นมัสการพระคุณเจ้า และ สวัสดีครับ ทุกท่าน
โดย MOD_21 on 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 - 20:42
โดย HiddenMan on 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 - 20:09
ขออนุญาตประกาศบ้านพักชั่วคราวครับ... เผื่อบอร์ดปิดอีกรอบใครสนใจ PM มานะครับเป็น กลุ่ม FB
โดย HiddenMan on 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 - 20:10
โดย ไทยไม่ทน on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 21:12
ล้านชื่อต้านล้างผิด
Liked · 25 mins
วีรพัฒน์หน้าแตก ชมรม CUSEAF ยืนยันว่า นายวีรพัฒน์เป็นคนเสนอหน้ามาเอง แต่นายวีรพัฒน์ก็พยายามแถเป็นประมาณว่า เป็นการตัดสินใจร่วมกัน
วีรพัฒน์นึกว่าคนไทยโง่ อ่านภาษาอังกฤษไม่เป็น ขอร้องให้ทางชมรม CUSEAF ออกประกาศเพื่อยืนยันว่า " ไม่ได้ขอไปพูดที่นั่นเอง แต่ชมรมเป็นคนเชิญไป" ปรากฎว่าทางชมรม CUSEAF ออกประกาศ ยืนยันข้อเท็จจริงที่ตรงข้ามกับที่วีรพัฒน์พยายามตอแหล แต่ถึงกระนั้น วีรพัฒน์ก็เอามาบิดเบือน และแถไปว่า "เป็นการตัดสินใจร่วมกัน"
ข้อเท็จจริง " CUSEAF would like to clarify that both Mr. Verapat and CUSEAF mutually agree on the decision to invite Mr.Verapat to speak for CUSEAF. It is no way Mr. Verapat invited himself or forced CUSEAF to host this event. "
คำแปล ชมรม CUSEAF ต้องการสร้างความกระจ่างว่า ทั้งนายวีรพัฒน์ และชมรม CUSEAF ต่างตกลงตัดสินใจที่จะเชิญ นายวีรพัฒน์ มาเป็นผู้บรรยายให้กับชมรม CUSEAF ไม่มีทางที่นายวีรพัฒน์จะสามารถเชิญตัวเอง หรือไปบังคับให้ชมรมฯจัดงานได้
ประโยคนี้ชัดแล้วครับว่า นายวีรพัฒน์ เป็นคนไปล๊อบบี้ CUSEAF ให้เชิญตัวเองมาบรรยาย เพราะใช้คำว่า "ทั้งนายวีรพัฒน์ และชมรม CUSEAF ต่างตกลงตัดสินใจที่จะเชิญ นายวีรพัฒน์"
ถ้าเป็นไปอย่างที่นายวีรพัฒน์ตอแหลแล้ว ทางผู้เชิญต้องใช้คำว่า ชมรมเป็นคนเชิญ นายวีรพัฒน์มาเอง มิใช่ บอกว่าทั้งวีรพัฒน์และชมรมเป็นผู้เชิญ นายวีรพัฒน์มาเอง
แม้ว่าประโยคสุดท้ายชมรมฯพยายามช่วยนายวีรพัฒน์เต็มที่แต่ก็หนีความจริงไม่พ้น เพราะแน่นอนนายวีรพัฒน์จะเชิญตัวเองหรือจะไปบังคับให้ชมรมฯจัดงานไม่ได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ชมรมบอกก็คือ
นายวีรพัฒน์เป็นคนเสนอให้ชมรมเชิญนายวีรพัฒน์ไปพูด ซึ่งชมรมฯก็เห็นพ้องก็เลยทำหนังสือเชิญ
โดย Tatiana on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 15:27
Khonthai Rak Naai Luang
ตรงไปตรงมาดีทั้งสองฝ่าย
เป็นตัวแทนคนไทยบางกลุ่มได้เป็นอย่างดี
แยกชั่วดีให้ออกซะนะ
หยุดอ้างหลักการปกครองอย่างไร้ความเข้าใจจริงๆเถอะ ไม่เท่นักหรอก กลับกลายเป็นโชว์แนวคิดที่ไม่เข้าท่านะ คุณผู้กำกับ
โดย NongGrace on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 15:27
'อภิสิทธิ์'แนะจับตาศูนย์ปรองดอง หวั่นแปลงสภาพเป็นนิรโทษกรรม
วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557, 12.59 น.tags : อภิสิทธิ์, นิรโทษกรรม29 พ.ค. 57 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กระทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยนายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวทางการบริหารประเทศและนโยบายด้านความมั่นคงของ คสช. ว่า ตนยังไม่เห็นภาพชัด จนกว่าจะมีธรรมนูญการปกครองหรือรัฐธรรมนูญชั่วคราวให้เห็นโครงสร้างว่าใครจะ มาทำอะไร แต่สิ่งที่ดำเนินการไปแล้วบางเรื่องเป็นการตอบโจทย์เหตุการณ์เฉพาะหน้า เช่น การเร่งจ่ายเงินให้ชาวนาที่รอคอยเงินจากโครงการรับจำนำข้าวมานาน เป็นสิ่งที่สมควรทำ การใช้อำนาจเพื่อควบคุมสถานการณ์น่าจะอยู่ช่วงที่จะต้องมีการคลี่คลายโดย ลำดับ เพราะตนมองไม่เห็นว่าจะใช้อำนาจในลักษณะนี้ไปได้ยาวนาน จุดที่จะมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ น่าจะเป็นเรื่องของสื่อมวลชน กับสภาพความอึดอัดในเรื่องข้อมูลข่าวสาร“แต่ที่ต้องจับตาดูคือการตั้งศูนย์ปรองดอง ยังไม่ชัดเจนว่าตั้งโจทย์อย่างไร ผมยืนยันว่าถ้าตั้งโจทย์ว่าเป็นเรื่องการต่อรองผลประโยชน์ทุกฝ่ายจะเป็นการ ตั้งโจทย์ที่ผิด โดยเฉพาะที่ผ่านมาเอาคำว่าปรองดองมาใช้นำไปสู่การนิรโทษกรรม จะกลายเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น แต่ถ้าพยายามเอาแนวคิดของทุกฝ่ายที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมมาประสานก็จะเป็น ทางออกให้กับประเทศ” นายอภิสิทธิ์ กล่าวผู้สื่อข่าวถามว่า แถลงการณ์ยึดอำนาจของ คสช. ระบุว่าจะสร้างความชอบธรรมให้กับทุกพวกทุกฝ่ายจะนำไปสู่การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น และคิดว่าถ้าทำจะเป็นชนวนให้เกิดความวุ่นวาย การจะสร้างความชอบธรรมให้กับทุกฝ่าย คือการทำให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย รับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตน สีไหน หรือใครก็ตามต้องยอมรับที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนคิดว่า คสช.ไม่ควรลืมว่ามีหลายประเด็นที่เป็นการขับเคลื่อนของมวลชนก่อนหน้านี้ เช่น ปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ควรเป็นสิ่งแรก ๆ ในการปฏิรูปที่ทำให้เป็นรูปธรรมว่าจะทำให้ดีขึ้นอย่างไร เพราะมีข้อเสนอจากหลายฝ่ายอยู่แล้ว“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คำแถลงยึดอำนาจไม่พูดถึงเรื่องการทุจริต คอร์รัปชั่น แต่เป็นปัญหาที่อยู่ในใจคนมากที่สุดก่อนที่จะเกิดวิกฤตทางการเมือง พวกผมเป็นนักการเมืองกลุ่มแรกที่ยอมรับว่าประชาชนเสื่อมศรัทธาในตัวพรรคการ เมือง นักการเมือง เพราะฉะนั้น คสช.ต้องสร้างระบบการเมืองที่ดีกว่า ทำให้นักการเมือง พรรคการเมืองมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น ถ้าไปดำเนินการในลักษณะที่จะดึงพรรคการเมือง นักการเมืองเข้าไป ผมไม่แน่ใจว่าประชาชนจะยอมรับได้หรือไม่” นายอภิสิทธิ์ กล่าวเมื่อถามว่า คสช.มีอำนาจเต็มควรจะทำให้บ้านเมืองไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าต้องการให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ พูดถึงการปฏิรูป ก็ต้องทำให้เป็นรูปธรรม ส่วนทีมที่ปรึกษานั้นเป็นรายชื่อที่คาดการณ์ได้ว่าให้คำแนะนำ ปรึกษาได้ แต่การบริหารจริงไม่ได้อยู่ที่คณะที่ปรึกษา และกลไกยังพึ่ง คสช.