อีโง่ Google

 

 

 

 

 

มาถามหาข้อมูลเพื่อตามหาความจริง คลี่คลายความสงสัย ผิดกฎอะไรครับ

คุณสงสัยเรื่องภรรยาคุณอภิสิทธ์ิอยู่ที่ไหนในวันที่ 10 เมษายน 2553

แต่คุณมาตั้งกระทู้เพื่อให้สมาชิก สรท หาคำตอบให้คุณในเรื่องที่สงสัย??? ฉลาดมาก

 

ถ้างั้นผมถามกลับบ้างว่า บุพการีสิงห์สนามหลวงอยู่ที่ไหนอยู่ที่ไหน ในวันที่ 10 เมษายน 2553 ใครรู้วานบอกที

 

แม่ผมอยู่ที่บ้านครับ ยังโทรมาตามผมให้กลับบ้าน หรือไม่ก็ให้ระวังตัว

 

 

ขอหลักฐานด้วยครับ พูดลอยๆ คงเชื่อถือไม่ได้

 

ขอหลักฐานเป็นรูถ่าย ติดวันที่ถ่ายด้วย

 

แล้วขอหลักฐานการใช้โทร.มาวางด้วยนะ

 

แล้วคุณไม่อยู่บ้าน คุณรู้ได้อย่างไรว่าแม่คุณโทรจากบ้าน

หลักฐานชิ้นนี้ คงเด็ดที่สุด เท่าที่เคยมีมา

 

อยู่ชั้น 7 โฟว์ซีซั่น

กับผัวชาวบ้านเขาหรือเปล่าครับ

แบบว่าไปประชุมกันหลายคน

 

แค่เข้ามาเน้นแดง + ( ) <- อ่านว่าวงเล็บ

 

>ฟังจบแล้ว

ไม่ทราบมีตรงไหนเป็นข้อเท็จในความเห็นคุณสิงห์ครับ

 

ในฐานะผู้นำสูงสุดฝ่ายนโยบาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ในคืนวันที่ 10 เม.ย. 2553 ซึ่งในขณะนั้นมีการเรียกประชุมเหล่าผบ.เหล่าทัพอยู่

กว่าเหตุการณ์จะสงบเรียบร้อย เคลียร์ทุกอย่างได้เสร็จ น่าจะตกเวลาประมาณเท่าใด เหล่าหัวๆ จึงจะกลับบ้านกลับช่อง หรือกลับไปพักผ่อน

โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง จะมีการประชุมกันเพื่อหารือกันต่อ เพราะมีผลต่อสถานะรัฐบาล น่าจะตกเวลาประมาณเท่าใด?

 

อภิสิทธิ์ใช้เวลาไหนร้องไห้ดี? แอบร้อง? ร้องต่อในที่ประชุม? ร้องต่อหน้า...? ภรรยาให้สติเวลาไหนดี? ก่อนออกแถลงการณ์นี้ที่เวลา 23.25 หรือไม่?

 

 

 

ปล. ผมเป็นฝ่ายสงสัย ผมจึงตั้งคำถามนะครับ ถ้าจะถามหาหลักฐาน ผมไม่มีครับ แค่สงสัย

 

คนที่จะหาหลักฐานมายืนยันในข้อกล่าวหา คือคุณครับ

ถ้าไม่มีหลักฐานมาแย้งกับที่อภิสิทธิ์พูดได้นั้น ก้จบครับ ถ้ามีสมองคงเข้าใจนะครับ

 

 

มาถามหาข้อมูลเพื่อตามหาความจริง คลี่คลายความสงสัย ผิดกฎอะไรครับ

คุณสงสัยเรื่องภรรยาคุณอภิสิทธ์ิอยู่ที่ไหนในวันที่ 10 เมษายน 2553

แต่คุณมาตั้งกระทู้เพื่อให้สมาชิก สรท หาคำตอบให้คุณในเรื่องที่สงสัย??? ฉลาดมาก

 

