Jump to content


bangkaa

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 19 ตุลาคม 2551
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2557 20:10
-----

#733155 ไม่ต้องถามแล้วนะครับ ว่ากำลังรบกับใคร

โดย kaidum on 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 15:10

อุตส่าห์เมาหมัดหลงมุมไปคุยกันกับโจรง่อยถึงมาเลย์เซีย

คุยกับมาเลย์ไปตรงๆเลยดีกว่า ว่าหยุดให้การสนับสนุนโจรใต้ได้ไหม ถ้าหยุดไม่ได้

ก็เอาพวกเห้ นี่ไปอยู่มาเลเซียเสียให้หมด แล้วเริ่มกวาดล้างจริงจังเสียที 

เศษเสี้ยวของผู้ก่อการชั่ว มีอยู่ในกลุ่มประชาชนทั้งสิ้น แต่ไม่ใช่จะหมายความว่า

ประชนสามจังหวัดใต้จะเป็นแนวร่วมทั้งหมด 

โจรใต้ถูกวิสามัญที่นังตา นั่นก็เพราะสายข่าวชาวบ้าน

ถึงตอนนี้ไม่ต้องถามแล้วครับ ว่ารบกับใคร

 

ฝากเพจนี้เอาไว้เพื่อบอกกล่าวพี่น้องชาวไทยครับ

ขอแรงใจชาวเสรีไทยทุกดวง ช่วยแชร์เพื่อยืนหยัดต่อต้านโจรชั่ว ไปพร้อมกับพี่น้องสาม จชต ใต้ ด้วยครับ

 

เพิ่มเติม....เหตุไล่ล่า ผกร.ที่อ.บันนังสตา จ.ยะลา
ศพคนร้ายศพที่สอง
30พค56 เวลา 11.50 ฉก.ทพ.41,ฉก.ยล.15,ชุดสือสวนคดีสำคัญ ศชต. เข้าทำการติดตามบุคคล ม. 4บ.ตาเนาะปูเต๊ะใน ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยล ได้ปะทะ ผกร.ทำให้ ผกร.เสียชีวิต1ราย ,ปืน...ดูเพิ่มเติม
390939_458473554241801_863808181_n.jpg
    • 373037_417225291699961_576917125_q.jpg
  1. ชัดแล้วครับ...!!

    ข้อมูลจาก ตร.ป.น.....

    BRN ปล้นเงินธนาคาร

    ...ดูเพิ่มเติม
    598_459304780825345_1844800431_n.jpg



#779507 สส.พรรคประชาธิปัตย์ ด่ากองทัพไทย "ไร้ศักดิ์ศรี อยู่ใต้ชายกระโปรง"

โดย tonythebest on 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 18:28

ไม่เหมือนพวกนี้เนอะ

เรียบร้อย อยู่ในโอวาท รอเศษกระดูกอย่างเดียว

 

 u4iIT.jpg




#776896 เศรษฐกิจไทยขาลงหรือยัง?

โดย ทรงธรรม on 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 11:57

ผมเอง ไม่ใช่ ผู้เชี่ยวชาญ ด้านเศรษฐกิจ

 

แต่ สิ่งหนึ่ง ที่ผมพอสัมผัส ได้บ้างนะครับ

 

คือ เงินในกระเป๋า ตัวเอง มีค่า ลดลง

 

แน่นอนครับ สถานการณ์ แบบนี้ ก็ต้องเกิดกับ คนอื่นด้วยล่ะ

 

 

ถามว่า แล้ว ได้เงิน มากขึ้นไหม ผมเอง

 

ก็ต้องยอมรับ ว่าได้เงินเดือน ขึ้น 500 บาทครับ

 

แต่ถามว่า รายจ่าย ผมขึ้นมากแค่ไหน

 

ผมเอง ต้องเี้ลี้ยง พ่อ เลี้ยงแม่ ไหนจะ ค่าไฟ ก็เพิ่ม

 

ดีว่า ขี่จักรยาน มาทำงาน ไม่งั้นมีค่ารถอีก

 

 

สรุปให้ง่าย ๆ ตรงไปตรงมา ค่าใช้จ่าย เพิ่มขึ้น จมหู

 

อย่าว่า แต่ จะไปซื้อ เครื่องคอม ที่อยากได้ เลยครับ

 

เงินจะซื้อ กล้วยบวชชี กินสักถ้วย ยังไม่มี อะครับ

 

พอกิน 3 มื้อ ไม่โดน ตัดน้ำ ตัดไฟ

 

มีเงินจ่าย ค่าสูบลม ปะยาง

 

 

เฮ้ออออ ได้แค่นี้ ก็ดีแล้วครับ

 

ผมเอง ยังแอบหวัง ว่า ถ้า ผมเรียน เพิ่มเติม

 

ไป ได้ผล ไปบ้าง เล็ก ๆ น้อย ๆ เจ้านาย

 

ผม อาจเห็นประโยชน์ ผมบ้าง มีให้

 

อีก นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยังดี เพิ่มขึ้น สัก 500

 

ผมเอง ก็ถือว่า ช่วยให้ หายใจ หายคอ

 

สะดวก ขึ้นแล้วครับ ตอนนี้ ต้องเรียกว่า

 

เงินตึง แบบ ถ้าเป็น เส้นลวด ก็ ตัดคอ คนได้ อะครับ

 

 

พี่ชาย ผม ขายของยาก มาก ถึง มากที่สุด

 

บางวัน เค้า บอก มี มาซื้อของ 20-30 บาท

 

ครึ่งวัน ไปแล้ว ก็มีนะครับ

 

สมัย อภิสิทธิ์ ขี้หมู ขี้หมา ก็วันละ 400-500 บาท อะครับ

 

 

นี่แค่ยอดขาย อะครับ ยังไม่ใช่ กำไร

 

กำไร แค่ 5-10 % อะครับ

 

สมัยนี้ บางวัน ยังไม่พอ ค่าขนมลูก เลยอะครับ

 

ดีว่า ร้านเมีย เค้ามีลูกค้า ประจำ ไม่งั้น ลูก ๆ มี อดตาย

 

อะครับ ถึงกระนั้น บางวัน เค้ายังบอก อย่างภูมิใจ

 

ว่า ต้ม มาม่ากิน กับไข่ อีก ฟอง ด้วย อะครับ

 

 

เป็นไง อะครับ ผมไม่ได้ บอก ใช่ม่า

 

ว่า เศรษฐกิจ เป็น ยังไง

 

แต่ ชีวิต ประจำวัน ของเรา มัน เผย ให้เห็น หมดแล้วอะ

 

บอกว่า อยู่ดี กินดี สุนัข มันยังเบือนหน้า อะครับ คิดดู

 

 

อ้อ ผมแถม เรื่องเศร้า นิดหนึ่ง

 

คนที่ผม รู้จัก คนหนึ่ง เป็นผู้ชาย นะครับ

 

ออกตัว ก่อน ไม่ใช่ ญาติ

 

เดือดร้อนหนัก ขายของ ไม่ค่อยได้

 

บางวัน บางมื้อ ก็อด ๆ อยาก ๆ

 

ถึง ขั้น ต้อง ให้บริการ กับ เพศที่สาม แลกเงิน อะครับ

 

นอกเหนือ จากนั้น ยังต้องไปขับ แท็กซี่ อะครับ

 

 

เศรษฐกิจ แบบนี้ ทำให้ชีวิต มันมีอะไร ใหม่ ๆ

 

อยู่ตลอด อะครับ สถิติ การเป็นหนี้

 

เบี้ยวหนี้ กระทั่ง พี่น้อง ตัวเอง อะครับ

 

 

บอกตัวเอง ครับ อย่าเจ็บ อย่าจน

 

แต่ เป็นไปได้ แค่ไหน บางครั้ง ต้องทำใจ อะครับ




#770834 หมอคนผ่าศพเอกยุทธ แฉ เอกยุทธไม่ได้โดนบีบคอ พี่ยังจะหน้าด้านแถต่ออีกเหรอ!...

