Jump to content


บ่าวด้ามขวาน

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 11 ธันวาคม 2556
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2557 09:23
-----

Topics I've Started

+++++ รวบรวมวาทกรรมปากพล่อยของเหลิม กระทู้นี้ขอจัดให้มันหน่อย +++++

5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 15:33

 
5 กุมภาพันธ์ 2557 “เหลิม” กร้าวแตกหัก กปปส. บ่ายนี้เอา มท.คืน ชี้ “กำนัน” มือปืนอื้อ 
 
 
 
 เหลิม” ด่าหยาบ “สาทิตย์” ไอ้ส้นตีนไร้ราคา ปัดกลัว กปปส. ขู่ย้ำบุกที่ราชการจับ ชี้มือปืนล้อม “เทือก” เกิน 50 คน ไม่อยากสูญเสีย ท้าดีเบต ฉะฟ้องทหารมาก ฟ้องบ้างชุมนุมไม่สงบแต่ไม่สลาย เผย มท.ฟ้องแพ่งม็อบปิดล้อม ให้ “จักรทิพย์” ขอพื้นที่บ่ายนี้ ลั่นให้ยึดไม่ได้ ติง มท.ทำอะไรอยู่ ท้าบุกไล่ทุกที่ลองดู ยันแตกหัก โบ้ย คลังเคลียร์ชาวนา
 
  “ไอ้สาทิตย์ทำเป็นพูดจาแบบนักเลง ผมขอใช้คำพูดหยาบๆ หน่อยได้ไหม ไปบอกไอ้สาทิตย์ว่าไอ้ส้นตีน มาด่าผม อายุก็น้อยกว่า พูดจาให้เรียบร้อยหน่อย” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
 
 
 
 
 
 
 
4 ก.พ. 2557 “เหลิม” ลั่นได้เวลาแล้ว! ท้าม็อบมาสักทีจะได้เกมโอเวอร์ สั่ง ตร.จับพวกบุกรุก ขู่ถ้าบ้าจะรวบพวกถกปฏิวัติ
 
ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เมื่อเวลา 10.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ ให้สัมภาษณ์ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ยอมรับแล้วชายชุดดำที่ยืนในเหตุการณ์หลักสี่เป็นพรรคพวกกับ กปปส. มายิงเพื่อป้องกันระมัดระวังให้หลวงพ่อพุทธะอิสระปลอดภัย และนายสุเทพยังยืนโค้งคำนับ โบราณบอกว่าน้ำลดตอผุด ทุกอย่างใกล้เข้ามาแล้ว
 
       
       “ใครอยู่แนวหน้า แนวหน้ามามั้ย ผมเชื่อว่าผู้สื่อข่าวดี แต่โรงพิมพ์มัน here มันไปพาดหัวยังไง กกต.หักหน้าเฉลิม ซึ่งมันไม่มีอะไรเลย เจ้าของแนวหน้าสนิทกับผมตั้งแต่ยศร้อยโท และพอผมฟ้องก็โทร.มาขอตลอด ก็เพราะมีนักข่าว here ๆ อยู่ในโรงพิมพ์ ผมไม่เคยกลัวหรือเกลียดหนังสือพิมพ์ แต่แนวหน้า here ไปลงให้ทะเลาะกัน กกต.หักหน้าเฉลิม เรื่องอะไร ผู้สื่อข่าวก็อยู่เป็นร้อย” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
       
       ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า นับจากนี้เป็นต้นไปตนจะใช้มาตรการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ไม่ได้เตือน กปปส. แต่เตือนทุกภาคส่วน การขัดขวางการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ใครผิดก็จะถูกตั้งข้อหา ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือคนขัดขวางการลงคะแนน หากจากนี้ใครก็ตามที่ไปปิด บุกรุกสถานที่ราชการ ตนจะใช้กำลังจับกุม ความผิดตามพระราชกำหนด หากต่อสู้ขัดขวางการจับกุม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ถ้าไม่ออกจากสถานที่บุกรุก จะเอากำลังไปจับออก ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ พร้อมกันนี้ตนได้บอกหน่วยงานที่ถูกบุกรุกให้แจ้งความร้องทุกข์ จากนี้ กปปส.ไปบุกรุก ปิดล้อมบ้านใคร หากตำรวจอยู่ต้องจับ เพราะถือเป็นความผิดซึ่งหน้า แต่จะไม่มีการสลายม๊อบ คนละประเด็นกัน ขอให้สื่อมวลชนเข้าใจลักษณะอย่างนี้ไม่ใช่การเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นพฤติกรรมของการก่อกวนให้ประเทศชาติเกิดความไม่สงบ ซึ่งตนจะทำหนังสือแจ้งไปยังสถานทูตทั่วโลกในนาม ผอ.ศรส.และจะแจ้งสื่อมวลชนของไทยให้รับทราบด้วย
 
