Jump to content


Nan

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 9 มกราคม 2557
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2557 14:56
-----

#1011143 อยากถามหน่อยว่า การมี่ แดงคิวซี ใน เสรีไทยเว็บบอร์ด

โดย เช never die on 17 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:08

 

อุปมาเหมือน "ตุ๊กตายาง" ครับ ใช้แก้ขัดไปก่อน เพราะแดงจริงช่วงนี้ขาดแคลนหนัก
อย่างน้อยก็ช่วยสร้างความหฤหรรษ์ให้สมาชิกได้ในระดับหนึ่ง

เอาตรงๆนะ  ขาดแคลนหนักเพราะเวปนี้เล่นแรงอะ  บางทีอ่านเม้นบางคน  ยังแบบไปไม่ถูกแทนเลย  อ่าน รดน เหมีอนกัน ทางโน้น เน้นฮา สาระมีบ้างไม่มีบ้างแต่ด่าไม่ค่อยแรง จิกๆกัดๆไปวันๆ

 

 

 

:lol: :lol: :lol: :lol:


  • Nan likes this


#1011129 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย เช never die on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:50

 

 

 

 

ปฏิรูปที่ดิน + โฉนดชุมชน เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ และทำให้เร็วที่สุด

อ้อ ปัญหาคนจนในเมืองด้วยครับ

 

ถ้าทำสองอย่างนั้นได้ก่อนอย่างรวดเร็ว มันจะค่อยๆทุเลาปัญหาลงได้ทั้งระบบครับ รวมไปถึงความหนาแน่นของประชากรตามหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นต้นตอของปัญหาสังคมสารพัด โดยสภาพความเป็นจริง หนุ่มสาวที่อพยพเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ด้วยความจำเป็นเกินกว่าครึ่ง ยังถวิลหาชีวิตสบายๆในท้องถิ่นที่จากมา แต่เมื่อกระแสทุนนิยมสุดโต่งพัดให้มาติดอยู่ตรงนี้ ก็ต้องอยู่กันด้วยความจำใจ (GHP ของประเทศที่ลดต่ำลง)

 

เมื่อคนอพยพออกจากเมืองเข้าสู่ชนบท ความหนาแน่นของประชากรในเมืองใหญ่มันก็จะลดลงด้วย

 

และที่สำคัญมันจะทำให้เกิลพลวัตทางสังคม ในมิติอื่นๆตามมา ยกตัวอย่างเช่นการขยายตัวในทางราบมากกว่าทางดิ่ง ตึกจะไม่สูงมาก(เพราะที่ดินราคาไม่แพง สามารถทำสำนักงานในแนวกว้าง ไม่ใช่แนวสูง ตึกสูง ไม่ต้องมีลิฟท์ ประหยัดพลังงาน พนักงานได้เดินในสำนักงานกว้างๆ ได้ออกกำลังกาย)

 

ซึ่งจะก่อให้เกิดพลวัตทางสังคม การค้นคว้าวิจัยใหม่ การศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์สังคมใหม่ๆ นอกเหนือจากผลตอบแทนเชิงกายภาพที่เป็นผลิตผลที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มผลิตภาพของประเทศ แปลว่าคนจนในเมืองก็จะค่อยๆลดลง แต่ก็ไม่มีประเทศใดในโลกสามารถทำให้คนจนในเมืองหมดไปได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว ถ้าคนจนที่เป็นคนขี้เกียจโดยกมลสันดาน รอแบมือขอเงินสวัสดิการจากรัฐไปซื้อเหล้ากินอย่างเดียว ถึงจะมีคนแบบนี้ไม่เยอะ แต่ก็เป็นจุดด่างรอยด่างให้เห็นด้าน "จนเพราะขี้เกียจ" ของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

 

อันนี้เป็นข้อเสนอของพี่ปาเกียวเสื้อแดง 3.0 ครับ

......................................................................................................

 

Vekakav Vkkn wrote ...

 

ขออภัยที่คำพูดต่อไปนี้จะเห็นต่าง

 

แผนปฏิรูปที่ดินท่านผมก็เห็นด้วยนะครับ

 

แต่ เจ้าของที่ดินที่ต้องเสียผลประโยชน์น่าจะขวางสุดลำ

 

 

แต่ผมก็คิดไม่ออกน่ะครับ ว่าจะมีวิธีใดดีกว่าของพี่เช

 

แต่ถ้ามีวิธี ที่ วินวิน ทุกฝ่าย นโยบายนั้นน่าจะคลอดได้โดยง่ายครับ

 

 

 

ผมมีความคิดแว๊บนึงว่า

 

 

อาจจะให้ รัฐเป็นคนจัดสรร ที่ดินไหนถือเก็งกำไรไม่ทำอะไร

หากเข้าโครงการ ปล่อยให้ยืม ทำการเกษตร ก็ลดภาษี

 

อาจจะลดมากขึ้นหากให้เช่าต่อเนื่อง

 

แล้วรัฐก็ไปเก็บค่าเช่า จาก คนมาใช้ที่ดินในอัตราต่ำ

หากได้กำไรมาก ก็ให้แบ่งให้เจ้าของที่ดินนิดๆหน่อยๆ

 

ยังไงซะเจ้าของที่ดินก็คิดว่ายังดีกว่าเสียภาษี

อาจมีมาตรการอื่นจูงใจไห้ปล่อยให้ยืมต่อเนื่อง

 

เมื่อเจ้าของที่ดินขายที่ดินเพื่อเก็งกำไร ก็ไม่ส่งผลอะไรมาก

ก็แค่เปลี่ยนมือในระดับเจ้าของ หากเจ้าของจะไม่ให้ยืมเนื่องจากจะใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น

รัฐก็จะมีที่ อื่น ที่บางที่คนของยืม มีอาชีพอื่นให้ไปทำ

คนที่ไม่มีที่ทำกินก็เข้าไปทำต่อได้เลย

 

 

นี่คือแนวคิดผม(ไม่รู้ดีไม่ดี) สำหรับจัดการที่รกร้าง

 

ข้อดี

-คนไม่มีที่ทำกิน ได้มีที่เริ่มต้นชีวิต เพื่อมีรายได้ไปสู่การมีอาชีพที่ดีกว่าเดิม

 

-ที่สำคัญ วินวิน ทุกฝ่าย

 

 

 

ข้อเสีย

-อาจก่อให้เกิดการ ต้องย้ายที่ย้ายถิ่น หากเจ้าของจะใช้ประโยชน์จากที่ดิน แต่รัฐก็จะมีที่อื่นรองรับให้เสมอ

 

 

 

 

 

 

 

ปล หลังจากนี้การเม้นของผมอาจแสดงถึงสมองอันน้อยนิดแล้วนะครับเพราะ บ่ มีเวลาแล้ว

 

............................................................................................................................................

 

ขออภัยเจ้าของเรปด้วยครับ ที่เอาข้อความที่คุยกันหลังไมค์มาลงในรีพลาย

 

ขอเพิ่มนิดหนึงของพี่ปาเกียวนะ  คือมันมีกฏหมายตัวหนึงซึ่ง บอกในทำนองว่า ถ้ามีคนที่เช่าที่ดิน ถ้าเช่า (หรือทำประโยชน์) เกิน 10 สามารถฟ้องร้อง ให้ที่ผืนนั้นเป็นของตนโดยชอบธรรม  (ไม่แน่ใจในรายละเอียดของกฏหมาย) แต่ถ้าออกมาในลักษณะนี้ อาจจะไม่มีเจ้าของที่ที่ไหนอยากให้เช่านะ  (ประสบการณ์โดยตรงของคุณแม่ค่ะ  กว่าจะคุยให้ออกจากที่ได้ แทบแย่)

 

 

หวัดดีตอนเช้าครับ ...

