Jump to content


ผู้รักสภาประชาชน

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 13 ธันวาคม 2556
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2556 14:15
-----

#965204 1 ปี หรือ ปีครึ่งอย่างมาก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ชั่วกัปชั่วกัลป์ นั่นเอง

โดย อิสระเสรีชน on 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 11:38

"หากคุณ 'ศรัทธา' และมีข้อมูลมากพอ จะหาจากไหน หรือหาง่ายๆจาก โซเซียลเนตเวิร์ก(เอาที่น่าเชื่อถือได้) 

ค้นคว้าซักนิด หาเหตุผลมาอ้างอิงหักล้าง แล้วคุณจะเกิดความ 'เชื่อมั่น' ในสิ่งที่คุณทำ

เพราะไม่ว่าคุณจะแพ้หรือชนะ คุณได้ 'เชื่อมั่น-ศรัทธา' และทำมันลงไปแล้ว

ผลที่จะตามมาเราก็จะยอมรับมันได้อย่างภาคภูมิใจ"




#965188 1 ปี หรือ ปีครึ่งอย่างมาก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ชั่วกัปชั่วกัลป์ นั่นเอง

โดย กระต่ายหมายจันทร์ on 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 11:31

เขามีคุณสมบัติพื้นฐานในการเป็นคนดีข้อใดบ้าง  

เป็นคำถามที่คุณถาม  ถ้าอย่างงั้น ขอให้คุณเปิดใจกว้างอ่านนิทาน เรื่องนี้ให้จบ

ยังมีหนุ่มน้อยหน้ามนคนหนึ่ง ชื่อ ซีนก่าย เป็นผู้สืบเชื้อสายของซามูไร แต่ไปได้กำเนิดอยู่ในถิ่นบ้านนอก พออายุรุ่นกระทงขึ้นมา ก็มีการปรารภที่เข้าไปหาความก้าวหน้าในกรุง ฉะนั้นพ่อแม่จึงส่งเข้าไปพำนักอาศัยอยู่กับท่านขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่ง ในกรุงเอโดะ (คือโตเกียวของญี่ปุ่นสมัยนี้) ในฐานะเป็นเด็กรับใช้อยู่ในเคหาสน์อันโอ่อ่า

ต่อมาเนื่องจากหนุ่มซีนก่ายเป็นเด็กหน้าตาหมดจด มีหน่วยก้านดี ทำงานอะไรก็ได้อย่างใจของเจ้านาย เพราะมีพื้นความเฉลียวฉลาดว่องไว จึงได้รับเลือกเข้ารับใช้ใกล้ชิดประจำตัวท่านขุนนางผู้นั้น อยู่มาไม่นาน คุณนายภรรยาของขุนนางคนนั้น จิตใจไม่ดี คิดวกลงต่ำจึงใช้เด็กผู้ใกล้ชิดคนนี้ให้บำบัดความต้องการ เด็กหนุ่มของเราก็เลยได้กระทำความผิดพลาดในชีวิตเสียตั้งแต่เริ่มแรกทีเดียวโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง ได้ลอบกระทำชู้ร่วมกันมา

จนคืนหนึ่งท่านขุนนางผู้นั้นจับได้ ท่านขุนนางได้กระชากดาบซามูไรที่แขวนไขว้อยู่ที่ฝา หมายจะสังหารเด็กซีนก่ายทันที แต่ด้วยอารามที่ท่านโกรธจัด ย่อมทำไปด้วยอาการสุดแรงเกิด เหวี่ยงซ้ายป่ายขวา เด็กซีนก่ายเห็นจวนตัว ก็เอาเก้าอี้ เอาทุกสิ่งที่ใกล้ ป้องปัด รับดาบไว้พลาง ถอยรอบๆ ห้องไปพลาง ใกล้ๆจะหมดหนทางอยู่แล้ว ก็พอดี คุณนายผู้เป็นตัวการนั่นเองได้คิดตัดสินใจ ว่าไหนๆ เขาก็จับการเล่นชู้ได้ เราก็ไม่อาจจะครองความเป็นใหญ่อยู่ต่อไปอีกได้ จึงคิดเลือกเอาข้างผัวหนุ่มไว้ก่อนค่อยไปตายเอาดาบหน้า จึงรีบไปชักดาบที่แขวนข้างฝาอีกเล่มหนึ่งมาแทงขุนนาง ทันเวลาช่วยชีวิตให้หนุ่มหน้ามน ได้อยู่ฟันฝ่าชีวิตต่อไปอีก เมื่อเห็นท่านขุนนางตายแล้ว คุณนายก็ออกคำสั่งให้เด็กซีนก่าย รีบรุดหนีออกจากบ้านไปพร้อมกันในตอนดึกคืนนั้นเอง