  เฉลิมกล่าวว่า ไม่ห่วง แขก เจ๊กมากันครบแล้ว อย่างว่าเรียกแขก ไม่ได้กลัวคนพวกนี้ เมื่อถามว่าจะเข้าทางของผู้ที่ต้องการให้ใช้ความรุนแรงหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่เป็นไร เข้าทางใครก็เข้า เอากฎหมายเป็นหลักและทั้งหมดประชาธิปัตย์สุมหัวด้วย อวดดีจะมา ศรส.มาสักทีเกมจะได้โอเวอร์ช้มาตรการทางกฎหมายเด็ดขาดบ้านเมืองจะได้ไปได้ ไม่อย่างนั้นมันอึมครึม บุกรุกจับคดีอาญา ส่วนม็อบที่ชุมนุมอยู่ต่อไป ไม่ยุ่ง อยู่จนกว่าไม่มีเงิน อย่าว่าตนห้าว ห้าวมานานแล้ว แต่ใจดีมากไป
       
       
       “อย่ามาบอกว่า ผอ.ศรส.ใช้อำนาจเกินขอบเขตและอย่ามาว่าผมบ้าอำนาจ พวกมึงบ้ากันมานานแล้ว และขอเตือนบรรดานักคิดที่ไปแอบชุมนุมกระซิบกันอะไรกัน จะปฏิวัติ นั่นถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว เดี๋ยวผมบ้าขึ้นมาบ้างจะสั่งจับ คนนาทีสุดท้ายต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก ไม่มีใครกลัวใคร จากนี้เอาแน่” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
       
 
 
 
 
 
3 กุมภาพันธ์ 2557   “เหลิม” จ่อฟัน กทม.เว้นปฏิบัติหน้าที่ ลุยทวงสถานที่ราชการ 6 ก.พ. หยันท่อน้ำเลี้ยงม็อบหด
 
 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. กล่าวถึงการเลือกตั้งที่หลายหน่วย ยังไม่สามารถลงคะแนนได้ว่า หากยังเลือกตั้งไม่ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ กกต. จะยังไม่ประกาศผล และเปิดประชุมสภาไม่ได้ ซึ่งตาม มาตรา 78 วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. ระบุให้ กกต.จัดวันลงคะแนนใหม่ให้ครบตามจำนวน โดยกำหนดเวลาไว้ 180 วัน นับจากวันที่ 3 ก.พ. เป็นต้นไป
       
       ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กทม.หลายคนมาเล่าให้ฟังว่า บางคนมีพฤติกรรมฉ้อฉล และมีเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นจะมีหนังสือเรียกมาสอบ หากเป็นข้าราชการระดับ 10 จะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถ้าข้าราชการระดับ 9 ลงมา จะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินคดีให้หมดทุกคน
 
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “นายกฯ ท่านรำคาญพวกประท้วง ด่าท่านทุกคืน หยาบๆ คายๆ ไม่มีมารยาท แต่ไม่คิดว่าท่านจะถอดใจ และขอเชียร์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ คนต่อไป 
 
 
 
 
 
2 กุมภาพันธ์ 2557  เฉลิมโวเพื่อไทยชนะแน่คาด 280 ที่นั่ง-เย้ยม็อบจะอยู่อีกไม่นาน จ่อสอบทรัพย์สิน “เทือก” - จับแกนนำ
ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ปราศรัยว่าจะมีคนออกมาปิกนิกเป็นล้านคน แต่ตนให้ทีมงานจำนวน 100 คนติดตามความเคลื่อนไหวของ กปปส.ในช่วงวันที่ 2 ก.พ.และรายงานตัวเลขปรากฏว่า เมื่อเวลา 12.00 น. มีมวลชนประมาณ 5,000 คน และเวลา 15.00 น.มีประมาณ 6,200 คน 
 
 
“และอย่ามาเรียกร้องความสนใจว่าผมจะไปสลายการชุมนุมให้ประชาชนเข้าใจผิด นายสุเทพอยู่เหอะ แล้วคุณจะอยู่อีกไม่นาน เพราะ 1. มีศัตรูสำคัญ 2. จะเอาทรัพย์สินเงินทองจากไหนมาใช้ตลอด และ 3. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสวบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะตรวจสอบทรัพย์สิน” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
 
 
 
 
       
 
24 มกราคม 2557  เฉลิมด่า ตุ๊ดแต๋ว ดร.ขึ้นเวที 
 
เฉลิมกล่าว "คุณปฏิรูปอย่างไร ถึงเอาคนไปขวางบนสะพานพระราม 8 นี่เขาเรียกอันธพาล เกเร หยาบคาย พูดจาชั่วช้า โดยเฉพาะไอ้ตุ๊ด ไอ้แต๋ว เรียนหนังสือมาซะเปล่า ไอ้ด็อกเตอร์อีกคน ไปพูดพิงนายกเขาเสียหายมากคนพวกนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา แบบนี้เขาเรียกอันธพาล ผมยังไม่เรียกโจรนะ แล้วมีการมาประกาศว่าจะมาจับผม จับไปทำไม"
 
 
 
 
 
23 มกราคม 2557  เฉลิมด่า ม็อบ โง่ อัปปรีย์ 
 
“นี่เขาหัวเราะกันทั้งโลก ไอ้ม็อบอัปรีย์ชุดนี้ ต้องเรียกว่าม็อบอัปรีย์ เพราะเช้าไปปิดหน่วยงานนู้นหน่วยงานนี้ แล้วเย็นมึงก็บอกปฏิรูปการเมือง โง่มันก็ไม่ใช่ เศือก ผมไม่ใช้คำหยาบคาย สุภาพกว่าม็อบอีก” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
 