 

เข้าประเด็น อันนี้อยากให้มองภาพรวมๆกว้างๆ ถ้ากฏหมายนี้มีผลบังคับใช้ มันจะเกิดพลวัต(หรือความโกลาหล ก็ไม่รู้)ไปทั่วทั้งสังคม ขึ้นอยู่กับการออกแบบในรายระเอียดของกฏิกาว่าจะยอมรับกันได้มากสุดแค่ไหน เราออกแบบได้ ไม่ต้องเดินตามอย่างใคร เอาจุดที่คนส่วนใหญ(ที่เป็นส่วนใหญ่จริงๆ ไม่ใช่ส่วนใหญ่เทียมๆ)เห็นพ้องต้องกัน เป็นต้นว่าเขียนเพิ่มในกฏหมายว่าถือครองได้คนละไม่เกินยี่สิบไร่ไม่ต้องเสียภาษี หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ไปตกลงกันเอาเองว่าจะให้แค่พอทำกินเหลือขายนิดหน่อย ก็ไปกำหนดอัตราภาษีว่า ถ้าเกินยี่สิบไร่แต่ไม่เกิน 50 ไร่ 100 ไร่ 200 ไร่ ก็เก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เกินกำลังจ่าย หรือไปกระทบต้นทุนมากนัก สำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการเกษตร

 

แต่ไปเล่นหนักๆก็ตอนที่มันเกิน 1000 ไร่ 2000 อันนี้ต้องมีกรรมการจากหลายภาคส่วนมาร่วมพิจารณาเป็นรายๆไป คุณเอาที่ดินกว้างใหญ่ขนาดนี้ไปใช้ไปทำประโยชน์อะไร มันคุ้มกับที่คุณจะเสียภาษีไหม คุณทำประโยชน์บนที่ดินจริงหรือเปล่า มีคณะกรรมการในท้องถิ่นลงไปดูทุกสามเดดือน-หกเดือน ถ้าเข้าเกณฑ์ปล่่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรงอกเงย ก็หยิบอัตราคูณ 2 มาใช้เพิ่มเข้าไปทุกปีจากฐานประเมินราคาที่ดินเป็นอัตราภาษี

 

ถึงตอนนี้คุณก็ต้องดิ้นรนขวนขวายทำอะไรซักอย่างแล้ว (จากปัจจุบันที่แย่งยึดปัจจัยการผลิตหลักมาจากเกษตรกรแล้วนอนกระดิกเท้าไม่ทำอะไร) กลายเป็นต้องไปดิ้นรนหาคนมาเช่าทำกินบนที่รกร้างว่างเปล่าของตัวเอง เมื่อที่แปลงใหญ่ๆรกร้างว่างเปล่าทั่วประเทศถูกกระตุ้นให้ก่อให้เกิดผลผลิตทางเศรษฐกิจพร้อมๆกัน ผลที่ตามมา การจ้างงานภาคเกษตร การพัฒนาจักรกลการเกษตรแทนแรงงานคน ยังไม่พูดถึงอุปสงค์-อุปทานที่แท้จริง ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน เจ้าของที่จะต้องแย่งกันหาคนมาเช่า คนเช่าก็มีหน้าที่ทำให้เกิดผลผลิต ไม่อย่างนั้นคนเช่าที่ซวย ถ้าหาตัวคนเช่าที่ไมาเจอตัวก็ไปใล่บี้กับเจ้าของที่ ที่ปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่า

 

เดี๋ยวมันจะมีผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองใหญ่ในทางราบ ที่ประมวลภาพให้เห็นชัดๆเลยก็คือปัญหาการจราจรแออัดในเมืองใหญ่มันจะคลายตัวลงไปเองตามธรรมชาติ เมื่อผู้คนอพยพออกไปใช้ประโยชน์ที่ดินในมิติต่างๆ การจราจรในกรุงเทพฯจะโล่งเบย..  รับรอง

 

สวัสดีค่ะน้าเช

 

เห็นด้วย แต่เริ่มเล่นหนักที่ 500+ ไร่ขึ้นไปก้อน่าจะได้นะค่ะ

 

อีกอย่างการปฏรูปที่ดินอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของความแออัด หรือ คนละทิ้งถิ่นฐาน นะค่ะ  อีกอย่างที่อยากให้น้าเชเปิดอีกประเด็น คือการกระจายตัวของโรงงาน อุตสาหกรรม ใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้อีกหลายๆครอบครัวที่ไม่มีความรู้ทางเกษตร มีรายได้เพิ่มขึ้น การกินอยู่ที่ดีขึ้น และไม่ต้องอบพยบย้ายถิ่นฐานนะคะ

 

 

แล้วแต่จะไปตกลงกันครับ จะเริ่มที่กี่ไร่เพื่อเอามาปฏิรูปให้เกษตรกรที่ต้องการที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง เอาเข้าจริง ในหลวงเคยมีพระราชดำรัสว่า 5 ไร่ก็เพียงพอทำอยู่ทำกินแล้ว แต่จะให้ดีต้องประมาณ 8 ไร่ สำหรับหนึ่งครอบครัว จากที่ทรงได้ทดลองตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนที่จะโดนอัตราภาษีก้าวหน้าจะไปเริ่มที่กี่ไร่

 

ผมว่าขณะที่กำลังคุยกันอยู่แล้วมีเส้นสายแลนด์ลอร์ดมาเห็น ป่านนี้พี่แกแจ้งไปยังลูกพี่ให้ไปซอยแบ่งที่ตัวเองหาซื่อคนมาใส่กันขาขวิดแล้ว รู้สึกเป็นแบบนี้มามาสอง 2 - 3 แล้วด้วย แต่ก็ทำกันไป เด๋ี๋ยวมีคนลงไปดู ใช่ว่าซอยที่ดินเหลือแปลงละยี่สิบไร่แล้วจะรอด ไม่ว่าใครถือครองใว้ตั้งแต่ 1 ตารางนิ้วขึ้นไปแล้วไม่ทำประโยชน์อะไรบนที่ดินนั้น จะโดนอัตราภาษีก้าวหน้ากันถ้วนหน้าครับ




#1009491 อยากถามหน่อยว่า การมี่ แดงคิวซี ใน เสรีไทยเว็บบอร์ด

โดย colt rampant on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:47

ถ้าไม่มีพวกเขา ที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับที่ รดน .....อวยกันเอง

 

สิ่งที่พวกเขาแสดงออกมา บางทีเป็นความคิดของแดงจริงๆด้วยซ้ำไป




#1011088 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย เช never die on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:28

 

 

ปฏิรูปที่ดิน + โฉนดชุมชน เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ และทำให้เร็วที่สุด

อ้อ ปัญหาคนจนในเมืองด้วยครับ

 

