“ถ้าปัญหาใด มีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาที่เห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่า ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า” อีกด้วย
ท่านผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนผู้ทำหน้าป็นประธานและต้องออกเสียงเป็นคนสุดท้าย ต้องถูกผูกมัดให้ปฎิบัติด้วยบทกฎหมายที่บัญญัติไว้นี้ ให้จำต้องลงมติว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด เพราะเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า แม้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน จะมีความเห็นขณะนั้นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดก็ตาม
คะแนน 5 - 4 จึงเท่ากับว่า ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนที่ออกเสียงเป็นคนสุดท้ายได้ลงมติว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิด ซึ่งเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า น่าจะขัดต่อ รธน. 50 มาตรา 39 วรรคสอง และ ป.วิอาญา 227 และ 184
ตัวบทมาตรา 184 ที่ว่า “...ให้เจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพาทที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย...
ถ้าในปัญหาใด มีความเห็นแย้งกัน…” ดังนี้ เป็นเหมือนบังคับให้ท่านผู้พิพากษา ต้องปฏิบัติตามความในมาตรา 184 ไม่มีข้อยกเว้น
คุณเป็นคนเขียนบทความชิ้นนี้ หรือ คัดลอกมาครับ ถ้าคัดลอกมาก็น่าจะแจ้งที่มาด้วย
http://www.dlo.co.th/node/204
"หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน
ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย
ให้ประธานออกความเห็นสุดท้าย การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก"
ประเด็นอยู่ที่ คุณไปเอาส่วนท้ายที่ว่า
"ให้ประธานออกเสียงเป็นคนสุดท้าย การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก"
มาเป็นข้ออ้างเพราะว่า เกิดกรณี ก่อนประธานออกเสียง นับแล้ว 4 ต่อ 4
จึงอ้างว่า "การวินิจฉัย (ออกเสียง) ของประธานให้ถือตามเสียงข้างมาก
เพื่อจะได้ออกมาเป็นผลการวินิจฉัยสรุปอย่างที่คุณ "ตั้งธง" คือ 5-4
ซึ่งหมายความต่อไปอีกว่า ต่อให้ก่อนหน้านั้น เป็น 7-1, 6-2, 5-3
หากยึดตามที่คุณว่าแล้วละก็ ประธานก็ต้องยึดตามเสียงข้างมากเท่านั้น
ไม่มีสิทธิมีผลการวินิจฉัยเป็นของตนเองเลยแม้แต่น้อย (คุณเห็นด้วยหรือ?)
ซึ่งขัดต่อหลักกฎหมายของการให้สิทธิเสมอกันในการออกเสียง (โหวต)
ผู้พิพากษาทั้งคณะ แต่ละท่าน มีศักดิ์ และ สิทธิ์ เสมอกันทุกท่านนะครับ
เจ้าของสำนวน ทำหน้าที่เป็นประธาน และมี 1 เสียง เป็นสิทธิ์เฉพาะตนเหมือนท่านอื่นๆ
แต่กฎหมายบัญญัติให้ท่านออกเสียงเป็นคนสุดท้าย แล้วจึงค่อยนับคะแนนเสียงเป็นมติ
เหมือนเดิมครับ เพียงแค่คุณทำตามลำดับที่เขียนไว้ ไม่ต้องยอกย้อน
เอาส่วนท้าย (การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก) มาทำเสียก่อน
เพื่อบังคับให้ผู้ลงคะแนนคนสุดท้าย (ประธาน) ต้องทำตามคะแนนเสียงข้างมากเท่านั้น
ภาษาชาวบ้านก็จะเรียกว่า คนลงคะแนนคนสุดท้ายจำต้อง "ตามน้ำ" อย่างเดียวเลย
ทั้งที่ผลการวินิจฉัยของแต่ละท่านเป็น "สิทธิ" ที่สงวนให้เสมอกันทุกท่านนะครับ
1. หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน (องค์คณะมี 9 ท่าน)
2. ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย (ถามทีละท่าน ได้ผล 4-4)
3. ให้ประธานออกความเห็นสุดท้าย (ประธานลงคะแนนได้เป็น 5-4)
4. การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก (ผลการวินิจฉัย 5-4 ลงมติว่าผิด)
เขาไม่ได้เขียนกฎหมายมาให้ตีความยอกย้อน ซับซ้อน เลย
หากแต่เมื่อเราอยากเลี่ยงบาลี เลี่ยงกฎหมาย เราก็ตีความเพื่อให้ได้ประโยชน์แก่ตนเสียอย่างนั้น
และผมอยากขอร้องครับ กฎหมายเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ
การใช้กฎหมายมั่วๆ ไปปลุกปั่นยุงยงคนที่ไม่รู้เรื่อง มันคือการบ่อนทำลายประเทศโดยทางอ้อม
คุณจะด่าใครชั่วช้าเลวทราม หรือไปชุมนุมกี่แสนกี่ล้านคน ถ้าไม่มีใครเดือดร้อนก็ทำไปเถอะผมเฉยๆ
แต่กฎหมายมันเขียนไว้ชัดก็ขอร้องว่าอย่าไปบิดเบือนให้มันเสียไป
โดยอาศัยว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ชัดว่ากฎหมายบัญญัติไว้อย่างไร
- Bourne and ปูหน้าเหียก like this