจ็ด ปีจอ พ.ศ. 2309 วีรกรรมของชาวบ้านบางระจันได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยมาจนถึงทุกวันนี้

ประเทศไทยยุคปัจจุบัน ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของระบอบทักษิณ เป็นการปกครองด้วยโจร หรือ“โจราธิปไตย” นำความเสื่อมทรามมาสู่สังคมไทยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นอันตรายต่อสถาบันชาติ และ สถาบันพระมหากษัตริย์

สถาบันชาติถูกบ่อนทำลาย : รัฐบาลยิ่งลักษณ์ภายใต้ระบอบทักษิณ ได้สร้างความแตกแยกภายในชาติ สนับสนุนแกนนำ นปช.แดง ให้ปลุกระดมมวลชน จัดตั้งกองกำลังไว้เป็นฐานอำนาจ จนเกิดความฮึกเหิมเสนอให้มีการแบ่งแยกดินแดน โดยมีรัฐมนตรีมหาดไทยให้การสนับสนุน ยืนยันที่จะดำเนินการตามที่แกนนำ นปช.แดงเสนอ นอกจากนี้ รัฐบาลนังยิ่งลักษณ์ภายใต้ระบอบทักษิณ ยังเอื้ออำนวยให้มีการคอร์รัปชั่นชนิดปล้นบ้านกินเมือง โกงเงินจำนำข้าวชาวนาเป็นจำนวนถึง 1.3 แสนล้านบาท ปล่อยปละละเลยไม่มีความจริงใจและจริงจังในการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกจาบจ้วงล่วงละเมิด : รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ภายใต้ระบอบทักษิณ ปล่อยปละละเลยให้มีการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เสมอ และ ตลอดมา

“หลวงปู่พุทธอิสระ” เล็งเห็นถึงภัยพิบัติของระบอบทักษิณที่ทำลายสถาบันชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ จึงประกาศตัวเป็นพระสู้ศึกเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนเสื้อเหลืองต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทรราชทักษิณในช่วงปี 2548 - 2552 ต่อมาเมื่อเกิดมวลมหาประชาชนขึ้นขับไล่นังยิ่งลักษณ์และ ระบอบทักษิณภายใต้การนำของ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข”หรือชื่อย่อว่า “กปปส.”มีกำนันสุเทพ เป็นเลขาธิการ กปปส. “หลวงปู่พุทธอิสระ”ก็เข้าเป็นแนวร่วมด้วย

“หลวงปู่พุทธอิสระ” พระสู้ศึกนำมวลมหาประชนจำนวนหนึ่งชุมนุมต่อสู้ขับไล่ระบอบทักษิณ ยึดศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะเป็นที่มั่น “หลวงปู่พุทธะอิสระ” มีปณิธานแน่วแน่ และ ยึดมั่นในหลักการต่อสู้แบบสงบ สันติ อหิงสา เช่นเดียวกับกำนันสุเทพ แต่การนำมวลชนของหลวงปู่ค่อนข้างจะเป็นอิสระจาก กปปส. สมฉายาว่า “พุทธอิสระ” (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานอย่างอิสระ) จนบางครั้งกำนันสุเทพต้องสะกิดเตือนหลวงปู่ให้เบาๆ ลงเสียบ้างเพราะเกรงจะถูกข้อหากบฏ

การต่อสู้ของ“หลวงปู่พุทธอิสระ”ในยุครัตนโกสินทร์นี้ แม้เป็นพระสู้ศึกเหมือน“พระอาจารย์ธรรมโชติ”ในสมัยอยุธยาคือ ออกมาต่อสู่ร่วมกับประชาชนขับไล่อริราชศัตรูของแผ่นดิน แต่มีวิธีการที่แตกต่างกันคือ “พระอาจารย์ธรรมโชติ”ประสิทธิ์ประสาทวิทยาคมบำรุงขวัญชาวบ้านบางระจันให้มีความฮึกเหิมต่อสู้ขับไล่กองทัพพม่า แต่“หลวงปู่พุทธอิสระ”ยึดหลักคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า “ธรรมใดเกิดแต่เหตุ หากจะดับธรรมนั้นต้องดับที่เหตุ” เมื่อระบอบทักษิณเป็นต้นเหตุแห่งความหายนะของประเทศ ก็จำต้องขับไล่นังยิ่งลักษณ์และระบอบทักษิณออกไป หลวงปู่พุทธอิสระใช้“ธรรมนำมวลชน” เทศนาให้เข้าใจความชั่ว ความดี พร้อมกับการสวดมนต์ภาวนาหลอหลอมจิตใจผู้ชุมนุมให้มีสมาธิมั่นคงมีความแน่วแน่มุ่งมั่นกระทำแต่ความดีเพื่อแผ่นดิน ไม่เกรงกลัวภยันตรายจากน้ำมือเหล่าโจรอันธพาล สมุนบริวารของรัฐบาลทรราช