ถ้างั้นผมถามกลับบ้างว่า บุพการีสิงห์สนามหลวงอยู่ที่ไหนอยู่ที่ไหน ในวันที่ 10 เมษายน 2553 ใครรู้วานบอกที

 

แม่ผมอยู่ที่บ้านครับ ยังโทรมาตามผมให้กลับบ้าน หรือไม่ก็ให้ระวังตัว

 

 

ขอหลักฐานด้วยครับ พูดลอยๆ คงเชื่อถือไม่ได้

 

ขอหลักฐานเป็นรูถ่าย ติดวันที่ถ่ายด้วย

 

แล้วขอหลักฐานการใช้โทร.มาวางด้วยนะ

 

แล้วคุณไม่อยู่บ้าน คุณรู้ได้อย่างไรว่าแม่คุณโทรจากบ้าน

หลักฐานชิ้นนี้ คงเด็ดที่สุด เท่าที่เคยมีมา

ผมเคยได้รับ พระราชทานปริญญาจากมือท่าน สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมแปลกใจไม่ได้คือ

ผมแค่วันรับปริญญา ขอบอกเลยว่า เหนื่อยสุดๆ นั่งรอเป้น ชม.ๆ แต่ สิ่งที่ผมคิดในขณะที่นั่งรอปริญญานั้น คือ

ท่านที่ทำหน้าที่มอบ เหนื่อยกว่าเรากี่เท่า ท่านคนเดียวมอบให้คนเป้นหมื่นๆคน คิดง่ายๆ เช้า บ่ายก็เกือบหมื่นแล้ว

ท่านมามอบอีก 4-5 วัน จะกี่หมื่นคน แล้วไหนจะต้องมอบให้กี่มหาลัย สำหรับผมงานนี้ เป็นงานที่ลำบากมากๆ

แต่ท่านก้ทำมา ตลอดหลายสิบปี

บ้านผมไม่เคย สอนให้รักเจ้า แต่ที่ผมคิดเองได้ เพราะผมมีความคิดที่ว่า คนเราทำงาน เพื่อให้อยู่จุดสุงสุด จะได้มีชีวิตสบายๆ

แต่ในหลวงและพระเทพ ทรงอยุ่จุดสุงสุดของประเทศแล้ว ท่านกลับทรงงาน มาตลอดชีวิต โดยไม่ห่วงเลยว่าตัวเองจะเหนื่อยสักเพียงใด

แต่พวกคนรวยๆ ที่คนรากหญ้าบูชานักหนา เช้าก็กินอาหารสุดหรู ตื่นกี่โมงก็ได้ นอน โรงแรมสบายๆ จิ๊บไวท์ชิลๆ แถมมาทำลายประเทศชาติจนชิบหายหมดแล้ว

เขาพยายามจะเบี่ยงเบนประเด้นไปเรื่อยครับ จากประเด้นที่พูดถึง คือ ไปเปลี่ยนลายเซ้นค่อยมาแสดงความคิดเห้น ผมก้บอกไปแล้วว่า 

แสดงความคิดเห้น มีสิทธิ์หมด ไม่ว่าดี หรือ เลว เหลือง หรือ แดง ย่อมมีสิทธิ์ สักพัก ก็ไปบ้านกับคนสกปรก แล้วก้ลากไปว่า ผมหมายถึงบอร์ดสกปรก

มันถึงต้องมีคนมา สรุปไงครับ ถ้าอ่านแค่นี้ เขาก็พาลงทะเลไปไหนต่อไหนแล้ว จากประเด็นแรก ผมถึงมา สรุปตอนท้ายให้เขาฟังอีกที

นึกภาพกันดูสิ่ มีชายคนนึงเนื้อตัวสกปรกมอมแมมไปด้วยปลักโคลน  กำลังยืนหน้าบ้าน บ้านนึง  .......     