หลังจากผ่านฉากชีวิตที่น่าหวาดเสียว เหมือนดั่งฝัน เพราะอะไรๆ มันช่างเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มซีนก่ายซึ่งก่อนหน้านี้หมายมั่นจะมาสร้างความเจริญก้าวหน้า แต่บัดนี้ได้มาอยู่ในฐานะสามีของคุณนายเสียทันที แต่ก็ต้องอยู่กันอย่างแอบแฝงหลบลี้หนีหน้าในแหล่งที่ไม่มีใครจะตามพบ ทีแรกๆ ก็พอจะมีอะไรๆ แลกเปลี่ยนซื้ออาหารการกินบ้าง แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรจะจับจ่าย จะไปทำงานทำการก็ไม่สามารถแสดงตัวต่อสังคมได้ ต้องจำใจเลือกเอาข้างลักขโมยเขากิน แม้แต่ตัดช่องย่องเบาเอาทั้งนั้น ตอนต้นก็นึกว่าพอทนทำไปได้ เพราะเห็นแก่ความสุขในการได้เป็นผัวเป็นเมียกันใหม่ๆ ทีนี้อยู่ๆ กันไป หนุ่มซีนก่ายถึงคราวจะหมดเวรหมดกรรม ได้เกิดมีความคิดขึ้นอย่างหนึ่งว่า คนเราคนหนึ่งๆ นี้ช่างเป็นไป เปลี่ยนไปเพราะผลของความคิดนี้เอง และความคิดนี้ มันก็ช่างขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมในขณะนั้นๆ เสียเหลือเกิน จนไม่อาจจะกระดิกกระเดี้ยขอผัดผ่อน ไม่ให้เป็นไปตามนั้นไม่ได้ คนทุกคน จะดีจะชั่ว มันก็อยู่ตรงนี้เอง

แม้จะตั้งปรารถนาดิบดีมาตั้งแต่บ้าน ว่าจะเข้ากรุงเพื่อหาความเจริญก้าวหน้าให้แก่ชีวิต และพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างดีมาแล้ว แม้คนอื่นที่เขาอยากเจริญก้าวหน้า ต่างก็ปรารภและทำอย่างเดียวกัน แต่เหตุไฉนบางคนจึงสามารถไต่เต้าทำไปได้จนถึงที่หมาย แต่บางคนไปไม่ถึงที่หมาย ข้อนี้มันก็เพราะมนุษย์เราทนต่อสิ่งมายั่วเฉพาะหน้านี้ไม่ได้ นั่นเอง ความคิดจึงเปลี่ยนรูป วิถีชีวิตก็จำต้องแปรผันไปตาม

เมื่อได้คิดอย่างนั้นแล้ว หนุ่มซีนก่ายก็หวนมาดูภรรยาตน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นคุณนายผู้สูงศักดิ์ แต่เพราะเธอไม่มีความรู้เรื่องความคิด เธอจึงถูกความคิดหลอกเอา และตัวเราเอง ก็เพราะเจอเอาสิ่งที่มาพบเห็นเข้า แล้วทนไม่ได้ ความคิดมันก็เปลี่ยนไปปุบปับ ชนิดที่เจ้าตัวเองไม่มีวันจะควบคุม หรือชักบังเหียนให้คืนหลังได้มนุษย์ทุกผู้ทุกนาม ช่างตกอยู่ในอำนาจของกิเลส และสิ่งแวดล้อมอย่างนี้เสียจริงๆ สุดที่จะแหวกหนีไม่ให้เป็นอย่างนั้นไปได้ จะมีทางเดียวก็แต่จัดให้ตัวเองไปได้พบกับสิ่งแวดล้อมที่ช่วยมิให้เป็นอย่างนั้นเท่านั้น ซึ่งบางทีก็ยังพอควบคุมทำกับตัวของตัวได้บ้าง แล้วสายแห่งความคิดที่ไหลมาให้คิดให้รู้อยู่นี้ มันก็จะเบนวิถีไปทางที่ปลอดภัย

หนุ่มซีนก่าย คิดเรื่องนี้ทบทวนอย่างหนัก ทำอย่างไรหนอคนเรานี้จะควบคุมให้ความคิดเป็นไปอย่างถูกต้อง และคงเส้นคงวาอยู่ในแนวที่ถูกต้อง ถ้าปล่อยให้สิ่งแวดล้อม รูปเสียง กลิ่น รส เข้ามาจ่อถึงตัวอยู่อย่างนี้ ก็ไม่มีวันจะควบคุมสายความคิดนี้ได้ จะต้องยักย้ายให้ตัวเองได้ที่แวดล้อมชนิดทำให้ตั้งตัวได้เสียก่อน ฉะนั้นหนุ่มซีนก่าย จึงคิดบริจาคคุณนายผู้ภรรยาของตัว โดยตัวเองกลับเป็นฝ่ายหนีไปเสียให้ห่าง คิดดังนั้นก็หลบหนีทิ้งภรรยา เดินทางจากไปเสียให้สุดหล้าฟ้าเขียว สู่อำเภอบ้านนอกแห่งหนึ่ง จังหวัดบูเส็น หัวเมืองทางฝ่ายใต้ ณ ที่นั้น หนุ่มซีนก่ายได้เข้าอาศัยวัดแห่งหนึ่ง อยู่เป็นลูกศิษย์พระ ไม่นานก็ขอบวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา ซึ่งในศาสนาที่เขาสนใจใหม่นี้เอง หนุ่มซีนก่ายได้พบว่า คำสอนพุทธศาสนา มีแต่ว่าด้วยเรื่องที่เขากำลังฉงนสนเท่ห์อยู่ทีเดียว คือในปัญหาข้อที่ว่า  “ทำอย่างไร คนเราจะอยู่อย่างชนะภัยอันเกิดจากรูป เสียง กลิ่น รส ได้ และควบคุมจิตใจไม่ให้เป็นไปตามความต้องการฝ่ายต่ำ ที่มีประจำอยู่เองแล้วในใจ”