 
 
 
 
 
 
17 ธันวาคม 2556  เหลิม ด่า นักวิชาการโง่ ท้าดีเบตออกทีวี   
 
“ผมขอท้า นายสุรพล และนักวิชาการอีกหลายคนไปออกรายการสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวี ประชาชนจะได้รู้ว่า นักวิชาการบางคนโง่ แกล้งโง่ หรือรับงานมาโง่ เอามาเลย นายสุรพลจะมาพบกันเวทีไหนก็ได้ และให้ประชาชนฟังแล้วตัดสิน
 
 
 
 
 
 
 
25 พฤศจิกายน 2555 เหลิม ยอมรับเป็นขี้ข้าทักษิณและเป็นมานานแล้ว ผมเต็มใจ
 
 
 
 
Attached File  557000001355304.JPEG   22.35K   32 downloads
 
 
 

+++++ กฎหมายชี้ชัด รัฐบาลรักษาการอยู่ได้ไม่เกิน 1 เมษายน 2557 +++++

4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 21:42

นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมมูญ 2540 ได้โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า "เสรี สุวรรณภานนท์" ระบุว่า หลังรัฐบาลประกาศ พ.ร.ฎ.ยุบสภา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 55 และจัดให้มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 57 แล้ว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 127 บัญญัติให้มีการเรียกประชุมสภาฯ ครั้งแรก หลังการเลือกตั้งภายใน 30 วัน และให้สภาฯ เลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่เปิดสภาฯ แต่เมื่อพิจารณาสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน คาดว่าจะไม่สามารถกระทำได้อย่างแน่นอน
 
ดังนั้นจะทำให้รัฐบาลรักษาการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หมดอายุลงในวันที่ 1 เมษายน 2557 และเมื่อถึงวันที่ 2 เมษายน ประเทศไทยก็จะไม่มีรัฐบาลรักษาการอีกต่อไป ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศก็จะล่มสลาย และประชาชนได้รับความเดือดร้อน
 
นายเสรี โพสต์ต่อไปว่า หากต้องการแก้ปัญหาบ้านเมืองในปัจจุบัน รัฐบาลรักษาการ ควรลาออกจากตำแหน่ง ดีกว่ารอให้ประชาชนออกมาสู้รบกันเอง จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง
 
ข้อความที่นายเสรี โพสต์บนเฟซบุ๊คส่วนตัวมีดังนี้
 
อายุรัฐบาลรักษาการ มีถึงวันที่ 1 เมษายน 2557
 
ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกา ให้มียุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา ทำให้อายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 และทำให้รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ตาม รธน. มาตรา 180 ซึ่ง รธน. มาตรา 181 กำหนดให้คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้น ใหม่จะเข้ารับหน้าที่ เท่ากับคณะรัฐมนตรีปัจจุบัน คงทำหน้าที่รักษาการตามที่พูดกัน
 
แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันที่ทำหน้าที่รักษาการอยู่ จะมีอายุเวลารักษาการเท่าใดนั้น รธน.มาตรา 127 ได้บัญญัติว่า ภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการเรียกประชุมรัฐสภา เพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรก ก็เพื่อจะให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ซึ่งทำให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญ ก็มีเจตนาที่จะให้มีนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว และไม่ต้องการให้คณะรัฐมนตรีรักษาการไปนาน ๆ เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องอำนาจหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ดังกล่าว
 
ซึ่งหลังจากวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ตอนนี้ผลการเลือกตั้งปรากฏว่ายังไม่สามารถเลือกตั้งให้ได้สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร ให้ครบจำนวน 95% ตาม รธน.มาตรา 93 หากมีการประชุมรัฐสภาครั้งแรก ตาม รธน. มาตรา 127 คงมีได้เฉพาะสมาชิกวุฒิสภา ที่ทำหน้าที่รัฐสภา ตาม รธน. มาตรา 132 เท่านั้น เพราะยังไม่มีสภาผู้แทนราษฎร แต่ถือว่าเป็นเจตจำนงที่รัฐธรรมนูญ ประสงค์ให้มีการประชุมรัฐสภาครั้งแรกภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 2 มีนาคม 2557 การเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา ก็มีปัญหามากมาย ที่จะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นโมฆะหรือไม่ ?
 
