voodoo

เยอะขนาดนี้แล้วจะกลัวอะไร
เล่ือนการชุมนุมใหญ่ทำไม

สุดยอดครับ เนื่องแน่นมหาศาล มโหฬาร บานทะโล่เลย

คนเยอะมากๆ มวลชน หนาแน่น แทบไม่มีที่ว่างเลย

 

วันหลังเลิกใช้เก้าอี้สีแดงสักทีสิ

 

 

ตอนแรกเห็นชื่อกระทู้

ผมนึกว่าจะเอาภาพที่ ตอน เสื้อแดง

เผาบ้าน เผาเมืองมาลงซะอีก

อันนั้นบาดตาบาดใจ ใครหลายคนเลยนะ

เคดิสภาพจากคุณ tinthong

32 นาทีที่แล้ว

 

 

สภาพเมืองโอเดสซา ริมทะเลดำ หลังเกิดการปะทะอย่างดุเดือด

 

 

 

วิกฤตการณ์ในยูเครนน่าวิตกมากขึ้น กลุ่มชาวยูเครนนิยมรัสเซียเปิดแนวรบใหม่ ปะทะเดือดกับกำลังทหารรัฐบาลยูเครน ในเมืองโอเดสซา ริมทะเลดำ มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 40 ศพ ขณะที่เกิดการสู้รบในภาคตะวันออกหนักสุดกว่าทุกวันที่ผ่านมา

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 3 พ.ค.ว่าวิกฤตการณ์ในยูเครน กำลังเข้าสู่การเกิดสงครามกลางเมืองมากขึ้นจนน่าวิตก โดยเฉพาะกลุ่มชาวยูเครนนิยมรัสเซียได้เปิดแนวรบใหม่กับกำลังทหารรัฐบาลยูเครน ที่เมืองโอเดสซา เมืองท่าริมทะเลดำ ทางภาคใต้ของประเทศยูเครน เมื่อ 2 พ.ค. มีทั้งจุดไฟเผาตึกสหภาพการค้า และเกิดการยิงปะทะกับกำลังทหารบนท้องถนนอย่างดุเดือด ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมแล้วอย่างน้อย 43 ศพ โดยตำรวจเผยว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไฟไหม้ตึกสหภาพการค้าถึง 31 ราย

 

 

กลุ่มชาวยูเครนนิยมรัสเซียจุดไฟเผายางรถยนต์ บนท้องถนน

 

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า กลุ่มกบฏนิยมรัสเซียเกิดการปะทะกับกำลังทหารรัฐบาลอย่างดุเดือดในเมืองสลาเวียนสก์ ทางภาคตะวันออก โดยพยายามจะสกัดกั้นการลำเลียงทหารมาลงในเขตที่มั่นของพวกตนในเมืองสลาเวียนสก์ และสามารถยิงเฮลิคอปเตอร์ของทหารร่วงตกไป 2 ลำ เป็นเหตุให้นักบินและทหารยูเครนสิ้นชีพไป 4 ศพ 

 

“ยังเกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรง” กระทรวงกลาโหมยูเครนออกแถลงการณ์ พร้อมแจ้งว่ามีการต่อสู้กันในเมืองครามาตอร์สก์ ทางใต้ของเมืองสลาเวียนสก์ตลอดทั้งคืนด้วย ขณะที่ รัฐบาลยูเครนยังชี้ว่า มีการใช้ขีปนาวุธแบบประทับบ่ายิงเฮลิคอปเตอร์ของทหารร่วงตก 2 ลำในเมืองสลาเวียนสก์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กองทัพรัสเซียส่งทหารเข้ามาในเมืองสลาเวียนสก์แล้ว อีกทั้งยังมีทหารรัสเซียติดอาวุธ พยายามจะลักลอบเข้ามาในยูเครนช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ถูกทหารยูเครนผลักดันให้กลับออกไป

 

 

ตำรวจปราบจลาจลเตรียมพร้อมรับมือเหตุรุนแรง

 

ทั้งนี้ กองทัพรัสเซียได้ส่งกำลังทหารนับ 40,000 นายมาประจำการเตรียมพร้อมประชิดชายแดนรัสเซียด้านติดกับยูเครน จนสร้างความหวั่นวิตกว่า กองทัพรัสเซียอาจกรีธาทัพเข้าไปในภาคตะวันออกของยูเครนได้ตลอดเวลา ขณะที่รัฐบาลรัสเซียยังอ้างด้วยว่าทหารยูเครนสุด***ม ยิงโจมตีพลเรือนชาวยูเครนจากทางอากาศด้วย

 

 

http://www.thairath..../content/420440

 

 

 

ทำไมครับ?