เมื่อมาได้ความเป็นตัวของตัวได้ ในบวรพุทธศาสนาแล้วก็ทำให้หวนไปถึงเมื่อครั้งที่ตนยังซัดเซในสงสารสาครแต่อดีต ภิกษุหนุ่มซีนก่ายจึงปรารภจะชดใช้ความกระดำ-กระด่าง ในชีวิตอดีต ด้วยสำนึกบาป ไถ่ถอนด้วยกรรมดี กรรมที่มีประโยชน์ จวบเท่าชีวิตนี้จะหาไม่ ในถิ่นที่ท่านบวชอยู่นั้นชาวบ้านชาวช่องยากจนข้นแค้น เป็นอำเภอเล็กๆ ไปมาติดต่อกับตัวจังหวัดเพียงทางเท้าเล็กๆ ที่ต้องค่อยเดินเรียงหนึ่ง เลียบหินผาของภูเขาสูง ซึ่งกางกั้นอำเภอกับตัวจังหวัด ถ้าวันไหนฝนตก ฟ้าร้อง หิมะตก หรือลมแรง ก็ไปมาไม่ได้ และท่านยังได้ทราบว่าแต่ละปีมีเสมอที่คนข้ามเขาได้พลัดลื่น หล่นจากชะง่อนผาสูงลงไปตายเสียมากต่อมาก สุดที่จะมีใครคิดแก้ไขประการใด หากใครอยู่ทางกิ่งอำเภอหลังเขานี้แล้ว ก็เป็นอันแน่ว่าจะต้องอดอยาก ลำเค็ญ แม้จะมีเงินก็ไม่มีค่า ชาวบ้านโดยมากยากจนไม่อาจเพาะปลูกอะไร เพื่อเอามาแลกเปลี่ยนซื้อขายในเมืองได้ เพราะนำไปนำมาไม่ได้มาก แม้มีใครเจ็บป่วยลง ไม่พอที่จะตายก็ต้องปล่อยให้ตายไป เพราะไม่สามารถจะพากันหามคนไข้คนเจ็บไต่ไหล่หินข้ามมายังตัวจังหวัดได้

ภิกษุหนุ่ม มานั่งคำนึงถึงทุกข์ยากของคนหมู่มาก เห็นความเป็นไปของมนุษย์ด้วยกัน ที่แม้แต่จะอยู่ไม่ห่างกันนักแค่เขากั้นเท่านั้น ก็ยังแตกต่างยากไร้กว่ากันมากเห็นปานนี้ ท่านเห็นว่า จะปล่อยให้ไม่มีทางแก้เช่นนี้อยู่เรื่อยไป ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่เอง มีทางเดียว คือเจาะอุโมงค์ลอดภูเขาใหญ่เอาดื้อๆ เพราะไม่มีทางอื่นใดอีกแล้ว ครั้นจะพูดเรื่องนี้กับใครก็คงไม่มีใครเขาเห็นด้วย ความคิดอย่างนี้ มันคิดได้ แต่ใครจะทำ ฉะนั้นภิกษุหนุ่มของเราจึงตัดสินใจเริ่มสกัดหิน เริ่มงานมันคนเดียวโดยไม่คำนึงว่าภูเขาที่เขาไปนั่งสกัดทีละสะเก็ดๆ อยู่นั้น มันตระหง่านสูงค้ำฟ้าเพียงไร

ท่านภิกษุซีนก่าย ใช้เวลาตอนเช้าออกบิณฑบาตเวลานอกนั้น อุทิศให้แก่หินที่ภูเขานั้นทั้งหมด เมื่อมันเหนื่อยก็พักเสีย มีเรี่ยวแรงคืนมาก็ทำต่อ เป็นอย่างนี้ไม่ว่าจะค่ำจะมืด นานๆ จะมีคนผ่านมาทางนั้น คนพวกนั้นก็ได้แต่หัวเราะ ถามว่าท่านจะสร้างถ้ำหรือจะสร้างวัด แล้วต่างก็มองตากันอย่างไม่ไว้ใจว่า ท่านองค์นี้ สติยังบริบูรณ์อยู่หรือ ดูไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่าท่านทำ เพราะทำตามประสาที่ไม่มีอะไรจะทำนั่นเอง