พฤติกรรมของหลวงปู่พุทธอิสระที่ออกมานำมวลชนต่อสู้กับรัฐบาลทรราช อาจจะไม่เหมาะสมเรียกว่า “โลกะวัชชะ”คือขาดวินัยสงฆ์และไม่สำรวมในวัตรปฏิบัติแห่งสงฆ์ เป็นที่ติเตียนของประชาชนบางกลุ่มบางพวกอยู่บ้าง แต่ก็เป็นพฤติกรรมที่เปิดเผย แสดงตนปกป้องชาติบ้านเมืองไม่ให้ล่มสลายด้วยน้ำมือนางมารร้ายยิ่งลักษณ์และระบอบทักษิณ นอกจากนี้ หลวงปู่พุทธอิสระยังเปี่ยมด้วยเมตตาธรรมโดยพยายามหาหนทางช่วยเหลือชาวนาที่ถูกรัฐบาลทรราชโกงเงินค่าจำนำข้าวอีกด้วย

การออกมาต่อสู้ของหลวงปู่พุทธอิสระในครั้งนี้ มีความมุ่งหวังจะให้มี 1) “สภาชาวนา” เพื่อเป็นหลักประกันในการดำเนินอาชีพของชาวนาทั้งในด้านการผลิตและการจำหน่าย รวมทั้งการแปรรูปผลผลิต 2) “สภาพลังงาน” เพื่อให้คนไทยสามารถมีพลังงานใช้ในราคาถูกกว่าต่างประเทศ และ อยากเห็นประเทศไทยมีอำนาจต่อรองในเรื่องพลังงานโดยไม่ต้องอ้างอิงราคาจากประเทศสิงคโปร์เช่นทุกวันนี้ และ 3) “สภาศีลธรรมและจริยธรรม” เพื่อควบคุมคุณธรมและจริยธรรมของนักการเมือง

พระธรรมวินัย ได้บัญญัติไว้ให้พระสงฆ์ถือศีล 227 ข้อ และ แบ่งอาบัติของสงฆ์ไว้ตั้งแต่ขั้น เบาเรียกว่า “ลหุกาบัติ” คือ การล่วงละเมิดศีลประเภท “ปาฏิเทศนียะ หรือ ปาจิตตีย์” เช่น กล่าวติเตียน หรือ ด่าทอผู้อื่น ฉันอาหารในยามวิกาล เป็นต้น ไปจนถึงขั้นหนักสุดที่เรียกว่า “คุรุกาบัติ” คือการล่วงละเมิดศีลประเภท “สังฆาทิเสส หรือ ปาราชิก” เช่น เสพเมถุนกับมนุษย์ หรือ อมนุษย์ ลักทรัพย์ ฆ่าคน และ อวดอุตริมนุสสธรรม เป็นต้น การอาบัติของสงฆ์ในขั้น “ลหุกาบัติ” ถือว่ายังไม่ขาดความเป็นสงฆ์สามารถแก้อาบัติได้ด้วยการปลงลหุอาบัติ แต่ถ้าอาบัติในขั้น “คุรุกาบัติ” จะขาดความเป็นสงฆ์ทันทีปรับอาบัติไม่ได้

