Jump to content


bangkaa

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 19 ตุลาคม 2551
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2557 20:10
-----

#836555 ระวังโดนปล้นเหมือนผมเสียเงินหลายแสนบาท

โดย kornthana on 7 กันยายน พ.ศ. 2556 - 01:49

เมื่อวานไปดูรถ คันที่ใช้มันเริ่มเก่า กินน้ำมันมาก และถึงเวลาต้องเปลี่ยนอะไหล่หลายรายการ ก็คิดว่า คงเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยได้รถใหม่มาใช้ 

 

ไปถึงโชว์รูม ถามหาเซลล์คนเดิม เขาบอกว่าลาออกไปแล้ว ก็เลยแหย่ถามไปว่า ลาออกหรือโดนไล่ออก เซลล์คนใหม่ยิ้มๆ แต่ด้วยมือใหม่เขายังพูดอะไรไม่เป็น ก็เลยบอกไม่เป็นไรศึกษามาดีแล้ว อยากให้สรุปมาเลยว่านอกจาก ดอกเบี้ย 0% แถมประกันภัย แล้วยังมีอะไรที่ลดได้อีก เอาแบบเงินสดนะ อ้ายประเภท ติดโน้น แปะนี้ไม่เอา

 

เซลล์คนเดิมหายไปสักพัก พาผู้จัดการมาแนะนำ บอกพี่อยากได้อะไรบอกผู้จัดการผมได้เลย  อ้ายเราก็ไม่รอช้าพูดตามเดิมคือ ลดเงินสดได้อีกเท่าไร มีรถไหม เอาเป็นว่าตกลงกันได้ วางมัดจำกันเลยว่าอย่างงั่น

 

ผู้จัดการฟังแล้วยิ้มๆ ไม่ตอบคำถามสักคำ พูดประโยคแรกคือ พี่จะต้องเทรนรถคันเก่าหรือเปล่าครับ  ผมบอก เทรน    เขาบอกถ้าอย่างงั่น เรายังไม่พูดเรื่องรถใหม่กันดีไหม เอารถของพี่ให้จบก่อน  ว่าแต่พี่ยอมจบหรือเปล่า

 

ผมงง อะไรกันลูกค้าเปิดขนาดนี้น่าจะจบรถใหม่ก่อน ดันมาให้ความสำคัญกับรถเก่า  ก็บอกไปว่ารถอยู่ข้างนอก ตีราคาได้เลย (ปกติก็เป็นแบบนี้คือเก่าไปใหม่มา ไม่ยุ่งยากไปเร่ขาย ราคาต่างกันไม่มาก)

 

ผู้จัดการบอกสักครู่เดี๋ยวให้คนมาตีราคารถ  พักเดียว ราคาของผมออกมาคือ 5 แสนต้น 

 

โอ้แม่เจ้า camry extremo 2009 ขาวมุก เมือปีที่แล้วยังตีได้ 8 แสน ต้นๆ มาวันนี้ลดไป 3 แสน ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน 

 

บอกรับไม่ได้ นั่นเอารถแฟนแล้วกัน  (กะให้แฟนใช้คันนี้) yaris ตัวท๊อป 2009 คำตอบที่ได้น่าตกใจกว่าคือ 2 แสนแปด คำพูดนี้ทำให้แทบตกเก้าอี้ ยังไงมันก็ไม่ควรต่ำกว่า 3 แสน 8 เพราะราคาที่ทำประกันไว้ยังได้ทุนประกันที่ 4.4 แสน แล้วเงินแสนกว่าบาทมันหลายไปไหน

 

นั่งคิดอยู่นานว่าจะเอาอย่างไรดี สภาพตัวเองเหมือนโดนปล้นไปต่อหน้าเกือบ 4 แสนบาท แล้วมันก็คือเงินที่ทำมาหากินได้มา อุตสาห์เก็บเงินมาเพื่อซื้อสินทรัพย์ไว้ใช้งาน เพียงไม่ถึง 8 เดือน หลังจากโครงการสวยหรูของรัฐบาลออกมา ทรัพย์สินผมมูลค่าหายไปเกือบครึ่งล้าน

 

นั่งมึนสักพักก็ท้อใจ บอกรับไม่ไหว ขอตัวลา

 

ขับรถกลับมานั่งคิดตลอดนี่ขนาดที่เราต้องการเปลี่ยนรถจริงๆ ยังทำใจไม่ได้ แล้วจะมีคนไหนเปลี่ยนรถอีก คิดไปก็อดสงสารคนที่ออกรถในช่วงปีที่ผ่านมาไม่ได้  พวกเขาไม่มีโอกาสกลับตัวได้ทันเลย

 

สมัยก่อน ถ้าออกรถแล้วประสพปัญหาผ่อนไม่ไหวเรียกไฟแนนท์มาเอารถคืน (สภาพเดิมไม่ไปดัดแปลง) ก็ฟ้องร้องไม่ได้  พอสมัยท่านทักษิณมาเป็นนายกฯ ก็เปลี่ยนกฎหมายให้ไฟแนนท์ฟ้องเรียกส่วนต่างราคาได้ นั่นเท่ากับว่า ตอนนี้หากใครผ่อนรถไม่ไหว แล้วไฟแนนท์ยึดรถคืน มีสิทธิหน้ามืดเพราะไฟแแนนท์จะเร่งขายรถออก โดยไม่สนใจราคา (ส่วนต่างเรียกกับคนเช่าซื้อ) แน่นอนราคาจะต่ำกว่ามาก ซึ่งเมื่อรวมดอกเบี้ย เบี้ยปรับ และอื่นๆ คงเท่ากับราคารถที่ซื้อมาว่ากันอย่างงั่น

 

หลายคนคงบอกถ้าอย่างงั่นก็ไม่ต้องให้มันยึดสิ ทนผ่อนต่อไป  ถ้าคิดแบบนี้ก็คงยังไม่รู้จักความจนดีพอ ที่บางครั้งเมื่อมันไม่มี อย่าว่าแต่เงินผ่อนรายเดือนเลย ขนาดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อเดือนยังสู้ 

 

ก็คงมีคนด่าอีกแล้วไม่มีเงินดันไปซื้อทำไม  ก็คงใช่สำหรับคนที่มีประสบการณ์ชีวิตมาบ้าง แต่เด็กรุ่นใหม่ไม่จักคำนี้แล้วโดนหลอกล่อแบบนี้ อยากถามมีสักกี่คนที่คนไหว    ดังนั้นงานนี้จึงยังไม่เห็นทางออก ก็ได้แต่สงสารคนเหล่านี้จริงๆ