ส่วนการจัดการเลือกตั้งอีกต่อไปได้หรือไม่นั้น ก็ยังเป็นปัญหา เพราะ รัฐธรรมนูญ มาตรา 108 กำหนดให้วันเลือกตั้งต้องกำหนดเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร แต่ที่ผ่านมา การเลือกตั้งไม่สามารถทำได้วันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร
 
ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ได้บัญญัติว่า “ให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรก ตามมาตรา 127 โดยจะครบกำหนดเวลาในวันที่ 1 เมษายน 2557 เท่ากับว่า ตามมาตรา 172 และมาตรา 127 ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลรักษาการย่อมมีอายุอยู่ได้ถึงวันที่ 1 เมษายน 2557 เท่านั้น และในที่สุด นับแต่วันที่ 2 เมษายน 2557 ประเทศไทยก็จะไม่มีรัฐบาลรักษาการอีกต่อไป
 
และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบัน การเลือกตั้งที่จะให้ได้ ส.ส.จำนวน 95% ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 127 เพื่อจะให้เปิดประชุมรัฐสภา ภายในวัน 30 วันนั้น ไม่อาจกระทำได้แน่นอน และการให้สภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบแต่งตั้งบุคคลให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกดังกล่าว ก็ไม่อาจกระทำได้ อายุของคณะรัฐมนตรีรักษาการก็จะสิ้นสุดในวันที่ 1 เมษายน 2557 รัฐบาลรักษาการ ก็คงทำหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็นตาม รธน.มาตรา 181 ทำให้เกิดปัญหาการบริหารประเทศมากมาย ซึ่งหากปล่อยให้เนิ่นนานมากกว่านี้อีกต่อไป เศรษฐกิจของประเทศก็จะล่มสลาย ประชาชนก็จะได้รับความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาของบ้านเมืองในปัจจุบัน รัฐบาลรักษาการ ควรลาออกจากตำแหน่งในช่วงเวลานี้ก็จะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น ซึ่งน่าจะดีกว่ารอไปให้ถึงวันที่ 1 เมษายน 2557 อย่างแน่นอน
 
ดีกว่าปล่อยให้ประชาชน ออกมาปะทะออกมาสู้รบกันเองให้บาดเจ็บล้มตาย ซึ่งจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองในที่สุด และดีกว่าปล่อยให้เศรษฐกิจของประเทศต้องล่มสลายพังพินาศเสียหายเนื่องจาก สถานการณ์บ้านเมืองเป็นอยู่ในปัจจุบัน
 
 
 
ที่มา
 
 
 
 
 
 
Attached File  post-16492-0-47809200-1358156091.jpg   31.62K   33 downloads
 
 
 
ไปที่ชอบ ๆ ซะทีนะอีโง่ ด้านมามากพอแล้ว !!!!!!!

+++ ตรรกกะป่วย ๆ ของควายแดง เรื่องกู้ยืมเงินจำนำข้าว กับเด็กประถมโรงเรียนแห่งหนึ่ง +++

4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 16:23

ช่วงนี้ควายแดงมาป่วนบอร์ดเยอะ

 

อ้างว่า ม็อบ กปปสเอย ,สลิ่มเอย , แมลงสาบเอย,พันธมิตรเอย, อำมาตย์เอย แกล้งชาวนาโดยบล็อกธนาคารไม่ให้รัฐพาลกู้ยืมเงิน

 

เป็นตรรกกะป่วยๆ ของควายแดงจอมแถอ่ะครับ ประมาณรำไม่ดี โทษปี่ โทษกลอง

 

 

ถ้างั้น ผมจะยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้ควายแดงฟัง เพื่อจะแทรกซึมเข้าไปในกระโหลกหนา ๆ ของพวกควายแดงนะครับ 

 

 

ณ ห้องเรียนแห่งหนึ่งในโรงเรียนประถมบ้านดูบลาย มีการเลือกตั้งหัวหน้าห้องเรียน

 

 

เด็กชาย A             เลือกเราเป็นหัวหน้าห้องหน่อยดิ บี เพื่อนเลิฟ

 

เด็กชาย B             ทำไมเราต้องเลือกนายด้วยอ่ะ

 

เด็กชาย A             ถ้าเราได้เป็นหัวหน้าห้อง เราสัญญา เราจะช่วยนาย ป้าเราทำร้านขายของ เรารู้บ้านนายทำโรงงานยางลบ เอายางลบมาดิ สัก 500 ก้อนก็ได้  เดี๊ยวเราให้ป้าเราขายให้

 

เด็กชาย  B             ขอบคุณมากเลย ว่าแต่ เราจะแน่ใจได้ไงว่า นายเอายางลบเราไปแล้วไม่เชิด

 

เด็กชาย  A             เราเขียนใบยืมของให้นี่ไง แล้วเราเซ็นชื่อรับประกันให้ด้วย

 

 

เด็กชาย   A                ได้ ๆ เราเชื่อใจนาย

 

 

หลายเดือนผ่านไป บีมีความจำเป็นต้องใช้เงินไปซื้อเสื้อนักเรียนตัวใหม่ เลยไปทวงกับเอ

 

 

เด็กชาย B                     เอ เราต้องตังค์ไปซื้อชุดนักเรียนอ่ะ

 

เด็กชาย  A                       ไม่มีเงินอ่ะ

 

เด็กชาย B                  อ้าว ทำไมงั้นอ่ะ ไหนรับปากว่าจะขายยางลบให้เราอ่ะ

 

เด็กชาย   A                 ก็มันขายไม่ออกนิ ( จริง ๆ เอเอายางลบไปใช้หมดแล้ว และยังเอาที่เหลือทำหายไปบ้าง แจกญาติ ๆ ไปบ้าง ขายแล้วเอาเงินไปซื้อซาลาเปากินหมดบ้าง

 

เด็กชาย B                งั้นไม่เอาตังค์แล้วก็ได้ เอายางลบ 500 ก้อน ของเราคืนมาเลย

