Jump to content


Nan

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 9 มกราคม 2557
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2557 14:56
-----

#1021469 โทมัส เจฟเฟอร์สัน เจ้าพ่อประชาธิปไตยมันพูดอย่างงี้จริงหรือ?

โดย Nan on 21 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:21

"The tree of Liberty must be refreshed from time to time, with the blood of Patriot and Tyrants"  Thomas Jefferson

 

อันนี้ดีกว่า ค่ะ  รับรองทุกอย่างจบ  สงบไปอีก 10-20 ปี




#1011404 แดงกล้าแต่หน้าจอ เจอของจริงก็กราบเท้าอีกแล้วครับท่าน "สุดชายกราบขอขมาบิ๊ก...

โดย Nan on 17 มกราคม พ.ศ. 2557 - 07:44

 

สรุปว่า ประเทศนี้มันเป็นของพวกทหารใช่มั้ย
แค่เปรยๆ ว่ามีลูกสาวแค่นี้ ถึงกับต้องขอขมากันเลยเหรอ
นี่มันเผด็จการทหารแบบเกาหลีเหนือชัดๆ  :angry:

อืม loginใหม่ก็หลงคารมแดงคิวซีกันไป

 

กำลังอ่านมันส์ๆ พี่ไปเฉลยซะละ  เดี๋ยวก้อไม่มีใครตอบอะดิ




#1011151 อยากถามหน่อยว่า การมี่ แดงคิวซี ใน เสรีไทยเว็บบอร์ด

โดย Nan on 17 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:15

 

 

อุปมาเหมือน "ตุ๊กตายาง" ครับ ใช้แก้ขัดไปก่อน เพราะแดงจริงช่วงนี้ขาดแคลนหนัก
อย่างน้อยก็ช่วยสร้างความหฤหรรษ์ให้สมาชิกได้ในระดับหนึ่ง

เอาตรงๆนะ  ขาดแคลนหนักเพราะเวปนี้เล่นแรงอะ  บางทีอ่านเม้นบางคน  ยังแบบไปไม่ถูกแทนเลย  อ่าน รดน เหมีอนกัน ทางโน้น เน้นฮา สาระมีบ้างไม่มีบ้างแต่ด่าไม่ค่อยแรง จิกๆกัดๆไปวันๆ

 

 

 

:lol: :lol: :lol: :lol:

 

LOL จะเห็นด้วยกะน้าดีไม๊เนี่ย เดวโดนไม่รู้ตัว  เค้ากัวอะ  :ph34r:

 

จะเม้นไรที ยังกลัวเลยว่าถ้าไม่ถูกใจกรรมการ เข้าจะโดนใบแดง :D




#1011112 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย Nan on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:37

 

 

 

ปฏิรูปที่ดิน + โฉนดชุมชน เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ และทำให้เร็วที่สุด

อ้อ ปัญหาคนจนในเมืองด้วยครับ

 

ถ้าทำสองอย่างนั้นได้ก่อนอย่างรวดเร็ว มันจะค่อยๆทุเลาปัญหาลงได้ทั้งระบบครับ รวมไปถึงความหนาแน่นของประชากรตามหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นต้นตอของปัญหาสังคมสารพัด โดยสภาพความเป็นจริง หนุ่มสาวที่อพยพเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ด้วยความจำเป็นเกินกว่าครึ่ง ยังถวิลหาชีวิตสบายๆในท้องถิ่นที่จากมา แต่เมื่อกระแสทุนนิยมสุดโต่งพัดให้มาติดอยู่ตรงนี้ ก็ต้องอยู่กันด้วยความจำใจ (GHP ของประเทศที่ลดต่ำลง)

 

เมื่อคนอพยพออกจากเมืองเข้าสู่ชนบท ความหนาแน่นของประชากรในเมืองใหญ่มันก็จะลดลงด้วย

 

และที่สำคัญมันจะทำให้เกิลพลวัตทางสังคม ในมิติอื่นๆตามมา ยกตัวอย่างเช่นการขยายตัวในทางราบมากกว่าทางดิ่ง ตึกจะไม่สูงมาก(เพราะที่ดินราคาไม่แพง สามารถทำสำนักงานในแนวกว้าง ไม่ใช่แนวสูง ตึกสูง ไม่ต้องมีลิฟท์ ประหยัดพลังงาน พนักงานได้เดินในสำนักงานกว้างๆ ได้ออกกำลังกาย)

 

ซึ่งจะก่อให้เกิดพลวัตทางสังคม การค้นคว้าวิจัยใหม่ การศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์สังคมใหม่ๆ นอกเหนือจากผลตอบแทนเชิงกายภาพที่เป็นผลิตผลที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มผลิตภาพของประเทศ แปลว่าคนจนในเมืองก็จะค่อยๆลดลง แต่ก็ไม่มีประเทศใดในโลกสามารถทำให้คนจนในเมืองหมดไปได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว ถ้าคนจนที่เป็นคนขี้เกียจโดยกมลสันดาน รอแบมือขอเงินสวัสดิการจากรัฐไปซื้อเหล้ากินอย่างเดียว ถึงจะมีคนแบบนี้ไม่เยอะ แต่ก็เป็นจุดด่างรอยด่างให้เห็นด้าน "จนเพราะขี้เกียจ" ของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

 

อันนี้เป็นข้อเสนอของพี่ปาเกียวเสื้อแดง 3.0 ครับ

......................................................................................................