 

กลุ่มเสื้อแดงนิยมเขมรจะก่อสงครามเพื่อแยกตัวเองไปรวมกับเขมรและขอให้เขมรส่งกองกำลังมาดูแล?

เจ้านายมีเงินเป็นแสนล้าน
ขี้ข้าผลงานไม่ค่อยมี
แต่ตั้งเรื่องเบิกตลอด
คนจ่ายเงินมันใจมดแม้ว่าจะมีเงินมหาศาล
ขี้ข้าก็กะตบทรัพย์ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
โอกาสสุดท้ายของทั้งสองฝ่าย
เราแค่คนดูอ่ะ

 

ถามคำเดียวว่า ทุกวันนี้ที่มันไปนู่นมานี่ได้ ใครจ่ายให้มัน

เจ๊ดอ ณ เชียงใหม่

น้องไอ้แม้วชั่วนะสิ

มันอยู่ที่ คอนโดในเชียงใหม่นั้นแหละ

มีตะกวดคอยดูตลอด  น้องไอ้แม้วไปเมืองไหร่

ไอ้ตั้งตายแน่ๆ

 

แล้วเสื้อแดงที่รักสถาบันทำไรกันอยู่ละ   ปล่อยไว้ได้ไงแบบนี้
ผมสรุปได้ว่า   เสื้อแดงทุกคนไม่รักสถาบันได้ไหม   เพราะไม่เคยคิดจะปกป้องเลยเฉยๆก็แย่แล้วนะ

ผมว่า มันก็คงคิดได้แล้วว่า มันถูกนายมันเลี้ยงไว้ เพื่อสักวันหนึ่งมันก็คงโดนนายมันสั่งเก็บ เพื่อให้นายมันได้แสดงผลงาน เพื่อให้นายมันแสดงตัวว่าจงรักภัคดี

ไอ้ที่พธม.ชอบอ้างกัน ก็เรื่องคดีก่อการร้ายนี่ล่ะ
ที่อีพวกแกนนำชอบแพล่มฝังหัวมวลชน ว่ามาร์คสั่งให้ฟ้อง

แต่ข้อเท็จจริงคือ

2ธค.51 เหวงได้ยื่นคำร้องทุกข์กล่าวโทษ พธม.ในคดีก่อการร้าย
11ธค.51 พธม.ได้ฟ้องเหวงกลับ
15ธค.54 เหวงได้ติดตามคดีอีกครั้ง โดยอาศัย
คณะกรรมาธิการตำรวจ บีบให้ ผู้รับผิดชอบคดีตอนนั้น
เอาสำนวนที่ฟ้องมาให้ดู

น่าแปลกคือ แกนนำพธม.ขี้ลืม ขนาดจำไม่ได้
ว่าใครเป็นคู่ความตัวเองเชียวเหรอ มรึงถึงได้
กระหน่ำด่ามาร์ค ด่าสุเทพกันเป็นปีๆ

เว้นแต่เจตนาใส่ไคล้ สร้างความเกลียดชัง
เพราะมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้น ก็ไม่รู้ซินะ

ที่รู้กัน ก็น่าจะมาจากกรณีการดำเนินคดีปิดสนามบินในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์

ไล่มาจนถึงการไม่ทำตามอยากในแทบทุกกรณีเรียกร้องให้ทำ

ไม่ว่าจะเรื่องทางการเมืองหรือเรื่องอื่นๆ

อภิสิทธิ์จึงถูกวางไว้ฝั่งตรงข้าม และทำให้อย่างไรก็ไม่สามารถไว้วางใจได้

หลายครั้งที่ แม้แภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์จะทำไกล้เคียงกับที่ต้องการ