วันเวลาได้ผ่านไปนานถึง 30 ปี ภิกษุองค์หนึ่งเคยนั่งสกัดหินมาตั้งแต่ยังหนุ่ม บัดนี้ก็ยังคงนั่งสกัดเอา สกัดเอา ไม่ลดละ แม้ท่านจะมีอายุห้าสิบแล้ว ร่างกายของท่านก็ยังรับใช้จิตใจที่บึกบึนแข็งกว่าหินได้เป็นอย่างดี ไม่มีใครทราบหรอกว่าท่านเอาน้ำอดน้ำทนมาจากไหน เอาเรี่ยวแรง เอากำลังใจมาจากไหน นอกจากตัวท่านเอง เหตุการณ์เป็นไปเช่นนี้จึงทำให้จังหวัดบูเส็น ที่ท่านเลือกเอาเป็นถิ่นปฏิบัติธรรมของท่าน ได้มีอุโมงค์เจาะลอดภูเขาใหญ่ เชื่อมการคมนาคมติดต่อระหว่างกิ่งอำเภอ ที่ครั้งหนึ่งแสนจะทุรกันดารให้เปิดมาสู่ความเจริญในเมืองได้ ในปัจจุบันนี้ แม้ใครไปญี่ปุ่น ไปเมืองบูเส็น ก็ยังพบอุโมงค์อันมีประวัติ ที่เจาะด้วยแรงคน และเป็นแรงคนที่เกิดจากพลังธรรมะในพุทธศาสนา อุโมงค์นี้สมัยแรก มีแนวคดไม่เกลี้ยงเกลาอยู่บ้าง บัดนี้เป็นอุโมงค์ที่มีขนาด กว้าง 30 ฟุต สูง 20 ฟุต ทะลุภูเขายาว 2,280 ฟุต (ค่อนๆ ไปเกือบ 1 กิโลเมตร หรือครึ่งๆ ถ้ำขุนตาลของไทยเรา)

เรื่องมีเล่าต่อออกไปอีกหน่อยว่า ก่อนที่อุโมงค์จะสำเร็จใช้เดินถึงกันได้ สัก 2 ปีนั้นได้มีชายคนหนึ่ง ซอกซอนมาจากเมืองกรุง ปรากฏภายหลังว่าเป็นบุตรชายของท่านขุนนางเจ้านายเก่าที่ตายไป ชายหนุ่มคนนี้ขณะบิดาถูกฆ่าเขายังเล็กๆ อยู่ พอโตขึ้นก็ผูกใจเจ็บ เที่ยวถามติดตามมาหลายปี พร้อมกับหัดเป็นนักดาบมาอย่างช่ำชอง พอแน่แล้ว ก็จะเข้าเอาชีวิตเพื่อล้างแค้น แต่ยังมีติดขัดอยู่ว่า มาเห็นคนฆ่าพ่อของเขา บัดนี้อยู่ในแบบฟอร์มของพระภิกษุแล้ว เพื่อไม่เป็นการฆ่าผิดตัว จึงถามเอาตรงๆ พอท่านซีนก่ายถูกถามเช่นนั้น ก็รับว่าเป็นนายซีนก่ายที่เขาต้องการพบและต้องการฆ่า ท่านไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างไร แต่พูดจาชี้แจงให้ชายหนุ่มคนนั้นฟังว่า ท่านกำลังทำงานที่จะเป็นประโยชน์ต่อมหาชนมากหลาย และจะสำเร็จอยู่แล้ว ขอผ่อนผันให้ท่านได้สกัดหินต่อไป เท่าที่ชายหนุ่มนั้นก็เห็นอยู่แล้วว่าเหลือเพียงเล็กน้อย เมื่อเสร็จในวันใด ท่านยอมใช้กรรม ให้ตัดศีรษะในวันนั้นทีเดียว ชายหนุ่มคนนั้นก็ตกลง เพราะมองเห็นจริงๆ ว่าถ้าท่านไม่ทำต่อ งานชิ้นสำคัญต่อสังคมส่วนใหญ่นี้ จะเป็นอันยกเลิกไปเสีย