 

Vekakav Vkkn wrote ...

 

ขออภัยที่คำพูดต่อไปนี้จะเห็นต่าง

 

แผนปฏิรูปที่ดินท่านผมก็เห็นด้วยนะครับ

 

แต่ เจ้าของที่ดินที่ต้องเสียผลประโยชน์น่าจะขวางสุดลำ

 

 

แต่ผมก็คิดไม่ออกน่ะครับ ว่าจะมีวิธีใดดีกว่าของพี่เช

 

แต่ถ้ามีวิธี ที่ วินวิน ทุกฝ่าย นโยบายนั้นน่าจะคลอดได้โดยง่ายครับ

 

 

 

ผมมีความคิดแว๊บนึงว่า

 

 

อาจจะให้ รัฐเป็นคนจัดสรร ที่ดินไหนถือเก็งกำไรไม่ทำอะไร

หากเข้าโครงการ ปล่อยให้ยืม ทำการเกษตร ก็ลดภาษี

 

อาจจะลดมากขึ้นหากให้เช่าต่อเนื่อง

 

แล้วรัฐก็ไปเก็บค่าเช่า จาก คนมาใช้ที่ดินในอัตราต่ำ

หากได้กำไรมาก ก็ให้แบ่งให้เจ้าของที่ดินนิดๆหน่อยๆ

 

ยังไงซะเจ้าของที่ดินก็คิดว่ายังดีกว่าเสียภาษี

อาจมีมาตรการอื่นจูงใจไห้ปล่อยให้ยืมต่อเนื่อง

 

เมื่อเจ้าของที่ดินขายที่ดินเพื่อเก็งกำไร ก็ไม่ส่งผลอะไรมาก

ก็แค่เปลี่ยนมือในระดับเจ้าของ หากเจ้าของจะไม่ให้ยืมเนื่องจากจะใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น

รัฐก็จะมีที่ อื่น ที่บางที่คนของยืม มีอาชีพอื่นให้ไปทำ

คนที่ไม่มีที่ทำกินก็เข้าไปทำต่อได้เลย

 

 

นี่คือแนวคิดผม(ไม่รู้ดีไม่ดี) สำหรับจัดการที่รกร้าง

 

ข้อดี

-คนไม่มีที่ทำกิน ได้มีที่เริ่มต้นชีวิต เพื่อมีรายได้ไปสู่การมีอาชีพที่ดีกว่าเดิม

 

-ที่สำคัญ วินวิน ทุกฝ่าย

 

 

 

ข้อเสีย

-อาจก่อให้เกิดการ ต้องย้ายที่ย้ายถิ่น หากเจ้าของจะใช้ประโยชน์จากที่ดิน แต่รัฐก็จะมีที่อื่นรองรับให้เสมอ

 

 

 

 

 

 

 

ปล หลังจากนี้การเม้นของผมอาจแสดงถึงสมองอันน้อยนิดแล้วนะครับเพราะ บ่ มีเวลาแล้ว

 

............................................................................................................................................

 

ขออภัยเจ้าของเรปด้วยครับ ที่เอาข้อความที่คุยกันหลังไมค์มาลงในรีพลาย

 

ขอเพิ่มนิดหนึงของพี่ปาเกียวนะ  คือมันมีกฏหมายตัวหนึงซึ่ง บอกในทำนองว่า ถ้ามีคนที่เช่าที่ดิน ถ้าเช่า (หรือทำประโยชน์) เกิน 10 สามารถฟ้องร้อง ให้ที่ผืนนั้นเป็นของตนโดยชอบธรรม  (ไม่แน่ใจในรายละเอียดของกฏหมาย) แต่ถ้าออกมาในลักษณะนี้ อาจจะไม่มีเจ้าของที่ที่ไหนอยากให้เช่านะ  (ประสบการณ์โดยตรงของคุณแม่ค่ะ  กว่าจะคุยให้ออกจากที่ได้ แทบแย่)

 

 

หวัดดีตอนเช้าครับ ...

 

เข้าประเด็น อันนี้อยากให้มองภาพรวมๆกว้างๆ ถ้ากฏหมายนี้มีผลบังคับใช้ มันจะเกิดพลวัต(หรือความโกลาหล ก็ไม่รู้)ไปทั่วทั้งสังคม ขึ้นอยู่กับการออกแบบในรายระเอียดของกฏิกาว่าจะยอมรับกันได้มากสุดแค่ไหน เราออกแบบได้ ไม่ต้องเดินตามอย่างใคร เอาจุดที่คนส่วนใหญ(ที่เป็นส่วนใหญ่จริงๆ ไม่ใช่ส่วนใหญ่เทียมๆ)เห็นพ้องต้องกัน เป็นต้นว่าเขียนเพิ่มในกฏหมายว่าถือครองได้คนละไม่เกินยี่สิบไร่ไม่ต้องเสียภาษี หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ไปตกลงกันเอาเองว่าจะให้แค่พอทำกินเหลือขายนิดหน่อย ก็ไปกำหนดอัตราภาษีว่า ถ้าเกินยี่สิบไร่แต่ไม่เกิน 50 ไร่ 100 ไร่ 200 ไร่ ก็เก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เกินกำลังจ่าย หรือไปกระทบต้นทุนมากนัก สำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการเกษตร

 

แต่ไปเล่นหนักๆก็ตอนที่มันเกิน 1000 ไร่ 2000 อันนี้ต้องมีกรรมการจากหลายภาคส่วนมาร่วมพิจารณาเป็นรายๆไป คุณเอาที่ดินกว้างใหญ่ขนาดนี้ไปใช้ไปทำประโยชน์อะไร มันคุ้มกับที่คุณจะเสียภาษีไหม คุณทำประโยชน์บนที่ดินจริงหรือเปล่า มีคณะกรรมการในท้องถิ่นลงไปดูทุกสามเดดือน-หกเดือน ถ้าเข้าเกณฑ์ปล่่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรงอกเงย ก็หยิบอัตราคูณ 2 มาใช้เพิ่มเข้าไปทุกปีจากฐานประเมินราคาที่ดินเป็นอัตราภาษี

 

ถึงตอนนี้คุณก็ต้องดิ้นรนขวนขวายทำอะไรซักอย่างแล้ว (จากปัจจุบันที่แย่งยึดปัจจัยการผลิตหลักมาจากเกษตรกรแล้วนอนกระดิกเท้าไม่ทำอะไร) กลายเป็นต้องไปดิ้นรนหาคนมาเช่าทำกินบนที่รกร้างว่างเปล่าของตัวเอง เมื่อที่แปลงใหญ่ๆรกร้างว่างเปล่าทั่วประเทศถูกกระตุ้นให้ก่อให้เกิดผลผลิตทางเศรษฐกิจพร้อมๆกัน ผลที่ตามมา การจ้างงานภาคเกษตร การพัฒนาจักรกลการเกษตรแทนแรงงานคน ยังไม่พูดถึงอุปสงค์-อุปทานที่แท้จริง ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน เจ้าของที่จะต้องแย่งกันหาคนมาเช่า คนเช่าก็มีหน้าที่ทำให้เกิดผลผลิต ไม่อย่างนั้นคนเช่าที่ซวย ถ้าหาตัวคนเช่าที่ไมาเจอตัวก็ไปใล่บี้กับเจ้าของที่ ที่ปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่า

 

เดี๋ยวมันจะมีผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองใหญ่ในทางราบ ที่ประมวลภาพให้เห็นชัดๆเลยก็คือปัญหาการจราจรแออัดในเมืองใหญ่มันจะคลายตัวลงไปเองตามธรรมชาติ เมื่อผู้คนอพยพออกไปใช้ประโยชน์ที่ดินในมิติต่างๆ การจราจรในกรุงเทพฯจะโล่งเบย..  รับรอง

 

สวัสดีค่ะน้าเช

 

เห็นด้วย แต่เริ่มเล่นหนักที่ 500+ ไร่ขึ้นไปก้อน่าจะได้นะค่ะ

 

อีกอย่างการปฏรูปที่ดินอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของความแออัด หรือ คนละทิ้งถิ่นฐาน นะค่ะ  อีกอย่างที่อยากให้น้าเชเปิดอีกประเด็น คือการกระจายตัวของโรงงาน อุตสาหกรรม ใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้อีกหลายๆครอบครัวที่ไม่มีความรู้ทางเกษตร มีรายได้เพิ่มขึ้น การกินอยู่ที่ดีขึ้น และไม่ต้องอบพยบย้ายถิ่นฐานนะคะ




#1011091 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย Nan on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 23:29

ต่อจาก

#267

 

การให้ยืม ก็ต้องเขียนกฎหมายกันไว้น่ะครับ

 

แต่กรณีที่คุณ แนน บอกนั่นคือการครอบครอง ปรปักษ์

โดยอยู่ในที่ดินคนอื่นเกินสิบปีโดยไม่มีการทักท้วงจากเจ้าของ ก็จะเป็นเจ้าของได้เลย

 

 

 

ปล อันนี้เสริม(ไม่เกี่ยวกะประเด็นคุณ  Nan)

 

บางทีเจ้าของที่ดินที่เป็นชาวนาเอง หากได้เป็นเจ้าของ

หากมีรายได้ทางอื่น บางทีเจ้าของเองนั่นแหละที่เลือกจะปล่อยที่ดินไว้โดยไม่ทำอะไร และให้เช่าแทน

แน่นอนค่าเช่าก็จะกีดกันเกษตรกร ไร้ที่ทำกินอีกที

เกียวนิดนึงค่ะ คือก้อเนี่ยแหละ พิ้นที่เคยเป็นที่นา เคยให้คนเช่าทำนาแต่ตอนนี้ไม่ได้ให้เช่า เพราะกฏหมายตัวนี้ (การครอบครอง ปรปักษ์) ไม่อยากให้ที่ดินรกร้าง อยากให้มีประโยชกับคนอื่นที่ต้องการแต่ก้อกลัวว่าเค้าจะยึดถือเป็นกรรมสิทธเค้าไป อยากให้มีกฏหมายที่ชัดเจนกว่านี้ในการเช่าหรือยืม  หนะค่ะ  เพราะถึงเวลา กว่าจะสู้ในศาลเสร็จ ก็เกื่อบสิบปี

 

 