ถ้าทำสองอย่างนั้นได้ก่อนอย่างรวดเร็ว มันจะค่อยๆทุเลาปัญหาลงได้ทั้งระบบครับ รวมไปถึงความหนาแน่นของประชากรตามหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นต้นตอของปัญหาสังคมสารพัด โดยสภาพความเป็นจริง หนุ่มสาวที่อพยพเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ด้วยความจำเป็นเกินกว่าครึ่ง ยังถวิลหาชีวิตสบายๆในท้องถิ่นที่จากมา แต่เมื่อกระแสทุนนิยมสุดโต่งพัดให้มาติดอยู่ตรงนี้ ก็ต้องอยู่กันด้วยความจำใจ (GHP ของประเทศที่ลดต่ำลง)

 

เมื่อคนอพยพออกจากเมืองเข้าสู่ชนบท ความหนาแน่นของประชากรในเมืองใหญ่มันก็จะลดลงด้วย

 

และที่สำคัญมันจะทำให้เกิลพลวัตทางสังคม ในมิติอื่นๆตามมา ยกตัวอย่างเช่นการขยายตัวในทางราบมากกว่าทางดิ่ง ตึกจะไม่สูงมาก(เพราะที่ดินราคาไม่แพง สามารถทำสำนักงานในแนวกว้าง ไม่ใช่แนวสูง ตึกสูง ไม่ต้องมีลิฟท์ ประหยัดพลังงาน พนักงานได้เดินในสำนักงานกว้างๆ ได้ออกกำลังกาย)

 

ซึ่งจะก่อให้เกิดพลวัตทางสังคม การค้นคว้าวิจัยใหม่ การศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์สังคมใหม่ๆ นอกเหนือจากผลตอบแทนเชิงกายภาพที่เป็นผลิตผลที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มผลิตภาพของประเทศ แปลว่าคนจนในเมืองก็จะค่อยๆลดลง แต่ก็ไม่มีประเทศใดในโลกสามารถทำให้คนจนในเมืองหมดไปได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว ถ้าคนจนที่เป็นคนขี้เกียจโดยกมลสันดาน รอแบมือขอเงินสวัสดิการจากรัฐไปซื้อเหล้ากินอย่างเดียว ถึงจะมีคนแบบนี้ไม่เยอะ แต่ก็เป็นจุดด่างรอยด่างให้เห็นด้าน "จนเพราะขี้เกียจ" ของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

 

อันนี้เป็นข้อเสนอของพี่ปาเกียวเสื้อแดง 3.0 ครับ

......................................................................................................

 

Vekakav Vkkn wrote ...

 

ขออภัยที่คำพูดต่อไปนี้จะเห็นต่าง

 

แผนปฏิรูปที่ดินท่านผมก็เห็นด้วยนะครับ

 

แต่ เจ้าของที่ดินที่ต้องเสียผลประโยชน์น่าจะขวางสุดลำ

 

 

แต่ผมก็คิดไม่ออกน่ะครับ ว่าจะมีวิธีใดดีกว่าของพี่เช

 

แต่ถ้ามีวิธี ที่ วินวิน ทุกฝ่าย นโยบายนั้นน่าจะคลอดได้โดยง่ายครับ

 

 

 

ผมมีความคิดแว๊บนึงว่า

 

 

อาจจะให้ รัฐเป็นคนจัดสรร ที่ดินไหนถือเก็งกำไรไม่ทำอะไร

หากเข้าโครงการ ปล่อยให้ยืม ทำการเกษตร ก็ลดภาษี

 

อาจจะลดมากขึ้นหากให้เช่าต่อเนื่อง

 

แล้วรัฐก็ไปเก็บค่าเช่า จาก คนมาใช้ที่ดินในอัตราต่ำ

หากได้กำไรมาก ก็ให้แบ่งให้เจ้าของที่ดินนิดๆหน่อยๆ

 

ยังไงซะเจ้าของที่ดินก็คิดว่ายังดีกว่าเสียภาษี

อาจมีมาตรการอื่นจูงใจไห้ปล่อยให้ยืมต่อเนื่อง

 

เมื่อเจ้าของที่ดินขายที่ดินเพื่อเก็งกำไร ก็ไม่ส่งผลอะไรมาก

ก็แค่เปลี่ยนมือในระดับเจ้าของ หากเจ้าของจะไม่ให้ยืมเนื่องจากจะใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น

รัฐก็จะมีที่ อื่น ที่บางที่คนของยืม มีอาชีพอื่นให้ไปทำ

คนที่ไม่มีที่ทำกินก็เข้าไปทำต่อได้เลย

 

 

นี่คือแนวคิดผม(ไม่รู้ดีไม่ดี) สำหรับจัดการที่รกร้าง

 

ข้อดี

-คนไม่มีที่ทำกิน ได้มีที่เริ่มต้นชีวิต เพื่อมีรายได้ไปสู่การมีอาชีพที่ดีกว่าเดิม

 

-ที่สำคัญ วินวิน ทุกฝ่าย

 

 

 

ข้อเสีย

-อาจก่อให้เกิดการ ต้องย้ายที่ย้ายถิ่น หากเจ้าของจะใช้ประโยชน์จากที่ดิน แต่รัฐก็จะมีที่อื่นรองรับให้เสมอ

 

 

 

 

 

 

 

ปล หลังจากนี้การเม้นของผมอาจแสดงถึงสมองอันน้อยนิดแล้วนะครับเพราะ บ่ มีเวลาแล้ว

 

............................................................................................................................................

 

ขออภัยเจ้าของเรปด้วยครับ ที่เอาข้อความที่คุยกันหลังไมค์มาลงในรีพลาย

 

ขอเพิ่มนิดหนึงของพี่ปาเกียวนะ  คือมันมีกฏหมายตัวหนึงซึ่ง บอกในทำนองว่า ถ้ามีคนที่เช่าที่ดิน ถ้าเช่า (หรือทำประโยชน์) เกิน 10 สามารถฟ้องร้อง ให้ที่ผืนนั้นเป็นของตนโดยชอบธรรม  (ไม่แน่ใจในรายละเอียดของกฏหมาย) แต่ถ้าออกมาในลักษณะนี้ อาจจะไม่มีเจ้าของที่ที่ไหนอยากให้เช่านะ  (ประสบการณ์โดยตรงของคุณแม่ค่ะ  กว่าจะคุยให้ออกจากที่ได้ แทบแย่)

 

 

หวัดดีตอนเช้าครับ ...