 

เด็กชาย A                 อืมมมมมม   ไม่มีอ่ะ

 

เด็กชาย B                 หมายความว่าไง ไม่มี เราอุตส่าห์เลือกนายเป็นหัวหน้าห้อง ไว้ใจให้นายเอายางลบเราไปขาย แต่นี่นายไม่ให้เงินเรา แล้วยังจะโกงไม่คืนยางลบเราอีก  เราจะฟ้องครู ฟ้องด้วยว่านายติดสินบนเราให้เลือกเราเป็นหัวหน้าห้อง

 

เด็กชาย A                เฮ้ย อย่าดิ อย่าดิ เอางี้เราจะไปยืมซีก่อน

 

เด็กชาย A                ขอยืมตังค์ 10,000 นึงไปจ่ายบีหน่อยดิ ยืมที่บ้านนายก็ได้

 

เด็กชาย C                ให้ยืมไม่ได้หรอก เพราะความน่าเชื่อถือของนายไม่มี ติดสินบนตั้งแต่อยากเป็นหัวหน้าห้อง โกงยางลบบีเขาอีก เรารู้นายเอาของบีไปใช้หมดแล้ว ถ้า เราให้นายยืมตังค์ เราว่านายไม่มีเงินเอามาคืนเราแน่ เงินเราสูญแน่

 

เด็กชาย A                 เออ ซี ไอ้ขี้งก จำไว้

 

 

ขณะนั้น มี ผู้ใหญ่บัฟ(ฟาโล) ใส่เสื้อสีแดงเดินผ่านมาพอดี   เอจึงตรงเข้าไปฟ้อง

 

 

เด็กชาย A                 ลุงครับ เนี่ย ซี เพื่อนผมมันรวยมาก ที่บ้านมันทำร้านทอง มันงกไม่ยอมให้ผมยืมตังค์ไปจ่ายเพื่อน

 

ผู้ใหญ่บัฟ                ช่าย ไอ้เด็กจังไร ไอ้เด็กไม่มีน้ำใจ ไอ้เด็กขี้เหนียว เงินก็มีเยอะ ทำไมไม่ให้เพื่อนยืม

 

เด็กชาย C                ถ้าผมให้ยืม ผมจะได้ตังค์คืนหรือปล่าวอ่ะครับ เอเขาเครดิตไมีอ่ะ

 

 

สรุปแล้ว เป็นความผิดของซีหรือที่ไม่ให้คนกะล่อน ขี้โกง ไม่มีความเชื่อถือยืมตังค์เพราะมีโอกาสถูกโกงสูง ?????? และอาจไม่ได้คืน

 

ฝากไปคิดเล่น ๆ นะ ควายแดง กรูขี้เกียจอธิบายแล้ว รำคาญว้อย !!!!!!!

 

แต่ถ้ายังไม่เข้าใจอีก ก็ไปหา omega-3 มาแดรก เพื่อ รอยหยักในสมองมันจะเพิ่มขึ้นบ้าง

 

+++ มาแล้วครับ กกต.สรุปผลทั้งประเทศมีคนมาเลือกตั้ง 45.84 % +++

3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 18:19

เลขาฯ กกต.เผยผู้ใช้สิทธิ์ ทั่วไทย ร้อยละ 45.84 รวม 20 ล้าน รายจังหวัด พบ คนกรุงใช้สิทธิ์ 1.1ล้าน รวมร้อยละ 26.18 เปิด 5 จว.ใช้สิทธิ์มากสุด ลำพูน ร้อยละ 72.80, หนองบัวลำภู ร้อยละ 72.50 , บึงกาฬ ร้อยละ 70 ,มุกดาหาร ร้อยละ 65 และ แม่ฮ่องสอน ร้อยละ 64.58 ส่วน 5 จว.ใช้สิทธิ์น้อยสุด นครศรีธรรมราช แชมป์!! ร้อยละ 0.11มาโหวต 1,292คน ,ประจวบคีรีขันธ์ ร้อยละ 14.33 ,สมุทรสงคราม ร้อยละ 24.47 ,กาญจนบุรี ร้อยละ 25 และ ระยอง ร้อยละ 26.07
       
       3 ก.พ.2557  ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยจำนวนผู้มาใช้สิทธิสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป 2 กุมภาพันธ์ แบบไม่เป็นทางการ ดังนี้
       