สรป คือ หนึ่งในการปฏิรูปที่ดิน ที่ มีการ แบ่ง เช่า หรือ ยืม จากเจ้าของที่ดินเพื่อการเกษตร -  ต้องเพิ่มกฏหมาย ในการ ยืมหรือ เช่า พื่นที่ให้รัดกุม ทั้งกำหนดระยะเวลา และประโยชน์การใช้งานของพื้นที่ เพื่อความโปรงใสของทั้งฝ่ายเช่า (ยืม) หรือ ให้เช่า (ยืม)




#1011024 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย Nan on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:52

หายไปเกือบวัน กลับมาตามแทบไม่ทัน :wacko:




#1011016 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย Nan on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:48

 

ปฏิรูปที่ดิน + โฉนดชุมชน เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ และทำให้เร็วที่สุด

อ้อ ปัญหาคนจนในเมืองด้วยครับ

 

ถ้าทำสองอย่างนั้นได้ก่อนอย่างรวดเร็ว มันจะค่อยๆทุเลาปัญหาลงได้ทั้งระบบครับ รวมไปถึงความหนาแน่นของประชากรตามหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นต้นตอของปัญหาสังคมสารพัด โดยสภาพความเป็นจริง หนุ่มสาวที่อพยพเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ด้วยความจำเป็นเกินกว่าครึ่ง ยังถวิลหาชีวิตสบายๆในท้องถิ่นที่จากมา แต่เมื่อกระแสทุนนิยมสุดโต่งพัดให้มาติดอยู่ตรงนี้ ก็ต้องอยู่กันด้วยความจำใจ (GHP ของประเทศที่ลดต่ำลง)

 

เมื่อคนอพยพออกจากเมืองเข้าสู่ชนบท ความหนาแน่นของประชากรในเมืองใหญ่มันก็จะลดลงด้วย

 

และที่สำคัญมันจะทำให้เกิลพลวัตทางสังคม ในมิติอื่นๆตามมา ยกตัวอย่างเช่นการขยายตัวในทางราบมากกว่าทางดิ่ง ตึกจะไม่สูงมาก(เพราะที่ดินราคาไม่แพง สามารถทำสำนักงานในแนวกว้าง ไม่ใช่แนวสูง ตึกสูง ไม่ต้องมีลิฟท์ ประหยัดพลังงาน พนักงานได้เดินในสำนักงานกว้างๆ ได้ออกกำลังกาย)

 

ซึ่งจะก่อให้เกิดพลวัตทางสังคม การค้นคว้าวิจัยใหม่ การศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์สังคมใหม่ๆ นอกเหนือจากผลตอบแทนเชิงกายภาพที่เป็นผลิตผลที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มผลิตภาพของประเทศ แปลว่าคนจนในเมืองก็จะค่อยๆลดลง แต่ก็ไม่มีประเทศใดในโลกสามารถทำให้คนจนในเมืองหมดไปได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว ถ้าคนจนที่เป็นคนขี้เกียจโดยกมลสันดาน รอแบมือขอเงินสวัสดิการจากรัฐไปซื้อเหล้ากินอย่างเดียว ถึงจะมีคนแบบนี้ไม่เยอะ แต่ก็เป็นจุดด่างรอยด่างให้เห็นด้าน "จนเพราะขี้เกียจ" ของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

 

อันนี้เป็นข้อเสนอของพี่ปาเกียวเสื้อแดง 3.0 ครับ

......................................................................................................

 

Vekakav Vkkn wrote ...

 

ขออภัยที่คำพูดต่อไปนี้จะเห็นต่าง

 

แผนปฏิรูปที่ดินท่านผมก็เห็นด้วยนะครับ

 

แต่ เจ้าของที่ดินที่ต้องเสียผลประโยชน์น่าจะขวางสุดลำ

 

 

แต่ผมก็คิดไม่ออกน่ะครับ ว่าจะมีวิธีใดดีกว่าของพี่เช

 

แต่ถ้ามีวิธี ที่ วินวิน ทุกฝ่าย นโยบายนั้นน่าจะคลอดได้โดยง่ายครับ

 

 

 

ผมมีความคิดแว๊บนึงว่า

 

 

อาจจะให้ รัฐเป็นคนจัดสรร ที่ดินไหนถือเก็งกำไรไม่ทำอะไร

หากเข้าโครงการ ปล่อยให้ยืม ทำการเกษตร ก็ลดภาษี

 

อาจจะลดมากขึ้นหากให้เช่าต่อเนื่อง

 

แล้วรัฐก็ไปเก็บค่าเช่า จาก คนมาใช้ที่ดินในอัตราต่ำ

หากได้กำไรมาก ก็ให้แบ่งให้เจ้าของที่ดินนิดๆหน่อยๆ

 

ยังไงซะเจ้าของที่ดินก็คิดว่ายังดีกว่าเสียภาษี

อาจมีมาตรการอื่นจูงใจไห้ปล่อยให้ยืมต่อเนื่อง

 

เมื่อเจ้าของที่ดินขายที่ดินเพื่อเก็งกำไร ก็ไม่ส่งผลอะไรมาก

ก็แค่เปลี่ยนมือในระดับเจ้าของ หากเจ้าของจะไม่ให้ยืมเนื่องจากจะใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้น

รัฐก็จะมีที่ อื่น ที่บางที่คนของยืม มีอาชีพอื่นให้ไปทำ

คนที่ไม่มีที่ทำกินก็เข้าไปทำต่อได้เลย

 

 