 

ส่วนบางคนที่เห็นว่า ก็ดี มันเป็นโอกาสให้คนได้ซื้อรถถูกมาก  ก็ว่ามันคงไม่ง่ายอย่างงั่นหรอก  ก็คงรู้ๆ กันอยู่ว่า ระบบการขายของไฟแนนท์นั่นไม่ได้หมายความว่า รถทุกคันที่ยึดจะออกมาขายให้กับคนซื้อโดยตรง ต้องผ่านหลายคน คนที่รู้ข้อมูล คนที่ตั้งโต๊ะรับ นายหน้า และอื่นๆ เวลานี้จึงไม่มีใครสนใจซื้อรถเก่าแบบปกติ พวกนี้จะรอโอกาสทองซึ่งนั้นก็คือ การกดราคาคนที่เดือดร้อน เพื่อไปเอากำไรสูงแบบเท่าตัวกับคนที่ต้องการซื้อ ซึ่งเท่ากับว่า คนซื้อไม่มีโอกาสได้ซื้อของถูกแบบง่ายๆ กัน

 

มันจะเป็นอย่างไรหากออกรถวันนี้  ราคารถหายไปทันที 50% รถราคา 7 แสน ขับไปหนึ่งเดือน มันเหลือเพียง 3.5 แสน อย่างงี้ใครจะทนรับสภาพไหว นอกจากคนที่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ซึ่งนั่นก็คือบทเรียนราคาแพงแบบแสนสาหัส

 

แต่ก็คงไม่เป็นไร คิดว่าแต่ละคนคงมีทางเลือกของตัวเอง ไม่ว่ากัน เพียงแต่วินาทีนี้มันทำให้คิดว่า แล้วหลังจากนี้ตลาดรถจะเป็นอย่างไร ในเมื่อ คนที่ซื้อรถใหม่ป้ายแดงส่วนใหญ่ก็คือคนที่มีรถเดิมอยู่แล้ว ซึ่งถ้าราคารถเก่าเป็นแบบนี้จะมีสักกี่คนที่คิดเปลี่ยนรถใหม่ แถมตอนนี้ไฟแนนท์คุมเข้มเรื่องสินเชื่อกันอีก ได้ข่าวว่า คนที่มีสิทธิซื้อรถผ่อนได้ต้องเป็นลูกค้าเก่าที่มีประวัติการส่งค่างวดตรงทุกงวดเท่านั้นที่ไฟแนนท์จะอนุมัติ ส่วนที่ขาดส่งบาง ส่งไม่ตรงบ้าง หมดสิทธิ  มันยิ่งซ้ำเติมให้กับคนที่ต้องการขายรถแบบด่วนๆ อีกไม่ใช่น้อย ซึ่งนั่นก็คือ คนทั่วไปก็คงต้องทนใช้รถคันเก่าต่อไป พร้อมๆ กับรถใหม่ที่จะไม่มีออกมาวิ่งให้เห็นกันมากกันอีกแล้ว

 

ในเมื่อตลาดรถหยุดนิ่ง สิ่งที่ตามมาคือ คนที่ทำงานในระบบย่อมสะเทือนไปทั้งหมด  ซึ่งนั่นก็คงไม่ต้องบอกว่า เศรษฐกิจของประเทศจะเป็นอย่างไร เพราะเราคงเรียนรู้จากบทเรียนของสหรัฐที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

 

สหรัฐประเทศมหาอำนาจที่พิมพ์แบงค์ได้เอง ยังมีปัญหามาจนถึงวันนี้ คำถามจึงว่า แล้วไทยจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้  ก็คงต้องดูกันไปอย่ากระพริบตา 

 

เพียงแต่วันนี้ สิ่งที่โดนกับตัวเอง และการเรียนรู้เหตุการณ์ในสหรัฐ มันทำให้มีความรู้ได้ทันทีว่า ตอนนี้คงต้องระวังตัวให้มากขึ้นแล้ว  คงต้องมีการปล้นอีกหลายครั้งตามมา แล้วการปล้นแบบนี้เป็นการปล้นที่เรียกว่า ต้องยืนให้มันปล้นเท่านั้น มันจึงเป็นเพียงแค่บทเรียนบทที่ 1 ที่หยิบยื่นมาให้ เพราะนับตั้งแต่วันที่ 1 กันยา เป็นต้นมา เหมือนกับว่า ผมโดนปล้นไปแบบเงียบๆ หลายรายกาย คงไม่ต้องบอกกัน

 

คิดไปก็เศร้าอยู่คนเดียว ทำไมคนพวกนี้มันถึงปล้นผมได้มากมายขนาดนี้  แล้วคนอื่นละ เขาโดนกันบ้างหรือเปล่า ก็เลยเขียนเตือนมาให้ตระหนักกันแล้วกันว่า ตอนนี้พวกนี้มันปล้นได้กับทุกคน ไม่ว่าที่ไหน ที่บ้าน ที่ทำงาน ที่ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่สวนหย่อนในบ้าน  แค่พวกคุณคิดจะเปิดไฟ ก็เหมือนกับเรียกให้คนมาปล้นเงินกระเป๋าพวกคุณแล้ว  ดังนั้นอย่าคิดขัดขืน  ขอให้ยอมพวกมันไป เพราะพวกนี้มีอิทธิพลมาก แล้วที่สำคัญพวกคุณทำอะไรเขาไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคือยินดีให้เขาปล้นไปทุกวัน ทุกวัน และทุกวัน ตราบใดที่ยังหายใจอยู่ในประเทศนี้ ที่สำคัญอย่าไปหือหากับพวกนี้เด็ดขาด ไม่อย่างงั่นพวกเขาจะโกรธและจะปล้นพวกคุณเพิ่มขึ้นอีก

 

ก็เล่าให้ฟัง อย่าเชื่อผม จนกว่าพวกคุณจะศึกษาข้อมูลทั้งหมดอย่างรอบด้าน เพราะไม่แน่ ผมอาจคิดไปเอง เหมือนกับพวกนี้มันพูดผ่านสื่อมาให้ฟังทุกวัน

 

 

 




#823097 ดร.เสรี ด้วยความเคารพนะ ถ้ามือคุณไม่พาย ก็อย่าเอาเท้าราน้ำเลยครับ

โดย lovelygam on 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 16:57

0000000.jpg

 

เรื่องนี้หรอคะ

 

ไม่เป็นไร  อาจารย์อาจจะได้เห็นมุมที่เราไม่ได้เห็น

 

เพราะเราไม่ได้ใกล้ชิดหรือมีสายสัมพันธ์กับพรรคเหมือนกับอาจารย์มี

 

แต่น้อยใจ อาจารย์น่าจะกระแนะกระแหนแต่พรรคนะ

 

ไม่น่าจิกลูกเพจเลย :(




#820790 น้ำมัน แก๊ส ขึ้นราคา ให้พวกมันขูดรีดจนพุงปลิ้น พอหรือยัง วันศุกร์นี้ จะไปกันห...