     และพูดว่า   "ผมอยากอาสาทำให้บ้านคุณสะอาดขึ้น"           

แต่ถ้าผมมอง ผมจะมองว่า ขนาดคนสกปรกตัวมอมแมม ยังมองว่า บ้านเรา สกปรก แสดงว่า บ้านเราคงโครตสกปรกเลย ไม่อย่างงั้นเขาคงไม่อาสา มาทำความสะอาดหรอก

และผมก็คง ลงมือทำความสะอาดด้วยตัวเอง โดยบอกว่า ขอบคุณครับที่ช่วย แต่ผมขอทำความสะอาดบ้านเองแล้วกัน 

ถ้าสงสัยว่าทำไม ผมถึงคิดว่าควายแดงโง่ทุกตัว ผมจะมาบอกได้นะครับ ถ้าอยากฟัง รับรอง โฆดมันฮา จากประสบการ์ณตรง

ถึงขนาดฟังธง มันโง่จริงๆนะเออ

"ยกระดับไปอีกขั้นหนึ่ง"

 

    เริ่มที่ จขกท ก่อนเลย     ไอ้ข้อความอวตารกุ๊ยๆ นั้นน่ะ  เอาออกไปดีกว่า 

ยังไม่ทันได้ดีเบตเลย ก็ไปดูถูกเขาสะแล้ว

ผมไม่ได้บอกนะครับว่าผมเป้นกลาง ผมอ่ะขอบอก โครตเอียงเลย เป้นได้ทุกอย่าง สีเหลือง สลิ่ม แมลงสาบ กุ๊ย เป้นได้หมด ยกเว้นควายแดง

และผมไม่ได้บอกจะไปเป้นกรรมการอะไรนะครับ ผมแค่เสนอเฉยๆ

ส่วนที่บอกกลัว กรรมการไม่เป้นกลาง สมมุติ ผมให้แดงเป็น กรรมการเลย 4 คน ผมเอาข้อมุลที่ว่า

ทักษิณโดนศาลตัดสินผิดจริง ตามมาตรา....  พวกคุณ 4 คน ยังไงก็ต้องบอกว่าจริง เพราะข้อความเหล่านี้ คือพิสูจมาแล้วว่าจริง

นอกจากจะโง่จริงๆถึงบอกว่าไม่จริงและต้องบอกด้วยว่าไม่จริงเพราะอะไร ถ้าเหตุผลน่าสนใจ บางทีคนมาอ่านก็อาจจะเห้นด้วยก็ได้ แต่ถ้า

ไม่จริงเพราะ ศาลเอียง อันนี้คนที่มาอ่านเขาก็คงรู้เลย สมองมีแค่ไหน

สุดท้าย ควายแดงโง่ทุกตัว อันนี้มาจากความคิดผมเอง ก็ในเมื่อเสื้อแดง บอกห้ามปิดกั้นเสรีภาพทางความคิด ผมก็ขอใช้สิทธิ์บ้าง คุณไม่มีสิทธิ์มายัดเยียดความคิดให้ผมนะครับ 

ผมนึกว่า แพ้ เพราะ ปชป คะแนนมากกว่าเสียอีก ขอบคุณ คุณเต้น ที่ช่วยบอก

ขอแสดงความคิดเห็น

 

ข้อ 5 ยากเกินไปครับ

บางข้อมูล เราไม่ได้รู้ลึกขนาดนั้น จะให้ม็อดมาพิจารณาว่าจริง-เท็จ จะเป็นการโดนภาระความรับผิดชอบให้ม็อดไป ไม่เห็นด้วย

เผลอๆ หากมีการนำไปอ้างอิงเป็นคดีความ ลำบากม็อดอีกครับ

าจะแค่บอกว่า เกี่ยวไม่เกี่ยว อยู่ในประเด็นหรือไม่ ก็คงพอได้ 

 

อย่างไรก็ดี จะดีเบตอย่างไร ข้อสรุปนั้น คงจะไม่มี หรือจะมีไม่ได้ เพราะ ผู้นำมาถก ดีเบต หรือตัดสิน ล้วนเป็นคนนอก ผู้มีส่วนได้เสียทางอ้อม (ในกรณีโกง)