โดย จูกัดขงเบ้ง on 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 16:27

จากตรงนี้ก็เลยทำให้รู้สึกว่า มันมีการเปลี่ยนแผนกระทันหัน

เริ่มต้นตั้งใจว่าจะให้ไอ้บอลเอารถไปจอดทิ้งพร้อมจดหมาย เพื่อสร้างกระแสลวงว่าเอกยุทธ์อุ้มตัวเองหนีไปพม่า

เริ่มต้นคงตั้งใจว่า เอกยุทธนั่งยาง แล้วหายไปเลย

ให้เป็นปริศนาเดากันไป

 

แต่เนื่องจาก ผู้ใหญ่บางคนไม่เห็นด้วย

เพราะมันจะเป็นการกระพือกระแสว่า เอกยุทธโดนอุ้มแน่ และ มันจะเป็นกระแสที่โจมตีไปตลอด

ตราบเท่าที่ยังหาศพเอกยุทธไม่เจอ

 

ผู้ใหญ่ที่คิดว่าตัวเองฉลาดเสียเหลือเกิน ก็เลยสั่งตัดต่อใหม่

ฆ่าชิงทรัพย์ธรรมดา แบบ ให้หาศพเจอ แล้วปิดคดีให้เร็วที่สุด มันจะดีกว่า

เพราะถ้าปิดคดี มันก็ไม่มีอะไรให้โจมตีได้ต่อไป

 

นี่คือที่มาของปัญหา

การฆ่าเป็นแบบมืออาชีพ แต่รูปคดีเป็นแบบเด็กวัยรุ่นสิ้นคิดทำกัน

ไปไปมามา ก็มาเจอกันตรงจุดที่ขัดแย้งกันแบบสุดขั้ว

ชนิดที่ว่า มืออาชีพเขาไม่ทำอย่างนี้

ไม่ต้องพูดถึงมือสมัครเล่นแบบไอ้ 2 ตัวนั่น ยิ่งไม่กล้าทำใหญ่

 

ปกติเวลาอุ้ม เขาจะต้องมีรถอีกคันเพื่อเอาเหยื่อไปไว้ แล้วทิ้งรถเหยื่อให้ไกลๆ หรือในที่ที่ติดตามไม่ได้

ไม่มีใครบ้า ใช้รถเหยื่อวิ่งไปวิ่งมา มืออาชีพไม่กล้าทำ แล้วคิดว่าไอ้บอลมือสมัครเล่นจะกล้าทำเหรอ

มือสมัครเล่น มันกลัวความแตก มันไม่กล้าเล่นเบิกเช็คกันข้ามวันแบบนี้หรอก

ได้เงินแล้ว ทิ้งรถ รีบหนีออกนอกประเทศ

 

เจอขัดแย้งกันมากขึ้นไปอีก เมื่อปรากฎว่า ทรัพย์สิน สำคัญๆ หายไป

มือสมัครเล่น แบบไอ้ 2 ตัวนี่ เหรอ สอบเค้นไม่กี่ชั่วโมงก็เผยหมดแล้ว

สำคัญคือ เพราะทีมลงมือมันไม่คิดว่า จะเปลี่ยนบทกันกลางคันแบบนี้ไง

มันก็เลยเก็บทรัพย์สำคัญไปหมด กะเอาไปขายต่อ

เวลานี้จะคืนก็ใช่ที่ ก็ต้องเลยตามเลย

 

ยิ่งนานวันยิ่งชี้ชัด

ตำรวจ โดยเฉพาะ นครบาล กลายเป็น ผู้ต้องหาไปเสียเอง

เพราะทุกคนจับผิดแต่ตำรวจไปแล้ว แทนที่จะจับผิดผู้ต้องหา

งานนี้ถามคำเดียว

 

ถ้าทีมนครบาลที่ทำคดีนี้ ไม่มี"เอี่ยว" หรือ "รับงาน" หรือ "ทำเอง" แล้ว

รูปแบบคดี และ ความขัดแย้ง หรือ พิรุธที่ชาวบ้านวิจารณ์

มันจะต่างไปจากที่เป็นอยู่ตอนนี้หรือเปล่า




#770676 หมอคนผ่าศพเอกยุทธ แฉ เอกยุทธไม่ได้โดนบีบคอ พี่ยังจะหน้าด้านแถต่ออีกเหรอ!...

โดย ก๊องส์ไข่กวน on 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 13:20

น่า สนใจดี
Storyboard คดีสังหาร“เอกยุทธ อัญชันบุตร” โดยทีมการ์ตูน ASTVผู้จัดการ

ทีมงานการ์ตูน ASTVผู้จัดการ ได้จัดทำ Story Borad ฉบับการ์ตูนลำดับเหตุการณ์เกี่ยวกับการตายของ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ซึ่งยังมีข้อแคลงใจในหลายเรื่องจึงแยกออกมาเป็นประเด็นตามลำดับ เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจมากขึ้น ทั้งนี้ ล่าสุด นายแพทย์จากสถาบันนิติเวช ได้ให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่องประเด็นการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ โดยระบุผลชันสูตรศพยืนยันพบบาดแผลในตัวเอกยุทธ 8 ตำแหน่ง พร้อมชี้ว่านายเอกยุทธไม่ได้ถูกเชือกรองเท้ารัดคอตายตามคำให้การของผู้ต้องหา แต่เป็นการถูกล็อกจากด้านหลังทางขวาด้วยท่าพิเศษ



เหตุการณ์ลำดับการหายตัว



ไปอ่านต่อ เรื่องง่ายๆที่ตำกวดทำให้มันซับซ้อน
http://www.manager.c...D=9560000080536



#772557 ข้อเสียของการปกครองแบบคอมมิวนิสต์

โดย IFai on 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 16:57

ระบบการปกครองที่ดีที่สุดคือเผด็จการ ...ถ้าได้ผูนำ และคณะทำงานที่ดี

 

ระบบการปกครองที่พอใช้ คือประชาธิปไตย ...ที่ผู้บริหารยังพร่ำหา ประชาธิปไตย

 

ระบบการปกครองที่เลว คือเผด็จการ ...ถ้าได้ผู้นำ และคณะกรรมการเลว

 

ระบบการปกครองที่เลวที่สุด คือแบบเผด็จการ ...และได้เลวทั้งก๊ก มาบริหารงาน




#767727 #### สว ลากตั้ง ดิ้นพล่าน กะข่าวช่อง 5 !!!! ####

โดย พระฤๅษี on 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 11:50

>>> ทำแบบ ( บังเละ) อย่าทำเลยนะ

ขอร้อง...ครั้งนี้ใครคิดล้าง  ก็ต้องล้าง

ให้สะอาด..มันเละล้มเหลวหมดแล้ว...




#745535 ขอร้องแอดมินและสมาชิกทุกท่าน ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลนี้หน่อยครับ

โดย Stargate-1 on 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 11:28

รายการเสวนาพลังงานไทย เพื่อคนไทย หรือเพื่อใคร??? จัดโดยคณะเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาฯ ศุกร์ 7 มิย 13:00-17:00

ดูรายการ"คนเคาะข่าว" 2013/06/10 ย้อนหลัง ได้ทาง http://www.manager.co.th/vdo/

 

ของคุณประชัย ต้องคอยดู YouTube รายการ"หยุดโกงชาติ ร่วมต้านคอรัปชั่น" ย้อนหลังครับ ดูได้ที่

https://www.facebook...279707148817669




#753626 แจ๊ดสยามโปรดักชั่น เสนอละคร "ฆ่าชิงทรัพย์โดยทำร้ายอัณฑะนะจ๊ะ" ตอน: ไอ...

โดย จูกัดขงเบ้ง on 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:21

วันนี้ทีมงานซุบซิบหลังกองถ่าย

จะพาท่านไปชมละครที่กำลังดังสุดฮิตติดชาร์ตในตอนนี้

ผลงานของแจ๊ดสยามโปรดักชั่น ถ่ายทำกำกับแต่เพียงผู้เดียว ไม่ยอมให้ปออาบเข้าร่วมทีม

นั่นคือละครหลอกเด็กชื่อ

"ฆ่าชิงทรัพย์โดยทำร้ายอัณฑะนะจ๊ะ"

 

หลังจากละครออกไปได้เพียง ตอนเดียว ก็มีเสียงตอบรับ หนาหูเข้ามา

จนตัวผู้สร้างเองถึงกับนึกไม่ถึงว่าเสียงตอบรับจะดีขนาดนี้

จากละครที่คิดว่าจะตอนเดียวจบ ถึงกับต้องต่อฉากออกไปตามเสียงเรียกร้องของผู้ชม

ผู้กำกับการแสดงกับคนเขียนบท ตอนแรกต้องการเขียนแค่ "หนีไปเองนะจ๊ะ"

ตอนนี้กลายเป็นลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน ยิ่งกว่าละครเรื่องไหนๆ

กลายเป็น ฆ่าชิงทรัพย์ ซะแล้ว

ไม่พอ ผู้เขียนบทยังเพิ่มความน่าสนใจขึ้นไปอีกด้วยการ ให้คนร้ายเอาทรัพย์ไปทิ้งน้ำ

เท่านั้นไม่พอ ไม่หนำใจ ได้จ้างนักแสดงระดับโลก

คือไอ้เบิ้มมาเข้าฉากเพื่อความอลังการงานสร้าง

แถมยังผูกเรื่องด้วยการให้โทษกันไปมาระหว่าง ไอ้บอลกับไอ้เบิ้มว่าใครฆ่า ใครบีบคอ ใครรัดคอ

หุ หุ มันพะยะค่ะ ยิ่งกว่าเล่นรถไฟเหาะตีลังกาเสียอีกนะเนียยยยย

 

เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศละคร

ทางแจ๊ดสยามผู้สร้างละครได้ประกาศหาผู้เขียนบทที่มีความสามารถ

เพื่อให้ละครดูสมจริงมากที่สุด โดยประกาศเชิญทั้ง หมอผมฟู ทนายอ้วน เด็กหน้าหล่อฝ่ายค้าน เข้ามาช่วยวิจารณ์บท

เพื่อตบแต่งบทให้เนียน มากขึ้นไปอีก

 

ทนายอ้วนเห็นว่าน่าสนใจ

เขียนวิจารณ์บททีเดียว 13 ข้อส่งเข้าไปให้ทีมงานผู้สร้าง เพื่อให้ปรับบทให้สมจริงมากยิ่งขึ้น

ตัวสำคัญที่น่าสนใจก็คือ

ชิงทรัพย์ทำไมต้องทำร้ายอัณฑะ ด้วย

ซึ่งตรงนี้ ละครบทก่อนหน้าเอาศพไปให้หมอตรวจพิสูจน์ตั้งหลายวันแล้ว

คนดูสังเกตุเห็น แต่ทีมงานแจ๊ดสยามอุบเอาไว้ กะให้ผู้ชมติดตาม

นอกจากนี้ มีข้อนึงที่ ทนายอ้วนเสนอว่า ควรเอาดาราอีกคนชื่อ ไอ้เปี๊ยก มาเข้าฉากด้วย

เพื่อให้สมจริง เพราะละคร ข้ามบท คนที่เอากุญแจมือ มาให้ไอ้บอล

ทางแจ๊ดสยาม ได้รู้สึกยินดีและขอบคุณทนายอ้วนเป็นอย่างมาก

แหม่ นี่ถ้าไม่มีทนายอ้วนมาช่วยชี้จุดเนี่ย ก็ไม่มีปัญญาเขียนบทแล้ว

คือว่า สุดกำลังสุดปัญญาของคนเขียนบทแล้ว

ได้ทนายมาช่วย ทำให้ละครมีกำลังใจดิ้นกันต่ออีกเฮือก

 

รอบนี้ ทีมงานโปรดักชั่นของกองถ่ายฝากมาว่า

จับตาดูให้ดีๆ นะจ๊ะ ไอ้เปี๊ยกจะเข้ามาตอนไหนกันแน่

ไอ้เปี๊ยกจะเป็นคนทำร้ายอัณฑะเพื่อหวังผลชิงทรัพย์หรือเปล่า

และไอ้เปี๊ยกจะเป็นคนเอาพระสมเด็จหลายล้านพร้อมทั้งทรัพย์สมบัติ ไปขุดหลุมฝังไว้ใช่หรือไม่

หรือจะตัดจบให้ไอ้บอลมันซื้อกุญแจมือมาใช้เอง

ทุนสร้างจะจบที่ตรงไหน

 

เราคงจะต้องติดตามละครหลอกเด็กเรื่องนี้กันต่อไปนะจ๊ะ

ในฐานะคนไทยใต้อำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จแบบนี้

แล้วทีมซุบซิบหลังกองถ่ายจะกลับมาอีกครั้งจ้าาาาา

 

(บทความนี้ เพื่อความบันเทิงล้วนๆ ไม่ได้หมิ่นประมาทใครนะจ๊ะ)




#751872 กระทู้จับผิดคดีประวัติศาสตร์-รวบรวมข่าวและหลักฐานจับผิดกันกระทู้นี้เลยครับ

โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:53

กระทู้ดูดไลค์เลยนะเนี่ย

ถึงคุณ Plunk ไลค์หมดพอดี

 

พล็อตเรื่องที่ตำรวจพยายามให้เราเชื่อเนี่ย

เขาเรียกว่า

มือสมัครเล่นไม่กล้าทำ

มืออาชีพยิ่งไม่คิดจะทำ

 

แต่ดันออกพล็อตปัญญาอ่อนแบบนี้ออกมาได้

 

มีเพิ่มอีกครับ

 

จับผิดคำให้การเบิ้ม ขัดแย้งกับบอล เรื่องจุดโดดรถ

เบิ้มให้การไม่ตรงกับพล็อตแรกๆหลายเรื่องแล้ว

คาดว่าพอปล่อยพล็อตออกไป คนดูสงสัยมาก ก็เปลี่ยนพล็อต

คือเรื่องกระโดดหนีลงจากรถแถวลาดพร้าวตอน 1 ทุ่ม

คนไม่ซื้อมุกนี้ของบอล เพราะเหลือเชื่อมากที่ลาดพร้าว 1 ทุ่มรถติดโคตรขนาดนั้นไม่มีคนเห็นได้ไง

เลยเปลี่ยนใหม่ ให้เบิ้มบอกว่าเป็นใต้สะพานกลับรถฉลองกรุง

เพราะมันเป็นที่เปลี่ยวกว่านั่นเอง

คดีอุ้มฆ่า-โดดมอเตอร์เวย์เฉลิมกรุง.png

 

 

 

 

ส่วนเรื่องทีมฆ่าอยู่ที่พัทลุงนั้น ผมไม่คิดอย่างนั้น เพราะ

ถ้าไอ้ 2 ตัวนี้คุมเอกยุทธคนเดียว เอาไม่อยู่หรอกครับ

คืนวันที่ 6 ตลอดวันที 7 มีสิทธิแผนแตกสูงมาก

ผมคิดว่าทีมสังหาร น่าจะอยู่ที่กทม.นั่นแหละ แต่อยู่รถอีกคันนึงพร้อมเอกยุทธ

แน่นอน

เชือไหม เด๋วจะมีจับเพิ่มอีกคนนึง เพื่อให้สมจริง

 

 

 

ยังจะมีทีมงอกมาอีกหรือครับเนี่ย???  โว้ว :o




#751292 กระทู้จับผิดคดีประวัติศาสตร์-รวบรวมข่าวและหลักฐานจับผิดกันกระทู้นี้เลยครับ

โดย Lemon_sweetie on 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 00:09

http://www.suthichai...php?NewsID=3340

 

 

10ปมคดี'เอกยุทธ'จับ-สอบ-พิสูจน์หลักฐานเอง

 

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่มีข่าวใดได้รับความสนใจมากเท่ากับข่าวการสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีอุ้มฆ่า นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชื่อดัง เพราะนับตั้งแต่ครอบครัวของนายเอกยุทธเข้าแจ้งความกับตำรวจว่าเขาหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อคืนวันที่ 6 มิ.ย. ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาถึงสาเหตุการหายตัวไปของนักธุรกิจชื่อก้องผู้ประกาศตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอย่างสุดขั้ว 


แม้กระทั่งตำรวจสามารถติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุได้แล้ว พร้อมกับขยายผลไปขุดศพและทรัพย์สินบางส่วนของนายเอกยุทธกลับคืนมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้กระแสแห่งความสงสัยในเงื่อนปมต่างๆ ของคดีมลายหายไป โดยเฉพาะมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุที่ไม่น่าจบลงเพียงแค่ฆาตกรรมอำพรางเพราะหวังทรัพย์สิน แต่มีการวิเคราะห์กันไปว่าน่าจะมีเบื้องหลังที่ผ่านการวางแผนอันสลับซับซ้อนมากกว่านั้น รวมถึงมูลเหตุที่เชื่อมโยงกับความขัดแย้งทางการเมืองที่บานปลายกลายเป็นความแตกแยกและความเกลียดชังระหว่างคนที่มีความคิดความเชื่อทางการเมืองแตกต่างกันด้วย 


หากประมวลจากข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นจะพบว่าคดีนี้ถูกสันนิษฐานเป็น 3 เรื่องใหญ่ๆ ได้แก่ 


1.ฆ่าชิงทรัพย์ ซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานของตำรวจชุดจับกุม 


2.ฆ่าเพื่อหวังทรัพย์สินแต่ผู้ก่อเหตุมีมูลเหตุจูงใจอื่นด้วย เช่น ความแค้นส่วนตัวอีกบางประการที่มีแรงขับดันมากพอให้กระทำกับนายเอกยุทธอย่างอุกอาจ โหดร้ายทารุณ 


3.ฆ่าด้วยมูลเหตุทางการเมืองหรือความแค้นเรื่องอื่น แล้วมีการจัดฉากอุ้มฆ่าโดยกลุ่มคนมีสี โดย นายสันติภาพ เพ็งด้วง คนขับรถประจำตัวของนายเอกยุทธ มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จนอาจตกเป็น "แพะ" (ไม่ว่าจะโดยเต็มใจหรือถูกลวง) หรือรับแผนให้เป็น "ตัวเปิด" เพื่อรับสารภาพแล้ว "ตัดตอน" กลุ่มผู้ก่อการที่เหลือ 


อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏผ่านสื่อจนถึงขณะนี้ ล้วนเป็นพยานหลักฐานที่เดินตามข้อสันนิษฐานของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และนายตำรวจระดับสูงที่ร่วมทำคดีว่าเป็นการฆ่าเพื่อหวังทรัพย์สินมากกว่าข้อสันนิษฐานอื่น แม้ว่าข้อมูลที่ออกจากปากผู้ต้องหาสำคัญ 2 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วงฆาตกรรม (นายสันติภาพ หรือ บอล เพ็งด้วง กับ นายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร) จะยังคงให้การในสาระสำคัญไม่ตรงกัน โดยเฉพาะใครคือคนลงมือฆ่าก็ตาม 


แต่นั่นก็เป็นเพียงคำให้การที่ขัดกันของผู้ต้องหาเพื่อหวังโยนความผิดให้อีกฝ่ายเป็นหลัก ไม่ได้ส่งผลทางคดีถึงขั้นข้อเท็จจริงสำคัญเปลี่ยน (แต่ผลทางคดีอาจเปลี่ยนในชั้นศาลได้เหมือนกัน) 


แต่ถึงกระนั้น ในรายละเอียดหรือระหว่างบรรทัดของคำให้การของผู้ต้องหา วิธีการทำคดีของตำรวจ และท่าทีของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ยังคงเต็มไปด้วยข้อสงสัยและค้างคาใจผู้คนในสังคม บางเรื่องอาจพอมีคำอธิบายบ้างแล้ว แต่บางเรื่องก็ยังเป็นปริศนามืดดำ 


"กรุงเทพธุรกิจ" ประมวลประเด็นต่างๆ มานำเสนอเพื่อให้เห็นภาพ ดังนี้ 


1.ที่มาของนายสันติภาพที่เข้าไปทำงานเป็นคนขับรถประจำตัวให้กับนายเอกยุทธ เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน แต่เมื่อเข้าไปทำงานได้เพียงไม่กี่เดือนก็คิดวางแผนและลงมือก่อเหตุง่ายๆ เสียอย่างนั้น เขามีมูลเหตุจูงใจหรือแรงขับดันอื่นอีกหรือไม่ นอกจากเรื่องชิงทรัพย์และแก้แค้นให้กับ "กิ๊กสาว" ที่ถูกนายเอกยุทธไล่ออกจากงาน 


2.หญิงสาวที่ถูกระบุว่าเป็นมูลเหตุหนึ่งซึ่งทำให้นายสันติภาพต้องอุ้มฆ่านายเอกยุทธ ซึ่งตัวนายเอกยุทธก็รู้จักด้วยนั้น ตั้งแต่เกิดคดีหล่อนหายไปไหน กิ๊กกับนายสันติภาพจริงหรือไม่ เหตุใดจึงไม่มีการนำตัวมาสอบปากคำเพื่อความชัดเจน (หรือสอบแล้วแต่ไม่เป็นข่าว) 


3.นายสันติภาพอ้างว่าต้องการฆ่านายเอกยุทธเพื่อชิงทรัพย์ แต่ได้เข้าไปในบ้านนายเอกยุทธกลับไม่หยิบฉวยทรัพย์สินมีค่าไปเลย เมื่อได้เงินสดไปก็นำไปฝังดิน ส่วนทรัพย์สินอื่นที่ติดตัวนายเอกยุทธ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา สร้อยคอ พระเครื่อง กลับนำไปโยนทิ้งน้ำ (ทั้งๆ ที่ฝังดินไว้ด้วยกันกับเงิน รอเวลานำไปปล่อยก็ได้) 


เช่นเดียวกับอาวุธปืนของนายเอกยุทธเองที่ทั้งนายสันติภาพ และนายสุทธิพงศ์ อ้างว่าใช้ขู่บังคับนายเอกยุทธ บัดนี้ปืนกระบอกนั้นอยู่ที่ไหน มีการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือและหลักฐานอื่นๆ ประกอบบ้างหรือไม่ 


4.กล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่บ้านของนายเอกยุทธ ตำรวจยังติดตามกลับมาไม่ได้ แม้ผู้ต้องหาอ้างว่าทำลายไปแล้ว แต่ชิ้นส่วนของการทำลายอยู่ที่ไหน เซิฟเวอร์ที่ว่าใช้เก็บข้อมูลภาพถูกทำลายไปด้วยหรือไม่ แล้วทำไมนายสันติภาพจึงรอบคอบถึงขนาดต้องนำเซิฟเวอร์ไป จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความกระจ่าง ทั้งที่ประเด็นนี้เป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านนายเอกยุทธ 


5.น่าจะมีการทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพในรถยนต์คันที่เกิดเหตุด้วยว่า ความกว้างของรถขนาดนั้น ผู้ต้องหาสามารถปีนข้ามไปข้ามมาได้ดังที่ให้การจริงหรือ 


6.การบังคับให้นายเอกยุทธสั่งจ่ายเช็ค 3 ใบ ใบละไม่ถึง 2 ล้านบาทเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ เป็นความคิดของนายสันติภาพเองหรือไม่ น่าจะสอบลึกลงไปถึงเหตุผลในส่วนนี้ 


7.สภาพศพที่นายสุทธิพงศ์อ้างว่าเห็นนายเอกยุทธในสภาพลิ้นจุกปากหลังถูกนายสันติภาพสังหาร ศพที่ถูกบีบคอจะอยู่ในสภาพลิ้นจุกปากทันทีที่ตายหรือไม่ 


8.ข่าวจากสื่อระบุไม่ตรงกันนักเกี่ยวกับอายุของนายสันติภาพ กับนายสุทธิพงศ์ บ้างก็ว่า 23 ปี กับ 28 ปี บ้างก็ว่า 25 ปี กับ 27 ปี แต่ทั้งสองคนนี้มีช่องว่างระหว่างวัยแน่ ทว่าจากคำให้การของนายสุทธิพงศ์บอกว่าเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนมัธยม หากนายสันติภาพอายุ 23 ปี และนายสุทธิพงศ์อายุ 28 ปี จะมีความเป็นไปได้แค่ไหนที่ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันสมัยเรียนหนังสือ 


9.ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนั่งรถกับศพไปถึง จ.พัทลุง เลยหรือ ซ้ำนายสุทธิพงศ์ยังอ้างว่า นายสันติภาพสั่งให้เอาเชือกรองเท้ารัดคอศพด้วย สภาพดังกล่าวจะไม่เป็นพิรุธมากขึ้นไปอีกหรือหากรถต้องผ่านด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ 


10.เหตุใดต้องถอดเสื้อผ้านายเอกยุทธออกก่อนนำศพไปฝัง ประเด็นนี้แพทย์นิติเวชระบุชัดว่า เสื้อผ้าและอาหารในกระเพาะอาหารของผู้ตายไม่ได้ทำให้ศพเน่าเปื่อยเร็วขึ้น แต่การถอดเสื้อผ้าออกน่าจะทำให้ยากต่อการระบุตัวบุคคลหากมีใครมาพบศพ และอาจเป็นการทำลายเสื้อผ้าเพื่อทำลายหลักฐานลายนิ้วมือ เหงื่อ และน้ำลายของคนร้ายหากมีการต่อสู้กัน แต่คำถามคือเสื้อผ้าเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหน หากทำล้ายทิ้งแล้ว ทำลายที่ไหน ด้วยวิธีใด 


สองแนวคิดที่ยังถกเถียงกันและหาข้อสรุปไม่ได้ก็คือ พิรุธมากขนาดนี้ น่าจะมีเบื้องหลังในลักษณะอุ้มฆ่าจากผู้มีอิทธิพลแน่ แต่อีกฝ่ายที่ไม่เชื่อก็ตั้งข้อสังเกตโต้แย้งกลับมาว่า หากเป็นการอุ้มฆ่าจริง เหตุใดจึงปล่อยให้พบศพ ทั้งๆ ที่สามารถทำลายได้แบบไม่เหลือซาก และเหตุใดจึงปล่อยให้มีผู้เกี่ยวข้องมากมาย อย่างน้อยๆ ผู้ต้องหาที่เป็นตัวเปิดก็มีถึง 4 คน อาจมีรายการ "แฉแต่เช้า" เข้าสักวัน และไม่สามารถคุมทิศทางของเหตุการณ์ได้เลย 


ข้อคิดของคดีนี้มีอยู่ 2 ประการ คือ 


1.ปัญหาของกระบวนการยุติธรรมลำดับต้นที่ให้ตำรวจจับเอง สอบสวนเอง ตรวจพิสูจน์หลักฐาน กระทั่งผ่าศพเอง (โดยนิติเวชตำรวจ) ทำให้การทำงานถูกตั้งคำถาม เพราะไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุลจากหน่วยอื่นเลย โดยเฉพาะหน่วยตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สมควรอย่างยิ่งต้องเป็น "องค์กรอิสระ" ปลอดจากอำนาจการเมืองและตำรวจ 