หากใครกล่าวหาหลวงปู่ว่า... “ล่วงละเมิดศีล” ... ก็เป็นการล่วงละเมิดศีลที่อยู่ในขั้น “ลหุกาบัติ” เท่านั้น ไม่ขาดจากความเป็นสงฆ์ สามารถปลงอาบัติได้ มวลมหาประชาชนชนะเมื่อไร ก็นิมนต์หลวงปู่ปลงลหุอาบัติเสีย ก็สิ้นเรื่อง

หลวงปู่ : ขอบคุณ นสพ.แนวหน้า ที่พยายามนำเสนอสิ่งที่อยู่ในใจของพระองค์หนึ่งที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มากยิ่งกว่าชีวิตตน

ถ้าความผิดครั้งนี้มันเกิดก็เพราะหลวงปู่ดันอยากรักชาติมากเกินไป
ถ้ามันจะผิดก็เพราะว่าเราเทิดทูนสถาบันมากเกินไป
ถ้ามันจะผิด ก็เพราะว่าเราทนเห็นบ้านเมืองและประชาชน ต้องทนถูกเอารัดเอาเปรียบและทุกข์ยากไม่ได้

หลวงปู่ก็คิดว่า ลหุกาบัติ อาบัติอย่างเบาคือ จับเงินจับทอง ก็เป็น ทุกวัดมีเงินไหม (มี) สมภารมีเงินไหม (มี) มันมีเงินเอาไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย แต่หลวงปู่เอาชีวิตมาแลก เพื่อความปลอดภัยชองประเทศชาติ มันผิดน้ำหนักอาบัติเท่ากันแต่ ประโยชน์ต่างกัน หลวงปู่คิดว่า อาบัติปาจิตตีย์ ปลงแล้วก็หาย แต่คนทั้งประเทศยากจนตาย สภาบันกษัตริย์ระส่ำระสาย สถาบันศาสนาไม่เป็นที่พึ่งอย่างซื่อตรงได้ เราจะกลัวอาบัติแล้วปล่อยแต่ละ คนอยู่ตามมีตามเกิด กูอยู่รอดได้พอแล้ว ถ้าอย่างนี้น่ารังเกียจ สู้หยุดหายใจดีกว่า หลวงปู่จึงบอกว่า ไม่กลัวหรอก วันนั้นคุยกับเจ้าคุณเพื่อนว่า คือมีเพื่อนสหธรรมที่เป็นเจ้าคุณพระอารามหลวง ว่าท่านเตรียมพระวินัยธรไว้ถ้าเสร็จศึก ผมจะไปให้ท่านจัดการ ถ้าเห็นว่า

https://www.facebook...1&stream_ref=10

 

 

 

 

 

https://www.facebook...668232213241980

คลิปแถวแจ้งครับ คนถ่ายบอกว่าการ์ดยิงมั่วอีกแล้ว ไตร่ตรองพิจารณากันเองครับ

 

จริงๆผมอยากให้มีคลิปจะๆเลยนะ

เพราะจากคลิปนี้ก็มีแต่เสียงคนพูด(ไม่อยากบอกว่าใครโกหก เพราะไม่อยู่ในเหตุการณ์)

 

อยากเห็นชัดๆ 

 

ใครไปเวทีแจ้งวัฒนะบ่อยๆ มาแถลงไขหน่อยครับ บริเวณนั้นเป็นยังไงบ้าง

 

 

ลองไป surway กับผมซักรอบมั้ยครับ คุณไทยไม่ทน ไปนอนฟังเสียงปืน ระเบิด ให้ลื่นหูซักคืน       

 

 

จากที่ลองหาข่าวนะครับ(จากที่โพสชื่อดัง กับโพสเล็กๆย่อยๆ หลายๆอัน)

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเวทีที่ไม่มีการอัพเดทข่าวสารเท่าไหร่ 

 

เวทีแจ้งวัฒนะ โดนโจมตีบ่อยมากๆ(และไม่มีการอัพเดทข่าวสาร)

 

เวทีแจ้งวัฒนะ การ์ดไม่ค่อยเป็นมิตร(อันนี้ผมค่อนข้างเชื่อ เพราะคนใกล้ตัวเล่าให้ฟัง)

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเขตอันตราย เข้าไปแล้ว ห้ามออกมาจนกว่าจะเช้า

 

เวทีแจ้งวัฒนะ พระพุทธอิสระออกหน้าปกป้องผู้ชุมนุมและการ์ดตลอด

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเวทีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด ถ้าเทียบกับเวทีอื่นๆ เผลอๆภาพลักษณ์ติดลบยิ่งกว่า คปท.