ซึ่ง การจะชี้ชัดว่า ผิดหรือไม่ผิด นั่นควรเป็นสิทธิอำนาจของศาล หรือกระบวนการยุติธรรมครับ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการกล่าวหาไป เพราะอย่างไรเราก็มิใช่ผู้ตัดสิน และไม่มีอำนาจ

 

 

สุดท้าย ก็แล้วแต่วิจารณาญานของผู้มาติดตามกระทู้ทุกท่าน ได้รับข้อมูลไปเป็นความรู้เสียมากกว่า

 

แต่ผมก็เห็นด้วยกับกระทู้ห้อง ดีเบต ครับ โดยเฉพาะในกรณี้ที่ให้ผู้ดีเบตทั้งคู่เท่านั้นที่เสนอข้อมูลได้ ส่วนผู้อื่นเป็นผู้ชม

ไม่ใ่ช่อะไรหรอก ส่วนใหญ่จะเห็น มาม่า อืด กันไปหลายหน้าเท่านั้นเอง

ตรงส่วนตัดสิน ผมก็บอกในหัวข้อแล้วว่า ไม่ต้องสรุปว่า ผิดไม่ผิด โกงไม่โกง แต่มให้สรุปว่า หลักฐานที่เอามาใช้ จริงหรือเท็จเพียงไร เช่น

ถ้าเขาเอา เรื่องที่ ยังไม่สามารถพิสูจได้มาตัดแปะก็ ให้ สรุปไปว่า ยังไม่มีความชัดเจน 

แต่ถ้าเอาเรื่องที่มีผลสรุปมาแล้ว เช่น ศาลตัดสินแล้วทักษิณผิดกฏหมาย ตรงส่วนนี้ ก็สามารถบอกได้ว่า ข้อมูลนี้ถูกต้อง

แต่ถ้ามีการเอาข้อมูลตัดที่ไม่จริงมาแสดง เมื่อตรวจแล้วพบว่า ไม่จริงก็บอกไปเลยว่าข้อมูลนี้ไม่จริง 

เราไม่จำเป้นต้องตัดสิน แค่ตรวจดูว่าแหล่งข้อมูลของเขา จริงหรือไม่ โดยให้กรรมการทั้งสองฝ่ายตัดสินเอา

อีกข้ออยากเสนอแนะนะครับ อาจจะดูเป็นเรื่องยากก็อยากให้ Mod รับไปพิจารณา

คือให้เสรีไทยเรามีกระทู้ Debate โดยเฉพาะขึ้น....ถ้าสงสัยว่าทำไมต้องมีก็ขออธิบายแบบเป็นข้อๆนะครับ

1. ทุกวันนี้ เวลาชาวเสรีไทยตั้งกระทู้อะไรก็ตาม เมื่อมีการโต้เถียงจบ จะไม่มีการสรุปอะไรทั้งนั้น พูดง่ายๆคือ กระทู้อาจจะลากยาวไปหลายๆหน้า จนอีกฝ่ายจนมุม สุดท้ายเขาก็หายไม่มาตอบกระทู้เอง ผ่านไปสักพักกระทู้แนวเดิมๆก็จะเกิดออกมา แล้วชาวเสรีไทยก็ต้องไปขุดข้อมูลมายันอีก วนไปเวียนมาไม่จบสักที

2. กระทู้บางกระทู้ หลักฐานชนกัน แต่ก้ยังสรุปไม่ได้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ คนอ่านก้งง เพราะจะไปไล่อ่านที่ทุกคนเอาข้อมูลมาแปะ ก็ยาก แถมบางเรื่องต้องเป้นคนที่รู้จริงๆถึงจะเข้าใจ และบางคนอาจไปเชื่อข้อมูลผิดๆ ที่บางคนจงใจบิดเบือน ลองคิดดู คน 9 คนไม่เชื่อ คน 1 คนเชื่อ เขาก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