มิฉะนั้นก็จะซ้ำรอยคดีลูกนักการเมืองก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ในสถานบันเทิง เมื่อไปถึงชั้นศาล ปรากฏว่าพยานฝ่ายโจทก์ให้การขัดกับผลตรวจร่องรอยบาดแผลของเจ้าหน้าที่ผู้ตายซึ่งตรวจโดยกองพิสูจน์หลักฐาน และเป็นหลักฐานของฝ่ายโจทก์เหมือนกัน แต่กลับขัดกัน สุดท้ายลูกนักการเมืองหลุดเพราะศาลยกฟ้อง 


2.ปัญหาการทำงานของตำรวจ โดยเฉพาะฝ่ายสืบสวนที่ไม่ได้ปฏิบติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีความเป็นไปได้สูงที่มีการคุมตัวผู้ต้องหาบางรายมาเก็บไว้ก่อนโดยไม่ได้เปิดเผย และไม่แน่ว่าผู้ต้องหาได้เข้าถึงทนายกับมีคนที่ผู้ต้องหาไว้ใจเข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำเบื้องต้นด้วยหรือไม่ ทำให้เกิดข้อครหาว่าอาจเก็บตัวไว้เพื่อซักซ้อมคำให้การก่อน 


นอกจากนั้น ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของผู้ต้องหา ภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และพยานหลักฐานแวดล้อมอื่นๆ อยู่ในมือตำรวจชุดจับกุมทั้งหมดโดยไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ และไม่มีกระบวนการตรวจสอบว่าพยานหลักฐานเหล่านั้นถูกนำไปใส่ไว้ในสำนวนคดีด้วยหรือไม่ ซึ่งหากเป็นหลักฐานสำคัญย่อมส่งผลต่อรูปคดีอย่างมาก 


ต้องยอมรับว่าตำรวจบางนายที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มีประวัติไม่ค่อยสวยงามนัก การทำคดีอย่างโปร่งใส นำพยานหลักฐานต่างๆ เท่าที่เปิดเผยได้มาอธิบายกับสังคมเพื่อคลายข้อข้องใจ นอกจากจะช่วยยืนยันน้ำหนักและทิศทางของคดีแล้ว ยังจะส่งผลดีต่อภาพพจน์ของนายตำรวจที่เกี่ยวข้องด้วย 


ที่สำคัญ ผู้ตายคือศัตรูเบอร์ 1 ของรัฐบาลที่กำลังครองอำนาจอยู่ในปัจจุบัน การปล่อยให้ความคลุมเครือดำรงอยู่ต่อไปย่อมไม่ดีแน่ เพราะแม้แต่โพลล์ล่าสุดยังมีประชาชนถึง 42% ที่มองว่าคดีนี้มีเงื่อนงำมากกว่าที่ปรากฏ 


บรรยากาศและความไม่ชัดเจนเช่นนี้มีแต่จะซ้ำเติมให้สถานการณ์ความขัดแย้งแตกแยกในบ้านเมืองขยายวงกว้างออกไป และเป็นเสมือนใบอนุญาตให้แต่ละฝ่ายใช้ความรุนแรงหนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม!




#749167 พี่น้องนึกถึงคดีนี้ใหม..

โดย พระฤๅษี on 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 11:52

>>> ก็นั่นแหละ  ผมจึง สงสัยไง ว่า ถอดเสื้อผ้าทำไม ?

...เสื้อผ้าอยู่ที่ไหน.?? ไอ้ภาพ  ..ยังพูดไม่หมด..ก็รีบ

...สรุป สำนวน.ทนายสุวัตน์..คงรู้เรื่องเหล่านี้ดี.แต่เมื่อ

...ญาติ นิ่งเฉย..ทนายก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก.นี่แหละ

...ข้อจำกัด.ของคดีนี้.....

>>> ส่วนว่า ข้อสงสัย  มีมากมาย ใคร ๆ ก็รู้ ว่ามันเกิด-

...อะไรขึ้น....ไม่มีใครเชื่อถือหรอก. ทั้งรองฯเหลิม ทั้ง-

...รนวิด...เพราะทั้งคู่  ประกาศตัวแล้ว ว่าเป็นคนของ

...นักโทษหนีคุก....เศร้า...




#748972 ท่าทาง.. แก๊งอุ้มการเมือง จะลำบากเสียแล้วล่ะครับงานนี้ ?..

โดย pglovethai on 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 08:58


ยิ่งอำมหิต ยิ่งอันธพาล ยิ่งถ่อย .. คนยิ่งจำ ยิ่งเกลียด และ ยิ่งโกรธ ..

เผด็จการป่าเถื่อน อุ้มฆ่า โหดร้ายกว่านี้ .. ในหลายๆประเทศ ที่มีรัฐบาลเผด็จการ เก่งกาจ มากอิทธพลมืดกว่านี้ ..

มันก็ ..ล่มสลายฉิบหายมาแล้ว และ .. ล่มสลาย เพราะกระแสคนทนไม่ไหว คนไม่ยอมก้มหัวยอมจำนน..

ที่เกิดอาการไม่กลัวตายรวมหมู่ ออกไปต่อสู้ร่วมกัน จำนวนเรือนแสน เรือนล้าน ..เพื่อขับไล่ รัฐบาลมารครองเมือง ทั้งนั้น !!..

คนไทย จะปล่อยให้ มาเฟีย *** ห่า และ โจรอันธพาล ครองเมือง บ้านเมืองจะอยู่กันไหวหรือ ??..

จากโกงจำนำข้าว มาฉาวต่อที่มัลดีฟส์ มาเกิดคดีอุ้มฆ่าอำมหิต มาปิดคดีอำมหิตด้วยฆ่าชิงทรัพย์ .. นี่นับว่าประเทศไทย ใกล้จุด กลียุค เข้าไปทุกทีทุกขณะ ยิ่งมาเจอ ม็อบอันธพาลแดง ระดมพล ไปเที่ยวอาละวาด ไล่ทุบตี ประชาชนชาวเชียงใหม่ ที่รวมพลังสวมหน้ากากขาว ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แบบป่าเถื่อนในวันนี้เข้าไปอีกเนี่ย ..

บ่องตง .. รัฐบาลผีอีเน่า เหม็นฉาวเนี่ย .. ใกล้วันอวสานเข้าไปทุกขณะแล้วล่ะ !!

อาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน นี้ .. เขาไม่กลัวกันหรอก ยังไงๆ เขาก็นัดชุมนุมทั่วประเทศแน่ๆ !!

ตอนนี้ มีหลากหลายกลุ่มประชาชน ออกมาเดินชนรัฐบาลชั่วมากขึ้น ตามข่าวเนี่ย พอผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญอุ้มฆ่าเอกยุทธ ไม่ทันไร ..กลุ่มไทยสปริง ของ แก้วสรร และ พล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร ก็ออกแถลงข่าว เปิด เพจไทยสปริง ใน facebook ระดมพลต่อต้านระบอบทักษิณกินเมือง ให้ลั่นโลกกันไปเลย แบบท้าทายไปเลยตรงๆว่า .. กูไม่กลัว*คุณ*..ไม่กลัวโดนอุ้มฆ่าแบบเอกยุทธ !!

แถมดูท่าจะจุดติดไวด้วย .. เพราะแถลงวันเดียว คนเข้าไป like ร่วมๆหมื่นไปแล้ว !!

อีกด้านหนึ่ง เกี่ยวกับคดีความ ทาง หมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่เพิ่งโดนเด้งไปก่อนเกิดเหตุการณ์ อุ้มฆ่าเอกยุทธ ไม่นาน .. เมื่อวาน และ วันนี้ก็ออกมาแสดงความคิดเห็น เสียงดังฟังชัดว่า ..คดีเอกยุทธนั้น มันเป็น ฆาตกรรมอำพราง ตำรวจรีบปิดคดี เจ้าหน้าที่ชันสูตร พิสูจน์หลักฐาน เก็บหลักฐาน ไม่ละเอียด..มันมีขั้นตอนการทำงานที่น่าสงสัยเต็มไปหมด โดยเฉพาะ ขั้นตอนการเก็บหลักฐาน เก็บศพ เพราะ ตำรวจ สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่กลับไม่ทำ ..

มันตอกย้ำให้เห็นชัดเจนว่า คดีนี้มันมีเงื่อนงำจริงๆ เพราะผู้เชี่ยวชาญที่ชาวบ้านทั่วประเทศไว้วางใจ อย่าง หมอพรทิพย์ มองแว้บเดียวก็รู้แล้วว่า คดีเอกยุทธนั้น เข้าอีหรอบเดียวกันกับ ทนายสมชาย นีละไพจิตร เป๊ะ .. คือ ตำรวจ และ รัฐบาล ตั้งใจทำลาย และ มองข้าม พยาน หลักฐานสำคัญๆ อย่างไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว ..เพื่ออำพรางคดี !!