นี่คือแนวคิดผม(ไม่รู้ดีไม่ดี) สำหรับจัดการที่รกร้าง

 

ข้อดี

-คนไม่มีที่ทำกิน ได้มีที่เริ่มต้นชีวิต เพื่อมีรายได้ไปสู่การมีอาชีพที่ดีกว่าเดิม

 

-ที่สำคัญ วินวิน ทุกฝ่าย

 

 

 

ข้อเสีย

-อาจก่อให้เกิดการ ต้องย้ายที่ย้ายถิ่น หากเจ้าของจะใช้ประโยชน์จากที่ดิน แต่รัฐก็จะมีที่อื่นรองรับให้เสมอ

 

 

 

 

 

 

 

ปล หลังจากนี้การเม้นของผมอาจแสดงถึงสมองอันน้อยนิดแล้วนะครับเพราะ บ่ มีเวลาแล้ว

 

............................................................................................................................................

 

ขออภัยเจ้าของเรปด้วยครับ ที่เอาข้อความที่คุยกันหลังไมค์มาลงในรีพลาย

 

ขอเพิ่มนิดหนึงของพี่ปาเกียวนะ  คือมันมีกฏหมายตัวหนึงซึ่ง บอกในทำนองว่า ถ้ามีคนที่เช่าที่ดิน ถ้าเช่า (หรือทำประโยชน์) เกิน 10 สามารถฟ้องร้อง ให้ที่ผืนนั้นเป็นของตนโดยชอบธรรม  (ไม่แน่ใจในรายละเอียดของกฏหมาย) แต่ถ้าออกมาในลักษณะนี้ อาจจะไม่มีเจ้าของที่ที่ไหนอยากให้เช่านะ  (ประสบการณ์โดยตรงของคุณแม่ค่ะ  กว่าจะคุยให้ออกจากที่ได้ แทบแย่)




#1009299 พุทธะอิสระงอลลล... สุเทพไม่มาเยี่ยมเวทีแจ้งวัฒนะมั่ง

โดย Nan on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 04:46

สมัยพระนเรศ มี มหาเถรคันฉ่องคอยช่วยเหลือ สมัยนี้ เรามี หลวงปู่พุทธอิสระคอย ช่วยเหลือ ลุยเลยหลวงปู่ ถ้าเป็นการทำความดีสู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้มันรู้ไป ยิ่งรู้ว่าหลวงปู่เคยรับใช้ชาติเป็นทหารมาก่อน ผมสนับสนุนหลวงปู่เต็มที่ครับ

เท่าที่จำได้ มหาเถรคันฉ่อง ท่านก้ออยู่ของท่านในวัด เทศนา สั่งสอน ให้กำลังใจ เป็นตัวอย่างความถูกต้อง มิใช่ออกทัพจับศึก มิใช่หรือคะ  อีกรูป ก้อน่าจะเป็นสมัย บ้านบางระจัน  ท่านก้อออกมาให้กำลังใจ สวดมนต์ ปลุกเสกร์ของดีให้ติดดัวเมื่อออกรบ มิได้ถีอหอกถึอดาบออกมาฟาดฟัน (ถ้าจำไม่ผิด แต่ถ้าผิด ก้อขออภัยด้วยค่ะ)




#1009298 พุทธะอิสระงอลลล... สุเทพไม่มาเยี่ยมเวทีแจ้งวัฒนะมั่ง

โดย Nan on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 04:37

ด้วยความเคารพ นับถือ และไม่ได้ลบหลู่ใดๆต่อหลวงพ่อพุทธอิสระนะคะ

 

ดิฉันไม่เห้นด้วยเลยค่ะที่ให้พระสงฆ์มาเป็นแกนนำหรือเกี่ยวข้องกับการชุมนุม

เป้นภาพไม่ดีต่อวงการศาสนาและภาพลักษณ์ที่มองมาจากสังคม

 

มีแกนนำที่เป้นฆราวาสตั้งเยอะแย่ะ ที่เก่งและสามารถนำมวลชนได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งสงฆ์

ไม่ใช่หรือค่ะ

 

หรือว่าดิฉันอ่อนไหวเกินไป

ไม่หรอกค่ะ ส่วนตัวก้อรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องทางโลกเหมือนกันค่ะ ไม่น่ามาเกี่ยวข้องด้วย 

ตัวท่านและภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนามันจะดูไม่ดีหนะค่ะ




#1009272 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย Nan on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 03:20

หลักคิดของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ตั้งกระทู้ขึ้นมา มีอยู่สอง สาม ประการ ...

 

 

1. ประการแรก ผมขอถามเพื่อนร่วมชาติว่า ระบอบประชาธิปไตยสุดโต่ง+เผด็จการทุนนิยม เหมาะสมกับสังคมประเทศไทยในเวลานี้แล้วหรือ ทำไมประเทศสังคมนิยมอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขหลายๆประเทศ ก็ยังใช้ระบอบสังคมนิยมร่วมกับการที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขได้ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ...