ทีแรกหนุ่มชาวกรุงก็ยังไม่วางใจนัก ว่าคนที่เคยฆ่าพ่อของตนจะไม่เป็นคนลอบทำร้ายตนก่อน ต้องเหน็บดาบและมีดระแวดระวังตัวแจอยู่ และคอยเวียนไปที่อุโมงค์นั้นเสมอๆ เพื่อจะรู้ว่าท่านชิงหนีไปเสียที่ไหน หรือท่านจะคอยถ่วงเวลา สกัดช้าๆ ให้เวลาเนิ่นนานไป เมื่อมีการไปพบหลายหนหลายครั้ง และเคยยืนดูท่านกำลังทำงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ลดละทั้งคืนทั้งวัน ก็ทำให้รู้สึกแปลกประหลาด นานเข้า ก็มีการปรารภชวนท่านคุย และถามนั่นถามนี่ เป็นอยู่อย่างนี้หลายเดือน หินของภูเขาก็ถูกสกัดกร่อนบางไปเรื่อยๆ หนุ่มลูกชายของท่านขุนนาง เมื่อยืนเฝ้าดู จนเมื่อยแล้วก็เริ่มนั่งคุย การได้สังสนทนากันจึงเป็นที่แน่ใจว่าท่านรู้สึก-นึกคิด เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ว่าอย่างไร เมื่อยู่เฉยๆ ไม่รู้จะทำอะไร ก็ลองสกัดหินช่วยท่านซีนก่ายไปพลาง เรื่องเลยกลายเป็นได้ร่วมงาน ร่วมกิน ร่วมนอนด้วยกัน ในอุโมงค์นั้นเอง ในที่สุดก็กลายเป็นผู้ช่วยที่รู้จักทำงานโดยตั้งจิตไว้ในธรรมปฏิบัติ ตามแบบที่ท่านซีนก่ายแนะให้ ทำไปทำไปโดยไม่หยุดยั้งเหมือนกัน จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปกว่าขวบปีอย่างไม่รู้สึกว่านาน ตลอดเวลา ชายหนุ่มได้เลียนลอกแบบเอาคุณธรรมที่ตนได้เห็น ได้ค้นพบ ที่เนื้อที่ตัวของท่านซีนก่ายนั้นเอง ว่าท่านองค์นี้ ช่างเต็มไปด้วยบุคลิกภาพพิเศษและความเป็นผู้มีใจสิงห์เหลือเกิน

ในที่สุด อุโมงค์ลอดภูเขาใหญ่ ก็สำเร็จลุล่วง ผู้คนพากันมาดู และได้ใช้เป็นหนทางติดต่อกับตัวเมือง ไม่ได้รับความยากลำบากที่จะต้องไต่ไปตามไหล่หินชันอีกต่อไป พอเสร็จในวันนั้น ท่านซีนก่ายก็เหลียวมายังชายหนุ่ม ที่ยืนอยู่ข้างหลังกำลังมองดูความสำเร็จที่ตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วย ท่านได้พูดขึ้นว่า “เราตัดภูเขาแท่งทึบ เชื่อมให้คนติดต่อถึงกันได้แล้ว ทีนี้ก็ถึงตอนที่ คอที่ต่อศีรษะติดกับร่างของฉัน ได้เวลาขาดออกจากกันตามสัญญาแล้ว” พูดแล้วก็น้อมกายยื่นไปให้ชายหนุ่มลูกศิษย์เชลยศักดิ์ของท่านโดยดี

ชายหนุ่ม น้ำตานองหน้า ทรุดตัวลงคุกเข่า มือทั้งสองพนมไหว้ พลางกล่าวว่า “หลวงพ่อจะให้ผมตัดศีรษะของบุคคลที่เป็นอาจารย์ของผมได้อย่างไร?”

 

*เรื่องนี้ เป็นเรื่องของคนๆ หนึ่งที่มีตัวตนอยู่จริงๆ และได้ชนะภูเขามาแล้วจริงๆ โดยมีหลักฐาน พยานคืออุโมงค์ที่ใช้กันมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ในจังหวัดบูเส็น ถ้าจะให้ชื่ออุโมงค์นี้ ก็ต้องเรียกว่า ไม่ใช่คนทำ แต่ธรรมะในจิตใจของคนใจสิงห์นั้นเอง เป็นผู้ทำ คนเราจะจู่ๆ มาทำเป็นคนใจสิงห์เอาทันทีทันใดนั้น ไม่สำเร็จแน่ นอกจากคนๆ นั้น ได้แนวทางแห่งธรรม รู้ว่าชีวิตนี้จะทำกับมันอย่างไร เพื่อรอเวลาจนกว่าร่างนี้จะแตกดับ เราจะใช้วันเวลาไปอย่างไร หากใครรู้แจ้งถูกต้องในเรื่องนี้ แล้วลงมือทำ ทำอะไรก็ได้ ที่ตนถนัด หรือเท่าที่ตนเห็นว่าดีที่สุด ทำไป-ทำไป ทำไปโดยจิตใจที่รู้แจ่มแจ้ง เอาเรื่องงานที่ตนลงมือทำนั่นแหละ เป็นกัมมัฏฐาน (คือสิ่งที่ใช้เป็นฐานที่ตั้งแห่งการกระทำ) ทีแรกก็ปรารภถูกต้องขึ้นก่อนว่า อุโมงค์นี้ดีแน่เพราะถ้าเสร็จแล้วผู้คนเขาจะพลอยได้ใช้ไปตลอดกาลนาน พอตัดสินใจ ก็จับงานลงมือทำงาน ทำไปทำไปไม่ฟังเสียงอะไรทั้งสิ้น ทำด้วยจิตใจที่ไม่ย่อท้อ เพราะไม่มีการห่วงหน้าห่วงหลัง หรือคิดทวงว่าจะไปเสร็จเมื่อไร สกัดหินเข้าไปได้สะเก็ดเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง ก็แปลว่าสำเร็จเพิ่มมากขึ้น-มากขึ้นแล้ว งานนี้ จะทำเพื่อใคร ในขณะนั้นก็ไม่ต้องนึกมีแต่ธรรมปีติ แช่มชื่นทุกคราวที่ค้อนตอกเหล็กสะกัดแล้วหินก็บิ่นไปทีละนิดๆ ไม่ต้องมีใครมารู้มาเห็น ตัวเองก็อาบย้อมอยู่กับความสำเร็จทุกๆ ระยะ ฉะนั้น ธรรมะนั้นแหละเป็นผู้ทำให้คนธรรมดา กลายเป็นคนใจสิงห์*