       1.กรุงเทพมหานคร มีผู้มีสิทธิ จำนวน4,369,120 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 1,143,667 คน คิดเป็น 26.18 %
       2.กาญจนบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 599,147 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 149,786 คน คิดเป็นร้อยละ 25.00
       3.จันทบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 400,849 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 137,184 คน คิดเป็นร้อยละ 34.22
       4.ฉะเชิงเทรา มีผู้มีสิทธิ จำนวน 522,929 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 247,241 คน คิดเป็นร้อยละ 47.28
       5.ชลบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,001,146 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 283,010 คน คิดเป็นร้อยละ 28.27
       6. ชัยนาท มีผู้มีสิทธิ จำนวน 262,953 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 127,084 คน คิดเป็นร้อยละ 48.33
       7. ตราด มีผู้มีสิทธิ จำนวน 165,398 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 49,620 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00
       8. นครนายก มีผู้มีสิทธิ จำนวน 198,271 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 87,219 คน คิดเป็นร้อยละ 43.99
       9.นครปฐม มีผู้มีสิทธิ จำนวน 680,624 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 272,250 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00
       10. นนทบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 904,394 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 406,977 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00
       11. ปทุมธานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 801,561 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 360,702 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00
       12. ปราจีนบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 355,606 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 178,066 คน คิดเป็นร้อยละ 50.07
       13. พระนครศรีอยุธยา มีผู้มีสิทธิ จำนวน614,410 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 314,183คน คิดเป็นร้อยละ 51.14
       14. เพชรบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 334,192 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 97,883 คน คิดเป็นร้อยละ 29.29
       15.ระยอง มีผู้มีสิทธิ จำนวน 456,066 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 118,900 คน คิดเป็นร้อยละ 26.07
       16.ราชบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 651,223 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 293,050 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00
       17. ลพบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 571,245 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 281,307 คน คิดเป็นร้อยละ 49.24
       18. สมุทรปราการ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 944,294คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 330,502 คน คิดเป็นร้อยละ 35.00
       19. สมุทรสงคราม มีผู้มีสิทธิ จำนวน 153,883คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 37,650 คน คิดเป็นร้อยละ 24.47
       20.สมุทรสาคร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 385,863 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 131,095 คน คิดเป็นร้อยละ 33.97
       21. สระแก้ว มีผู้มีสิทธิ จำนวน 405,558 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 202,779 คน คิดเป็นร้อยละ 50.00
       22. สระบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 476,275 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 238,138 คน คิดเป็นร้อยละ 50.00
       23. สิงห์บุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 168,864 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 83,565 คน คิดเป็นร้อยละ 49.49
       24. สุพรรณบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 644,940 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 360,873 คน คิดเป็นร้อยละ 55.95
       25. อ่างทอง มีผู้มีสิทธิ จำนวน 222,503 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 132,185 คน คิดเป็นร้อยละ 59.41
       26. อุทัยธานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 252,946 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 109,375 คน คิดเป็นร้อยละ 43.24
       27. กำแพงเพชร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 548,674คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 202,798 คน คิดเป็นร้อยละ 36.96
       28. เชียงราย มีผู้มีสิทธิ จำนวน 889,889 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 507,419 คน คิดเป็นร้อยละ 57.02
       29.เชียงใหม่ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,251,590คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 684,591 คน คิดเป็นร้อยละ 54.70
       30.ตาก มีผู้มีสิทธิ จำนวน 356,504 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 213,902 คน คิดเป็นร้อยละ60.00
       31.นครสวรรค์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 827,193 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 339,560 คน คิดเป็นร้อยละ 41.05
       32.น่าน มีผู้มีสิทธิ จำนวน 377,101 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 194,935 คน คิดเป็นร้อยละ51.69
       33. พิจิตร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 443,447 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 172,442 คน คิดเป็นร้อยละ38.89
       34. พิษณุโลก มีผู้มีสิทธิ จำนวน 666,427 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 299,892 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00
       35. เพชรบูรณ์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 761,981 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 329,111 คน คิดเป็นร้อยละ 43.19
       36. แพร่ มีผู้มีสิทธิ จำนวน372,858 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 233,114คน คิดเป็นร้อยละ 62.52 คน
       37.พะเยา มีผู้มีสิทธิ จำนวน 394,041 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 244,792 คน คิดเป็นร้อยละ62.12
       38. แม่ฮ่องสอน มีผู้มีสิทธิ จำนวน 160,829คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 103,863 คน คิดเป็นร้อยละ 64.58
       39.ลำปาง มีผู้มีสิทธิ จำนวน 619,215 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 393,062 คน คิดเป็นร้อยละ63.48
       40. ลำพูน มีผู้มีสิทธิ จำนวน 331,343 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 241,209 คน คิดเป็นร้อยละ72.80
       41.สุโขทัย มีผู้มีสิทธิ จำนวน 438,920 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 220,834 คน คิดเป็นร้อยละ50.31
       42.อุตรดิตถ์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 363,116 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 182,878 คน คิดเป็นร้อยละ50.36
       43.กาฬสินธุ์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 756,333 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 428,437 คน คิดเป็นร้อยละ 56.65
       44. ขอนแก่น มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,381,002คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 757,640 คน คิดเป็นร้อยละ 54.86
       45. ชัยภูมิ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 867,363 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 478,822 คน คิดเป็นร้อยละ55.20
       46.นครพนม มีผู้มีสิทธิ จำนวน 530,501 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 305,048 คน คิดเป็นร้อยละ57.50
       47.นครราชสีมา มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,994,802คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 1,112,469 คน คิดเป็นร้อยละ 55.77
       48.บึงกาฬ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 305,182 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 213,627 คน คิดเป็นร้อยละ70.00
       49.บุรีรัมย์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,164,126 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 581,603 คน คิดเป็นร้อยละ49.96
       50.มหาสารคาม มีผู้มีสิทธิ จำนวน 714,450คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 411,501 คน คิดเป็นร้อยละ 57.60
       51.มุกดาหาร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 257,799 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 167,569 คน คิดเป็นร้อยละ65.00
       52.ยโสธร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 419,524 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 244,708 คน คิดเป็นร้อยละ58.33
       53.ร้อยเอ็ด มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,017,852 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 539,024 คน คิดเป็นร้อยละ 52.96
       54. เลย มีผู้มีสิทธิ จำนวน 483,969 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 296,431 คน คิดเป็นร้อยละ61.25
       55. ศรีษะเกษ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,098,960คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 589,344 คน คิดเป็นร้อยละ 53.63
       56. สกลนคร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 849,835 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 467,409 คน คิดเป็นร้อยละ 55.00
       57. สุรินทร์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,031,137 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 520,525 คน คิดเป็นร้อยละ 50.48
       58. หนองคาย มีผู้มีสิทธิ จำนวน 386,073 คน ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 219,289 คน คิดเป็นร้อยละ 56.80
       59. หนองบัวลำภู มีผู้มีสิทธิ จำนวน 382,095คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 277,018 คน คิดเป็นร้อยละ 72.50
       60. อำนาจเจริญ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 285,095คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 142,413 คน คิดเป็นร้อยละ 49.95
       61. อุดรธานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,169,246 คน ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 637,438 คน คิดเป็นร้อยละ 54.52
       62. อุบลราชธานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,360,684 ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 754,554 คน คิดเป็นร้อยละ 55.45
       63. นครศรีธรรมราช มีผู้มีสิทธิ จำนวน1,153,060 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 1,292คน คิดเป็นร้อยละ 0.11
       64. นราธิวาส มีผู้มีสิทธิ จำนวน 509,604 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 232,790 คน คิดเป็นร้อยละ 45.68
       65. ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน389,471 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 55,818คน คิดเป็นร้อยละ 14.33
       66. ปัตตานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 447,270 คน ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 182,614 คน คิดเป็นร้อยละ40.83
       67. ยะลา มีผู้มีสิทธิ จำนวน 311,603 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 101,604 คน คิดเป็นร้อยละ32.61
       68. สตูล มีผู้มีสิทธิ จำนวน 35,318 คน ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 10,966 คน คิดเป็นร้อยละ 31.05
       