โดย Stargate-1 on 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 13:39

มาดูความตอแหลของนายคนนี้ tawatchoo  ที่ไปตั้งกระทู้แหกตาชาวพันทิบ

(IHAYO ถูกใจ, ThaiExplorer ถูกใจ, เหรียญเงิน ถูกใจ, oryze ถูกใจ, Siriwat_V ถูกใจ, aggiegal ถูกใจ, biebie999 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 712884 ถูกใจ, yai_tuayoong หลงรัก, โฟโต้แมน007 ถูกใจรวมอีก 17 คน ร่วมแสดงความรู้สึก)

 

หม่อมจอมมั่ว ขอเอกสารเขา พอเอามากล่อมสาวกก็ตัดเอาเฉพาะส่วนที่ตัวเอ็งอยากเห็น
 
เรื่องมันมีอยู่ว่าหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี บุคคลตามรูป (เผื่อใครไม่รู้จัก)
1377245322-o.jpg
ตำแหน่งปัจจุบัน
1. ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิ­บาลด้านพลังงาน วุฒิสภา
2. ผอ.ศูนย์วิจัยนโยบายพลังงานและทรัพยากร ม.รังสิต
3. ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน (น่าจะแต่งตั้งกันเอง)

เขาเอาเอกสารที่เขาได้รับจาก ปตท มาเผยแพร่เรื่องราคาซื้อขายก๊าซของกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีโดยทำการตัดต่อมาเฉพาะบางส่วนดังรูป http://on.fb.me/14oplqM
1377246103-o.jpg
โดยมีความจงใจในการนำเสนอข้อมูลไปในทิศทางว่า "กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี (เน้นว่าเป็น ปตท) ซื้อ LPG มาเป็นวัตถุดิบจากแหล่งเดียวคือโรงแยกก๊าซธรรมชาติในราคาเพียง 16-18 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งขัดแย้งกับเอกสารที่ทางกระทรวงพลังงานเคยออกมาก่อนหน้านี้ว่าภาคปิโตรเคมีซื้ออยู่ที่ 22.30 บาทต่อกิโลกรัม"

แต่ในความเป็นจริงเอกสารดังกล่าวที่ทาง ปตท ส่งไปให้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 หน้าด้วยกันและมีเนื้อหาสาระสำคัญที่หากไม่นำไปแสดงให้เห็นด้วยอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่ได้รับการสื่อสารนั้นๆด้วย ดังรูป
1377246778-1-o.jpg
1377246792-2-o.jpg
1377246847-3-o.jpg
เพื่อการอธิบายที่เข้าใจมากขึ้นของเอกสารเต็มทั้ง 3 หน้า (ไม่ผ่านการตัดต่อโดยสันDAN คนบางคน) ขออนุญาตแนบเอกสารเพิ่มอีก 1 ไฟล์ดังรูป
1377247215-LPG-o.jpg
จากรูปจะเห็นว่าปิโตรเคมีมีการใช้ LPG จาก 2 แหล่งคือ
1. โรงแยกก๊าซ = 550 US$/ton = 16.50 บาท/กิโลกรัม --> อันนี้ที่หม่อมเขาหยิบจับไปขยาย
2. โรงกลั่น = 764 US$/ton = 22.92 บาท/กิโลกรัม --> อันนี้ที่หม่อมเขาปิดเอาไว้
3. ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมพอเอา 550 + 764 มาเฉลี่ยแล้วเป็น 723 น่ะถ้าคิดแบบถัวเฉลี่ยจริงก็คงได้ตามสมการ  20% ของ 550 + 80% ของ 764

ผมสนใจไปที่เลข 16.XX ของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กับตัวเลข 18.XX ของครัวเรือน
เลข 16.XX นั้นเป็นเลขที่ภาคปิโตรเคมีจ่ายให้แก่โรงแยกก๊าซ
ขณะที่เลข 18.XX ที่เป็นของภาคครัวเรือนนั้นต้องไปดูเพิ่มที่โครงสร้างราคา LPG ดังตาราง http://www.eppo.go.t...-2013-08-23.xls
1377248560-2382556155-o.jpg
จะเห็นว่าราคาหน้าโรงแยกเมื่อนำมาเปรียบเทียบกันนั้นพบว่าปิโตรเคมี (ซื้ออยู่ที่ 16.XX) แพงกว่าที่ภาคครัวเรือน (รวมถึงภาคอื่นๆ ซื้ออยู่ที่ 10.XX) เท่ากับ 6.XX บาทต่อกิโลกรัม

แต่สาเหตุที่ราคาขายปลีกของภาคครัวเรือน ขนส่ง และอุตสาหกรรม แพงกว่าของภาคปิโตรเคมีนั้นก็เพราะมีการเก็บภาษี เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าการตลาด นั่นเอง
อันนี้คือข้อเท็จจริง (บางส่วน) ที่ผมอยากนำเสนอ ส่วนที่ว่าทำไมภาคอื่นต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่ภาคปิโตรไม่ต้องจ่าย  (จริงๆจ่าย 1 บาทต่อกิโลกรัม) ถ้าให้ผมตอบแบบกำปั้นทุบดินก็เพราะ "ไม่ได้เอาไปใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง" แต่จริงๆมันมีเหตุผลมากกว่านั้น ซึ่งยังไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้แล้วกัน

สุดท้ายก่อนจากกันฝากภาพนี้ไว้ครับ
1377249368-2382556161-o.jpg
ฝากอีกรูปครับ
1377253979-2382556173-o.jpg

 