เช่นการออกมาชุมนุมและลาออกจากการเป็น สส แต่ก็ยังไม่คล้อยตามความต้องการเสียทั้งหมด

 

คงลืมบางอย่างไป

การเป้นสื่อ และเป็นกลุ่มชุมนุมมาก่อน

ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีให้ว่า ทุกสิ่งที่คิดและทำนั้นจะถูกต้องเสมอไป

การที่ กปปส ชุมนุมขึ้นมาทีหลัง 193 วัน ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอ่อนด้อยประสบการณ์

เสียจนต้องการการสอนสั่งแนะนำจากผู้มาก่อนเสมอไป

ยิ่งเป็นการแนะนำแบบตามใจฉัน ด้วยอารมณ์

 

อย่าเถียงนะครับ ว่าการตัดสินใจหลายๆ ครั้งของสนธิ ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยอารมณ์

ลองไปดูเงื่อนไขแรกๆ ของสนธิดูก็ได้ เกี่ยวกับเหตุผลที่ไม่ยอมจัดการชุมนุมขึ้นมาอีก

แม้ลูก phat จะเรียกร้องอย่างไรก็ตาม

 

หลายท่านในนี้ เคยแย้งให้เห็นง่ายๆ

การชุมนุมในสมัยนั้น ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จไปเสียทีเดียว 

หากไม่ได้คำตัดสินของศาล การขับไล่ ปิดที่โน่นที่นี่ ก็คงไม่เป็นที่ใส่ใจของรัฐบาล

ทั้งสมัครและสมชายแต่ประการใด (ขออภัยชาวพันธมิตร ที่ผมพูดจากความรู้สึกของผม)

ไล่มาจนถึงการชุมนุมในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์

ที่ยิ่งถดถอยลงคลอง มีการถีบหัวส่งสมาชิกที่คิดแตกคิดต่างออกไปเรื่อยๆ

จนที่สุดก็แทบไม่เหลือใครที่จะยอมแสดงตัวเข้าร่วม

ทั้งที่หลายคน ยังซักเสื้อเหลืองเก็บใส่ตู้ไว้อย่างดีและยังพร้อมจะหยิบได้ทุกเมื่อ

 

ความโกรธแค้นที่สนธิต้องคดีความในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์

ผมเชื่อว่า ไม่ใช่ระดับธรรมดาและยอมกันได้

แม้ว่า อาจไม่ถึงกับโกรธแค้นจนหมายมั่นจะทำลายให้หมดอนาคตทางการเมือง

(แต่ผมเชื่อแบบนี้นะ แม้จะดูเหมือนเด็กๆ ไปหน่อย)

แต่ก็ทำให้ขวางหูขวางตาไปหมด

 

การยืนบนเวทีในฐานะผู้นำคนเรือนหมื่นเรือนแสน

สิ่งที่เหราได้เห็น คือการสั่งซ้ายหันขวาหันตามใจผู้นำบนเวที

นั่นเป็นเรื่องปกติของการชุมนุมที่ต้องมีผู้นำ และผู้ชุมนุมก็ควรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

จึงกลายเป้นเหตุให้แลดูเป็นเช่นนั้น ผมเองเมื่อไปชุมนุม ก็ต้องเป็นเช่นนั้น

และผมเชื่อว่า สนธิเหลิงอำนาจการเป็นผู้นำไปโดยไม่รู้ตัว

เชื่อว่าตนเองมีอำนาจชี้นิ้วใครๆ ให้ทำอย่างที่ต้องการได้ทุกคน

แต่กลายเป็นว่า อภิสิทธิ์ไม่ได้ทำตามนั้น

กลายเป็นว่า ผู้ชุมนุมอีกเป็นจำนวนมาก ก็ไม่ได้ทำตามนั้น

ภาพในสายตาของคนคิดต่าง จึงกลายเป็นผู้นำที่เหลิงอำนาจ

และหมดความน่าเชื่อถือไปในที่สุด

 