       ขณะที่ กระบี่ ชุมพร ตรัง พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สงขลา และสุราษฎร์ธานี งดการลงคะแนน    

 รวมผู้ใช้สิทธิ์ 20,468,646 คน  คิดเป็น ร้อยละ 45.84

 

 

 

Credit ข่าวจาก http://manager.co.th...erNo=1


โหวตครับ สงสารกันไหม “โกตี๋“ อ้างว่าโดนทหารสั่งเก็บ ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปเขมร !...

3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 17:47

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักข่าวสายทหาร วาสนา นาน่วม โพสต์เฟชบุ๊ค Wassana Nanuam กรณี "โกตี๋" ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Spring News โดยอ้างว่า  "พล.อ.ประยุทธ์ " สั่งให้ยิงตนเอง ตอนนี้ต้องหนีไปเขมร โดยมีข้อความทั้งหมดดังนี้ 

 

 

แฉ ออกอากาศ Spring News อ้างโดน "พล.อ.ประยุทธ์ "สั่งเก็บ ต้องหนีไปเขมร แบบไม่มีเงินติดตัวเลย รอทางบ้านส่งเงินมา เพราะมาเอง เผย ผบทบ.สั่งตาย ก่อนเลือกตั้ง 2 กพ. แต่รอดมาได้ ยืนยัน ไม่เกี่ยวข้องเหตุปะทะหลักสี่ โยนแกนนำแดงวันนั้น คือลุงนวย และจ่าเปี๊ยก ยอมรับ แวะมาหลักสี่ เพราะ มาให้สัมภาษณ์ นักข่าว อัลจาซีร่า และมาบอกมวลชน ว่า ตนเองอยู่ร่วมไม่ได้ เพราะ ติดให้ปากคำตำรวจ แฉ มีคนไปดักรอ ที่ สถานีวิทยุ เรดการ์ด ยันโดนสั่งฆ่า เพราะหวั่นวุ่นวายกว่า นี้ ร้องขอความเป็นธรรม

 

 

 

1137941.jpg

 

 

"โกตี๋" นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ในรายการ อินไซด์ไทยแลนด์ ทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ถึงเหตุปะทะที่หลักสี่ โดยปฎิเสธอยู่เบื้องหลังเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่าคืนก่อน 1 กพ. คือเมื่อ31มค.ชาวบ้านย่านหลักสี่30 คน ไปขอความช่วยเหลือ ว่า อยากจะเลือกตั้ง และขอให้โกตี๋ พาขึ้นออกรายการวิทยุ เรดการ์ด เพื่อพูดเชิญชวนขอให้ทุกคนไปยึดคืนพื้นที่เขตหลักสี่ที่ถูกยึดจาก กปปส. และให้โกตี๋ ออกหน้า และนำกำลังไปขอคืนสถานที่ด้วย

 