กับข้าราชการอยู่ ตนคิดว่าบางเรื่องราชการทำงานได้ เช่น การบริหารจัดการปกติ ซึ่งอาจจะทำได้ดีถ้าไม่มีการเมืองหรือผลประโยชน์เข้าไปแทรกแซง แต่งานปฏิรูปต้องพึ่งภาคส่วนอื่นที่ไม่ใช่ราชการ เพราะการปฏิรูปที่ประชาชนคาดหวังคือการลดทอนอำนาจรัฐ จะพึ่งราชการกับ คสช.คิดเองคงไม่ง่ายถามต่อว่า คสช.มีอำนาจเต็มในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และมีอำนาจตุลาการบางคดีที่ไปขึ้นศาลทหาร การดำรงสถานะเช่นนี้ต่อไปนาน ๆ จะมีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ในดุลพินิจของแต่ละฝ่าย โดยสถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดเหมือนที่พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ เพราะคงบอกไม่ได้ว่ากี่วัน กี่สัปดาห์ แต่ถ้าดูว่าจะสงบเรียบร้อย เช่นขณะนี้ผู้นำมวลชนไม่ได้เคลื่อนไหวก็น่าจะเร็วได้ เพราะการอยู่ในสภาพอย่างนี้จะมีความอึดอัดสะสม โดยปัญหาจุดแรกน่าจะเป็นเรื่องสื่อสารมวลชนส่วนเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนคาดหวังคือการปฏิรูปให้ตำรวจใกล้ชิดประชาชนมากขึ้นไม่ใช่ทำ ให้องค์กรใหญ่ขึ้นหรือรวมศูนย์อำนาจมากขึ้น แต่ที่มีการเสนอเรื่องการตั้งกระทรวงตนก็สับสนเพราะมีการพูดว่าจะกระจาย อำนาจ แต่กลับเสนอเรื่องกระทรวง ทำให้สับสน เพราะการตั้งกระทรวงจะยิ่งทำให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงได้ง่ายขึ้น ความจริงคนที่เคยเสนอเรื่องปฏิรูปโครงสร้างตำรวจไว้ดีคือ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ซึ่งหากจะมีการปฏิรูปตำรวจควรหยิบแนวทางนี้ขึ้นมาพิจารณา
สิ่งที่ผมกลัวตรงนี้แหละ นิรโทษกรรม คงได้หยิบนกหวีดขึ้นมาเป่าอีกรอบ
ถึงตอนนี้ ผมก็ยังมั่นใจท่านประยุทธ ว่าศูนย์ปรองดองของท่านคงจะมียุทธวิธีที่ดี....
แต่ขออย่าให้มีการฮั้ว, การประนีประนอมผลประโยชน์แบบนักการเมืองเลยนะคร้าาาบ... สงสารประเทศเถอะ.
พี่มาร์คออกมาจี้แบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา
โดย itsorachai on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 15:13
อ้อ แล้วอีกอย่าง ที่ได้จากเหตุการณ์นี้ มันบ่งชี้แบบชัดๆแล้วนะครับ ว่า ..บุคคล แดนไกล.. ต้องการอะไร และเป้าหมาย คืออะไร ฉนั้นแล้ว ..บัตรผ่าน...ทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาอ่าน ที่เป็นฝ่ายที่สนับสนุนเขาผู้นั้น และผู้ที่เคลือบแคลงสงสัย ว่า ..คนแดนไกล.. ใช่ไม่ใช่ อ่านข่าวนี้แล้ว ..จงพิเคราะห์ในใจตนเถิด.. ..กลับมาเป็นคนไทย ที่มีหัวใจไท เถิด ....
โดย Redbuffalo010 on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:20
ถามหน่อยครับ ชัชชาติ ถูกปล่อยตัวหรือยังครับ
ทำไมไม่เห็นเป็นข่าว
ขนาดตู่ เต้น ธิดา ยังปล่อยตัวเลย
แต่ไม่มีข่าวคน ๆ นี้
ชั่ว ชัด ชััด ถูกปล่อยตัวตั้งแต่แรกแล้วค่ะ
แบบว่าไร้ราคา ถ้าเล่นกันแบบเด็กๆก็เรียกว่า ตัวแถม
แม่เกยอยู่ไหน???