ยิ่งที่คนคิดต่างคิดแตกออกไปเท่าไหร่

ก็ยิ่งผลักไสเขาเหล่านั้นออกไปเป็นสาวกแมงสาปไปเสีย

แยกปลาออกจากน้ำ กรองจนไม่เหลือใคร

ก็ยิ่งโมโหหมั่นไส้ ยิ่งทำให้ชิงชังอภิสิทธิ์ ประชาธิปัตยิ์และสาวก ปชป (ที่ชี้ให้พวกเขาเป็น)

จนกลายเป็นแยกพวกแยกกลุ่มไปเสีย ทั้งที่เคยบ้านไกล้เรือนเคียงกันมาก่อน

 

ถึงเวลาที่ผู้นำคิดต่างกัน เดินกันคนละเส้นทาง

ไม่แปลก ที่ผู้ตามจะคิดต่างและแยกกันเดินตามๆ กันไป

ผมเองก็เป็นเช่นนั้น แม้ช่วงแรกๆ ก็ยังพยายามญาติดีกันอยู่

เพราะเพื่อนผมก็อยู่ฝั่งนั้นเยอะแยะ และไม่เคยจงเกลียดจงชังอะไรกันด้วยเรื่องส่วนตัว

ผมพูดตรงๆ 

บุคคลเดียวในนี้ ที่ทำให้ผมรู้สึกแย่กับฝั่งสนธิ

เขาคนนั้นแหละครับ ที่ทำให้ผมเปิดฉากตอบโต้กลับอย่างเต็มปาก

แม้แต่สมัยกับพ่อหนุ่มตัวหนังสือใหญ่ และอีโมหัวเราะ ยังไม่รู้สึกเท่านั้น

 

ผมตอบไม่ได้และไม่ฟันธง ว่าความเชื่อของผมหรือของฝั่งโน้น ใครจะถูกจะผิด

แต่บอกได้เลยว่า ถ้ามีฝ่ายโน้นเป็นอย่างเด็กคนที่เราก็รู้ว่าใครมากๆ

ก็จะยิ่งทำให้เราเข้ากันไม่ติดอีกต่อไป

 

สำหรับเพื่อนฝูงบางท่าน ที่เป็นอดีตเสื้อเหลือง หรือยังคงเป็นปัจจุบันเสื้อเหลือง

ขอให้พวกท่านได้พิจารณาเถิดครับ

เหตุผลทางความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวล ผมก็พูดไปมากแล้วในหลายๆ กระทู้

ถ้าพวกคุณปรารถนาดีต่อคนฝั่งตรงข้ามทักษิณและประเทศชาติ

ลองลดอคติบางอย่าง ที่ถูกสร้างขึ้นมาในใจของพวกคุณลงไปเสียบ้าง

เราก็น่าจะยังไปกัได้บ้าง ในบางโอกาส

 

อย่าให้แกนนำที่จิตใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

มาทำให้พวกคุณคล้อยตาม จนหลงลืมคนที่เคยพูดคุยกันได้เลยครับ

ประชาชนยืนได้ด้วยตัวเองเมื่อใด

นักการเมืองก็หมดความหมายในทันที

ประชาชนมีปัญญาคิดเองได้เมื่อใด

นักการเมืองก็ไร้คนค้ำบารมี

เห็นด้วยกับคุณควันหลง คุณwanakon

 

แต่ไม่ทราบพัฒนาการของวิธีการ ว่ามันเป็นไปอย่างไร มันนานมาแล้ว

 

จำได้แต่ว่าช่วงนั้นแข็งแรงมาก โดนซิวเดี่ยวประจำเพราะโมโหและแสดงออก

 

มาปีสองก็คอยให้น้ำอย่างเดียวไม่ได้เป็นstaffเชียร์ ฝึกความอดทนอดกลั้นชนิดไม่เคยพบในช่วงชีวิตก่อนหน้าครับ

 

แต่ถ้าปฏิบัติผิดเพี้ยนไปมากโดยคนรู้ไม่จริงก็คงให้ผลที่ต่างออกไป

 

แก้ไขเข้าเรื่องตามกระทู้ การสอบสารพัดจะสอบ เท่าที่จำได้มันมีเหตุและพัฒนามาเรื่อยๆตามปัญหาที่เกิดขึ้น