 
ขอถามง่ายๆนะ นายชู ภาคครัวเรือน ภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม เขามีตารางให้เรียบร้อย แล้วไอ่ปิโตรเคมี ทำไมไม่มีให้ ว้า หรือมันมีอภิสิทธิ์เหนือภาคอื่นๆ



#821479 สุเทพ พูดจาเชื่อถือไม่ได้

โดย ota on 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 10:07

546893_167251863465442_55632633_n.jpg

 

 

เสียงจากชูวิทย์  "ชูวิทย์" เขียนเฟซบุ๊กเล่า 3 กลุ่มตัวแทนสังคมไทย เชื่อพธม.รู้ดีประชาธิปัตย์แค่คิดจะลาออก ส.ส.ยังไม่เคยคิดเสียด้วยซ้ำ แฉ "เติ้ง" เคยสอนเป็นนักการเมืองอย่าพูดปิดกั้นทางเดิน ชูพันธมิตรฯ ผู้นำความคิด ต่างเสื้อแดงเครื่องจักรการเมือง ชี้ "ธาริต" ตัวอย่าง ขรก.ประจำคิดแต่ในกล่องสี่เหลี่ยม ระบุหากพรรคการเมือง-ข้าราชการยังหวงแหนอำนาจ อย่าคิดพลังประชาชนจะเปลี่ยนสังคมได้




#821529 ทำไม ปชป. ไม่ค้านรัฐบาลเรื่องลอยตัว LPG !!!

โดย กรกช on 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 11:09

พลังงานทรัพยากรธรรมชาติ ประชาชนคือเจ้าของ

LPG มีเพียงพอใช้กับความจำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน
แต่ปิโตรเคมี ที่ใช้ LPG เพื่อแสวงหากำไร มาใช้เพิ่มขึ้นมากในระยะหลัง จนทำให้ LPG ไม่พอใช้ ต้องนำเข้า

 

แต่รัฐบาลกลับโยนภาระมาให้ประชาชน ด้วยการลอยตัว LPG

และแม้ว่าถึงภาพรวมจะนำเข้า ก็ส่วนน้อยแค่ 20-30 % แต่กลับจะเหมารวมลอยตัว

 

นี่แค่เรื่องเดียว ก.พลังงานได้แสดงให้เห็นว่าส่อทุจริตถึง 2 ประเด็นแล้ว

 

ทำไมฝ่ายค้านอย่าง ปชป. ที่ขึ้นชื่อว่าค้านเก่ง ไม่เอาเรื่องนี้มาเล่น ?

ทำไมไม่คิดจะปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย ?

ทำไมถึงปล่อยให่รัฐบาลสารเลวสูบเลือดเนื้อประชาชน โกงกันหน้าด้านๆอย่างนี้ ?

 

เรื่องลอยตัว LPG ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีผลกระทบกับค่าครองชีพของประชาชนอย่างมาก

 

แล้วทำไม ปชป. ไม่คิดจะค้านรัฐบาลเรื่องลอยตัว LPG เพื่อคนไทยอย่างจริงจังเป็นรูปธรรมบ้าง !!!




#820543 “แมลงสาบ” ไม่ทิ้งเก้าอี้ ส.ส. ใบเสร็จ “ปชป.” ฮั้ว “แม้ว”

โดย phat21 on 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 09:53

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน

24 สิงหาคม 2556 06:16 น.

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เห็นสภาพสภาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติในระหว่างการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมความเป็นข้ารับใช้ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานรัฐสภา หรือพฤติกรรมความเถื่อนและถ่อยของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจาก “พรรคประชาธิปัตย์” รวมถึง “พรรคเพื่อไทย” ที่สำแดงออกมาก่อนหน้านี้ทั้งกรณีจ่าประสิทธิ์ ไชยศรีษะที่ยกรองเท้าขึ้นมา และว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคส.ส.พรรคเพื่อไทยอีกคนหนึ่งที่ใช้ไอแพดที่ได้รับแจกฟรีจากเงินภาษีของประชาชนดูรูปโป๊ในระหว่างการประชุมสภา ก็ให้อเนจอนาถใจเป็นอย่างยิ่งว่านี่หรือคือผู้แทนของปวงชนชาวไทย
       
       แน่นอน สำหรับพรรคเพื่อไทยคงไม่ต้องสาธยายให้วุ่นวายว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมเช่นนั้น รวมถึงตัวค้อนปลอมตราดูไบที่เรียกตำรวจสภาและตำรวจปราบจลาจลมาล้อมหน้าล้อมหลัง เพราะวิญญูชนย่อมรู้เช่นเห็นชาติกันอยู่แล้วว่าเป็นทาสในเรือนเบี้ยของใคร ไม่เช่นนั้นคงไม่ใช่อำนาจของประธานตัดสิทธิสมาชิก 57 คนที่ขอแปรญัตติเพื่อสนองนายใหญ่อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
       
       แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว คงต้องถามว่า การสำแดงพฤติกรรมเช่นนั้น ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาบ้าง การโห่ฮาป่า การกรีดร้องของ 2 ส.ส.หญิงพรรคประชาธิปัตย์คือนางสาวนริศา อดิเทพวรพันธุ์และนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุลที่อ้างว่า ตกใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาชายพยายามจะเข้ามาจับตัวจนผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันทั้งบ้านทั้งเมืองได้ประโยชน์อะไร แถมนอกจากไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อชาติบ้านเมืองแล้ว ยังทำให้ประชาชนคนไทยเสื่อมศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างหนักเข้าไปอีก
       
       เพราะพรรคประชาธิปัตย์รู้อยู่เต็มอกว่า ไม่ว่าจะเล่นเกมยื้ออย่างไร ก็ไม่มีวันชนะ เพราะท้ายที่สุดแล้วระบบพวกมากลากไปก็ย่อมชนะอยู่วันยังค่ำ ทั้ง “ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ศ….” ที่สภามีมติผ่านวาระ 1 ไปเรียบร้อยแล้ว และ “ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม”แถมยังไปร่วมรับรองความชอบธรรมให้กับพรรคเพื่อไทยอีกต่างหาก
       
       แน่นอน สำหรับแม่ยกพ่อยกพรรคประชาธิปัตย์ก็คงชูรักแร้สนับสนุนกันอย่างหน้ามืดตามัวต่อไป แต่สำหรับประชาชนผู้มีเสียงเลือกตั้งที่ยังมิได้เลือกข้างชัดเจนย่อมเกิดความรู้สึกไม่ดีกับพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่า พฤติกรรมในครั้งนี้จะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ไม่น้อย
       