 

เข้าประเด็น อันนี้อยากให้มองภาพรวมๆกว้างๆ ถ้ากฏหมายนี้มีผลบังคับใช้ มันจะเกิดพลวัต(หรือความโกลาหล ก็ไม่รู้)ไปทั่วทั้งสังคม ขึ้นอยู่กับการออกแบบในรายระเอียดของกฏิกาว่าจะยอมรับกันได้มากสุดแค่ไหน เราออกแบบได้ ไม่ต้องเดินตามอย่างใคร เอาจุดที่คนส่วนใหญ(ที่เป็นส่วนใหญ่จริงๆ ไม่ใช่ส่วนใหญ่เทียมๆ)เห็นพ้องต้องกัน เป็นต้นว่าเขียนเพิ่มในกฏหมายว่าถือครองได้คนละไม่เกินยี่สิบไร่ไม่ต้องเสียภาษี หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ไปตกลงกันเอาเองว่าจะให้แค่พอทำกินเหลือขายนิดหน่อย ก็ไปกำหนดอัตราภาษีว่า ถ้าเกินยี่สิบไร่แต่ไม่เกิน 50 ไร่ 100 ไร่ 200 ไร่ ก็เก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เกินกำลังจ่าย หรือไปกระทบต้นทุนมากนัก สำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการเกษตร

 

แต่ไปเล่นหนักๆก็ตอนที่มันเกิน 1000 ไร่ 2000 อันนี้ต้องมีกรรมการจากหลายภาคส่วนมาร่วมพิจารณาเป็นรายๆไป คุณเอาที่ดินกว้างใหญ่ขนาดนี้ไปใช้ไปทำประโยชน์อะไร มันคุ้มกับที่คุณจะเสียภาษีไหม คุณทำประโยชน์บนที่ดินจริงหรือเปล่า มีคณะกรรมการในท้องถิ่นลงไปดูทุกสามเดดือน-หกเดือน ถ้าเข้าเกณฑ์ปล่่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรงอกเงย ก็หยิบอัตราคูณ 2 มาใช้เพิ่มเข้าไปทุกปีจากฐานประเมินราคาที่ดินเป็นอัตราภาษี

 

ถึงตอนนี้คุณก็ต้องดิ้นรนขวนขวายทำอะไรซักอย่างแล้ว (จากปัจจุบันที่แย่งยึดปัจจัยการผลิตหลักมาจากเกษตรกรแล้วนอนกระดิกเท้าไม่ทำอะไร) กลายเป็นต้องไปดิ้นรนหาคนมาเช่าทำกินบนที่รกร้างว่างเปล่าของตัวเอง เมื่อที่แปลงใหญ่ๆรกร้างว่างเปล่าทั่วประเทศถูกกระตุ้นให้ก่อให้เกิดผลผลิตทางเศรษฐกิจพร้อมๆกัน ผลที่ตามมา การจ้างงานภาคเกษตร การพัฒนาจักรกลการเกษตรแทนแรงงานคน ยังไม่พูดถึงอุปสงค์-อุปทานที่แท้จริง ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน เจ้าของที่จะต้องแย่งกันหาคนมาเช่า คนเช่าก็มีหน้าที่ทำให้เกิดผลผลิต ไม่อย่างนั้นคนเช่าที่ซวย ถ้าหาตัวคนเช่าที่ไมาเจอตัวก็ไปใล่บี้กับเจ้าของที่ ที่ปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่า

 

เดี๋ยวมันจะมีผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองใหญ่ในทางราบ ที่ประมวลภาพให้เห็นชัดๆเลยก็คือปัญหาการจราจรแออัดในเมืองใหญ่มันจะคลายตัวลงไปเองตามธรรมชาติ เมื่อผู้คนอพยพออกไปใช้ประโยชน์ที่ดินในมิติต่างๆ การจราจรในกรุงเทพฯจะโล่งเบย..  รับรอง




#1010106 เลื่อนเลือกตั้งไม่ได้ รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ !!!!!

โดย Solid Snake on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 14:56

 

 

 

 

 

อย่าเลื่อนเลือกตั้งเล้ย

ลุ้นๆหน่อยเด๋วก็ได้ส.ส.เกิน 95 % แล้วหละ   :lol:

เลือกตั้งทั่วไปได้ส.ส.ไม่พอเปิดสภาไม่ได้ก็มีเวลาอีก 180 วันให้จัดการเลือกตั้งที่เหลือให้ครบ ประเด็นนี้ไม่น่าจะทำให้การเลือกตั้งล้มเหลวนะครับ

 

180 วันนั่นใช้ต่อเมื่อ สส ถึง 95% เปิดสภาแล้วนี่ครับ แถมยังต้องเปิดสภาหลังเลือกตั้งภายใน 30 วันอีก

 

อ๋อครับ ถ้างั้นคงอ่านรธน.ไม่ครบทุกข้อ ถ้างั้นถ้ามีสส.ไม่ครบ 95% สภาเปิดไม่ได้ภายใน 30 วัน คงต้องใช้กรอบว่าใช้ระเบียบที่มีมาดั้งเดิมถ้าไม่มีหลักกฏหมายในรธน.รึป่าวครับ?

 

กฎหมายให้อำนาจเลือกตั้งใหม่ในกรณีไหนบ้างก็ต้องทำตามนั้น เกิดสั่งให้เลือกตั้งใหม่โดยที่กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้ก็คงได้เดินตามรุ่นพี่ 3 หนา

ที่เห็นเลือกตั้งใหม่ได้ก็มีกรณี

- เกิดเหตุที่ให้ลงคะแนนหรือนับคะแนนมีปัญหา

- ใบเหลืองใบแดง

- ผู้สมัครคนเดียวแต่เสียงไม่ถึง 20% หรือน้อยกว่าโหวตโน

- แทนตำแหน่งที่ว่าง ยกเว้นกรณีที่ครบวาระหรือยุบสภา

 

แต่กรณีไม่มีผู้สมัครนี่ใช้อำนาจตามกฎหมายมาตราไหนให้เลือกตั้งใหม่ใครเจอก็เอามาบอกหน่อยสิครับ เพราะตอนประกาศเลือกตั้งใหม่ต้องอ้างกฎหมายนะครับ

 

 

สถานการณ์น่าจะออกมาได้ 2 แบบ

 

1. วันที่ 2 กุมภามีการเลือกตั้งแต่ไม่สำเร็จ- คิดว่ากรณีที่น่าจะทำให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ก็น่าจะ

 

     เกิดเหตุที่ให้ลงคะแนนหรือนับคะแนนมีปัญหา หรือ 2. ผู้สมัครคนเดียวแต่เสียงไม่ถึง 20% หรือน้อยกว่าโหวตโน  (ความเป็นไปได้สูงกว่าข้ออื่น)

 

(แต่ถ้าเป็นข้อที่ 2 คือ)

 

2. เลือกไม่เสร็จ หรือ เปิดสภาไม่ทันใน ภายใน 30 วัน จะเป็นอย่างไรคะ  มีสิทธยุบสภาอีกรอบไหมคะ

 

เปิดสภาไม่ได้แล้วจะยุบได้อย่างไรล่ะครับ ไม่มีผู้สมัครเกิน 5% ก็ได้ สส ไม่พอเปิดสภา ปัญหาใหญ่อยู่ตรงนี้ครับ ต้องหากฎหมายที่ให้อำนาจเลือกตั้งใหม่กรณีนี้ ถ้าเลือกวันที่ 2 ไปแล้วเขตที่ไม่มีผู้สมัครก็กลายเป็นตำแหน่งว่าง แต่ตำแหน่งว่างนี้เกิดจากการยุบสภาก็ไม่สามารถเลือกตั้งใหม่แทนตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ที่อยากให้มีการเลือกตั้งต้องหาเอา


  • Nan likes this


#1009375 คำสารภาพของRED MORON

โดย กีรเต้ on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:26

 

 

คนอื่นยังไงไม่รู้นะ แต่ของผม แค่โพสท์เดียวผมก็รู้แล้วว่า

 

นี่เป็นแดงมาโซคิส พวกเดียวกัน

 

นี่เป็นแดงคิวซี ก็พวกเดียวกันอีก

 

อันนี้เป็นควายแดงบัตรเติมเงิน พวกนี้ต้องประหาร โทษฐานสร้างความแตกแยกในชาติ

 

อันนี้เป็นเสื้อแดงผู้รักชาติ ก็ต้องอีกบริบทหนึ่ง

 

ที่สำคัญผมไม่เคยพลาดในการจำแนกแดงแฮะ แปลก

 

อาจจะเพราะอยู่บอร์นี้มานานก็เป็นได้  อิอิอิ

น้าเช แบบหนูเนี่ยแดงไหมน้า  ถ้าแดงๆแบบไหน ขอความมั่นใจหน่อย อิอิ

 

 

เอาแล้วไง .....      :o  :o  :o

 

เอ่อ.. คุณน้องครับ ...