 

ผมไม่เชื่อว่า ระบอบประชาธิปไตยสุดโต่ง+เผด็จการทุนนิยม (มือใครยาว สาวได้สาวเอา) จะเอามาใช้แก้ปัญหาของสังคมประเทศเราได้

 

เอาเฉพาะหัวข้อที่ 1 นี้ก่อน ถ้าสรุปประเด็นนี้ได้ ก็จะได้ไม่ต้องมาถกกันต่อว่า 30 บาทรักษาทุกโรค ดีหรือไม่ดี เพราะมันอยู่ในระบอบหมดแล้ว

ไม่เหมาะ และ ถ้าสามารถที่จะจัดการกับ เผด็จการทุนนิยมได้ (ให้มี ประชาชน ชั่นสูง กลาง ล่าง ตามสัดส่วนที่พอดีของทุกฝ่าย)  ระบอบประชาธิปไตย คงไม่สุดโต่ง มันน่าจะสมดุลลงมาบ้างนะ




#1009268 คำสารภาพของRED MORON

โดย Nan on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 03:16

คนอื่นยังไงไม่รู้นะ แต่ของผม แค่โพสท์เดียวผมก็รู้แล้วว่า

 

นี่เป็นแดงมาโซคิส พวกเดียวกัน

 

นี่เป็นแดงคิวซี ก็พวกเดียวกันอีก

 

อันนี้เป็นควายแดงบัตรเติมเงิน พวกนี้ต้องประหาร โทษฐานสร้างความแตกแยกในชาติ

 

อันนี้เป็นเสื้อแดงผู้รักชาติ ก็ต้องอีกบริบทหนึ่ง

 

ที่สำคัญผมไม่เคยพลาดในการจำแนกแดงแฮะ แปลก

 

อาจจะเพราะอยู่บอร์นี้มานานก็เป็นได้  อิอิอิ

น้าเช แบบหนูเนี่ยแดงไหมน้า  ถ้าแดงๆแบบไหน ขอความมั่นใจหน่อย อิอิ




#1009266 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย Nan on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 03:09

กลางแดด ร้อนแผดเผา สิ้นร่มเงา เพื่อเนาว์ตน

 

เหงื่อริน ลงดิ้นรน ใหลรดพื้น เป็นผืนมา

 

ควายแก่ เพิ่งโดนล้ม เคียวเคยคม ก็แขวนคา

 

เมฆหาย จนหมดฟ้า ไร้ฝนฉ่ำ เหมือนกรรมเวร

 

มองตีน อันแตกเยิน ลูกควานเดิน ตามโอนเอน

 

ลงคราด ตามโคลนเลน ไถร่องทับ เลื่อมวับวาว

...........................................................................

 

 

เคยลงใว้เมื่อ 4 - 5 ปีที่แล้ว ไม่มีใครมาต่อให้ซะที ...  :( :(

 

http://forum.seritha...php?f=2&t=19451

ไม่มีความสามารถพอค่ะ  แค่กลอนสี่ กลอนแปดยังจำไม่ได้เลยว่าเขียนยังงัย  แฮะๆๆ




#1009265 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย Nan on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 03:03

รากเหง้าของปัญหา น่าจะมาจากค่านิยมที่ผิดๆ ของสังคมไทยเรานี่แหละ  (สังคมโดยทั่วไป) 

 

อย่างแรก  เรื่องระบบอุปถัมภ์    ไอ้เรื่องอย่างนี้มันเริ่่มๆ จากความความเกรงใจ   ผู้ใหญ่ฝากมา   ผู้มีพระคุณฝากมา  อยากให้ลูกได้เข้าโรงเรียนดีๆ   เรียนจบอยากให้ทำงานดีๆ เป็นข้าราชการมีหน้ามีตา   เป็นอย่างนี้รุ่นแล้วรุ่นเล่า  นานวันเข้าเลยมีเด็กฝากเต็มไปหมด   เข้าไปทำงานใครอยากมีเส้นมีสายมีตำแหน่งดีๆ อยากให้หัวหน้าช่วยผลักช่วยดัน  ก็เลียกันเข้าไปหวังให้นายช่วยอุปถ้มภ์     ระบบรราชการก็เลยเป็นปัญหาอย่างทุกวันนี้  

 

อย่างที่สอง บูชาคนรวย    "มีเงินนับเป็นน้อง  มีทองนับเป็นพี่"  ใครมีเงิน คนไทยเราก็นิยมยกย่อง  ด้วยหวังลึกๆ ว่าคงสามารถช่วยเหลือ จุนเจือยามลำบาก เผื่อไปขอหยิบขอยืมเขาได้   ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะ  บางคนรวยมาจากเงินสกปรก  แต่ก็มีคนยกย่อง ยกยอ  โดยไม่สนใจเลยว่าเขาทำอะไรมาถึงได้มั่งมี  ในวงการธุรกิจการค้ามีให้เห็นโดยทั่วไป 

 

อย่างที่สาม  เห็นแก่ได้    ประมาณว่าโกงได้  แต่ให้กรูได้ด้วย     ไอ้พวกนี้เห็นแก่ได้  เห็นแก่ตัว  เอาเปรียบคนอื่นได้คืนคนเก่ง  ไอ้คนประเภทนี้มันไม่สนความถูกผิด  คิดแต่ว่ากรูจะได้อะไร  คนที่มีค่านิยมแบบนี้ในสังคมไทยมันเยอะ   นี่แหละตัวปัญหาสุดๆ  

 

อย่างที่สี่ พวกเราถูกเสมอ   ไอ้คนที่มีค่านิยมแบบนี้ต่อให้ยกเหตุผลใดๆ มายืนยัน   มันก็ไม่ฟัง และ พร้องที่จะตะแบงต่อไปตามความเชื่อของมัน คนพวกนี้คิดเสมอว่าคนที่คิดต่างจากเขานั้นผิด      ข่าวสารที่เขาได้มาถูกต้องแล้ว    คนพวกนี้เหมือนน้ำเต็มแก้ว ที่ต้องรอให้มันแก้วมันล้ม หรือ มันร้าวเสียก่อน เสียก่อนถึงจะเติมลงไปได้  

 

 

คิดออกเท่านี้............. 