ไม่เข้าใจนิ
ผมคนใต้ บ้านเดียวกับ "ปากกล้าขาสั่น"
มีตัวแถม ก็ต้องมีแม่เกย(ตัวเก่ง)
โดย Bookmarks on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:40
'อภิสิทธิ์'แนะจับตาศูนย์ปรองดอง หวั่นแปลงสภาพเป็นนิรโทษกรรม
วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557, 12.59 น.tags : อภิสิทธิ์, นิรโทษกรรม29 พ.ค. 57 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กระทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยนายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวทางการบริหารประเทศและนโยบายด้านความมั่นคงของ คสช. ว่า ตนยังไม่เห็นภาพชัด จนกว่าจะมีธรรมนูญการปกครองหรือรัฐธรรมนูญชั่วคราวให้เห็นโครงสร้างว่าใครจะ มาทำอะไร แต่สิ่งที่ดำเนินการไปแล้วบางเรื่องเป็นการตอบโจทย์เหตุการณ์เฉพาะหน้า เช่น การเร่งจ่ายเงินให้ชาวนาที่รอคอยเงินจากโครงการรับจำนำข้าวมานาน เป็นสิ่งที่สมควรทำ การใช้อำนาจเพื่อควบคุมสถานการณ์น่าจะอยู่ช่วงที่จะต้องมีการคลี่คลายโดย ลำดับ เพราะตนมองไม่เห็นว่าจะใช้อำนาจในลักษณะนี้ไปได้ยาวนาน จุดที่จะมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ น่าจะเป็นเรื่องของสื่อมวลชน กับสภาพความอึดอัดในเรื่องข้อมูลข่าวสาร“แต่ที่ต้องจับตาดูคือการตั้งศูนย์ปรองดอง ยังไม่ชัดเจนว่าตั้งโจทย์อย่างไร ผมยืนยันว่าถ้าตั้งโจทย์ว่าเป็นเรื่องการต่อรองผลประโยชน์ทุกฝ่ายจะเป็นการ ตั้งโจทย์ที่ผิด โดยเฉพาะที่ผ่านมาเอาคำว่าปรองดองมาใช้นำไปสู่การนิรโทษกรรม จะกลายเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น แต่ถ้าพยายามเอาแนวคิดของทุกฝ่ายที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมมาประสานก็จะเป็น ทางออกให้กับประเทศ” นายอภิสิทธิ์ กล่าวผู้สื่อข่าวถามว่า แถลงการณ์ยึดอำนาจของ คสช. ระบุว่าจะสร้างความชอบธรรมให้กับทุกพวกทุกฝ่ายจะนำไปสู่การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น และคิดว่าถ้าทำจะเป็นชนวนให้เกิดความวุ่นวาย การจะสร้างความชอบธรรมให้กับทุกฝ่าย คือการทำให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย รับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตน สีไหน หรือใครก็ตามต้องยอมรับที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนคิดว่า คสช.ไม่ควรลืมว่ามีหลายประเด็นที่เป็นการขับเคลื่อนของมวลชนก่อนหน้านี้ เช่น ปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ควรเป็นสิ่งแรก ๆ ในการปฏิรูปที่ทำให้เป็นรูปธรรมว่าจะทำให้ดีขึ้นอย่างไร เพราะมีข้อเสนอจากหลายฝ่ายอยู่แล้ว“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คำแถลงยึดอำนาจไม่พูดถึงเรื่องการทุจริต คอร์รัปชั่น แต่เป็นปัญหาที่อยู่ในใจคนมากที่สุดก่อนที่จะเกิดวิกฤตทางการเมือง พวกผมเป็นนักการเมืองกลุ่มแรกที่ยอมรับว่าประชาชนเสื่อมศรัทธาในตัวพรรคการ เมือง นักการเมือง เพราะฉะนั้น คสช.ต้องสร้างระบบการเมืองที่ดีกว่า ทำให้นักการเมือง พรรคการเมืองมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น ถ้าไปดำเนินการในลักษณะที่จะดึงพรรคการเมือง นักการเมืองเข้าไป ผมไม่แน่ใจว่าประชาชนจะยอมรับได้หรือไม่” นายอภิสิทธิ์ กล่าวเมื่อถามว่า คสช.มีอำนาจเต็มควรจะทำให้บ้านเมืองไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าต้องการให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ พูดถึงการปฏิรูป ก็ต้องทำให้เป็นรูปธรรม ส่วนทีมที่ปรึกษานั้นเป็นรายชื่อที่คาดการณ์ได้ว่าให้คำแนะนำ ปรึกษาได้ แต่การบริหารจริงไม่ได้อยู่ที่คณะที่ปรึกษา และกลไกยังพึ่ง คสช.กับข้าราชการอยู่ ตนคิดว่าบางเรื่องราชการทำงานได้ เช่น การบริหารจัดการปกติ ซึ่งอาจจะทำได้ดีถ้าไม่มีการเมืองหรือผลประโยชน์เข้าไปแทรกแซง แต่งานปฏิรูปต้องพึ่งภาคส่วนอื่นที่ไม่ใช่ราชการ เพราะการปฏิรูปที่ประชาชนคาดหวังคือการลดทอนอำนาจรัฐ จะพึ่งราชการกับ คสช.