 

เวทีแจ้งวัฒนะ คงอยู่เพื่อปกป้ององค์กรณ์อิสระ และเป็นเวทีกันชน

 

เวทีแจ้งวัฒนะ ไม่ยุบ ไม่ย้าย จนกว่าจะชนะ

 

 

ตัวผมเองไม่เคยไปเลย พูดตรงๆว่าอคติกับเวทีนี้นิดหน่อย แต่ก็เข้าใจความจำเป็น

มันคงมีความสำคัญบางอย่างล่ะครับ จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเวทียุบไปแล้วดูผลที่ตามมา

 

ถูกทุกข้ออ่ะครับ  ขนาดเวทีอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมน่ะครับ นั่งรถ 15 นาที ถึง ๆ ผมว่ามันยังเดินทางไปลำบากเลยอ่ะครับ เพราะมันอันตราย

รามคำแหงที่ว่า เข้าง่าย ออกยาก มาเจอเวทีที่ แจ้งวัฒนะเข้าไป เข้ายาก แต่ออกโคตรจะยากกว่า   

 

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเวทีที่ไม่มีการอัพเดทข่าวสารเท่าไหร่   ใช่ครับ

 

เวทีแจ้งวัฒนะ โดนโจมตีบ่อยมากๆ(และไม่มีการอัพเดทข่าวสาร) ใช่ครับ

 

เวทีแจ้งวัฒนะ การ์ดไม่ค่อยเป็นมิตร(อันนี้ผมค่อนข้างเชื่อ เพราะคนใกล้ตัวเล่าให้ฟัง) อันนี้ขอขยายความเนื่องจากเวทีนี้ จับผู้แฝงตัวเข้ามาได้เป็นรายวัน เกือบทุกวัน 7วันจับได้วัน2-5คน ถามว่าแฝงเข้ามาทำอะไร คาดว่า 1ชี้จุด 2จดจำชื่อหรือหน้าตาการ์ด 3อยู่ติดกับกลุ่มคนเสื้อแดงมาก บอกตรงๆว่าไม่เกิน200-300เมตรก็เจอบ้านผู้นำแดงบางคน

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเขตอันตราย เข้าไปแล้ว ห้ามออกมาจนกว่าจะเช้า อันนี้ไม่เคยเจอ เข้าออกได้ปกติแต่ค้นนาน ถามเรื่อยๆ เพราะการถามคือการรู้ถึงสำเนียงการพูดและเป้าหมายการเข้ามา

 

เวทีแจ้งวัฒนะ พระพุทธอิสระออกหน้าปกป้องผู้ชุมนุมและการ์ดตลอด การ์ดก่อนหน้านี้บอกตรงๆ แย่มาก แต่ปัจจุบัน ดีขึ้นจากคะแนน 3น่าจะเป็น7 แต่หากเป็นผู้ต้องสงสัยหรือคนแปลกหน้าเข้ามา จะโดนติดตามตลอด

 

เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นเวทีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด ถ้าเทียบกับเวทีอื่นๆ เผลอๆภาพลักษณ์ติดลบยิ่งกว่า คปท. เนื่องจากเวทีนี้เป็นศูนย์รวมระบบราชการเจอคนจำนวนมาก จึงมีวาทะกันบ่อยๆแต่ไม่เป็นข่าว

 

เวทีแจ้งวัฒนะ คงอยู่เพื่อปกป้ององค์กรณ์อิสระ และเป็นเวทีกันชน น่าจะใช่ เหตุเพราะมีคนน้อย(คนน้อยเคลื่อนที่สู้และถอยได้เร็ว) แต่เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ ^^

 

เวทีแจ้งวัฒนะ ไม่ยุบ ไม่ย้าย จนกว่าจะชนะ ยกเว้นสามารถทำตามคำเรียกร้องของหลวงปู่ตามที่เคยเสนอใว้

 

 