       ด้วยเหตุดึงกล่าวจึงจำต้องย้อนถามพรรคประชาธิปัตย์กลับไปว่า จะยอมให้ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการจากการเลือกตั้งเช่นนี้หรือ หรือว่าจะตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญด้วยการประกาศให้ ส.ส.ทุกคนของพรรคประชาธิปัตย์ลาออกจากความเป็น ส.ส.ทั้งหมด เนื่องเพราะรับไม่ได้กับระบอบพวกมากลากไปที่ปู้ยี่ปู้ยำประเทศ แล้วผนึกกำลังกับภาคประชาชนเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างจริงจังตามข้อเสนอของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
       
       “สิ่งหนึ่งที่เหมือนเป็นจุดแข็งแต่แท้จริงเป็นจุดอ่อนที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์คือ ชอบแก้ปัญหาด้วยวาทกรรม ผมเตือนด้วยความหวังดีในฐานะกัลยาณมิตรจริงๆ ว่าประชาธิปัตย์จะอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ผมเสนอให้ประชาธิปัตย์ออกมานำมวลชนในการปฏิวัติประเทศ ผมถือว่าประชาธิปัตย์หลงผิดไปพลาดไปมีโอกาสกลับตัวได้ ผมเสนอความคิดนี้ด้วยความจริงใจ ถ้าเราเอาชาติเป็นที่ตั้ง ทิ้งองค์ประกอบโดยรวมออก เราไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นคนไทยคนหนึ่งที่หวังให้ชาติบ้านเมืองเข้มแข็ง ด้วยภาคประชาชน แล้วมากำหนดกติกากันในการที่จะให้อยู่ร่วมกันได้ มีเอกภาพในทางความคิด มีความสามัคคีในการเดินหน้าต่อไปประเทศไทยเราถึงจะอยู่รอดได้”
       
       “ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียสละบ้าง ถ้าไม่ลาออกจาก ส.ส.มานำประชาชน การเปลี่ยนแปลงในชาติบ้านเมืองจะไม่เกิดขึ้น แล้วในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์จะต้องจบลงในประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นพรรคที่เล็กลงๆ และถ้าประเทศไทยถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ยึดเมื่อไหร่ พรรคประชาธิปัตย์คือตัวการ ถ้ายังไม่ออกมาเท่ากับยกประเทศให้เขาไป ประชาธิปัตย์มีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง ถ้าประชาธิปัตย์รอจนถึงวาระ 3 พอยกมือแพ้ แล้วออกตอนนั้น จะกลายเป็นคนขี้แพ้ชวนตีทันที หากถามว่าแล้วใครจะบริหารประเทศ ให้ถวายคืนพระราชอำนาจแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อตั้งนายกฯและรัฐบาลมาดูแลประเทศไทย 2 ปี แล้วให้รัฐบาลชุดใหม่ตั้งงบประมาณเพื่อจัดตั้งระบบกติกากันใหม่ แล้วจะไม่มีระบบ******ในสภาฯอีก”
       
       นั่นคือข้อเสนอของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งดูเหมือนว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมิได้ให้ความสนใจ
       
       จริงอยู่ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์บ้าง เมื่อ
       นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำรุ่น 2 และโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” โดยยอมรับว่า ตนเองและนายประพันธ์ คูณมี ได้มีการนัดพบกับ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งประกอบด้วยนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อนนายกษิต ภิรมย์ และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช
       
       แต่เมื่อได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” ส.ส.สุราษฎร์ธานี อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้มีบารมีตัวจริงและเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เนื่องจากสามารถผลักดันให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ก็ได้บทสรุปที่ชัดเจนโดยไม่ต้องมีคำถามอีกต่อไป เพราะโพสต์ทูเดย์ได้พาดหัวซึ่งเป็นบทสรุปของแก่นแกนความคิดของนายสุเทพเอาไว้ว่า “ไม่รับเงื่อนไข พธม.ถอดสูทสู้แบบอารยชน”
       
       ทั้งนี้ นายสุเทพชี้แจงเหตุผลเอาไว้ว่า “เราจำเป็นต้องสู้ในสภา เรามีน้อยอยู่แล้ว ถ้าลาออกมาก็จบ เขาพิจารณา 3 วาระรวดได้เลย และโดยข้อเท็จจริงในสภายังมีเรื่องอีกหลายเรื่องที่ต้องต่อสู้กัน เช่น กฎหมายกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนจะเคลื่อนไหวอย่างไรเราก็ค่อยๆ ปรึกษากันไป ยังไม่แตกหักกับฝ่ายใดทั้งสิ้น เราเคลื่อนไหวเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่นไม่เปลี่ยน ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติเป็นเป้าหมายสำคัญ เรื่องของพรรคยังเป็นเรื่องรอง”
       
       คำถามที่มีถึงนายสุเทพก็คือ การต่อสู้ในสภาจะช่วยแก้ปัญหาหรือนำไปสู่ชัยชนะได้อย่างไรในเมื่อไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเล่นเกมยื้ออย่างไร สุดท้ายก็แพ้ระบบพวกมากลากไปวันยังค่ำ
       
       การที่นายสุเทพอ้างว่าเพื่อมิให้พรรคเพื่อไทยพิจารณาผ่านกฎหมายทีเดียว 3 วาระรวดเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลจริงหรือ เพราะคำตอบสุดท้ายก็เหมือนกันอยู่ดี
       
       แล้วการเป็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์จะมีประโยชน์อะไรต่อประเทศชาติบ้าง
       
       ดังนั้น เมื่อพิจารณาเหตุผลโดยรอบด้านแล้ว คำถามจึงมาหยุดลงตรงที่ว่า จริงๆ แล้วมีอะไรที่อยู่เหนือจากสิ่งที่ประชาชนรับรู้หรือไม่ เพราะการที่นายสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจมิใช่สิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาเลยแม้แต่น้อย
       
       เป็นไปได้หรือไม่ว่า การจัดเวทีผ่าความจริง การให้ประชาชนเดินส่ง ส.ส.เข้าสภา หรือการเล่นเกมยื้อไปมาในสภาเป็นเพียงแค่ “ปาหี่” ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น เพราะไม่มีใครเชื่อว่าระดับมันสมองของคนอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะคิดยุทธศาสตร์แบบ “แพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง” นอกเสียจากเป็นมวยล้มต้มคนดู
       
       เหมือนเช่นเมื่อครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์จัดเวทีผ่าความจริงที่บริเวณใต้ทางด่วนอุรุพงษ์โดยเป็นการปราศรัยข้ามวันข้ามคืนเพื่อที่ในตอนเช้าจะให้ประชาชนเดินไปส่ง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมประชุมสภาที่สังคมก็ตั้งสงสัยมาแล้วครั้งหนึ่งจนกลายเป็นวลียอดฮิต “กูว่าแล้ว....”
       