ทางฝ่าย กรรมการสิทธิมนุษยชน วันนี้ก็ออกโรงเตรียมประชุม เพื่อตั้งคณะกรรมการเข้าไปร่วมติดตามตรวจสอบ คดีการเสียชีวิตของเอกยุทธ แม้หลายฝ่ายจะมองว่า คดีเอกยุทธ อาจจะเดินรอยเดียวกันกับคดีทนายสมชาย ที่ท้ายสุด เอาผิดคนบงการไม่ได้..แต่การที่กรรมการสิทธิมนุษยชน เข้ามาสนใจคดีนี้ ก็ทำให้เห็นแล้วว่า อนาคต คดีอุ้มฆ่าเอกยุทธ ไม่จบแค่ ลมปากฆ่าชิงทรัพย์ ของ เหลิม แจ๊ส และ อดุลย์ แห่ง สตช. แน่นอน !!

ยุคนี้มันยุคดิจิตอล กรรมมันมาไว เพราะข่าวสารมันไวทันกรรมไม่เหมือนยุคสมัยทนายสมชาย โดนอุ้มหาย ที่ข้อมูลข่าวสารมันโดนปิดเอาไว้เงียบอยู่นาน จากรัฐบาลทักษิณ และ พวกสื่อขี้ข้า รวมถึงพวกตำรวจไพร่สีกากี ..

สมัยนั้นกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ผ่านไปตั้งนาน ต่างกันกับ คดีเอกยุทธ ที่คนสนใจมากล้นเพียงชั่วข้ามคืน โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ที่ดังกระหึมต่อเนื่อง จนคนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นั่งก้นไม่ติด หลายๆคนที่มีชื่อถูกพาดพิง ต่างวิ่งแก้ตัวกันพัลวัน บางคนเคยนั่งมาดนิ่ง เงียบเฉียบ เย็นเยียบปานน้ำแข็ง ก็ยังต้องมาออกแรงแก่แก้ข่าวกันระนาว ..

ดังนั้น นี่มันคือ นิมิตรหมายอันดี ที่ชี้ชัดว่า คดีเอกยุทธ ยังไงๆก็จะไม่พบปลายทางอันมืดมนเหมือนคดีทนายสมชาย แน่นอน..

ดีไม่ดี อาจจะกลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ ที่นำไปสู่การล้างบาง อันธพาล มาเฟียอุ้มฆ่า ..

และ รัฐตำรวจ ของ รัฐบาลเผด็จการ.. โคตรชั่ว ..

ที่ชั่วยกโคตรได้ !!


วินเซนต์ 14 มิถุนายน 2556



#749130 เราจะแสดงให้รู้ไว้ ว่าคนที่นี่ไม่โง่!! ไอ้2ตัวนั้นมันไม่ใช่คนฆ่าเอกยุ...

โดย จูกัดขงเบ้ง on 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 11:31

วันนี้ก็ผ่านมาได้เกือบอาทิตย์แล้ว

คดีฆ่าเอกยุทธ พิรุธเพียบ จากกระทู้ที่ตั้งกันมาหลายกระทู้

ทีมสืบสวนสอบสวนของเสรีไทย ติดตามกันมาแลกเปลี่ยนกัน

จนทำให้ผมสามารถพอที่จะสรุป Crime Scene รอบสองได้ชัดเจนขึ้น

รอบสองนี้บอกตามตรงว่า ได้จากทีมเสรีไทยมากมายจริงๆ แต่อีกส่วนก็ได้จากพฤติกรรมของตำรวจด้วย

ก็เลยพอจะสรุปบทที่ 2 ได้ดังนี้

 

1. ไอ้เบิ้มกับไอ้บอลไม่ใช่คนฆ่าเลย ทั้งคู่ ดูกันง่ายๆ เวลานี้ ตำรวจทำสำนวนตามคำรับสารภาพเท่านั้น

    ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันได้เลยว่ามันทั้ง 2 คนเป็นคนฆ่า ถ้าขึ้นศาลแล้วทั้งคู่กลับคำให้การ ก็หลุด

    เต็มที่ก็โดนคดีซ่อนเร้นอำพรางศพเท่านั้น ที่สำคัญคือ ให้การขัดแย้งกันเองอีก

2. ไอ้เบิ้มบอกว่าขับรถไม่เป็น อันนี้เราจะไม่พูดเพราะเรารู้ว่ามีการหาข่าวหากระแสกันอยู่เพื่อจัดการปรับสคริปต์

3. พวกนี้เอาเงิน 5 ล้าน แต่ กลับทิ้ง สมบัติลงแม่น้ำ แถมไอโฟน 5 ดันไปโผล่ที่เยาวราช

 

เวลานี้ ญาติเขากลัว เขาก็เลิกแล้ว ไม่ติดใจอะไรอีก

เราเองคนร่วมอุดมการณ์ก็ช่วยเปิดโปงเท่าที่ทำได้

เวลานี้ มันมีพิรุธมากจนแก้ไม่ไหวแล้ว เราก็จะหยุดเหมือนกัน

แต่ก่อนหยุด เราจะฝากฝีมือการ เดา แผนของพวกมันไว้ เพื่อฝากให้รู้กันไว้ว่า พวกกุไม่ใช่ควาย!!!

 

แผนที่เราจับได้ก็คือ!!!

 

1. ทีมนี้มีทั้งหมด 2 ทีม

               ทีม 1  เป็นทีมฆ่า ซึ่งจะต้องใช้คนที่ชำนาญและรักษาความลับได้ ซึ่งถ้าเราเป็นผู้เลือกระหว่างสีกากี กับ สีเขียว

                                         เราจะเลือก สีกากี เพราะสีเขียว มีผบ.ทบ.ที่เป็นฝ่ายอำมาตย์มา ยังวางใจไม่ได้

               ทีม 2 ทีมฝัง ล่อหลอก และ แพะ

                                         เพื่อให้ตัดความสนใจออกจากทีมหนึ่งให้เด็ดขาด ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

                                         ยังไงก็ไม่มีทางลากมาพัวพันถึงทีม 1 ได้เด็ดขาด

                                         เพราะ สปอตไลท์และความสนใจ จะจับอยู่ที่ความเคลื่อนไหวของทีม 2 เป็นหลัก

                                 

      ทีมที่ 1 วางแผน ทีมที่ 2 เอาแผนมาปรับเพื่อเบียงเบนความสนใจ

 

      นั่นจึงเป็นที่มาของการที่ ทำไม ไอ้บอลมันถึงต้องขับรถเอกยุทธ เข้ามากรุงเทพ เพื่อให้โดนจับตัวได้ที่กรุงเทพ

      ประเด็นนี้ จนถึงวันโลกแตก ก็ไม่มีวันที่ท่านผู้ทำคดีทั้งหลายจะแก้ออก

 

2. คืนวันนั้น ทีมฆ่าขึ้นรถเอกยุทธ์จริง แต่ไม่มีใครนั่งข้างหน้าเลย อยู่ด้านหลังทั้งหมด

    ล็อคตัวเอกยุทธ์ได้ แล้วก็พาไปที่บ้าน จะเอาอะไรก็ตามแต่

    ตอนนั้น รถคันที่ 2 เข้ามา เพื่อที่จะรับทั้งทีมฆ่า และ เอกยุทธ์ขึ้นอีกคันนึง เพื่อไปบ้านพี่สาวไอ้บอล

    ส่วนรถไอ้บอล เป็นรถนำขบวนเพื่อเช็คด่าน

         ดึงเซอร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดหน้าบ้านเพื่อจะไม่ให้เห็นตอนขนเอกยุทธขึ้นรถอีกคันนึง

         อย่างน้อยก็ไม่ให้เห็นว่ามีรถอีกคันเข้ามาจอดด้านหลังบ้าน

 

3. รถทีมฆ่า และ รถเอกยุทธ ไปที่สนามบิน จอดหน้าประตู 8 แต่ไอ้บอลลงมารับเช็คที่ประตู 7

    บนรถเอกยุทธ ที่ประตู 8 ไม่มีเอกยุทธและใครทั้งสิ้น ไอ้บอลขับรถออกมาส่งสมุดเช็คให้กับทีม ฆ่า

   ที่ขับวนในสนามบิน หรือจอดอยู่ที่เปลี่ยวใกล้ๆนั้น เสร็จแล้วไอ้บอล ก็วนรถกลับมาส่งเช็คให้อีกทีนึง

 

4. ไอ้บอลรับเงิน แล้ว ส่งสัญญาณถึงทีมฆ่า

     ทีมฆ่าจัดการเรียบร้อยแล้ว ขับรถมาจอดที่จุดนัดพบ ลงจากรถแยกย้ายกันหลบหนี

     โดยไอ้เบิ้ม รับช่วงขับรถที่ในรถมีศพเอกยุทธอยู่ท้ายรถ ขับตามรถเอกยุทธที่ไอ้บอลขับนำเพื่อเช็คด่าน

 