แอดมิสชั่นบอกว่าแก้ปัญหาติวเต้อร์  สอบตรงแก้ปัญหารีไทร์  etc. ทุกวันนี้ปัญหารังแต่จะเพิ่มขึ้น

สทศ.เป็นองค์กรที่มีประโยชน์จริงหรือไม่ อันนี้ต้องพิจารณา

ไม่อยากกล่าวถึงกรณีอุ๊งอิ๊ง แต่ขอหน่อยนึง

SOTUS แท้จริง เป็นแค่กิจกรรมละลายพฤติกรรม อย่างหนึ่งเท่านั้นเองครับ

 

ถ้าสามารถหากิจกรรมละลายพฤติกรรมรูปแบบอื่นๆ ที่มันได้ผลละลายพฤติกรรมได้จริงๆ ที่มันแทนที่ SOTUS ได้ ก็ ok ครับ

 

เจ้านายที่เคยไปเรียน ป ตรี ที่ญิ่ปุ่น เขาบอกผมว่า ภาครัฐเขากำจัดระบบ SOTUS ด้วยการนำระบบชมรมเข้ามาแทนทีครับ

โดยที่พวกรุ่นน้องมันเคารพนับถือรุ่นพี่ เพราะผลงานกิจกรรมวีรกรรมที่รุ่นพี่มันสร้างให้เห็นกับชมรมหรือที่การออกไปแสดงฝีมือในฐานะตัวแทนของมหาลัยครับ

ไม่ใช่เพียงเพราะเข้าเรียนมาก่อน แล้วคนมาที่หลังต้องเคารพ

 

แต่ผมคิดว่าวิธีแบบนี้คงใช้กับเด็กไทยไมได้ผลหรอก
 

เห็นด้วยกับคุณควันหลงมากๆ ค่ะ
โซตัสเดิมๆ จะมีทิศทาง เป้าหมายที่ดี
แต่ที่มักเป็นปัญหาคือการนำวิธีการไปใช้โดยไม่เข้าใจหัวใจ เป้าหมายของโซตัส หรือเปล่า

เลิกซื้อหนังสือเครือนี้ มาหลายปีดีดัก

 

แม้ว่าจะมีบางเล่ม น่าเสียดายใคร่ซื้ออย่างมาก

แต่อุดมการณ์กรูไม่เปลี่ยนเหมือนกัน

 

คือ..ไม่สนับสนุนขี้ข้าทักษินว่ะ

บอกตรงๆว่าผมสมน้ำหน้านะ

ทำงานเกี่ยวกับสื่อโซเชียล แต่ไม่รู้จัก "ตรวจสอบ ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน" แต่ลงตีพิมพ์เลย

 

สมน้ำหน้าอีกรอบครับ

 

 

เอาข้อคิดเตือนสติของป๋าเปลวเมื่อคืนนี้มาฝากครับ

 

http://www.thaipost....ws/300414/89744

 

พฤษภา 'เดือนพิพากษา' โจร

 

วันนี้...อยากคุยเรื่อง "คน" ในสังคมยุค "ข่าวสารครองโลก" คือมนุษย์กว่า ๖,๐๐๐ ล้านคน อยู่ใต้อิทธิพลเทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศ ที่เรียกว่า IT ทั้งนั้น ดังนั้น ผมอยากสรุปสั้นๆ ว่า....
    "สิ่งที่เห็น หาใช่สิ่งที่เป็นเสมอไป"!

 

    ไม่ใช่อะไรหรอก เห็นปฏิกิริยาตอบสนองสังคมบนทางสายเปลี่ยนประเทศไทยปัจจุบันแล้ว เกิดความรู้สึกว่า
    การสู้รบทางภาคพื้นดิน ไม่วิปริต และน่าห่วงเท่า การสู้รบทางภาคอากาศ 
    คือข่าวสารที่สาดใส่ซึ่งกันและกัน ผ่านหน้าจอโทรทัศน์ "ทุกระบบ" ไม่ว่า ดาวเทียม ดิจิตอล ฟรีทีวี เคเบิล วิทยุ

 

    ยิ่งนาทีนี้ "สื่อสารออนไลน์" จะตามเฟซบุ๊ก ตามโซเชียลมีเดีย ทั้งหลาย-ทั้งปวง เป็นทั้งสนามรบ เป็นทั้งอาวุธรบ ที่ไม่มีกฎ-กติกาใดๆ และใคร สามารถควบคุมใครได้!?