ส่วนสิ่งที่ผมเสนอนะครับ คือ

ตั้งกรรมการรับผิดชอบด้าน Debate แน่นอนว่าอาจจะเป้นการเพิ่มงานให้ Mod ก้อาจจะหาใครก็ได้ที่เชี่ยวชาญด้านข้อมูล ควรมีกรรมการอย่างน้อย 2 คน เพื่อนำมาตรวจสอบข้อมูล และตัดสิน สรุปผล อาจจะมีมากกว่า 2 คน และทางที่ดีควรนำคนทั้งสองฝ่ายมาเป็นกรรมการด้วย (อาทิเช่น ใจดี20 อิอิ ล้อเล่นครับ)

1.เป้นกระทู้ Debate เฉพาะทาง โดยอาจจะกำหนดให้กระทู้นี้ชื่อเป้นสีฟ้า หรือเขียว หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้คน ทั่วไปทราบว่าไม่ใช่กระทู้ปกติ ทั่วไป และให้คนที่ตั้งได้เป็น Mod หรือผู้มีอำนาจ

2. เมื่อ มี การ Debate สมมุติ นาย Ant ต้องการจะดีเบต เรื่อง กล้องดัมมี่ กทม โกงจริงหรือไม่ กับ นาย Bird โดยที่นาย Ant เชื่อว่า โกงแน่ๆ แต่นาย bird บอกว่า ไม่ได้โกง ถูกต้องทุกอย่าง ก็ให้แจ้งกับ Mod หรือผู้รับผิดชอบ เพื่อที่จะได้จัดการดำเนินการให้

3. เมื่อมีการ Debate ก้ให้ Mod แจ้งวัน-เวลา ที่จะตั้งกระทู้ โดยตั้งหัวข้อ และ เมื่อมีการตั้งกระทู้ก้ให้ทั้งสองฝ่าย นำข้อมูลมาโพส โดยกำหนดว่าคนที่มีสิทธิ์จะโพสในนี้ได้มีแค่ 2 คนที่ดีเบจเท่านั้น คนอื่นทำได้แค่อ่านเท่านั้น

4. กำหนดระยะเวลาของกระทู้ ว่ามีเวลา 2 วัน ให้โต้เถียงกันในกระทู้นี้เลย พอครับ 2 วันก็ให้ กรรมการ Lock กระทู้ และก้นำไปตรวจสอบ โดยการตรวจสอบคือ

   4.1 หลักฐานที่นำมาใช้ เกี่ยวข้องกับหัวกระทู้หรือไม่ ถ้าไม่ก็แจ้งให้ทราบว่าหลักฐานตรงนี้ไม่เกี่ยวข้อง และถ้าเกี่ยวข้องข้อมูลนี้ถูกต้องหรือไม่

   4.2 ถ้าหลักฐานที่ตรวจสอบเป็นข้อมูลจริง ก็แจ้งให้ทราบว่าข้อมุลนี้จริงหรือเท็จอย่างไร

5. เมื่อหลักฐานทั้งหมด วิเคราะห์หมดก็ให้กรรมการ ทำการสรุปผล ในกระทู้โดยอาจจะเขียนแบบย่อๆเพื่อให้คนที่มาอ่านได้เข้าใจได้ง่าย

   ตัวอย่างนะครับ

   กทม โกงเรื่องกล้องวงจรปิดหรือไม่

   ant เชื่อว่า โกง bird เชื่อว่าไม่

   เมื่อถึงเวลาทั้งสองฝ่ายก็เอาข้อมูลมาโต้เถียงจนจนครบเวลา mod ก็ lock กระทู้แล้วตรวจสอบหลักฐานแล้วสรุปผลออกมาเช่น

   Bird เอาข้อมูลการจัดซ์อกล้องมามาแสดงว่ามีความโปร่งใส Mod ตรวจสอบแล้วพบว่า จริงมีความโปร่งใส