 

แบบว่า แบบนี้ถ้ามากันหมดทั้งบอร์ดให้น้าตรวจเช็คความเป็นแดงไม่แดงทีละคน

 

สงสัยว่า สิ้นปีนี้น้าเชจะทำไม่เสร็จอ่ะ แค่งานจำแนกใครแดง ใครไม่แดงในเวบบอร์ด

 

คือว่าจะแดงหรือไม่แดง ก็ช่วยๆรู้ตัวกันหน่อยนะครับขอร้อง

 

น้ามีงานประจำ และมีกระทู้ต้องตอบอีกเยอะ หลายเวบอ่าาา ....

 

แต่ของคุณน้องนี่ไม่แดงครับ พันเปอร์เซ็นต์ (แค่นี้ก็ต้องมาถามน้า)  :angry: :angry:

 

18_1298342733.jpg

:lol: :lol:




#1007909 คำสารภาพของRED MORON

โดย เช never die on 15 มกราคม พ.ศ. 2557 - 12:29

คนอื่นยังไงไม่รู้นะ แต่ของผม แค่โพสท์เดียวผมก็รู้แล้วว่า

 

นี่เป็นแดงมาโซคิส พวกเดียวกัน

 

นี่เป็นแดงคิวซี ก็พวกเดียวกันอีก

 

อันนี้เป็นควายแดงบัตรเติมเงิน พวกนี้ต้องประหาร โทษฐานสร้างความแตกแยกในชาติ

 

อันนี้เป็นเสื้อแดงผู้รักชาติ ก็ต้องอีกบริบทหนึ่ง

 

ที่สำคัญผมไม่เคยพลาดในการจำแนกแดงแฮะ แปลก

 

อาจจะเพราะอยู่บอร์นี้มานานก็เป็นได้  อิอิอิ




#1009261 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย เช never die on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 02:51

กลางแดด ร้อนแผดเผา สิ้นร่มเงา เพื่อเนาว์ตน

 

เหงื่อริน ลงดิ้นรน ใหลรดพื้น เป็นผืนมา

 

ควายแก่ เพิ่งโดนล้ม เคียวเคยคม ก็แขวนคา

 

เมฆหาย จนหมดฟ้า ไร้ฝนฉ่ำ เหมือนกรรมเวร

 

มองตีน อันแตกเยิน ลูกควานเดิน ตามโอนเอน

 

ลงคราด ตามโคลนเลน ไถร่องทับ เลื่อมวับวาว

...........................................................................

 

 

เคยลงใว้เมื่อ 4 - 5 ปีที่แล้ว ไม่มีใครมาต่อให้ซะที ...  :( :(

 

http://forum.seritha...php?f=2&t=19451


  • Nan likes this


#1008800 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย เพลิงสีนิล on 15 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:39

รากเหง้าของปัญหา น่าจะมาจากค่านิยมที่ผิดๆ ของสังคมไทยเรานี่แหละ  (สังคมโดยทั่วไป) 

 

อย่างแรก  เรื่องระบบอุปถัมภ์    ไอ้เรื่องอย่างนี้มันเริ่่มๆ จากความความเกรงใจ   ผู้ใหญ่ฝากมา   ผู้มีพระคุณฝากมา  อยากให้ลูกได้เข้าโรงเรียนดีๆ   เรียนจบอยากให้ทำงานดีๆ เป็นข้าราชการมีหน้ามีตา   เป็นอย่างนี้รุ่นแล้วรุ่นเล่า  นานวันเข้าเลยมีเด็กฝากเต็มไปหมด   เข้าไปทำงานใครอยากมีเส้นมีสายมีตำแหน่งดีๆ อยากให้หัวหน้าช่วยผลักช่วยดัน  ก็เลียกันเข้าไปหวังให้นายช่วยอุปถ้มภ์     ระบบรราชการก็เลยเป็นปัญหาอย่างทุกวันนี้  

 

อย่างที่สอง บูชาคนรวย    "มีเงินนับเป็นน้อง  มีทองนับเป็นพี่"  ใครมีเงิน คนไทยเราก็นิยมยกย่อง  ด้วยหวังลึกๆ ว่าคงสามารถช่วยเหลือ จุนเจือยามลำบาก เผื่อไปขอหยิบขอยืมเขาได้   ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะ  บางคนรวยมาจากเงินสกปรก  แต่ก็มีคนยกย่อง ยกยอ  โดยไม่สนใจเลยว่าเขาทำอะไรมาถึงได้มั่งมี  ในวงการธุรกิจการค้ามีให้เห็นโดยทั่วไป 

 

อย่างที่สาม  เห็นแก่ได้    ประมาณว่าโกงได้  แต่ให้กรูได้ด้วย     ไอ้พวกนี้เห็นแก่ได้  เห็นแก่ตัว  เอาเปรียบคนอื่นได้คืนคนเก่ง  ไอ้คนประเภทนี้มันไม่สนความถูกผิด  คิดแต่ว่ากรูจะได้อะไร  คนที่มีค่านิยมแบบนี้ในสังคมไทยมันเยอะ   นี่แหละตัวปัญหาสุดๆ  

 

อย่างที่สี่ พวกเราถูกเสมอ   ไอ้คนที่มีค่านิยมแบบนี้ต่อให้ยกเหตุผลใดๆ มายืนยัน   มันก็ไม่ฟัง และ พร้องที่จะตะแบงต่อไปตามความเชื่อของมัน คนพวกนี้คิดเสมอว่าคนที่คิดต่างจากเขานั้นผิด      ข่าวสารที่เขาได้มาถูกต้องแล้ว    คนพวกนี้เหมือนน้ำเต็มแก้ว ที่ต้องรอให้มันแก้วมันล้ม หรือ มันร้าวเสียก่อน เสียก่อนถึงจะเติมลงไปได้  

 

 

คิดออกเท่านี้............. 

 

ท่านใดจะเสนอแนะเพื่อเติม   ได้เลยครับ




#1009194 !!!! ฝ่ายประชาธิปไตย เฮ ! กกต ลั่น เดินหน้าเลือกตั้ง...