ผมต้องขออภัย จข กท ด้วย หากสิ่งที่ผมพูดไปไม่สบอารมณ์

หรือไม่ถูกใจ แต่ผมคิดอย่างนี้จริง เพราะทุกครั้งที่กำนันสุเทพ

ขึ้นเวทีปราศรัย สีหน้า แววตาของท่านมีแต่ความปีติและจริงใจ




#965148 1 ปี หรือ ปีครึ่งอย่างมาก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ชั่วกัปชั่วกัลป์ นั่นเอง

โดย Stargate-1 on 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 11:15

 

BLUESKY Channel shared เวทีราชดำเนิน's photo.

 
22.13 น. #เวทีราชดำเนิน สุเทพ ได้กล่าวว่า มีการโจมตีว่าการปฏิรูปประเทศที่ผมพูดนั้นทำไม่ได้จริง เพราะต้องใช้เวลา 20-30 ปี แต่เพียงต้องการเข้ามายึดอำนาจประเทศ ผมเรียนว่า เราไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา เรารู้ว่าต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาประเทศ แต่เราเรียกร้อง 4-5 เรื่องที่ทำได้ในเวลาสั้นๆ ทำทีเดียวหรือไม่เกินปีครึ่งเสร็จแล้ว

1.กระบวนการเลือกตั้งทั้งหมด ต้องเป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม เป็นที่มีของสส.ที่ดี รัฐบาลที่ดี คำว่า กระบวนการเลือกตั้ง มันครอบคลุมทุกเรื่อง เรื่องกฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง สภาประชาชนต้องช่วยกันคิดและแก้ไข ป้องกันการซื้อเสียง ถ้าเจอ อย่าให้ออกจากการเลือกตั้งแค่นั้น ต้องให้ติดคุก 5-10 ปี จับนายทุนด้วยไม่ว่าจะอยู่ต่างประเทศ ในประเทศ ก็จับมันมาเข้าคุก ข้อหาสมรู้ร่วมคิด

2.การป้องกันปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น ประเทศเราจะไปไม่รอดแล้ว มันโกงจนเหลือแต่ก้าง ต้องหยุดนักการเมืองทุจริตก่อน ต้องแก้กฎหมายปราบทุจริตทั้งกระบวนการต่อไปนี้ประชาชนถือเป็นคนเสียหาย ฟ้องคนโกงได้เลย เพราะถ้ารอตำรวจหรือดีเอาไอสอบ เผลอไม่สอบ ดองเรื่อง เพราะเป็นขี้ข้า ถ้ารออัยการฟ้อง บางคดีอัยการไม่ฟ้อง.ดังนั้นประชาชนฟ้องคดีเองได้ ถ้านักการเมืองคนไหนมีคดีทุจริตคอรัปชั่น ต้องไม่มีวันหมดอายุความ หนีไปอยู่ดูไบก็ต้องต้องกลับมาติดคุกให้ได้

3.ประชาธิปไตย ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่อำนาจต้องอยู่ในมือนักการเมือง ประชาธิปไตยต่อไปนี้ ต้องยอมรับอำนาจประชาชนมากขึ้น ให้เข้ามามีอำนาจตรวจสอบควบคุมข้าราชการและนักการเมืองมากขึ้น กฎหมายวันนี้นั้น ผู้แทนที่ข่มขื่นใจพวกเราในสภา เราเข้าชื่อถอดถอน 120,000 ชื่อ จนวันนี้ประธานวุฒิสภา บอกว่า ยังตรวจชื่อไม่เสร็จ กระบวนการถอดถอนเริ่มไม่ได้ พี่น้องเชื่อผมเถอะมันจะใช้เวลาประมาณ 5 ปี คนชั่วพวกนั้นถึงไม่กลัว เราต้องแก้กฎหมายใหม่ให้จบภายใน 6 เดือน 1 ปี ให้มันรับโทษสาสม จึงต้องทำให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และต้องคืนอำนาจให้ประชาชนที่รวบมาไว้ที่รัฐบาลกลาง ต้องคืนให้ประชาชนต่างจังหวัด ให้เขาเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดของเขาเอง เพราะผู้ว่าฯที่นายกตั้งไปไม่ดูแลคนต่างจังหวัด งบประมาณแผ่นดินต้องแก้ไข ไม่ใช่ไม่พอใจก็ไม่ให้คนต่างจังหวัด