   Ant โจมตีด้วยราคาของสายไฟ ว่าแพงเกินจริงมากต้องมีการโกงแน่ๆ Mod ตรวจสอบแล้วว่า ราคาของไฟแพงเกินจริงก็บอกว่าจริง

   และหลักฐานอื่นๆที่นำมาตรวจสอบ

   พอตรวจสอบครบ ก็สรุปผลออกมา อาจจะไม่บอกว่าโกงไม่โกง แต่สรุปคราวๆเช่น

   จากการตรวจสอบข้อมูลที่นำมาแสดงพบว่า

   1การจัดซื้อกล้องถูกต้อง

   2.พบว่าราคาสายไฟ มีราคาแพงเกินจริง

   3. บลา บลา

ข้อดี-ข้อเสียของการทำ Debate webborad

1. สามารถจัดการพวกที่ชอบเอาข้อมูลลอยๆ มาแปะแล้วหายหน้า แล้วก็เอาเรื่องเดิมๆมาพูดอีกได้ เพราะเมื่อมีการตรวจสอบ การ Debate แล้ว เราก็ถือได้ว่า ข้อมูลที่คุณพูดมามั่ว สามารถเอามายันหน้าพวกที่ชอบมั่วข้อมูลได้ดี

2. บอร์ด เสรีไทย ถ้าเทียบกับสมัยก่อนคนจะใช้งานเยอะกว่านี้มาก แต่ปัจจุบันคนก็น้อยลงเช่นกัน เนื่องจากการเบื่อพวกที่ชอบมาตั้งกระทู้รกๆ เอาข้อมุลมั่วๆมาแปะ ทำให้คนทั่วไปอาจเบื่อ บางกระทู้ดุมีสาระ พอเข้าไปอ่านก็ด่ากันไปด่ากันมาไม่ต่างจาก เวปเสื้อแดง

3. เวปบอร์ดเราจะเหมือนเป้นเวปที่ตรวจสอบทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านในตัวเอง เพราะเมื่อมีการดีเบตข้อมูลกัน แน่นอน ฝ่ายเวปแดงก็อาจจะเข้ามา เพื่อเอาข้อมูลที่ ปชป ผิดจริงๆมาดีเบต ถ้าผิดจริงๆ เราก็ต้องยอมรับว่า ปชป ผิดตรงนี้จริงๆ และถ้า ปชป โดนใส่ความ ก้จะช่วยยืนยันได้ว่าโดนใส่ความ

4. เราอาจจะตั้งเป้นหัวข้อ Debate ไปเลย เพราะเวลาคนต้องการหาข้อมูลความจริงว่า อันนี้จริงไหม อันไหนอย่างไร เขาจะเข้ามาค้นที่หัวข้อ Debate ได้เลย และบางทีหัวข้อนี้อาจใช้เป็นข้ออ้างอิงได้

   ข้อเสีย

   1. เพิ่มงานให้กับ mod เพราะต้องทำงานเพิ่มทั้งส่วนของ Webbord เอง และต้องตรวจสอบข้อมูลในการดีเบตว่าจริงหรือเท็จ และก้สรุปผลออกมา

   วิธีแก้ รับสมัครคนที่ต้องการมาตรวจสอบจริงๆ โดยต้องเป็นคนที่รู้จริง และถ้าให้ดีควรรับทั้งสองฝ่ายมาเป้นกรรมการตรวจสอบ

   2. หัวข้อการ Debate ให้ กรรมการตัดสินใจว่า Debate ได้หรือไม่ เพราะบางหัวข้อก็ไม่สามารถ Debate เช่น เพื่อไทยเลวหรือไม่ ปชปเลวหรือไม่ พูดง่ายๆ เรื่องความรู้สึกไม่ควรนำมาเป้นหัวข้อ เพราะต่างคนต่างความคิด ไม่สามารถสรุปได้ แต่หัวข้อที่ Debate ได้ต้องเป้นหัวข้อ ที่มีหลักฐานอ้างอิงได้ เช่น ทักษิณโกงเงินภาษีหรือไม่