โดย Solid Snake on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 01:06

 

 

 

 

 

คิดคำด่าที่จะเขียนบัตรเลือกตั้งดีกว่า

ผิดกฏหมายนะจ้ะ    :D

 

ผิด แต่ถ้ามองเห็นตอนเขียนก็กลายเป็นการลงคะแนนไม่ลับ การเลือกตั้งเป็นโมฆะ :lol: :lol: :lol: :lol:

 

 

พูดเล่นหรือคิดจริง ๆ  ครับ  คุณ Nan

 

ไม่รู้ว่าใครเขียน ไ ไม่มีลงชื่อในบัตรลงคะแนน มันจะผิดกฏหมายข้อไหน  ช่วยระบุมาตราหน่อย
 

 

มาตรา ๑๔๘ ผู้ใดจงใจกระทำด้วยประการใด ๆ ให้บัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียหาย หรือให้เป็นบัตรเสีย หรือกระทำด้วยประการใด ๆ แก่บัตรเสียเพื่อให้เป็นบัตรที่ใช้ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี

 

ขอบคุณค่ะ สำหรับกฏหมาย  จะจำไว้เผื่อคนถาม

 

อย่าลืมพ่วงนี้ไปด้วยนะครับ "การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับโดยให้ใช้บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบละหนึ่งใบ"

ฉีกบัตรสามารถเห็นจากภายนอกได้ แต่เขียนด่านี่ไม่เห็นจากภายนอกนะครับจะเห็นก็ตอนเขียนถ้าเห็นตอนนี้ก็กลายเป็นการลงคะแนนไม่ลับ หรือเห็นอีกทีก็ตอนนับคะแนนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าใครเขียน ถ้ารู้ก็การลงคะแนนไม่ลับอีก :lol: :lol: :lol:




#1007925 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย เช never die on 15 มกราคม พ.ศ. 2557 - 12:42

ขอยกอันนี้มาให้ดูอีกทีครับ

 

อันนี้ผมแยกประเภทเสื้อแดงออกให้ดูกันชัดๆ จากประสพการณ์คลุกคลีกับเสื้อแดงมาตั้งแต่ยังไม่มีเสื้อแดง

 



"การปฏิรูปประเทศของลุงกำนันไม่มีวันสำเร็จลงได้เลย ถ้าคนเสื้อแดงไม่เอาด้วย"

 

ดังนั้นถ้าเพื่อให้การปฏิรูปประเทศเดินหน้าสำเร้จลุล่วงไปได้ ก็ต้องลงลึกไปดูรายระเอียดแนวคิวเสื้อแดงทีละกลุ่มครับ อันนี้ข้อมูลเท่าที่ผมคลุกคลีกับเสื้อแดงมาตั้งแต่ชุมนุมเมษาคะนองปี 52 ปี  53 เคยเอารายระเอียดมาโพสท์ให้เพื่อนสมาชิกดู

 

กลุ่มแรกเสื้อแดงรัก(เงิน)ทักษิน พวกนี้มีลำดับชั้นล่างสุดตั้งแต่บัตรเติมเงิน คนจ่ายงาน ไปจนถึงแกนนำ นปช หัวคะแนน นัการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองระดับชาติ...  กลุ่มนี้มีไม่มาก แต่เสียงดัง เพราะมีปัจจัยทางการเงินจากทักษินหนุนหลังเต็มที่ กลุ่มนี้ปล่อยไป คุณจะไปคุยอธิบายให้ตายยังไง เสื้อแดงกลุ่มนี้ก็ไม่มีวันเลิกเชียร์ทักษิน

 

กลุ่มที่สองเสื้อแดงล้มเจ้าที่แอบอิงมากับเสื้อแดงทั้งหมด ทุกครั้งที่ออกอีเว้นท์ร่วมกัน มันจะพยายาม Propaganda ว่าเสื้อแดงทั้งหมดในที่ชุมนุมนี้เป็นพวกเดียวกับพวกมัน พวกนี้มีกระจึ๋งเดียว เอาใว้จัดการทีหลัง

 

สองกลุ่มแรกนี้เป็นกลุ่มที่จัดการยาก รักษาให้หายขาดได้ยาก แต่จะค่อยๆทุเลาเบาบางไปเอง เมื่อจัดการกับอีกสองกลุ่มใหญอีกสองกลุ่มต่อไปนี้ และที่สำคัญสองกลุ่มนี้บริหารจัดการได้ไม่ยากเนื่องจาก ....

 

กลุ่มที่สามเป็นเสื้อแดงกลุ่มใหญ่ (ส่วนมากกลุ่มนี้จะเริ่มสนใจการเมืองเอาเป็นจริงเป็นจังก็ตั้งแต่ หลังพฤษภา 35 เป็นต้นมา) กลุ่มนี้เป้นกลุ่มที่มีการศึกษาดี รายได้ดี แต่เพิ่งเข้ามาสนใจการเมืองได้ไม่นาน (ไม่เหมือนผมที่เคยวิพากษ์เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ตั้งแต่อยู่ ป.4) แถมกลุ่มนี้ยังเป้นกลุ่มที่รักชาติตัวจริง อยากเห็นชาติพัฒนาเหมือนนาๆอารยะประเทศ พอเห็นทักษินเข้ามาทำโน่น นี่ นั่น ก็เลยถูกทักษินใช้สารพัดมนต์สะกดที่เรียกว่า "วาทะกรรม" คอยต้อนดักหน้าดักหลังใว้ หลายครั้งที่คนกลุ่มนี้เกิดคำถาม ทีม Propaganda ของทักษินก็จะสร้างวาทะกรรมชุดใหม่ หรือสถาณการณ์ชุดใหม่ๆมากลบไปเรื่อยๆ จนวันนึงปิดไม่มิด เสื้อแดงกลุ่มนี้ก็จะเริ่มออกแสวงหาความจริงด้วยตัวเอง(เนื่องจากมีการศึกษาที่ดีเป็นพื้นฐาน)

 

ทีนี้ถ้าคนกลุ่มนี้ไปเจอกับการเหยียดหยามจากเพื่อนร่วมชาติ ประมาณ ไอ้ ค ว า ย หรือ ควายแดง คนกลุ่มนี้ก็จะเด้งกลับไปรวมกลุ่มกับสองกลุ่มแรกเหมือนเดิม เพราะสิ่งที่เห็นมันไปเข้ากับชุดความคิดเรื่องชนชั้น การเหยียดชนขั้นที่ทีม Propaganda ของทักษินวางพล็อตเรื่องใว้ด้วยวาทะกรรมไพร่อำมาตย์ใว้ก่อนแล้ว ทีนี้ก็เช้าล็อคเลย เห็นไหม เห็นไหม มันเห็นพวกเราเป็นไพร่ ก็เลย.. เออ เออ กุมันไพร่ .. ซะงั้น  แล้วทักษินก็ได้คนที่มีเจตนาทำเพื่อชาติ ผู้ทวงความเท่าเทียมกันให้กับเพื่อนร่วมชาติ ไปเป็นลิ่วล้อแนวร่วมโดยไม่ต้องออกแรง

 

แต่ถ้าพูดคุยกันดีๆ ยกเหตุปัจจัย ยกผลอันเกิดแต่เหตุนั้นๆให้ดู พูดคุยกันอย่างผู้เจริญ ผู้ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศเหมือนๆกัน คนกลุ่มที่สามนี่แหละที่จะไปเปลี่ยนคนกลุ่มที่สี่ที่โดนผลักไปอยู่อยู่ชายขอบของสังคม ไร้โอกาศเข้าถึงทางการศึกษา สาธารณะสุข ข่าวสาร รอเขาบอกมา หรือใครๆก็รูอย่างเดียวพอ ไม่ต้องคิดอะไร เพราะไม่ได้เรียนหนังสือ แต่อย่าลืมว่านี่คือกองกำลังหลักที่เป็นทั้งฮาร์คอร์และแนวร่วมที่พร้อมพลีชีพ ไม่แต่เฉพาะทักษินนี้เท่านั้น ถ้ายังปล่อยปละละเลยไม่เหลียวแลคนกลุ่มที่สี่นี้ ก็นี่แหละกองกำลังหลักในการทำสงครามกลางเมืองของทักษิน