คิดเองคงไม่ง่ายถามต่อว่า คสช.มีอำนาจเต็มในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และมีอำนาจตุลาการบางคดีที่ไปขึ้นศาลทหาร การดำรงสถานะเช่นนี้ต่อไปนาน ๆ จะมีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ในดุลพินิจของแต่ละฝ่าย โดยสถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดเหมือนที่พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ เพราะคงบอกไม่ได้ว่ากี่วัน กี่สัปดาห์ แต่ถ้าดูว่าจะสงบเรียบร้อย เช่นขณะนี้ผู้นำมวลชนไม่ได้เคลื่อนไหวก็น่าจะเร็วได้ เพราะการอยู่ในสภาพอย่างนี้จะมีความอึดอัดสะสม โดยปัญหาจุดแรกน่าจะเป็นเรื่องสื่อสารมวลชนส่วนเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนคาดหวังคือการปฏิรูปให้ตำรวจใกล้ชิดประชาชนมากขึ้นไม่ใช่ทำ ให้องค์กรใหญ่ขึ้นหรือรวมศูนย์อำนาจมากขึ้น แต่ที่มีการเสนอเรื่องการตั้งกระทรวงตนก็สับสนเพราะมีการพูดว่าจะกระจาย อำนาจ แต่กลับเสนอเรื่องกระทรวง ทำให้สับสน เพราะการตั้งกระทรวงจะยิ่งทำให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงได้ง่ายขึ้น ความจริงคนที่เคยเสนอเรื่องปฏิรูปโครงสร้างตำรวจไว้ดีคือ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ซึ่งหากจะมีการปฏิรูปตำรวจควรหยิบแนวทางนี้ขึ้นมาพิจารณา
สิ่งที่ผมกลัวตรงนี้แหละ นิรโทษกรรม คงได้หยิบนกหวีดขึ้นมาเป่าอีกรอบ
โดย ชาวสวน on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:30
อดีตประธานที่ปรึกษาทบ. เสธอ้าย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์.เชิญอดีตผบ.ซีล พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ทานข้าวเที่ยง
ให้กำลังใจบอกทหารที่ทำงานอุทิศตัวเพื่อชาติแผ่นดิน พระมหากษัตริย์ ต้องมีที่ยืนในกองทัพไทย
โดย Tum on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:42
ตาม ที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ว่า นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ จะเดินทางมาบรรยายในหัวข้อ “เมืองไทย กับการปกครองที่ไร้กติกา” ณ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร ในวันที่ 30 พ.ค. 2557 นั้น “สมาคมนักเรียนไทยในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์” ขอเรียนชี้แจงว่า การบรรยายดังกล่าวจัดขึ้นโดย “ชมรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา” ซึ่งเป็นชมรมนักศึกษาชมรมหนึ่งที่นายวีรพัฒน์ได้แจ้งความจำนงขอให้เชิญตนมาบรรยาย
สมาคมฯ ขอเรียนให้ทราบว่า มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบรรยายของนายวีรพัฒน์ฯ ในวันที่ 30 พ.ค. 2557 แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สมาชิกของสมาคมฯ ย่อมใช้สิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างเสรี
สมาคมนักเรียนไทยในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องมา ณ ที่นี่
คณะกรรมการสมาคมนักเรียนไทยในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
28/05/2014
อ้าววว ให้เชิญตัวเองไปบรรยาย แถมไม่ยอมกลับมาอีก ยังไงกันคร้าบบบบ
โดย ธีรเดชน้อย on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:20
อ่านขำๆครับ
โดย สุกี้น้อย on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 10:04
อโน ฮ๊๊าฟฟ
Somsit Mitcharoenrut
เผื่อไม่รู้กัน ...
- ศาลทหาร มีศาลเดียว ตัดสินรอบเดียวจบ ไม่มีอุทธรณ์-ฎีกานะแจ๊ะ..มาตรา 360 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ไม่แน่จริง ปิดเฟสหนีไปแล้ว
ไม่รอดหรอก.....ถ้ารูปไม่พอจะดำเนินคดี...มาเอาที่ผม........มีเยอะ
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net