ท่านใดคิดจะมาเวทีแจ้งวัฒนะ(ยังไม่เคยมา) จริงๆถ้าเรามาด้วยการอยากมา ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงเข้ามา ก็มาได้ปกติครับ คนเยอะช่วง 16.00น. เป็นต้นไป

เหตุการต่างๆที่เล่าลือกัน เป็นเพราะเวทีนี้อยู่ห่างจากเวทีอื่นๆ การเข้ามาสมทบของกลุ่มอื่นใช้เวลานานกว่าจะมาถึง จึงต้องดูแลตัวเองเป็นหลัก เพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุมทุกท่าน

ส่วนตัวยอมรับว่าเคยเสียความรู้สึกกับการ์ดของที่นี่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเวทีนี้มีเหตุบ่อย ไม่รู้ไครเป็นไคร การ์ดเองก็จำเป็นต้องทำ เพื่อความปลอดภัยของคนจำนวนมาก

หากท่านที่เข้ามา แล้วโดนการ์ดกระทำไม่เหมาะสม สามารถร้องเรียนหรือไปบอกความไม่เหมาะสมกับ หัวหน้าการ์ดหรือหรือคนบนเวทีได้

แต่หากการกระทำของการ์ดคือ การค้นตัว การขอดูมือถือ การขอดูกล้องถ่ายรูป การค้นกระเป๋า อยากจะบอกว่าเพื่อความปลอดภัยจริงๆครับ

 

มีคนเคยเห็นอยู่1คน มาทีไรก็เจอเขา เป็นเวลานาน ไม่ต่ำกว่า2เดือนแล้ว ทุกวันนี้เขาเข้ามา ยังโดนการ์ดตามอยู่เลย จนเข้าเองก็ลำคาน

แต่ผมมองว่า เพราะเขาชอบถ่ายรูป(ถ่ายปกติทั่วไป) ชอบนั่งในที่ที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่(ไม่ชอบคนเยอะ อากาศก็ร้อน) ชอบหันมองซ้ายมองขวาตลอดเวลา(พูดง่ายๆ ดูสาวๆ)

และมีโอกาสได้คุยจึงรู้สาเหตุ จึงเอามาเล่าให้ฟัง

 

พูดง่ายๆว่า ถ้าเราไม่มีเจตนาร้ายอะไรก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ไปได้ ถ้าท่านไปเวทีนี้ ท่านจะชอบครับ แรกๆอาจจะรูั้สึกอึดอัดเพราะเหตุต่างๆ ไปสัก2-3ครั้ง ท่านจะติดใจ

อาหารอร่อย คนมีน้ำใจ ได้ฟังธรรมมะดีๆ เราไม่มีเจตนาร้ายอะไรไม่ต้องกลัวหรือกังวนครับ คนที่นั้นเป็นมิตร ลองไปดูแล้วท่านจะได้เพื่อนดีๆเพิ่มขึ้นครับ

 

เราไปตลอดเลย เพราะใกล้ ไม่เห็นน่ากลัวอะไรเลย จะเข้าก็เปิดกระเป๋าให้การ์ดดูเลย

ผู้คนก็ดี มีน้ำใจ อาหารนี้มีทานกันจนจะอ้วนอยู่แล้ว

กลับบ้านก็กลับได้ แต่อย่าให้ดึกเกินไป ถ้าดึกก็ไม่อยากให้กลับ เพราะความเป็นห่วง

หลวงปู่ก็สอนดี มีปรัชญา ปุจฉา วิสัชชนากันแบบตลกๆก็มี ฮากันไป ไม่เห็นน่ากลัวเลย

กองสลากกินแบ่งโดนแล้ว ขี้โกงอย่างที่่่เค้าว่านั่นแหละ อย่ามาอ้างว่าไม่ได้ล็อคหวย 

อุต๊ะ ลูกหมีกำลังลุยอิมพี่เรียล ลาดพร้าว บลูสกายตอนนี้ 

BLUESKY Channel

กปปส.ขบวนพุทธิพงษ์-สกลธี-ชุมพล-ณัฐพลเตรียมเคลื่อนขบวนมวลชนไปปฎิบัติภารกิจ ที่ไหน !! ก็ไม่รู้ซินะ