JUR1ST

ไอ้มันเกินเลยความเป็นเด็กเกรียนแล้ว กลายเป็นสวะขั้นสมบูรณ์

มันคงไม่มากันหรอก ที่น่ากลัวคือพวกที่ไปปาระเบิดมากกว่า

ไอ้หนังสือพิมพ์หอกนี่ ทุกวันนี้วางให้อ่านฟรีๆ ยังไม่เอาเลย

 

มีช่วงหนึ่งที่เป็นสมาชิกแบบสุดสัปดาห์ ต้องทนอ่านมันเกือบปี พอไม่ต่ออายุสมาชิกแล้วรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก

 

ฝ่ายสมาชิกไม่ตื้อให้ต่ออายุด้วยนะ สงสัยหาเงินจากสปอนเซอร์จะคล่องกว่า แต่พวกนี้คงลืมตัวไปว่าถ้าเป็นสื่อแล้วไม่มีความน่าเชื่อถือ หากินกับสปอนเซอร์อย่างเดียวก็ไม่มีประโยชน์

ตาชั่งเอียงไปยังข้างที่ถูกต้องก็ถูกแล้ว จะให้มีน้ำหนักเท่ากันหรือเอียงไปยังความชั่วเรอะ

ตาชั่งที่เสมอกันทั้งสองข้างนั้นเป็นเพราะทั้งสองข้างมีน้ำหนักสมดุลพอดี แต่มาร้องแรกแหกกระเฌอว่าตาชั่งเอียงไปทางความถูกต้องนี่มันโคตรตลก

แล้วไอ้พวกเวรตะไลที่มีอยู่ไม่ถึงห้าร้อยคนในสภาจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยไม่ถามประชาชนทั้งประเทศ หาเรื่องกู้เงินทั้งที่ตอนหาเสียงเลือกตั้งว่าจะไม่กู้ ฝ่าฝืนกฎหมายแล้วเอากลไกทางกฎหมายมาคุกคามคนที่เห็นต่าง ไอ้พวกนี้ควรลาออกจากความเป็นคนไปเลยดีไหม

แค่โดนสอยมันยังไม่พอครับ มันควรโดนคดีอาญาฐานประพฤติผิดต่อหน้าที่ด้วย

โดยทั่วไปแล้วการทำโครงการอะไรสักอย่างต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการแล้วมาประเมินค่าใช้จ่าย ต่อมาจึงตั้งงบประมาณที่ต้องใช้ภายในกรอบระยะเวลา

 

แต่สังเกตไหมว่าไอ้โครงการนรกแตก (ที่คิดโดยรัฐบาลที่นรกไม่แพ้กัน) เอาเงินมาเป็นตัวตั้ง แล้วค่อยดำเนินการศึกษาโครงการ สรุปแล้ววัตถุประสงค์คือการกู้เงินให้ได้สองล้านล้านไว้ก่อน ทำได้จริงหรือไม่ช่างแมร่ง เพราะถือว่ารัฐสภาออกกฎหมายให้กู้แล้ว

ไม่มีตรงไหนเขียนถึงเสื้อแดงเลย แต่มีคีย์เวิร์ดว่า "หมิ่นศาล" กับ "พวกมากลากไป" เท่านี้พวกมันก็ดิ้นพล่านแล้ว

ควายแดงยอมรับเหอะ ที่พวกเมริงร่ำร้องกันนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตยหรอก รู้อยู่แก่ใจยังมาตอแหลอีก

เวลาโจรถูกจับได้ก็อ้างว่าไม่ผิดทั้งนั้นแหละ

เป็นนักกฎหมาย แต่ให้ความเห็นแบบไม่คำนึงถึงบริบทความเป็นจริง มีอย่างที่ไหนที่จะโยนความผิดให้ กกต. ฝ่ายเดียวที่จัดการเลือกตั้งไม่ได้ แล้วที่ศาล รธน. ให้ กกต. กับรัฐบาลรักษาการประชุมเรื่องการหาวันเลือกตั้งนี่รัฐบาลมันทำหรือยัง แล้วหน้าที่การรักษาความสงบเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการเลือกตั้งนี่รัฐบาลมันทำได้ไหม

หากในภาวะปกติ กกต. ไม่จัดการเลือกตั้งก็ว่าไปอย่างนึง นั่นอาจจะเป็นความผิดของ กกต. แต่นี่รัฐบาลประกาศ พรก. ฉุกเฉินแล้วยังสร้างบรรยากาศเลวร้ายในสังคมอีก จะให้เลือกตั้งสำเร็จง่ายๆ ได้ยังไง

ความเห็นของนักกฎหมายที่ไม่ดูข้อเท็จจริงรอบข้างนี้มันไร้ค่าไร้ประโยชน์จริงๆ ไม่ว่าจะสวมหัวโขนในตำแหน่งอะไรก็เถอะ

ที่บ้านเมืองชิปหายวายป่วงทุกวันนี้

 

ที่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้คือ อัยการ กฤษฎีกา ปปช.ที่เป็นทนายให้รัฐบาล

 

3 หน่วยงานนี้แหล๊ะที่ต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย

 

โครงการทุกโครงการต้องผ่าน กฤษฎีกา 

 

ส่วน อัยการกับปปช.ก็ค่อยแต่ดึงเชงรอให้เกิดความเสียเยอะเสียก่อนค่อยออกมาเสนอหน้า

 

เอาตัวรอด กฤษฎีกาเป็นนิ้วให้รัฐบาล อัยการก็ค่อยแตะถ่วง ปปช.ไม่ยอมชี้มูลรอให้คดีหมดอายุ 