   วิธีแก้ กรรมการต้องพิจารณาแต่ล่ะหัวข้อ ถ้าไม่ได้ก็อธิบายให้เข้าใจด้วยว่าทำไมไม่ได้

   3.เวปบอร์ดอาจต้องอัพเดทใหม่ ถึงระบบหัวข้อดีเบต

   วิธีแก้ ถ้าหาโหลดไม่ได้ ติดต่อผมก็ได้ครับ ผมเขียนโปรแรกมให้กับห้างอยุ่ พอมีความรู้เรื่องนี้บ้าง

    

   อันนี้ก็เป็นแค่ข้อเสนอนะครับ เพราะผมอยากให้เวปบอร์ดเรายกระดับไปอีกขั้นหนึ่ง ฟังดูแล้วมันก็เหมือนกับ ศาลไซเบอร์ดีๆนี้เอง ถ้าเราสร้างมาตรฐานให้ดีขึ้น ไม่แน่คนจากข้างนอกอาจใช้บริการเวปเราให้ตัดสินข้อมูลต่างๆ ว่าจริงไม่จริง และคำตัดสินเราถ้าเป้นกลางจริงๆ ไม่แน่ เวปบอร์ดเราจะกลายเป้นเวปมาตรฐานที่เวปต่างๆใช้อ้างอิงได้เลยทีเดียว (ว่าไปนั้น แต่ก้ใช่ว่าจะไม่มีทางเป้นไปได้)

อย่าไปสนใจเสียงส่วนน้อยเลยครับ แพ้แล้วก็เห่าหอนกันแบบนั้นแหละ 

 

 

> 

อย่าไปสนใจเสียงส่วนน้อยเลยครับ แพ้แล้วก็เห่าหอนกันแบบนั้นแหละ 

 

 

ว่าไงครับ เสียงส่วนใหญ่ของคนกรุงเทพ แต่เป็นเสียงส่วนน้อยของคนทั้งประเทศ

 

แต่เสียงส่วนน้อยของประเทศ กลับเป็นคนที่กำลังเลี้ยง เสียงส่วนใหญ่ที่เลี้ยงตัวเองไม่ได้ ไม่ต่างจากคนพิการ แถมพวกเสียงส่วนใหญ่ที่ดูแลตัวเองไม่ได้ ก็ส่งตัวแทนที่ดูแลตัวเองไม่ได้ มาดูแลเงิน ของเสียงส่วนน้อยที่คอยเลี้ยงดูพวกเสียงส่วนใหญ่อยู่ น่าอายไหม คนเยอะกว่า แต่กำลังสมองและกำลังในการพัฒนาประเทศกลับด้อยกว่าหลายเท่านัก

ฆ่าตัวตายแท้ๆ เพราะเงินหรืออะไรก็ตามที่คุณได้มา แลกกับสิ่งที่คุณเสียไปคือ ความน่าเชื่อถือของพวกคุณ

คุณรู้ไหม ห้างที่ผมทำงานอยู่เขายอมเสียเงินเป็นล้านเพื่อรักษา ความน่าเชื่อถือเอาไว้

แต่พวกคุณยอมเสียความน่าเชื่อถือ เพื่อเงิน  สุดท้ายเมื่อความน่าเชื่อถือไม่มี ใครจะมาจ้างพวกคุณอีก กว่าจะสร้างได้ใหม่ ใช้เวลาอีกกี่ปีครับ..

