พระพุทธศาสนาคืออะไร สำหรับผมพระพุทธศาสนาคือศาสนาที่สอนถึงความจริงของธรรมชาติ
พุทธะแปละว่า รู้ ตื่น และเบิกบาน คนที่ศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของศาสนานี้ก็ควรจะมีลักษณะของความ รู้ ตื่น และเบิกบานด้วย
โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยสนใจนะว่าศาสนานี้คืออะไร แต่ผมคิดว่าศาสนานี้สอนอะไร และเราได้อะไรจากศาสนานี้บ้าง
ถ้าเรานับถือศาสนาพุทธ พอมีคนถามว่า คุณได้ประโยชน์อะไรจากศาสนานี้บ้าง ผมมองว่านี่แหละเป็นคำถามที่สำคัญ
เพราะถ้าบอกว่านับถือพุทธ แต่ว่าตั้งแต่เกิดจนตายยังไม่ได้ประโยชน์จากศาสนานี้อย่างจริงจังเลย ผมว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่ได้นับถือศาสนา
เพราะศาสนี้ไม่สามารถให้ประโยชน์อะไรแก่ผู้ที่นับถือได้เลย
ถ้าถามผมว่า ผมได้ประโยชน์อะไรจากศาสนานี้บ้าง ผมก็จะบอกเลยว่าได้มามากมาย แต่สิ่งที่ผมซาบซึ้งที่สุดคือการบรรเทาทุกข์และสร้างปัญญา
มันเป็นสิ่งธรรมดาที่คนเราจะนึกถึงหมอเมื่อยามป่วย ผมก็นึกถึงธรรมะเมื่อผมทุกข์เหมือนกัน ถ้าปกติดีอยู่ผมก็มักจะหลงระเริงไปตามโลกทั่วไป
แต่ทุกครั้งที่ผมทุกข์ ผมก็จะกลับมามองธรรมะตลอด และสิ่งนี้ก็ให้คำตอบกับผมได้ สามารถบรรเทาทุกข์ได้ และบอกหนทางว่า ถ้าไม่อยากทุกข์ควรจะทำอะไร
สำหรับในแง่ปัญญาตัวผมอาจจะเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่ว่าผมเห็นในคนที่บวชในศาสนานี้ครับ พระที่ผมเคารพมากคือหลวงปู่พุทธะอิสระ
ในทางโลกท่านจบไม่ถึงป.สี่ แต่ว่าปัญญาของท่านนั้นมีมากมาย ท่านรู้แทบทุกเรื่อง แก้ไขปัญหาได้ทุกเรื่อง
และยิ่งเห็นชัดมากในการออกมาเป็นแกนนำทางการเมืองครั้งนี้ มันทำให้ผมคิดว่า เออ ถ้าเราศึกษาและปฏิบัติธรรมะของศาสนานี้
ซักวันหนึ่งเราก็อาจจะมีปัญญาได้แบบท่านบ้าง
เท่าที่ผมศึกษาและปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบันนี้ ผมเห็นสิ่งที่สำคัญคือสติครับ ความรู้ตัวนี่เป็นธรรมะที่ดูธรรมดา แต่ก็สำคัญมาก
ผมยังไม่รู้เลยว่าแค่ธรรมะข้อนี้ ถ้าผมใช้เวลาทั้งชีวิต ผมจะเรียนธรรมะข้อนี้ได้จบไหม แค่การมีสติตลอดเวลา มันก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว
การปฏิบัติธรรมที่ดีผมคิดว่ามันควรจะทำได้ตลอดเวลาครับ ไม่ว่าจะหลับหรือตื่น ทำงาน เดิน วิ่ง นั่ง เราสามารถทำได้ตลอด
ผมคิดว่าคนที่เข้าถึงธรรมะจริง ๆ นั่งก็เป็นธรรมะ นอนก็เป็นธรรมะ ยืนก็เป็นธรรมะ นอนก็เป็นธรรมะ เขาไม่จำเป็นต้องท่องจำอะไร
เพราะทุกการกระทำของเขาแฝงไปด้วยธรรมะแล้ว
สิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมด ผมก็ถ่ายทอดได้แต่ตัวอักษร สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าผมรู้อะไรครับ แต่ผมว่าสิ่งสำคัญคือ ตัวคุณเองรู้อะไร
ถ้าคิดว่าศาสนานี้ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ผมแนะนำว่าให้ลองศึกษาและปฏิบัติดูครับ ถ้าเปรียบธรรมะเป็นน้ำ อย่าเก็บไว้แต่ในขวดครับ
ลองหยิบเอามาดื่มบ้าง เมื่อลองดื่มดูแล้ว คุณจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า ธรรมะมันรสชาติอย่างไร คุณควรจะดื่มมันต่อ หรือว่าโยนมันทิ้งไป
มีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นที่สัมผัสมันได้ครับ ขอให้ท่านมีความเจริญในธรรมครับ
ปล. เขียนออกนอกลู่นอกทางไปเยอะครับ ขออภัยที่ตอบหลุดประเด็นไปไกล
- ตะนิ่นตาญี, ริวมะคุง, ชาวสวน and 4 others like this