 

ท่านใดจะเสนอแนะเพื่อเติม   ได้เลยครับ

โดยเฉพาะเรื่องระบบอุปถัมภ์   - ระบบนี้มีผลกับการศึกษาของเด็กด้วยนะ  ไม่เฉพาะข้าราชการแต่ระบบ เอกชน รัฐวิสาหกิจ ก้อมีให้เห็น ตลอด  มักจะมีเรื่องเด็กฝากให้เห็น อยู่เป็นประจำ  และ พอไม่รับเด็กฝาก ก้อจะเป็นว่า มีใบปริญญาหรือไม่ จบจากมหาลัยมีชื่อเสียงหรือไม่  ไม่ได้เน้นที่ความสามารถ หรือผลงานที่เคยทำ ---> มันเลยโยงไปที่การศึกษา ว่า เด็กจะต้องเรียน โรงเรียนนี้ มหาลัยนั้นๆ ต้องได้เกียตรนิยม เพื่อจะได้มีโอกาสมากขึ้นถ้าไม่มีคนรู้จัก  เด็กก้อต้องก้มหน้าก้มตาเรียนๆๆๆ จนลืมว่า ความคิดความสามารถมันไม่ได้อยู่ในตำราอย่างเดียว มันเลยทำให้นักศึกษาที่จบมาบางคน มีการศึกษาสูง แต่ไม่มี ความสามารถ  อันนี้เราก้อคงต้องหาวิธีปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ระบบนี้โดยด่วน




#1009262 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย Nan on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 02:51

 

ถ้ากระจายที่ดิน มีเกษรตกรเพิ่มขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น

 

แล้วรัฐต้องเอาภาษีไปอุดหนุนสินค้าการเกษตรเพิ่มขึ้นด้วยหรือเปล่าครับ

 

อาจจะต้องมีบ้าง (ประเทศไหนๆรัฐก็ต้องอุดหนุนสินค้าเกษตรภายในประเทศทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สหรัฐ อังกฤษ เยอรมัน อาฟริกาใต้ ฯลฯ) แต่มันจะไม่ต้องใช้เป็น 4 - 5 แสนล้านบาทเหมือนของพรรคเพื่อไทยแล้วครับ

 

ด้วยหลักคิดที่ว่า ที่ดินของตนเอง เพราะปลูกเลี้ยงสัตว์ให้พอกิน เหลือจึงขาย เน้นพึ่งพาตนเอง .... 

 

ทีนี้ลองเปรียบเทียบดูนะครับ โครงการประกันรายได้นี้ ไม่ว่าคุณจะมีที่ดินทำการเกษตรเท่าไหร่ รัฐก็จะให้สิทธิ์ประกันได้แค่จำนวนหนึ่ง เช่นมีที่ดิน 200 - 300 ไร่ ก็ได้รับการประกันแค่เพียง 20 ไร่ ผลผลิตส่วนที่เกินยี่สิบไร่อาจจะขายได้ต่ำกว่าราคาประกันนิดหน่อย เท่าเทียมกับเกษตรกรรายย่อยที่มีที่ดินเพียง 20 ไร่ ในระบบนี้ชาวนารวย-ชาวนาจน จะได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน และใช้งบประมาณไม่มาก รวมระยะเวลา 2 ปี ไม่กี่หมื่นล้านบาท และราคาสะท้อนกลไกตลาดที่แท้จริง

 

มาดูการรับซื้อข้าวทุกเมล็ดของพรรคเพื่อไทย ชาวนาจนมีที่ 20 ไร่ก็ได้ผลประโยชน์แค่ 20 ไร่ ส่วนชาวนารวยมีที่ดิน 2000 ไร่ ก็ได้ผลประโยชน์ทั้ง 2000 ไร่ ถามว่าชาวนาจนเค้าทำความผิดอะไร จึงได้รับผลประโยชน์จากรัฐน้อยกว่าชาวนารวย และผ่านไปสองปีกว่า ใช้วงเงินไปแล้ว 500,000 ล้านบาท และบิดเบือนกลไกราคาข้าวในตลาด

 

แต่ถ้าคิดดูให้ดีๆ เงินไมกี่หมื่นล้านที่รัฐอุดหนุนในโครงการประกันฯ เกิดผลตอบแทนย้อนกลับมาเป็นผลิตภาพของประเทศมูลค่ามันเกินกว่าเงินที่ใช้ลงไปประกันราคาแล้วครับ

 

ส่วนโครงการรับซื้อทุกเมล็ดของทักษิน นอกจากไม่ช่วยให้เกิดผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นของประเทศ ยังทำลายกลไกราคา ทำลายโครงสร้างการผลิต-การค้าข้าวทั้งระบบครับ

 

เอาเรื่องพัฒนาที่ดินและผลผลิตการเกษตร ก่อน ที่คิดว่าน่าจะช่วยได้นะ

 