 

ประเทศชาติบ้านเมืองจะไม่บรรลัยยังไงไหว

 

กฤษฎีกาก็เป็นแค่ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาลครับ จริงๆ แล้วถ้าเทียบกับเอกชนก็เป็นเพียงฝ่ายกฎหมาย แต่เผอิญว่าองค์ประกอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา (มีหลายคณะ) มีกรรมการเป็นอาจารย์ ข้าราชการเกษียญอายุ ฯลฯ มานั่งด้วย ก็มีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ความเห็นจะถูกต้องไปเสียทุกอย่าง

 

เมื่อวานอ่านข่าวเห็นว่ารองเลขฯ กฤษฎีกาไปชี้แจงกรรมาธิการ สว. เรื่องการให้ความเห็นเกี่ยวกับการกู้เงินหลังยุบสภาเพื่อมาจ่ายชาวนา มีการให้เหตุผลว่าทำได้และไม่ขัด รธน. ม. 181 เพราะว่าเป็นการก่อหนี้ผูกพันก่อนหน้าที่จะมีการยุบสภา

 

อ่านแล้วก็รู้สึกคันเหลือเกิน ไม่มีใครเถียงหรอกว่าเป็นการก่อหนี้ผูกพันก่อนยุบสภา แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่มีการใช้วงเงินห้าแสนล้านตามมติ ครม. เดิมไปเต็มวงเงินแล้ว และยังไม่ได้มีมติ ครม. ใหม่เพื่อการกู้เงินเพิ่มวงเงินก่อนหน้าที่จะมีการยุบสภา ดังนั้นการกู้เงินนี้จึงเป็นไปตามมติ ครม. (น่าจะเดือนมกราคม 2557) ที่เพิ่มวงเงินขึ้นใหม่และการกู้เงินก็ไม่ได้เป็นไปตามมติ ครม. เดิม กรณีนี้จึงไม่น่าทำได้โดยไม่ขัดกับ รธน. ความเห็นของกฤษฎีกาตรงจุดนี้เหมือนกับว่าเป็นการให้ความเห็นที่ไม่ครอบคลุมทั้งหมด และสุดท้ายการกู้เงินของรัฐบาลหลังยุบสภาจึงน่าจะขัดกับ รธน.

 

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าการตอบคำถามของหน่วยงานราชการจะเป็นลักษณะการตอบตรงคำถามโดยไม่มีการขยายความหรือให้ความเห็นครอบคลุมในประเด็นอื่น (คือถามอะไรก็ตอบเฉพาะคำถาม ไม่แนะนำมากกว่านั้น) ดังนั้นจึงอาจให้เครดิตกฤษฎีกาว่าการให้ความเห็นคงเป็นเรื่องการตอบตามคำถามเท่านั้น ซึ่งหากคนถามชงมาหวาน คนตอบก็ตอบแบบหวานๆ ไปด้วย อันนี้เป็นเทคนิคที่รู้กันในการสอบถามระหว่างหน่วยงานราชการ

  เป็นอีกหน่วยงานที่คนอย่างกระพ๊มไม่รู้ว่า... มีไว้ทำเห รี้ยอันใด แม่มมีแต่แดรกภาษีกรู แล้วกราบตรีนเห รี้ยทรพีไปวันๆ รองจากตะกวดแห่งชาติขอรับ...

 

  ทำมาหาแดรกอยู่ด้วยกัน เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกันอยู่สองฝูงมันนี่แหละ นอกนั้น... อย่าหวัง...

 

หากในอนาคตมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ต้องแก้เรื่องประชาชนนำเสนอคดีเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นเองได้โดยตรงหากอัยการสั่งไม่ฟ้องหรือไม่ดำเนินการภายในกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และต้องไม่ให้ไปนั่งเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจด้วย อยากได้เงินเพิ่มก็ไปสอนหนังสือเอาเหมือนผู้พิพากษา

 

อ้อ และต้องมีการตรวจสอบการทำงานของอัยการด้วย เพราะเรื่องการสั่งฟ้องไม่ฟ้อง หรือการไม่อุทธรณ์คดีสำคัญนี่เห็นอ้างดุลพินิจหลายหนแล้ว ควรมีบทลงโทษด้วย

พระมหากษัตริย์ไทยและบรรพบุรุษชาวไทยปกป้องราชอาณาจักรเพื่อศักดิ์ศรีของประเทศและเพื่อลูกหลาน แต่กลับมีคน junrai อวดอ้างใหญ่โตว่าอยากแบ่งแยกประเทศ

 

อยากถามพวกที่กระสันอยากแบ่งแยกประเทศว่าทั้งชีวิตพวกเมริงมีศักดิ์ศรีความเป็นคน มีสำนึกต่อสังคม หรือทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้างไหม? หรือมีประโยชน์อย่างเดียวคือเอาไปทำปุ๋ย

อันนี้เป็นตัวอย่างของวาทะที่ว่า "ผลไม้พิษย่อมมาจากต้นไม้พิษ" ได้ชัดเจน และคิดว่าจะเป็นตัวอย่างที่จะกล่าวถึงกันไปอีกนาน

อีนังยกมาบอกว่าถ้าจะเจรจาล่ะก็ผู้ชุมนุมต้องเลิกชุมนุมก่อน ลูกผม (อยู่ ป. 2) ฟังข่าวแล้วก็บอกว่า "ถ้าเลิกชุมนุมแล้วจะมาเจรจาทำไม ใช่ไหมพ่อ"

อีปูเอ๋ย มุกเมริงหลอกเด็กประถมยังไม่ได้เลย