 

กลุ่มที่สี่ วิธีที่จะจัดการเสื้อแดงกลุ่มที่ 4 นี้ได้ ต้องอาสัยแต่เพียงเสื้อแดงกลุ่มที่สามที่มีการศึกษาดี ฐานะดีและอยู่ใกล้ชิด ให้ค่อยๆช่วยกันอธิบายสาเหตุโดยแท้จริงอย่างที่ผมอธิบายมาทั้งหมดนี้

 

ถ้าเราจัดระบบให้เสื้อแดงกลุ่มที่สี่ได้แล้ว พร้อมกฏหมายภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้าทั่วประเทศ พร้อมนโยบายการประกันรายได้เกษตรกร ก็มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีทักษิน 2 ทักษิน 3 ในอนาคตมาให้ลูกหลานทะเลาะกันจนปวดหัวแบบพวกเราอีก

 

และเมื่อไม่มีเสื้อแดงกลุ่มที่ 3 กับเสื้อแดงกลุ่มที่ 4 (ซึ่งเป้นเสื้อแดงส่วนใหญ่)เป็นฐานคอยให้การสนับสนุน พวกเสื้อแดงกลุ่มที่ 1 กับเสื้อแดงกลุ่มที่ 2 มันก็ฝ่อไปเองพร้อมๆกับระบอบทักษินแน่นอนครับ

 

ปล.ที่สำคัญอย่าไปเปลี่ยนสีเสื้อเค้าครับ




#1009132 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย เช never die on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:25

ตกลงจะอภิปรายกันเรื่องเหง้า ที่มา ปัญหา ความขัดแย้งของคนในชาติ หรือจะคุยกันเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคดีหรือไม่ดี

 

 

 

 

(ยกมือ.. ) ท่านประธานครับ ผมขอประท้วงผู้อภิปรายทั้งสองท่าน ที่พาออกนอกประเด็นกระทู้ครับ




#1007616 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย เช never die on 15 มกราคม พ.ศ. 2557 - 10:11

 

 

ผมมีข้อสงสัยน่ะครับ น่าจะนอกเรื่อง

 

 

ว่าทำไม สามสิบบาท สมัยนายกชวน จึงถูกปัดตกไปน่ะครับ

 

(ขอฟังมุมมองท่าน นะขอรับ)

 

จากที่อ่านกระทู้นี้มา ชักจะระแวงว่าที่ ฟังๆมาน่าจะไม่ถูกทั้งหมดเแล้ว

 

อันนี้ผมไม่ทราบนะครับ ไม่มีรายระเอียดเลยว่ามีการริเริ่มเสนอโครงการ 30 ในสมัยนายกชวนด้วย

 

เพราะเท่าที่รู้ โครงการ 30 บาท ถูกริเริ่มเสนอโดยคุณหมอสงวน วิทยารัมพงษ์ ซึ่งริเริ่มรณรงค์ให้มีขึ้นหลังรัฐบาลของคุณชวน ถ้าจำไม่ผิดเป็นยุคของบันหาร-จิ๋ว แล้วทักษินก็จับมาปัดฝุ่นโขมยไปเป็นนโยบายของพรรคไทยรักไทย ดังนั้นไทม์ไลน์มันดูจะยังลักลั่นย้อนแย้งไปหน่อยนครับ เรื่องนี้มีอีกยาว เดี๋ยวว่ากันต่อ ...

 

อันนี้ไปเจอมาคะ เลยเอามาตอบเพิ่มให้

ประเทศไทยมีระบบ

สวัสดิการและหลักประกันสุขภาพที่ภาครัฐเข้าไปมีส่วนร่วม 4 ระบบ อันได้แก่ ระบบสวัสดิการ

รักษาพยาบาลของข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ระบบประกันสังคม ระบบประกันสุขภาพโดยสมัคร

ใจ (โครงการบัตรสุขภาพ ปี 2526) โครงการสวัสดิการประชาชนด้านการรักษาพยาบาล (สปร. สมัยรัฐบาล ชวน ปี 2537) รวมระบบ

 

ประกันสุขภาพที่ภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินงานเป็นทั้งสิ้น 5 ระบบ สามารถครอบคลุมประชากร

ประมาณร้อยละ 70 ของประเทศ กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ จากความพยายามของ

รัฐบาลที่ผ่านมา ยังมีประชากรอีกกว่า 20 ล้านคนหรือร้อยละ 30 ของทั้งประเทศที่ยังไม่มี

หลักประกันสุขภาพใดๆ

จนกระทั่งในปี ..2544 รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ...ทักษิณ ชินวัตร เลือกใช้

แนวทางการจัดหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อให้สวัสดิการและหลักประกันสุขภาพที่มีอยู่

ครอบคลุมประชากรทั้งหมดของประเทศผ่าน นโยบายโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30

บาทรักษาทุกโรคซึ่งสามารถดำเนินการได้ทั่วประเทศในปี ..2545

 

 

 

 

 

 

 

 

อาลัยรัก...คุณหมอ 30 บาท วันนี้...คงจะไม่ช้าเกินไปที่คนในครอบครัวของเราจะร่วมกันแสดงความอาลัยและขอแสดงความนับถืออย่างสูง ต่อการจากไปของคุณหมอ 30 บาทของคนจน น.พ.สงวน  นิตยารัมภ์พงศ์  เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

หรือคุณหมอผู้ริเริ่มโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่เรารู้จักกันดี

ด้วยโรคมะเร็ง  เมื่อวันที่  18  มกราคม  2551  เวลา  16.30  น.

โรงพยาบาลรามาธิบดี  สิริรวมอายุได้  55  ปี  10  เดือน

 

ในอดีต...ท่านเป็นแพทย์ชนบทสมัย  14  ตุลาคม  2516

ที่ต่อสู้เรื่องระบบประกันสุขภาพให้กับคนยากจนมาโดยตลอด

และมาสัมฤทธิผลในโครงการ  30  บาทรักษาทุกโรคเมื่อราว  5  ปีที่ผ่านมา

แม้ว่าโครงการดังกล่าวจะมีปัญหามากมายในการปฏิบัติ

คุณหมอก็ไม่ย่อท้อ...ท่านลงพื้นที่จนเห็นปัญหา

และค่อยๆแก้ปัญหาไปท่ามกลางการป่วยไข้ของตัวเอง.