อย่างหนึ่งควรจะมีกำหนด พื่นที่ทำการเกษตร (ทุกอย่างที่หลัก) และคำนวน กำหนด การเพาะปลูกทั้งประเทศ  เพื่อไม่ให้มีผลการเกษตรอันใดอันหนึงมากเกินไป หรือน้อยเกินไป ซึ่งอันนี้ก้อต้องทำการสำรวจออกมา ว่าภาคพิ้นการเกษตรเราควรปลูกอะไร ปลูกได้เท่าไหร่ และ ควรใช้พิ้นที่แค่ไหน  ถ้าจัดเป็น โซนนิ่งได้ เลยก้อดี ปัญหาเรื่อง การเกษตร และ จัดสรร ที่ดินอาจจะลดน้อยลง




#1009193 ขอเปิดประเด็นกระทู้ ถกเรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ เชิญทุกฝ่ายเข้า...

โดย Nan on 16 มกราคม พ.ศ. 2557 - 01:04

 

 

 

 

ประเด็นแรกตรูหล่อแล้ว onion-head-emoticon-04.gifพอใจละ

ไปถามท่านอื่นๆ เอา ดึกแล้ว

 

 

 

 

ผู้ประกันตนนอกระบบ(ม.40)

 

หลักเกณฑ์และเงื่อนไข..........................................

    
หมายเหตุ ขณะนี้สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่/จังหวัด/สาขา ได้มีการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่สนใจสมัคร มาตรา 40 โดยสามารถกรอกแบบฟอร์มสมัครผ่านเจ้าหน้าที่/ตัวแทน แต่ยังไม่มีการเก็บเงินสมทบ ทั้งนี้ในการเก็บเงินสมทบจะเริ่มเก็บในเดือน พฤษภาคม 2554 หรือสามารถติดต่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนได้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นไป ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา    

     เสียดายนะครับโครงการดีๆ นางโตมรหั่นไปแล้ว ??? ...ด้วยว่าไม่มีเงินทุนมาทำต่อ

 

     สัก2-3ปีก่อน ผมชักจูงชาวบ้านได้2-3คน ให้เข้าโครงการ 

 

     เมื่อไม่มีการดำเนินการต่อ(ผญบ. ตอบไม่ได้ว่าโครงการเลิกไหม แต่ไม่เก็บเงินต่อ)  ชาวบ้านมาต่อว่า ...ตัดปัญหา เลยควักเงินส่วนตัวคืนชาวบ้านไป

 

 

โดยส่วนตัวนะ ผมคิดว่าการจ่ายทุกเดือนมันเป็นภาระกิจยุ่งยาก บางคนที่ไม่ได้ป่วยก็ไม่สนใจไม่รู้เรื่อง ขาดส่งอีก

 

สามสิบบาทเนี่ยแหละสมัครทีเดียวอยู่ แต่ก็นะ สิทธิก็ต่างกันไป

 

โดยส่วนตัวเห็นว่าสามสิบบาทก็ยังโออยู่นะ ง่ายดีไม่เรื่องมาก เข้าถึงได้ง่ายกว่า ม 40

 

 

แสดงว่าไม่ได้ดูเงื่อนไขการเข้ารักษาตัว ของ ม.40 ซินะ นึกว่าหล่อแล้วเชียว ที่ม.40 เพิ่มเข้าไปก้เรื่องเงินชดเชย เท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้น แท็กซี่ไม่ยอมไปหาหมอ เพราะไปหาหมอแล้วใครจะหาเงินมาใช้

 

 

 

ขอบคุณนะคะสำหรับข้อมูล  ไม่มีโอกาสได้ใช้ นโยบายนี้ค่ะ เลยไม่รู้ว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร

ใช่ค่ะยังไม่แก่ แต่เข้าใจเรื่องพาคนสูงอายุไปหาหมอนะคะ เพราะตัวเองก้อเป็นคนพาไปทุกครั้ง

แต่ยังไงๆ ก้อยังยืนยันคำพูด ที่ว่าควรดูแลตัวเองให้ดีก่อนพึ่งหมอนัันก้อคือการทำสุขภาพจิตให้ดี และอีกหลายๆอย่างที่หมอมักจะสอนคนไข้นั้นแหละค่ะ หมายความอย่างนั้นจริงๆนะคะ ถ้าความหมายออกมาในเชิงลบก้อต้องขอโทษด้วยนะคะ

 

แท็กซี่น่าจะใช้ประกันสุขภาพแบบนี้นะ เวลาป่วยจะได้มีเงินใช้ 

 

อนิจจัง สังขารมัน บังคับไม่ได้นะ อยากให้มันเป็นเหมือนเดิม มันก็ไม่ยอมเป็นอย่างที่เราอยากให้เป็น อยู่ๆ มันก็ไหล่ล็อก เดี๋ยวก็ปวดหลัง เดี๋ยวก็เมื่อยคอ

 

 

ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ อย่ามัวแต่นั่งหน้าจอ เสียสายตา ปวดคอ ปวดหลัง และอาจจะมีอาการนิ่วล๊อกได้  (เอาฮานะคะ อย่าซีเรียส)  :D

น้าเชปิดไมล์แล้วค่ะ กลับเขัาหัวข้อกระทู้นะคะ  เดี๋ยวน้าแกโกรธความดันขึ้น :P