5. ไอ้บอลเฝ้าต้นทาง ไอ้เบิ้มกับเพื่อนอีก 2 คนช่วยกันฝังศพ

     คำสั่งคือ มีกระดุม 3 เม็ด กับเชือกผูกรองเท้า ฝังลงไปด้วย และแก้ผ้าเอกยุทธให้หมด

     จากนั้นจัดฉาก เอารถไปล้าง เอารองเท้าเปื้อนโคลน เอาแหวนเอกยุทธ พร้อมทั้งจดหมาย

     มาใส่ไว้ในรถ แล้วไอ้บอลก็ขับขึ้นมากรุงเทพเพียงลำพัง

     ทั้งๆที่วันที 9 ถึงเช้าวันที่ 10 ข่าวออกครึกโครมมาก มันก็ต้องขับขึ้นมา เพราะเป็นแผน

 

    คนที่ฉลาดและกังวลถึงกล้องวงจรปิด จนกระทั่งต้องหาทางถอดเซอร์ฟเวอร์ ก่อนออกจากบ้านเอกยุทธ

    จะโง่ถึงขนาดไม่กังวลถึงกล้องวงจรปิดตามทางหลวงและแยกที่จะจับภาพตัวเองได้เลยหรือ

     สนามบิน ก็กล้องวงจรปิดเพียบ ทำไมไม่กลัวล่ะ

     ก็เพราะไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ไอ้บอลจะถูกจับในสภาพ ขับรถคนเดียวกับรถเปล่าๆ 1 คัน และพล็อตจะเป็นอีกพล็อตนึง

     เช่นถ้าถูกจับตอนรับส่งเช็ค ก็จะบอกว่า นายให้มาเอา แต่ไม่รู้นายหายไปไหนแล้ว ตรงนี้จะแก้ตัวง่ายกว่าเยอะ

 

     ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เกิดขึ้น มันบ่งชี้ว่า มีการวางพล็อตให้ผู้ติดตาม โดยเฉพาะพวกเรา สนใจตามอยู่แล้ว

     ว่าไปที่ไหนยังไง

     แต่จริงๆแล้ว มันเป็นรถนำเท่านั้น ไม่มีอะไรเลย

     ไอ้เบิ้มว่าไอ้บอลบีบคอจนตาย  ไอ้บอลว่าไอ้เบิ้มใช้เชือกรัดคอจนตาย

     สรุปแล้ว ทั้งคู่ไม่มีใครฆ่าหรอก หลักฐานไม่มีซักอย่างที่จะมัดว่าเป็นพวกมันฆ่า ไม่มีใครเห็น มีแต่คำให้การ

     สำนวนคดีอย่างนี้ เบาโหวง หลุดแน่ๆ ได้อย่างเดียวคือซ่อนเร้นอำพรางศพ

     แล้วรับงานรับหน้าที่เป็น แพะอยู่แล้ว คือถ้ารอด กระแสไม่แรงก็จบไว ปัญหาคือคนเขาไม่เชื่อไอ้บอลวันที่แถลงข่าว

     ก็เลยสร้างพล็อตเอกยุทธหนีไปเองไม่ได้ เจอทนายสุวัตร ก็เลยต้องส่งสัญญาณใช้แผน 2 คือ แผนแพะ ทั้งทีมเข้าฉาก

 

             เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ก็คงต้องยอมรับ

             สำนวนมันออกมาแบบนี้ คือสุดท้ายทีมแพะ ก็โดนข้อหาเบา ไม่หนัก ติดคุกไม่กี่ปีก็ออกมา พร้อมกับที่คนลืมกันไปแล้ว

            

 

    คดีนี้ คงจะสื่อไปถึงหลายส่วน ทั้งเสื้อแดงที่ฮึ่มๆจะตีตัวออกห่าง กับ เสื้อหลากสีที่ฮึ่มๆจะต้านนิรโทษกรรมกับแก้รัฐธรรมนูญ

    เฉลิมถึงกับออกมาว่า นักเรียกร้องทั้งหลายดูไว้ เวลาพวกคุณตายแล้วพวกผมลำบาก อย่าตายเลยขอร้อง

 

                   คุณงามความดีจากกระทู้ที่ผมตั้งมา ขออุทิศให้กับเอกยุทธ

                   คุณไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก ก็ไม่ต่างจากผม

                   แต่คุณกล้าชนกับพวกมัน จนคุณต้องตาย ขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคติเถิด

                               




#747124 รวมพิรุธคดี ฆาตกรรมเอกยุทธ์

โดย วันดี on 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 15:38

อันนี้มีผู้วิเคราะห์ไว้น่าสนใจ เลยนำมาให้เพื่อนๆอ่าน มารวมไว้ที่นี่ ^^

 

1. ทีมอุ้มฆ่า มีประมาณ 4-5 คน
ข้อมูลในส่วนนี้มาจากการประมวลคำให้การของเลขานุการของนายเอกยุทธ และนายสันติภาพเอง
- 6 มิถุนายน เวลาประมาณ 23.00น. ออกจากร้านอาหารครัวกระแต
- 7 มิถุนายน เวลาประมาณ 3.00 น. ทีมอุ้มฆ่าออกจากบ้านพักนายเอกยุทธ
- 7 มิถุนายน ประมาณ 9.00 น. นายสันติภาพไปรับเช็คที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตู 8
- 7 มิถุนายน ประมาณ 13.00 น. นายสันติภาพรับเงินสดที่ประตู 8 แล้วขับรถตู้โฟล์คออกจากสนามบิน
เหตุการณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตอนสายของวันที่ 7 มิถุนายน เมื่อพี่สาวนายเอกยุทธใช้ให้เลขานุการนของนายเอกยุทธนำเช็คไปให้นายเอกยุทธเซ็น เลขานุการกล่าวว่า
- ที่สนามบิน เห็นรถตู้โฟล์คที่นายเอกยุทธใช้อยู่จอดอยู่บริเวณประตู 7 ส่วนนายสันติภาพยืนรออยู่ที่ประตู 8 โดยไม่พบนายเอกยุทธ
- นายสันติภาพได้บอกกับเลขานุการว่า นายเอกยุทธกำลังคุยกับเพื่อนที่กำลังจะเดินทางไปสิงคโปร์อยู่ภายในสนามบิน
- นายสันติภาพบอกให้เลขานุการคอยอยู่ประมาณ 45 นาที เพื่อนำเช็คไปให้นายเอกยุทธเซ็น
- กล้องวงจรปิดของสนามบินสุวรรณภูมิไม่พบภาพนายเอกยุทธ และไม่พบข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศของนายเอกยุทธ
- เลขานุการบอกว่า นายสันติภาพจะรออยู่ที่ประตู 8 เพื่อรับเงิน แล้วขับรถตู้คันดังกล่าวออกไป โดยไม่พบนายเอกยุทธ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลตรงนี้ชี้ให้เห็นว่า
- ในช่วงเวลาดังกล่าว นายเอกยุทธ ต้องอยู่ที่สนามบิน เพื่อเซ็นเช็ค
- นายเอกยุทธไม่ได้อยู่ในรถตู้ เพราะนายสันติภาพไม่ได้ถือเช็คเข้าไปในรถตู้ ซึ่งเลขานุการจะต้องเห็น และคงไม่ใช้เวลานานถึง 45 นาที
- นายเอกยุทธไม่ได้อยู่ในอาคารผู้โดยสาร เพราะกล้องวงจรปิดไม่พบภาพนายเอกยุทธ แต่อาจอยู่ส่วนอื่นของสนามบิน
- นายสันติภาพใช้เวลา 45 นาที รับเช็คจากเลขานุการไปให้นายเอกยุทธเซ็น แล้วนำกลับมาให้เลขานุการ

ดังนั้น ตลอดเวลาในช่วงนี้ เผยให้เห็นว่า นายสันติภาพไม่ได้ลงมือเพียงลำพัง แต่มีทีมอุ้มฆ่าอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งคอยบอกว่าจะให้นายสันติภาพทำอะไร ซึ่งนายสันติภาพก็ร่วมมือด้วยอย่างเต็มใจ และทีมดังกล่าวนี้ คือ ทีมสังหารที่แท้จริง