จนก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ที่คนส่วนใหญ่ในครอบครัวของเรา

ได้มีหลักประกันสุขภาพที่ดีพอสมควร...ตามหลักที่คุณหมอเคยพูดว่า

เป็นการเฉลี่ยทุกข์  เฉลี่ยสุขของคนในครอบครัวเดียวกัน

จนทำให้ระบบประกันสุขภาพทั่วหน้าเดินหน้ามาจนทุกวันนี้

 

แม้จนกระทั้งวาระสุดท้ายของชีวิตท่านมาถึง

ท่านก็ยังอุทิศร่างกายของท่านให้เป็นอาจารย์ใหญ่ของนักศึกษาแพทย์

ฉันอยากจะพูดว่าคุณหมอท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง

สำหรับคนยากจนในครอบครัวของเราทุกๆคน สุดท้ายพวกเราคงต้องขอขอบคุณ...สำหรับผู้ที่ผลักดันให้โครงการนี้สำเร็จเป็นรูปธรรม

 

นับได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง

สำหรับโครงการนี้ที่รัฐบาลโดยการบริหารของพรรคไทยรักไทยในอดีต

ได้ผลักดันจนสำเร็จเป็นรูปธรรมนับว่าเป็นบุญกุศลของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน

อะไรที่เป็นคุณงามความดีที่พวกท่านได้ทำไว้พวกเราในครอบครัวจะไม่ลืม

แต่ทั้งนี้ก็ขอให้แยกแยะกันให้ชัดเจนเป็นกรณีๆไปกล่าวคือ

กรรมดีส่วนกรรมดี  ส่วนที่มีการกล่าวหากันอยู่ในส่วนที่ทำไม่ดี

ก็ต้องให้ระบบที่มีอยู่ดำเนินการคามขั้นตอนกันต่อไป

ด้วยจิตคารวะ...คุณหมอของแผ่นดิน

 

http://talk.mthai.com/topic/306906




#1005553 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย เช never die on 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 09:44

 

 

 

 

 

 

ชาวนาเห็นว่ารัฐบาลพรรคนี้ไม่มีเงินจำนำข้าวให้ ก็จะเลือกรัฐบาลพรรคใหม่ที่มีเงินจำนำข้าวให้ หรือเปล่าครับ

 

พูดถึงชาวนา ผมคุยกับน้าคนขับรถที่อ๊อฟฟิศผม แกคนอุตรดิตถ์ แกบอกบ้านแกยังไม่ได้เงินเลย ปีใหม่ที่ผ่านมากร่อยเลย แล้วแกบอก ถ้าได้ก็แค่หมืนสองกว่าๆเอง

ผมให้แกเปรียบเทียบระหว่างจำนำข้าวกับประกันราคา แกบอกตอนนี้แกว่าประกันราคาดีกว่าเยอะ ขายข้าวปุ๊บได้เงินเลย เอาเงินไปลงทุนได้ต่อ หลังจากหว่านข้าวไปแล้ว รอรับเงินส่วนต่างจากรัฐต่ออีก แกบอกเหมือนเป็นโบนัสให้ชาวนา

ดูๆแล้ว ชาวนาเค้ารู้แล้วนะว่าอะไรดีไม่ดี แต่อย่างว่า ถึงเวลาจริงๆ กลัวจะเสร็จไปกับระบบหัวคะแนนที่ชี้นำอีก

 

จริงๆ ถ้าจะว่าไป จำนำข้าวเนี่ย มันดีกว่า ประกันราคา นะ  เอามาเปรียบกันแค่ระบบเท่านั้นนะคะ ใครทำไม่เกี่ยว 

เพราะ การจำนำข้าว รัฐมีโอกาสที่ได้เงินคืนหลังจากที่ขายข้าวออกไป แล้วชาวนาได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยที่ไม่ต้องไปแบ่งโรงสี หรือ เจ้าของที่นา  แต่รัฐบาลนี้ ทำผิดพลาดซะระบบดีๆมันเละไปหมด ซึ่งจริงถ้าทำให้ดีกว่านี้ มีช่องโหว่ให้ทุจริต (มันคงต้องมีไม่มากก้อน้อย) น้อยหรือแทบไม่มีเลย และ ราคาจำนำสมดุลกับราคาตลาด มันจะเป็นระบบที่ดีกว่า ประกันรายได้แน่นอน  เพราะประกันรายได้ รัฐบาลจ่ายออกอย่างเดียว และ เงินก้อไม่ได้ตกที่ชาวนาคนเดียว 

 

 

อัันนี้ต้องหาคำจำกัดความให้เจอครับว่า "จำนำ" มีความหมายอย่างไร "รับซื้อทุกเมล็ดด้วยราคาที่สูงกว่าราคาตลาด" (เพื่อสนองตอบนโยบายประชานิยมหรือมันก็คือการซื้อเสียงเชิงนโยบายนั่นแหละ) คืออะไร

 

ผมถึงบอกว่าให้จำกัดวงเงินตามนโยบายประชานิยม ให้ทุกพรรคการเมืองเอาไปเล่นด้วยวงเงินเท่าๆกัน แฟร์ๆ แล้วผลที่ได้มันจะเป็นตัวสรุปเองว่านโยบายประชานิยมของใคร มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า

 

ที่สำคัญ มันจะป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองทุกพรรคมาล้วงเอาเงินคงคลัง-ทรัพยากรณ์ของชาติ ไปใช้ซื้อเสียงล่วงหน้าเชิงนโยบายได้อีก

 

แล้วก็ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองหรืออาจจะเป็นวุฒิสภา(ครึ่งหนึ่งมาจากเลือกตั้ง ครึ่งหนึ่งมาจากแต่งตั้ง)หรือทั้งสององกรณ์ มีหน้าที่ตรวจสอบนโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมือง(ที่ต้องยื่นเสนอนโยบายประชานิยมพร้อมกันในวันสมัครรับเลือกตั้ง) ส่วนการพิจารณานโยบายประชานิยมของแต่ละพรรคการเมืองก็บังคับว่าต้องให้เสร็จภายในก่อนวันลงคะแนนเสียง ด้วยการลงมติเสียงข้างมากของวุฒิสภา อะไรประมาณนี้ครับ


  • Nan likes this


#1005224 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย เช never die on 14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:13

ทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานให้ตรงกันทั้งประเทศเลยดีกว่า ว่าท่านทักษิณผิดหรือไม่

ซึ่งผมเชื่อว่าท่านทักษิณ ไม่ผิดอยู่แล้ว

 

มันก้าวข้ามอะไรไปไม่ได้หรอก แค่เรื่องง่ายๆ ยังไม่กระจ่างซักที มีแต่ไอ้เรื่องแพนด้าคลอดลูกนี่ล่ะ

ไอ้ยุทธทำไมมันไม่พูดว่าท่านทักษิณไม่ผิด ไม่เกี่ยวกับเรื่องเห็นต่างอะไรทั้งนั้น

 

เอาเนื้อๆเลยนะ ไม่เล่นนะ ท่านทักษินคือเทพเจ้า เอ้ย .... 

 

ถูกครับคุณทักษินไม่ผิด คนผิดคือพวกเราทุกคนที่ปล่อยให้ยาชื่อพัฒนา เข้าไปสร้างผลกระทบต่อเพื่อนสมาชิกร่วมสังคม สังเกตนะครับ ถ้าผมใช้คำว่าเป็นความผิดของชันชั้นั้นชนชั้นนี้ ภาพต่อมาก็คือทุกคนชี้นิ้วโทษกันไปมาว่า แกนั่นแหละ แกนั่นแหละ และมันจะไม่เกิดการร่วมใจกันแก้ปัญหา

 

แต่ถ้าใช้คำว่าเพื่อนสมาชิกร่วมสังคมที่ถูกหลงลืมดึงขึ้นสู่กระบวนการพัฒนาของประเทศ ทีนี้ความรู้สึกมันจะรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันแก้ไข