       เพราะในครั้งนั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์เอาจริง มีหรือที่จะไม่สามารถระดมคนให้มาร่วมเป็นจำนวนมาก เพราะต้องไม่ลืมว่า คนที่เลือก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทั้งระบบเลือกตั้งและระบบบัญชีรายชื่อมีนับเป็นสิบล้านคน ซึ่งขอเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ก็จะมีคนออกมาพร้อมกับพรรคประชาธิปัตย์นับเป็นล้านคนแล้ว เว้นเสียแต่ว่าพรรคแมลงสาบและจรกาหน้าดำร่วมกับนายใหญ่ใช้ “ทฤษฎีการสมคบคิด” อย่างแนบเนียน

       
       กล่าวคือขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งแสร้งทำเป็นว่าจะแตกหัก อีกฝ่ายหนึ่งก็แสร้งระดมตำรวจมาล้อมรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล พร้อมประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อข่มขู่ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเป็นการเล่นละครเพื่อตบตามวลชนของทั้งสองฝ่าย
       
       เนื่องเพราะเป็นที่รับรู้กันว่า ความสัมพันธ์ของจรกาหน้าดำและนายใหญ่นั้นอยู่ในระดับไม่ธรรมดา เป็นคนสายพันธุ์เดียวกันชนิดที่มองตาก็รู้ใจ แถมสุดท้ายแล้วจรกาหน้าดำและพ่อรูปหล่อก็ล้วนแล้วแต่ได้รับอานิสงส์จากกฎหมายนิรโทษกรรมเช่นกัน
       
       เช่นเดียวกับการเล่นลิเกการเมืองในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เข้าอีหรอบเดียวกัน เพราะความจริงถ้าจะว่าไปแล้วการไขให้วุฒิสภามาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ก็มิได้เกิดผลเสียกับพรรคประชาธิปัตย์เลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังเกิด ผลดีมากกว่าอีกต่างหาก เพราะนั่นหมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์เองก็สามารถส่งคนของตนเองลงสมัครรับเลือกตั้งได้ และถือเป็นการเพิ่มเก้าอี้ของพรรคในสภาอีกต่างหาก
       
       ถามว่า ประชาชนมีสิทธิตั้งข้อสงสัยในทำนองนี้ได้หรือไม่
       
       คำตอบก็คือได้ เพราะต้องไม่ลืมว่า อดีตนายทหารใหญ่ที่เคยได้ชื่อว่าเป็น My Best Bodyguard เมื่อครั้งที่ได้รับตำแหน่งใหม่ๆ วันนี้ยังแปรเปลี่ยนไปกลายเป็น “คนที่นายใหญ่ไว้ใจมาก” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะการที่เทพเทือกปฏิเสธข้อเสนออย่างกัลยาณมิตรของนายสนธิย่อมเป็นใบเสร็จที่เฉลยทุกอย่างในตัวเองอยู่แล้ว
       
       และถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงเล่นเกมเช่นนี้ต่อไป ย่อมหมายความว่า การปฏิรูปการเมืองที่เกิดประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศก็ย่อมจะไม่เกิด และพรรคประชาธิปัตย์หวังเพียงแค่การเปลี่ยนขั้วการเมืองเพื่อให้พรรคของตนเองกลับเข้ามามีอำนาจในการบริหารประเทศเท่านั้น
       

http://www.manager.c...80&Html=1




#808045 ปชป ทั้งพรรค ควรลาออกจาก สส ตามคำแนะนำของ สนธิ หรือไม่

โดย พระฤๅษี on 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 12:38

>>> แต่ว่าไปแล้ว  ปชป ก็อึดอัดนะ....เพราะ แป๊ะด่ามาตลอด..ปุบปับ..

 

มาประกาศ พร้อมออกรบ  ...ถ้า ปชป ...ออก. ประเด็นที่ผมมองคือ แรก.

 

ถ้า ปชป ออก  ในเขต กทม. มีคนของ ปชป นับล้าน  ออกมาแค่ ๑๐%

 

ก็เป็นแสนแล้ว...แป๊ะก็ไม่ต้องหนักใจเรื่อง กำลังคน.( เพราะแป๊ะเอง-

 

ก็ไม่แน่ใจ ว่าสาวกเหลืออยู่เท่าไร ) ประการต่อมา  เมื่อ แป๊ะ ประกาศ

 

พร้อมออก..  เสียงที่ได้ยินมัก พุ่งตรงไปกดดัน.บีบ.ปชป.  น่าหนักใจ

 

ปชป  ตกที่นั่งลำบาก.. ออกก็เสีย..  ไม่ออกก็เสีย....แผน ตลบหลัง...

 

ของแป๊ะ... ทำให้ ปชป  กลืนไม่เข้า  คลายไม่ออก...... 




#807832 ความเจ็บใจในอดีต ที่แมงสาบทำกับแป๊ะลิ้ม

โดย phat21 on 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 07:18

นี่ไำง

 

ผมขอให้ ปชปยอมรับผิดเรื่อง1เขาพระวิหาร mou43 เรื่องพาไทยขึ้นศาลโลก 2ปชปไม่ปฏิรุปการเมือง แค่แก้ให้เป็น สส 500 3ไม่จับทักษิณ4ไม่จัดการเสื้อแดงขั้นเด้ดขาด5 ปล่อยให้มีการทุจริตมากขึ้น 6 ไม่แก้กฏหมายปราบทุจริตให้แข็งขึ้น 7ไม่ได้ไม่ปฏิรูป ตร ให้ปลอดจากการเมือง 8 ไม่ทวง ปตท คืน9ไม่เลิกกฏหมาย 11ฉบับ

 