 

    "ความเร็ว" ระบบไอทีวันนี้ เท่ากับ "ความลวง" จะลวงมาก-ลวงน้อย, จริงมาก-จริงน้อย, เจตนา-ไม่เจตนา ทั้งผู้แพร่ข่าวสารและผู้รับ 
    "ไม่เน้น" ความจริงเท่ากับเน้น "ความเร็ว"!

 

    ขอให้เร็ว ขอให้รู้ก่อน ขอให้รู้ทันที นั่น...มนุษย์ ๖,๐๐๐ กว่าล้าน ภายใต้ไอทีครอบงำวันนี้ พึงพอใจแล้ว
    จะจริงผสมเท็จ จะเท็จผสมลวง หรือจริงทั้งร้อย-เท็จทั้งล้าน แล้วค่อยไปว่ากัน ข้างหน้า 

 

    เพราะยุคไอที ไม่ใช่ยุคแสวงหาความจริง มนุษย์ต้องการเพียงสิ่งสนองอยากที่เรียกว่า "ความเร็ว" เท่านั้น 
    ความเร็วสนองเป้าหมายทั้งทางธุรกิจ การเมือง การค้า  การสังคม ทุกสิ่ง-ทุกอย่าง 

 

    เพราะไอที คืออุปกรณ์ขับเคลื่อนระบบทุนนิยมครองโลก ที่สหรัฐออกแบบไปสู่ "พิมพ์เขียวโลก" ที่วางไว้นานกว่าศตวรรษแล้ว!

 

    ใครที่ต้องการ "ความจริงล้วน" จากข่าวสารยุคไอที  โน่น...ต้องรอ และต้องทำใจ เพราะความจริงที่ต้องการ จะมีค่าและเป็นที่ต้องการ ก็ต่อเมื่อโลกหมุนสู่
    ระบบธรรมาภิบาล!

 

    พูดว่าธรรมาภิบาล เหมือนหักฝักข้าวโพดจากต้น เห็นแต่เปลือก ไม่เห็นเนื้อ เอาง่ายๆ สำหรับคนไทยวันนี้
    มองเห็น "เศรษฐกิจพอเพียง" วันไหน 
    ก็มองเห็น "ธรรมาภิบาล" วันนั้น!

 

     ในทางเดียวกัน ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพ ข่าวด่วนที่ว่อนตามโลกข่าวสารไอทีวันนี้ จะตามเฟซบุ๊ก ตามอินเทอร์เน็ตทั่วไป ก็เหมือนจังก์ฟูด-ฟาสต์ฟูด 
    สะดวกสบาย ซื้อง่าย-ขายคล่อง รวดเร็วทันใจ ตอบโจทย์ชีวิต "มนุษย์เร่งด่วน" ที่ วิ่งไล่เงาตัวเองทั้งชีวิต แต่ไม่เคยทัน

 

    ทั้งๆ ที่รู้ มีค่าเท่าขยะ "อิ่มท้องไว-ป่วยเร็ว-ตายเร็ว" แต่สังคมโลก ถูกออกแบบให้มนุษย์ศตวรรษนี้ ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของสิ่งที่เรียกว่าไอทีเช่นนี้ 
    ทำไงได้ล่ะ....
     เขาเป็นกันทั้งโลก เราจะฝืนโลกอยู่ฝ่ายเดียว-คนเดียว มันก็แห้งเหี่ยวหัวโต! 

 

    ดังนั้น ข่าวลวง ข่าวเสกสรรปั้นแต่ง ข่าวตะแบง ข่าวบิดเบือน จึงเป็นสินค้าระบบทุน ครองตลาดข่าวสารไอที 
    ข่าวเพื่อความจริง ไม่สำคัญเท่า ข่าวเพื่อความเร็ว!