"จึงอนุญาตให้นำรถโมบายที่มีเครื่องเสียงไป แต่ตนเองไม่ได้เดินทางร่วมไปด้วย เพราะติดการสอบปากคำเพิ่มเติม กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีเหตุการณ์คลอง 5 อยู่ภายในสถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองตั้งแต่เที่ยง แต่ได้ขออนุญาต ตำรวจออกไปพบกับมวลชนที่วัดหลักสี่ จริง แต่ไปเพื่อพูดคุยกับมวลชน ว่า ตนเองติดภารกิจ และไม่สามารถอยู่ร่วมในการเดินขบวนของกลุ่มได้ เพราะต้องกลับไปสอบปากคำต่อ ก่อนจะเดินทางกลับมาที่สน.ดอนเมือง และ เมื่อสอบปากคำเสร็จก็เดินทางออกจาก สน. ดอนเมือง ซึ่ง แกนนำมวลชนที่ออกไปปะทะกับกลุ่ม กปปส . มีชื่อดาบเปี๊ยก กับ ลุงนวย

โกตี๋ ยืนยันว่า ตอนไปถึงเวทีตรงหน้าอนุสรณ์สถาน ตอนเวลาประมาณ 17.00 น และมีผู้สื่อข่าวไทยรัฐเป็นพยาน แต่บังเอิญพบว่าในระหว่างที่อยู่ เวที ตรงหน้าอนุสรณ์สถานตอนเย็น

"รับทราบข่าวจากผู้ใหญ่ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จัทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก สั่งฆ่าผมในคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งระหว่างนั้นผมอยู่ระหว่างการปราศรัยบนเวที และผู้ใหญ่ได้โทรมาสั่งให้ลงจากเวทีด่วน เพราะผบ.ทบ. สั่งทหารไล่ล่า ผมจึงลงเวทีและนั่งรถหนีในคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ทันที จนถึงวันนี้ก็ยังอยู่นอกพื้นที่ และยืนยันว่าถูกทหารไล่ฆ่า" โกตี๋ ระบุ

เมื่อถามว่าใครเป็นคนบอกว่า ทหารจัดชุดไล่ล่า โกตี๋ ตอบว่า คนของตนเองที่สถานี ที่รู้เพราะมีการมาดักที่สถานี วิทยุเรดการ์ด ของตนเอง พร้อมทั้งโยนปะทัดยักษ์ ใส่ 2 ลูก

เมื่อถามว่าทำไมทหารถึงต้องสั่งไล่ฆ่า นายโกตี๋ ตอบว่า เพราะทหารคิดว่าตนเองนำกำลังคนไปปะทะตรงบริเวณแยกหลักสี่ ทั้งๆ ที่ผมไม่รู้เรื่องไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ที่กลับไปวัดหลักสี่ในช่วงเย็นวันที่ 1 ก็เพราะนักข่าวอัลจาซิร่า ขอนัดสัมภาษณ์ตนเองไว้ที่หลักสี่ด้วย

 

โกตี๋ เล่าว่า ก่อนการปะทะ ดาบเปี๊ยก และ ลุงนวย ได้ประกาศบนเวที ว่าหากเกิดการปะทะ ทั้งสองคนนี้ได้ประกาศแล้วว่า จะขอรับผิดชอบเอง เหตุใด ทุกคนไม่ไปสอบถามทั้งสองคนว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร

 

โกตี๋ ระบุว่า หากตนเองนำมวลชนในวันที่ 1 กพ. คงไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เมื่อถามว่า ในวันดังกล่าวมี พันเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์อยู่ในพื้นที่ แล้วไม่ได้รายงานให้ผู้บัญชาการทหารบกทราบหรือว่า โกตี๋ไม่ได้เกี่ยวข้อง นายโกตี๋ ตอบว่า ทหารเขาน่าจะรายงานว่า ตนเองเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปะทะ เพราะในวันเกิดเหตุ มีมวลชนหลายคนใส่เสื้อที่ ตนเองเคยแจกให้ เกือบ 1 พันตัว ซึ่งมีข้อความว่า เรารักประชาธิปไตย ไปในวันเกิดเหตุด้วย

 

โกตี๋ กล่าวว่า ผมต้องการขอความเป็นธรรม เพราะตอนนี้ผมหนีหัวซุกหัวซุน

 

 

ส่วนการที่ มัลลิกา บุญมีตระกูล บอกว่า ผมหนี ไปกัมพูชา ผมยืนยันว่า ผมหนีมาเอง และผมนั่งรถทัวร์มา เงินก็ไม่มี และตอนนี้รอคนที่บ้าน เอาเงินมาให้ เพราะไม่มีอะไรติดตัวมา แม้แต่บัตรATM
" ผมถูกไล่ฆ่า ไล่ยิงจริงๆ และมีการออกคำสั่งโดยผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่งว่า ต้องยิงโกตี๋ ให้ได้ ในวันที่ 1 กพ. เพราะหากถึงวันที่ 2 กพ. จะวุ่นวายกว่านี้อีก เพราะตอนนี้ผมพยายามพลางตัว และยังเอาตัวไม่รอด" โกตี๋ กล่าว

 

 

credit ข่าวจาก 

 

-http://news.sanook.c...-ต้องหนีไปเขมร/

 

 

-http://www.naewna.com/politic/88788