ไอ้สิ่งที่กล่าวมาคือตัวที่ทําให้ พธม กับปชปจะคืนดีกันมันยิ่งริบหรี่เพราะ ปชปเอาแต่ได้ไม่รับผิดในสิ่งที่ตนเองทําไม่ปฏิรูปอะไรสักอย่าง




#804854 อยากเรียนถาม Phat21 หรือ พธม ในเสรีไทย

โดย phat21 on 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 14:54

 

เคสกรณี นิรโทษกรรม ดูออกง่ายมาก

แป๊ะได้ประโยชน์กับนิรโทษกรรม ครั้งนี้ เพราะฉะนั้น แป๊ะคงไม่ออกแรงออกมาขัดขวางให้เหนื่อย อยู่เฉยๆก็วินๆ

ในทางกลับกัน ก็ต้องตีสองหน้า เพื่อ หลอกมวลชนที่ยังเชื่อแป๊ะอยู่ว่า แป๊ะยังต่อต้านทักษิณ

อีกหน้าหนึ่ง ต้องสะกัด ขัดขวาง ปชป ที่ออกมาต่อต้านนิรโทษกรรมครั้งนี้ เพราะ ปชปคือศัตรูแป๊ะมาช้านานแล้ว

ทักษิณก็แค่ขัดผลประโยชน์กัน หาใช่ศัตรูถาวรไม่

 

เยส ทักษิณกับสนธิ ล้วนแต่เป็นพันธมิตรกันมาก่อน

แตกหักเพราะผลประโยชน์ ไม่แตกหักเรื่องอุดมการณ์

แป๊ะลิ้มก็โกงจนโดนตัดสินติดคุก 80 ปีมาแล้ว เบื้องหน้า

เบื้องหลังไม่ต่างกัน สามารถจับมือทักษิณได้ทุกเมื่อ

ถ้าผลประโยชน์ลงตัว 

 

เอาตรรกะมั่วๆมากล่าวหาพันธมิตร ผมก็กล่าวหา ปชปได้เช่นกันไม่ยอมใช้มวลชนขวางให้สุดทาง เข้าสภาปล่อยให้วาระนิรธโทษผ่านไปเฉยพันธมิตรบอกให้ลุยให้เต็มที่ แต่ ปชปเมินเฉยไม่ทําไรหน่อมแหน้มถ้าจะมากล่าวหาพันธมิตรแบบนี้ผมก็กล่าวหา ปชปได้เหมือนกันว่าแอบสนับสนุนนิรโทษ

 

ถ้าคิดว่าตัวเอง ขวางนิรโทษก็ขวางแบบสุดอย่าหน่้อมแหน้มดิ  อย่าง ปชปต้องแค่เปลี่ยนขั้วไม่ปฏิรูปเหมือนเคย




#798455 เหตุ-ผล 19 ข้อ ที่ "สนธิ ลิ้มทองกุล" พูดถึง "ปชป" เมื่อคืน

โดย bigon on 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 19:29

images5x4R0.jpg
 
ประเด็นสำคัญ .....
 
*สุเทพกล่าวหาว่าเสื้อเหลืองมีสื่อ คุณก็มีบลูสกายทีวี มีทีนิวส์เป็นกระบอกเสียง นสพ.ก็มีแนวหน้า
 
*ผมโดนยิง200นัดยุคอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ สุเทพ เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย
 
*ผมเป็นคนเลว แต่เลวน้อยที่สุด สู้่ทำม็อบ193วันแต่ในที่สุดปชป.ได้เป็นรัฐบาล
 
*พอมาเป็นรัฐบาลก็ทำให้วีระ-ราตรีต้องติดคุกเขมร แต่วิ่งเต้นพนิช ส.ส.ตัวเองออกมา
 
*แล้วก็ออกพรบ.มั่นคงออกมาดำเนินคดีกับพันธมิตร
 
*น้องโบว์ตาย7ตุลา51 พอปปช.ชี้มูลว่าพล.ต.อ.พัชรวาทผิด รัฐบาลอภิสิทธิ์+สุเทพไม่ยอมปลด
 
*สั่งเปลี่ยนหัวหน้าสอบสวนคดีก่อการร้ายยึดสนามบินทั้งที่พันธมิตรเป็นผู้ก่อการดี
 
*ปล่อยข่าวว่าสนธิรับเงินทักษิณ นายกรณ์ จาติกวณิชปล่อยข่าว ต่อมากรณ์ไปอยู่โรงแรมเดียวกับทักษิณที่ฮ่องกง จนโดนโจมตีแบบเดียวกับผม กรรมถึงตัว
 
*แล้วก็มากดดันให้พันธมิตรออกมาชุมนุมแล้วจะตีกิน
 
*สุเทพบอกว่าหากพรบ.นิรโทษกรรมผ่านวาระ3จะชุมนุม งั้นเราปล่อยสุเทพ และปชป.เป็นเจ้าภาพ เราไม่ออก
 
*ปชป.แกนนำก็มี โฆษกเวทีก็มี พวกไฮโซก็มี ศักดินาก็มี ไม่ต้องมาพึ่งแป๊ะลิ้มลูกเจ๊ก
 
*พวกนักการเมืองเป็น******ทางการเมือง หากจะทำจริงให้ปชป.ลาออกมาอยู่กับประชาชน
 
*ตอนนี้ก็มาด่าผมว่าไอ้แป๊ะลิ้มไม่ออกมาม็อบเพราะรับเงินทักษิณ แล้วที่สุเทพรอวาระ3รับเงินทักษิณหรือ
 
*ด่าว่าผมเป็นลูกเจ๊ก พวกปชป.เป็นลูกผู้ดีก็จัดชุมนุมไปสิ
 
*ที่สุเทพจะโค่นล้มรัฐบาลเพื่อไทยนี่เพื่ออะไร โดยใช้ผม เพื่อตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร คุณอย่าหวังผมไม่ตกหลุมพรางอีก ผมเจ็บและแค้นใจครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว
 
*"เลิกคิดได้แล้วว่าสนธิจะออก สนธิแป๊ะลิ้มไม่ออก แป๊ะลิ้มโดนคดีล็อกคอเอาไว้ แป๊ะลิ้มไม่ออกหรอก แป๊ะลิ้มเหนื่อยแล้ว และแป๊ะลิ้มเป็นลูกเจ๊กธรรมดาไม่ได้เป็นสะใภ้หรือลูกเขยตระกูลใหญ่โตมโหฬารที่ไหน
 