4.แก้ไขปัญหาเหลื่อมล้ำทางสังคม การดูแลคนจนต้องทำให้เป็นวาระแห่งชาติ เราต้องทำให้คนจนมีที่ยืนในแผ่นดินเหมือนคนอื่น แต่ต้องเลิกประชาชนนิยมเด็ดขาด หลอกคนจน ไม่ต้องมีอีกแล้ว ทำให้ประเทศเจ๊งด้วยประชานิยม

5.ปรับโครงสร้างตำรวจ ตำรวจมีหน้าที่ดูแลประชาชน จะมาเป็นนายประชาชนไม่ได้ ต้องปฏิรูปตำรวจ ตำรวจต้องเป็นตำรวจประชาชน อยู่ภายใต้การควบคุมจาก กตร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ฝ่ายตรงข้ามมันไปพูดให้ตำรวจเกลียดเรา เช่น ไปอยู่ใต้ อบต. เรียกว่า รปภ. ฯลฯ แต่จริงๆแล้วถ้าปฏิรูป ตำรวจชั้นผู้น้อยจะได้รับความเป็นธรรม ไม่ต้องเลียแข้งเลียขาใคร ทำความดี ประชาชนจะป้องกันเอง ตำรวจไม่ต้องทำผิด ส่งส่วยให้ผู้บังคับบัญชาการ ต้อนนี้ผู้บังคับบัญชาการหากินกับลูกน้องกันทั้งนั้น เราต้องแก้ไข


เราต้องการเวลาทำ 5 เรื่องนี้ ภายในปีเดียว ไม่เกินปีครึ่ง เรียบร้อย กลับไปเลือกตั้ง เชิญพรรคทั้งหลายมาเลือกตั้ง ไม่ซื้อเสียง เป็นธรรม บริสุทธิ์ เดินตามทางต่อไป ตอนนี้ฝ่ายยิ่งลักษณ์ ตั้งหน้าตั้งตาโจมตีพวกเรา เป็นพวกต่อต้านการเลือกตั้ง เราไม่ได้ต่อต้าน เราแค่จะปรับกฎกติกาก่อน ไม่ใช่โกงกินเหมือนเดิม ต้องการแค่ปฏิรูปให้เสร็จ คุณค่อยมาลงเลือกตั้ง เมื่อเราเห็นว่าบริสุทธิ์ ยุติธรรมแล้ว เราไม่ได้ต่อต้าน แค่ต้องการคนดีมาทำหน้าที่แทนประชาชน ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร

ที่ส่งเสียง คำว่า ออกไป ไม่ได้หมายความว่า ไล่ตระกูลชินวัตรให้พ้นประเทศไทย เรารู้คนไทยด้วยกัน ไม่สามารถเนรเทศให้ออกไปต่างประเทศได้ เหมือนคนไทยไม่ได้เนรเทศทักษิณ แต่ทักษิณหนีไปอยู่เมืองนอกเอง เหมือนคุณยิ่งลักษณ์ลาออกจากรักษาการณ์นายกรัฐมนตรี เท่านี้ก็อยู่ด้วยกันได้ในประเทศไทย ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ทำความดีให้ประชาชนเห็น หลุดจากอำนาจทักษิณ มาดูว่าประชาชนจะปฏิบัติอย่างไร คุณจะได้ร้องไห้ว่าน่าจะทำความดีให้กับประเทศนานแล้ว

อยากกราบเรียกร้องไปถึงท่านที่ถูกเรียกว่า ไทยเฉย ว่าขอให้ช่วยสู้ร่วมกับเราอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้ไม่ได้ออกมาร่วมกับเรา ไม่ได้มาชุมนุม แม้จะอยู่บ้าน ท่านก็ช่วยเพิ่มพลังของประชาชนด้วย เราต้องการทุกฝ่าย กราบขอแรงทุกคนด้วย

วันนี้ขออนุญาตพูดถึงคนเสื้อแดง เสื้อดำที่มาก่อการร้าย คนพวกนี้นี่ส่วนน้อย ต้องถูกดำเนินคดี นิรโทษไม่ได้ จงใจทำผิดเพราะรับจ้างทักษิณเค้าต้องถูกดำเนินคดี แต่มวลชนคนเสื้อแดงผมอยากจะพูดว่า เราอยากจะสามัคคีกับท่าน ถ้าท่านรักความยุติธรรม รักประเทศ รักความบริสุทธิ์ขอท่านมาร่วมกับเรา ผมต้องการให้มวลชนคนเสื้อแดงที่เป็นคนดี ไม่ใช้แดงรักทักษิณ แดงล้มชาติ ขอเป็นแดงที่รักประเทศไทย มาร่วมกับเรา ถ้าคุณสู้เพื่อประชาธิปไตย สู้เพื่อคนจน เรามีจุดยืนเดียวกันมาร่วมกันช่วยกันปฏิรูปประเทศไทย นี่คือคำเชื้อเชิญอย่างเป็นทางการของมวลมหาประชาชนขอให้ท่านมาร่วมกับเรา