ระหว่างที่นายสันติภาพ ถือเช็คไปให้นายเอกยุทธเซ็น จะต้องมีทีมหนึ่งที่คุมตัวนายเอกยุทธไว้ ซึ่งไม่ได้อยู่ภายในอาคารที่พักผู้โดยสาร เพราะเสี่ยงทั้งต่อการหลบหนีของนายเอกยุทธ และเสี่ยงต่อความล้มเหลวในการควบคุมสถานการณ์ของทีมฆ่า การนำตัวนายเอกยุทธไปสู่ที่ที่มีคนพลุกพล่าน ไม่ใช่วิธีคิดที่ถูกต้อง
นายเอกยุทธจะต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในรถอีกคันหนึ่ง ที่จอดอยู่ในบริเวณที่ห่างจากประตู 8 (อาจจะเป็นชั้นเดียวกัน หรือต่างชั้นกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับกล้องที่สนามบินว่านายสันติภาพเดินไปไหน เดินไปพบใครหรือไม่) จุดที่นายสันติภาพใช้เวลาเดินเพื่อนำเช็คไปให้นายเอกยุทธเซ็น และเดินกลับมาประมาณ 45 นาที นอกจากนี้ ตลอดเวลาที่นายสันติภาพติดต่อกับเลขานุการเพื่อรับเช็ค และรับเงิน จะต้องมีอีกทีมหนึ่งที่จอดรถซุ้มจับจ้องดูเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่า สถานการณ์เป็นไปอย่างราบรื่น
ดังนั้น ทีมอุ้มฆ่าจะต้องมีประมาณ 4-5 คน คือส่วนที่ควบคุมตัวนายเอกยุทธ และส่วนที่ซุ้มดูสถานการณ์ แต่ไม่น่าจะมีส่วนที่ตามประกบนายสันติภาพ เพราะนายสันติภาพร่วมมือเป็นอย่างดีในฐานะทีมที่ 2 (ทีมลวงว่า ฆ่าประสงค์ต่อทรัพย์) และจากการใช้บ้านพี่สาว (จิราภา) ย่านลาดกระบังเป็นที่พักในวันที่ 9 มิถุนายน และการยินยอมให้ตำรวจจับตัวที่สมุทรสาครในวันที่ 10 มิถุนายน อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่า อาจมีทีมอื่นทำหน้าที่อื่นอีก แต่ไม่มีข้อมูลในส่วนนี้มากพอ

2. รถตู้โฟล์ค ไม่ใช่รถคันเดียวที่ใช้ในการก่อเหตุในคดีนี้
เนื่องจากทีมสังหารต้องใช้รถในการเดินทาง รวมถึงอาจต้องสับเปลี่ยนรถให้นายเอกยุทธในบางเวลา เช่น ตอนรับเช็คที่สนามบิน ทีมสังหารจะไม่ยอมให้นายเอกยุทธเดินลงมาจากรถเด็ดขาด เพราะนายเอกยุทธอาจยอมเสี่ยงวิ่งหนี หรือสร้างสถานการณ์ให้ผู้คนในบริเวณนั้นสังเกตเห็นได้ตลอดเวลา การใช้รถตู้โฟล์คยังเสี่ยงต่อการทิ้งร่องรอยบางอย่างที่นำไปสู่การพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ หรือหากมีการต่อสู้ขัดขืน หรือนายเอกยุทธสร้างบาดแผลให้ตัวเอง ก็อาจจะใช้เป็นหลักฐานในทางนิติวิทยาศาสตร์ได้ทั้งสิ้น แม้ทีมสังหารอาจจะมั่นใจว่าสามารถทำลายสิ่งที่อาจจะกลายมาเป็นหลักฐานในภายหลัง ได้ตลอดเวลาก็ตาม และรถตู้โฟล์ค ก็ได้ขับผ่านด่านตรวจและสามารถจับภาพไว้ได้ เช่น ที่ บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี เวลา 10.30 น. ของวันที่ 8 มิถุนายน ซึ่งนายเอกยุทธ จะอยู่ในรถตู้ดังกล่าว หรือไม่ก็ได้ เพราะมีการใช้รถมากกว่า 1 คัน

3. ถูกรัดคอ อำมหิตเกินกว่าฝีมือของนายสันติภาพ
ความคิดที่ว่า อย่าให้เลือดตกนองพื้น แล้วหันมาใช้การรัดคอด้วยวัสดุบางอย่าง ซึ่งทำให้ลิ้นจุกปาก ตาถลนนั้น เป็นฝีมือของคนที่มีความเลือดเย็น อำมหิต เกินกว่าจะเป็นฝีมือของเด็กหนุ่มอายุ 24 ปี ที่แม้จะมีประวัติในคดีกรรโชกทรัพย์มาแล้วก็ตาม เพราะนายสันติภาพสามารถใช้อาวุธปืนปลิดชีพนายเอกยุทธได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องลงแรง แต่การฆ่ารัดคอ และตีด้วยของแข็ง เป็นการฆ่าที่ทิ้งร่องรอยน้อยที่สุด เพราะไม่มีวัตถุให้ติดตามตรวจสอบ ซึ่งการเลือกใช้วิธีนี้ ต้องผ่านการพินิจพิเคราะห์มาอย่างดี อันเกินวิสัยของนายสันติภาพ

4. จงใจเชือดไก่ให้ลิงดู

 

4.1 จับกุมได้ง่าย
ขณะนี้ รูปคดีสามารถจับกุมผู้ต้องหาส่วนใหญ่ได้อย่าง่ายดาย แม้จะมีอีกส่วนหนึ่งที่สังคมคิดว่า ควรจะต้องถูกสอบสวนเพื่อความกระจ่าง การจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างง่ายดายนี้เอง เป็นสิ่งที่สวนทางกับพฤติการณ์แวดล้อมในคืนวันที่ 6 มิถุนายน และวันที่ 7 มิถุนายน ซึ่งนายสันติภาพไม่อาจลงมือกระทำการเพียงลำพังได้อย่างแน่นอน พิรุธต่าง ๆ ที่เผยตัวออกมาให้เห็น แสดงให้เห็นว่า การอุ้มฆ่าในครั้งนี้ มิได้เจตนาจะปกปิดหลักฐานทั้งหมดแต่อย่างใด แต่เลือกปิดหลักฐานบางอย่างเพื่อไม่ให้สาวไปถึงผู้กระทำผิดตัวจริง และผู้บงการเท่านั้น

 

4.2 การพบศพ กับการอุ้มหายเงียบ แตกต่างกัน
หากนายเอกยุทธถูกอุ้มหายไปเงียบ โดยไม่พบศพ แม้นานไป จะน่าเชื่อว่าผู้ถูกอุ้มไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่การพบศพ จะเป็นการแสดงหลักฐานให้เห็นว่านายเอกยุทธตายจริง ซึ่งเป็นการสื่อสารบางอย่าง

 

4.3 สภาพศพเปลือยอุจาด
สภาพศพนายเอกยุทธที่ถูกถอดเสื้อผ้าออก หากเป็นนายสันติภาพ ลงมือฆ่า จะไม่พิถีพิถันเรื่องการทำลายศพ ซึ่งไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าออก แต่การถอดเสื้อผ้าออกนี้ อาจมีจุดประสงค์บางอย่าง เช่น ต้องการให้เกิดความอุจาด เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างว่า แม้แต่ผู้มีชื่อเสียงอย่างนายเอกยุทธ ก็ต้องตายด้วยสภาพที่น่าสังเวช สภาพศพอุจาด ย่อมสร้างความหวาดกลัวได้มากกว่า การสังหารในครั้งนี้ เป็นการจงใจเชือดไก่ให้ลิงดู

5. ทีมสังหารไม่แตะเงิน มีการจ้างซ้อน
เป็นคำถามว่าทำไม นายสันติภาพจึงกำหนดวงเงินแค่ 5 ล้านบาท ทั้งที่ข่มขู่ได้มากกว่านั้น และเมื่อกระจายเงินออกไปให้เพื่อนนายสันติภาพ หากถูกจับกุมได้ ก็ต้องมีการติดตามเอาเงินนั้นคืนอยู่ดี หากติดตามไม่ได้ทั้งหมดก็ยิ่งย้ำชัดว่า ผู้ร่วมขบวนการไม่ได้มีแค่นี้ แต่เพราะเงินจะถูกติดตามได้ง่ายนั่นเอง จึงแสดงให้เห็นว่า นายสันติภาพถูกจ้างซ้อน รวมทั้งทีมสังหารด้วยเช่นกัน

6. นายเฉลิม และ ผบ.ตร. สรุปคดีอย่างง่ายดาย มีธงล่วงหน้า
โดย ผบ.ตร. ตอบผู้สื่อข่าวว่า คดีนี้ไม่มีเบื้องหลังทางการเมือง ส่วนนายเฉลิม กล่าวว่า "หลักฐานแค่นี้ เพียงพอแล้ว" ซึ่งเป็นการด่วนสรุป และมีธงชี้นำ ทั้งที่ยังสามารถสอบสวนพยานหลักฐานได้อีกมากมาย และหากนายเฉลิมเป็นญาติของผู้ตาย นายเฉลิมจะคิดง่าย ๆ ว่า หลักฐานแค่นี้ก็พอแล้ว หรือไม่ ? นายเฉลิมยังท้าทายอีกว่า หากมีหลักฐานให้นำมาแสดงให้ดู ท่าทีของผู้เกี่ยวข้องเหล่านี้ เป็นเรื่องที่น่ากังขาอย่างยิ่ง

 

ไม่มีอะไรที่ไม่ทิ้งร่องรอย

sc_p.gif   sc_m.gif