*คุณหญิงกัลยาฝากคนมาถามผมว่าหากสุเทพมาไหว้ขอโทษผมแล้วลืมเรื่องเก่าๆ ผมบอกว่าไม่ต้องมาขอโทษผมไม่ต้อง ให้ไปกราบขอโทษประชาชนว่าคุณทำอะไรผิดมา
 
*อย่าพูดแต่ปาก เก่งแต่ปาก เก่งแต่บนคีย์บอร์ด พวกคุณปชป.ออกมาเลย รักนะจุ๊บๆสู้ๆ แป๊ะลิ้มขอให้กำลังใจ แต่แป๊ะลิ้มไม่ออก แต่พร้อมให้คำแนะนำในการทำม็อบทุกอย่างเราชำนาญมาก
 
*คุณสุเทพไม่ต้องรอวาระ3ออกมาเลยตอนนี้ เดินเลย กล้าๆหน่อย แล้วพวกกองเชียร์ปชป.หน้าคีย์บอร์ด facebookนี่อย่าดีแต่ปาก 
 
ข้อมูลจาก : ไทยอีนิวส์



#792157 จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทักษิณตายไป?

โดย ก๊องส์ไข่กวน on 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 12:33

คร้าบบบบบบบบบบบบบ


อิโง่ยังเป็นได้

แล้วทำไม

โอ๊กซัมไอซ์ จะเป้นไม่ได้

ใช่เลย ว่าที่นายก


#794080 ตู่ กะ ปู !!!

โดย ดอกปีบ on 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 22:54

0.jpg

1.jpg

2.jpg

3.jpg

4.jpg

5.jpg

6.jpg

7.jpg

8.jpg

9.jpg

 

ที่มา บัญชา/คามิน ณ ผู้จัดกวน

 




#791348 คุณคิดว่าประเทศไทย มีคนเลวมากกว่าคนดี เป็นไปได้ไหม?

โดย Octavarium on 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 08:20

ต้องระดับไหนถึงจะเรียกว่า เลว

 

พวกแรกคือ คนเห็นแก่ตัว มีเยอะมาก ไม่ต้องพูดถึงนักการเมือง เอาประชาชนส่วนใหญ่นี่แหละครับ

ทุจริตคดโกงจนเป็นนิสัย ผลสำรวจมันถีงได้ออกมาว่าประชาชนเริ่มยอมรับการคอรัปชั่น

 

อีกพวกที่มีมากพอๆกันคือ คนโง่ คิดอะไรเองไม่เป็น พอถูกเขาหลอกก็เชื่อมันอยู่อย่างนั้น

ใครมาอธิบายเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเข้าใจ ด้วยความดื้อด้าน โง่แต่คิดว่าตัวเองฉลาด

 

คนที่มีคุณสมบัติ 2 ข้อข้างบนอยู่ในตัวเดียวกัน จะอัพเกรดเป็น คนเลว ประเภท 2

 

ทั้งนี้ไม่รวม คนเลว ประเภท 1  ที่เลวมาแต่กำเนิด และยังหลอกใช้ คนเลว ประเภท 2 เป็นเครื่องมืออยู่ทุกวัน




#791116 คุณคิดว่าประเทศไทย มีคนเลวมากกว่าคนดี เป็นไปได้ไหม?

โดย kokkai on 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 20:57

ถ้าเชื่อตามตรรกะที่ว่า

 

สส.เป็นอย่างไร...ประชาชนเป็นอย่างนั้น

 

และผมว่าสส.ในสภาของไทย  มีสส.เลวมากกว่าสส.ดีแน่นอน




#780373 ไม่ต้องถามแล้วนะครับ ว่ากำลังรบกับใคร

โดย aunaun on 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 14:17

1. เอาเรื่องอิสลามก่อนนะครับ

ศาสนาอิสลามมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญก่อนที่จะเข้าสู่ยุคก่อการร้าย นั่นคือ

การปฏิวัติอิสลามที่อิหร่านในทศวรรษ 1970

คือเป็นการใช้ศาสนาอิสลามต่อสู้กับระบบชาห์ หรือก็คือสมบูรณาญาสิทธิราขย์

ผลคือฝ่ายศาสนาของประชาชนเป็นฝ่ายชนะ เมื่อโคไมนีขึ้นสู่อำนาจ

ก็เริ่มปฏิรูปศาสนาให้กลับไปสู่อิสลามแบบบริสุทธิ์ คือยึดตามคัมภีร์

และขณะเดียวกันก็ต่อต้านสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นฝ่ายหนุนหลังระบบชาห์

 

การแผ่ขยายอำนาจของสหรัฐอเมริกาเข้ามาในภูมิภาคตะวันออกกลางและอื่นๆ

ทำให้เกิดแนวร่วมในกลุ่มประเทศอิสลาม เกิดการปฏิรูปศาสนากันทั่วโลก

ในภูมิภาคของเราเองก็มีมาเลเซียและอินโดนีเซีย

และต่อมาอิทธิพลนี้ก็เริ่มขยายเข้ามาสู่สามจังหวัดชายแดนใต้

ถ้าใครอาศัยอยู่แถวนั้นและอายุสี่สิบปีขึ้นไป

น่าจะพอจำได้ว่า ก่อนนั้นคนมุสลิมในพื้นที่ รวมไปถึงมุสลิมมาเลเซีย

ไม่ได้แต่งตัวอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คือเป็นชุดขาวล้วน

แต่สมัยนั้นที่ยังไม่มีการปฏิรูป คนส่วนใหญ่นุ่งผ้าลายห่มผ้าสีสันต่างๆได้ตามใจชอบ

 

ทีนี้ปัญหาของอิสลามแบบ fundamentalist ก็คือมันมาพร้อมกับความรุนแรงกับผู้ต่อต้านการปฏิวัติ

ใครที่ขัดขวางการปฏิวัติ ก็คือคนที่ทำลายอิสลาม

การกำจัดคนที่ทำลายอิสลาม ก็คือจิฮาด

 

2. ไม่ได้มีแต่อิสลามที่ก่อการร้าย

เหตุการณ์ที่ชาวพุทธในพม่าฆ่าคนมุสลิม โดยมีพระเป็นคน propaganda ผมถือเป็นก่อการร้ายเหมือนกัน

ข้อสรุปของผมคือ การก่อการร้ายทางศาสนามักมาพร้อมกับกลุ่ม fundamentalist