ตอแหลแลนมาจาก เสียงส่วนใหญ่ของประเทศชอบโกหก ก็เลยตั้งชื่อนี้กันครับ

ผมขาดความรู้เรื่องนี้มาก จึงไม่สามารถแจมกับเพื่อนๆได้

จึงขอแลกเปลี่ยนแนวคิดเฉพาะเรื่อง "การริเริ่มแนวคิดใดๆก็ตาม ต้องทำอย่างไร" นะครับ

เนื่องจากสมัยผมเอ๊าะๆแล้วเริ่มทำงานครีเอทีฟที่เอเจนซี่ใหม่ๆ

มีพี่หัวหน้าอาร์ตไดเคยสอนวิธีคิดนี้ให้กับผม แล้วมันสุดยอดมาก จึงขอแบ่งปัน

(ปัจจุบันพี่คนนี้ได้เป็นนักเขียนซีไรต์ไปแล้วครับ)

 

 

พี่สอนน้องๆว่า "เวลาจะคิดไอเดียหรือวิธีแก้ปัญหาใดๆก็ตาม

เรามักจะชอบคิดออกมาเลย แล้วก็เชื่อว่าเป็นความคิดที่ไม่มีใครทำมาก่อน หรือมันดีที่สุด

ซึ่งเป็นการคิดที่ผิด

ขั้นตอนแรก เราต้องเอาความคิดของเราไปทำการค้นหาก่อนว่า..

มีใครคิดวิธีนี้ออกมาแล้วหรือยัง?

 

1. ถ้ามีคนคิดแล้ว และทำแล้ว

ให้รีเสิรชต่อไปว่าเวิร์กไหม ทำไมไม่เวิร์ก รึถ้าเวิร์ก มันเวิร์กเพราะอะไร

 

2. ถ้ามีคนคิดแล้ว แต่ไม่มีคนลงมือทำ

ให้ค้นคว้าต่อ.... ทำไมเขาไม่ปฏิบัติจริง  มันทำไม่ได้จริงหรือ? หรือว่าทุนสูงเกินไป ฯลฯ

 

3. ถ้ามีคนคิดแล้ว แต่ทำแล้วมันไม่เวิร์ก

ให้ค้นคว้าต่อว่า....ทำไม  เราอาจไม่ใช่คนริเริ่มไอเดียจริง แต่เราอาจพบทางแก้ไขปัญหาก็ได้

 

4. ถ้าไม่มีใครคิดมาก่อนเลย

ต้องถามตัวเองว่า แล้วทำไมเราคิดได้คนแรกวะ?  ไอ้คนที่เหลือในโลกนี้มันโง่กว่าเราได้ไงกัน?  

รึว่าเค้าไม่ได้โง่ เพียงแต่มันเป็นเรื่องง่ายจนคนมองข้าม หรือว่าอย่างไร ฯลฯ

 

ทำจนครบ 4 กระบวนการนี้จบ ค่อยนำเสนอความคิดนั้นออกมาสู่สาธารณะครับ

 

(กระบวนการคิดแบบมีการสืบค้น ถึงรายละเอียดครบถ้วนแบบนี้ พี่เค้าบอกนะว่าภาษาปะกิดชื่ออะไร แต่ผมลืม!  ขอโต้ดดด  )

โทษทีครับ เพราะผมไม่ได้ศึกษษไรหรอกว่าใครคิดมาก่อนผมรึเปล่า เพราะผมเห็นรถติดทุกวัน แล้วมีคนบอกว่า

รถติดอ่ะ ใครก็แก้ไม่ได้.... ส่วนตัวผมเองมีความเชื่อว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จึงคิดแนวทางออกมา อยากจะเสนอ และไม่มีเวลาไปดูหรอกว่าใครคิดมาก่อนรึยัง

แต่จากที่ดู คงจะจริงอย่างที่เขาพูด ว่ารถติด ใครก็แก้ไม่ได้ เพราะแค่คิดจะแก้ ยังไม่กล้าที่จะคิดเลย...

ผมฝันไว้ว่าจะได้คนที่กล้า ลงมือทำอะไร เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดีขึ้น เพราะมัวแต่ยึดติดกับคำว่า ไม่มีทางเป็นไปได้

 คติ ประจำใจผมนะครับ พูดแล้วทำไม่ได้คือนิทาน พูดแล้วทำได้ มันคือตำนาน