ขอพูดกับพี่น้องเรื่องตัวผมเอง ผมถูกรัฐบาลใส่สี ว่าเป็นคนไม่ดี เป็นคนบ้า ผมขอเรียนว่า ในอดีตภาพพจน์ผมอาจไม่สวยสดงดงาม เป็นกรรมของผม แต่ผมเรียกว่า วันที่ผมมาต่อสู้ ผมเหมือนฆราวาสมาบวช มาถือศีล และจะรักษาศีลไม่ขาดแน่นอน ผมสู้สุดชีวิต ผมเทหมดหน้าตัก สู้เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน รัฐบาลที่ใส่ร้ายผมว่าผมเป็นคนบ้า สติไม่ดีผมอยู่กับพี่น้องมาเป็นเดือน พี่น้องเห็นแล้วว่าผมไม่บ้าแน่นอน ผมไม่ถอยแน่นอน เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่ประเทศนี้จะดีขึ้นได้ด้วยมือประชาชน

ผมไปพบเอกชน ไปพบกองทัพเพือบอกความจริงให้เขาฟัง เราเดินสายและจะต้องเดินต่อไป เราเสียเปรียบมากจากสื่อต่างประเทศ ใช้เงินภาษีเราไปล้อบบี้สื่อต่างประเทศ ป้อนข้อมูลผิดๆให้ หลายประเทศแถลงการณ์แบบไม่เข้าใจการต่อสู้ของประชาชน เรากำลังเชิญทูตทั้งหลายมาดูเวทีนี้เลย ผมเชิญไปแล้ว วันที่ 18 ตอนเย็นมาที่นี่ ผมจะพาทูตเดินชมพี่น้องทุกกลุ่ม เขาจะเข้าใจและเห็นด้วยตาเขาเองว่า เราเป็นพลเมืองดี สันติ อสิงหา ไม่เหมือนสมุนรัฐบาลที่ก่อการร้ายและพวกคุณ(ทูต)ยังเชียร์อยู่


รัฐบาลหาว่าเราเป็นคอมมิวนิสต์ แต่สภาประชาชนไม่เกี่ยวกับคอมมิวนิตส์ แต่เป็นเรื่องประชาชนล้วนๆ ไม่มีพรรคการเมือง นักการเมือง เข้ามาเกี่ยว เพราะผลประโยชน์ของประชาชนกับนักการเมืองมันขัดกัน เราจะเห็นในไม่ช้านี้พรรคการเมืองคิดแบบพรรคการเมือง ผมมาเป็นประชาชนผมก็ต้องคิดแบบประชาชน เป็นเส้นแบ่งที่ต้องขีดกันแล้วเราต้องเข้มแข็ง เราต้องกอดกันให้มั่น มีศรัทธาและมั่นใจว่าเราทำเพื่อประเทศและลูกหลาน ไม่ต้องวอกแวก สู้ให้ชนะ

ทางเลือกประเทศไทยมีสองทางเลือกเท่านั้น 1.ยิ่งลักษณ์และครม.ลาออก มีสภาประชาชน ปฏิรูปประเทศและเลือกตั้งในปีหรือปีครึ่ง 2.ถ้าไม่ลาออกก็บังคับ โดยเดินหน้าใช้อำนาจประชาชนเต็มที่

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข(กปปส.)
#เวทีราชดำเนิน
16 ธันวาคม 2556

 

เอามาจากระทู้นี้  http://webboard.serithai.net/topic/40841-เกาะติดสถานการณ์-สุเทพ-ทนำทัพ/page-318#entry965050

ผมก็นั่งฟังอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ยังไงก็ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลที่ช่วยตอกย้ำความเป็นจริง เผื่อบางคนยังคงมองอยู่ในมุมๆเดิมๆ ซึ่งจากข้อความดังกล่าวแกนนำบอกว่า "4-5 เรื่องที่ทำได้ในเวลาสั้นๆ ทำทีเดียวหรือไม่เกินปีครึ่งเสร็จแล้ว" ก็เลยมีคำถามอันเดิมว่า ทำไมเขาไม่ทำตอนเป็นรัฐบาล

 

 

เอ็งคิดว่าสิ่งเหล่านี้ออกมาจากกำนัน หรือ เอ็งคงได้ยินที่กำนันพูดแล้วซินะว่า กำนันเองโดนมวลมหาประชาชน ล้างสมองแล้ว ถ้าเอ็งยังไม่เข้าใจ คงต้องไปอยู่ในมวลมหาประชาชนดูแล้วกัน นะไอ้หนูนักข่าว อย่ามานั่งจินตนาการเอาเองเลย แล้วนั่งเทียนนึกเอาว่า เป็นอย่างโน้น อย่างนี้ แบบนี้ เขาไม่เรียกว่าปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนะจ๊ะ

 

ปล. ที่เอ็งกด Like อาจเข้าใจผิดก็ได้ เพราะ ที่เอ็งพยายามโยง กำนันไปพรรค ปชป.นั้น เอ็งคิดผิด ที่กำนันพูดเอาจากมวลมหาประชาชน ไม่ใช่มาจากของกำนันเอง