โดย
on 7 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:53
แหม เวลาปิดวิทยุแดง ทำจะเป็นจะตายทั้งๆที่มีคนฟังไม่เท่าไหร่
แล้วก็มาอ้างว่าถูกรัฐปิดกั้นสื่อ โดนริดรอนสิทธิเสรีภาพ
เนื้อหาก็มีแต่การล้างสมอง จ้องทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม
ทำให้เกิดบ้านเมืองวุ่นวาย
ทีละครน้ำดี ส่งเสริมจริยธรรมให้คนทำความดี
ต่อความความชั่วร้าย กลับโดนแบน
ควายแดงกับเห็นชอบ ชื่นชม ซะงั้น
โดย
on 7 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:48
โดย
on 7 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:31
มันเกี่ยวกับเสรีภาพ หรือ ประชาธิปไตยในการแสดงความคิดเห็นหรือทำอะไรต่าง ๆ
รบ ทำตัวแบบนี้มันเผด็จการชัด ๆ แบบเกาหลีเหนือเลย
โดย
on 6 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:43
โดย
on 6 มกราคม พ.ศ. 2556 - 19:38
โดย
on 6 มกราคม พ.ศ. 2556 - 19:08
โดย
on 4 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:07
ตอนที่เขามีวิทยาลัยครูก็เปลี่ยนเป็นราชภัฏ ให้ไปจบออกไปทำมาหากินอย่างอื่นเพราะครูล้นก็เปิดกันหลายคณะหลายสาขา จนมาเกิดโครงการเกษียณอายุครูก่อนกำหนด
ทำไปทำมาครูไม่พอ ก็มีครูอัตราจ้าง ไม่ต้องสอบ ไม่ต้องจบคุรุศาสตร์บัณฑิต
แล้ว คุรุสภาก็ออกหนังสือรับรองชั่วคราวให้เสียตังกันไป คนละ 500 บาท
แล้วก็มาบอกว่าต้องมีประกาศนียบัตรวิชาชีพครู ก็ไปเรียนกันอีก จ่ายตังครบจบได้ใบประกาศก็มี ฮ่าๆ
หลังๆ นักศึกษาที่เรียนคุรุศาสตร์โดยตรงก็ไม่พอใจ ก็แหงล่ะเรียนมาไม่ได้เป็นครูสักทีเพราะสอบไม่ติดกรรมแท้
สอบรวมทั้ง กพ, ครู กทม. ครูเทศบาล เกินครึ่งสอบไม่ผ่านเพราะวิชาเฉพาะต้องทำได้เกินร้อยละ 70
ก็เลยมีสอบ ย่อย ของ สพฐ. คนสมัครสอบไม่ถึงพัน เพราะกำหนดโรงเรียนไว้แล้วว่ามีโรงเรียนไหนบ้าง
นี่ขนาดตำแหน่งครูผู้ช่วยนะ น่าจะดีกว่าพนักงานราชการ
ดูมันเละๆ เทะๆ ยังไงไม่รู้
อยากรู้ไหมครับว่าทำไมถึงสอบไม่ติด
ก็เพราะผุ้บริหารมันล็อคสเปกเอาไว้แล้วว่าต้องการลูกหลาน
หรือญาติพี่น้องหรือผลประโยชน์ตัวเองไงครับ
บางคนบอกว่าถ้าอยากเป็นข้ารากชการก็ไปเอาอ่านหนังสือสอบเอาสิครับ
เค้าอุตส่าห์นั่งหลังขดหลังแข็งในการอ่านหนังสือเป็นปีไม่ได้นอนตีหนึ่งตีสอง
เลยอยากจะบอกไว้เลยครับว่าครูอัตราจ้างต้องทนแรงกดดันในการทำงานมานาน
อย่างผมก็ 7 ปีแล้วยังไม่ได้บรรจุ เพราะ โดนเด็กเส้นบรรจุไปก่อนหน้าเป็นว่าเล่น
เห็นตั้งแต่เป็นนักศึกษาฝึกสอนจนสอบได้เป็นครูผู้ช่วยด้วยซ้ำ
และบางคนก็บอกว่าส่วนใหญ่ครูอัตราจ้างเป็นเด็กเส้น ผมบอกไว้เลยครับว่า
ถ้าเค้าเป็นเด็กเส้นจริงเค้าไม่มาเป็นครูอัตราจ้างกันหรอกครับ เพราะว่า
พวกเด็กเส้นนอนตีพุงเป็นข้าราชการกันหมดแล้วครับ
และหนึ่งในนั้นมีหลานรัฐมนตรีช่วยได้บรรจุสมัยตัวเองด้วยซิ
อันนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดมากับตัวเดี๋ยวจะมาแฉเพิ่มเติมครับ
โดย
on 4 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:58
"พอเข้าปีที่สองคุณจะเปลี่ยนยาง 4 เส้น"ไม่รู้ว่า... แดง หรือ สลิ่ม วิชาการ จะเปลี่ยนยางตอนปีที่สอง... อ่านแล้ว อย่างฮา... ไอ้พวกนี้เนี่ยได้ค่าโฆษณาจากบริษัทยาง...
ประมาณว่านึกอะไรไม่ออก กูหาเรื่่องให้มันแย่ไว้ก่อน....
คุณ Hentai ครับ เขาหมายถึงคนที่มีรายได้ 9000 ถึง 10000 ต้นๆ ครับ
มีเยอะซะด้วย ใกล้ตัวเลยน้องเมียผมเอง ทั้งสองคนออกป้ายแดง (ไม่แน่ใจว่าใช้สิทธิรถคันแรกได้หรือเปล่า
คือ ford เฟียสต้า กับอีกคันใช้สิทธิรถคันแรกแน่นอน นิสสัน อะมีร่า)
ถ้ามีภาระต้องผ่อนรถเดือน 6000 บาท + ค่าน้ำมัน แล้วยังต้องมาผ่อนยางอีก
เอาเถอะปีที่สองอาจจะไม่มีใครเปลี่ยนยาง หรือจะใช้มันจนโล้นไปเลย
ยังไงเงินเดือนขนาดนี้มีโอกาสที่จะโดนยึดรถสูงมาก แต่ถ้าจะโทษรัฐบาล
อาจจะหาช่องแถไปได้ว่า ก็ไม่รู้จักประมาณตัวเองเองนี่หว่า
ฮ่าๆๆ ก็รัฐเปิดโอกาสเองนี่ครับใครก็อยากมีรถแถมไฟแนนซ์ก็ปล่อย
ให้ผ่านกันง่ายๆ นั่งรถตู้ผู้โดยสารก็คุยกันให้ฟังเงินเดือน 9000 บาทก็ได้แล้ว
ไม่ถึงสองอาทิตย์ก็ผ่าน
แสดงว่า ยาง เข้าใจตรงกัน.. จบไป...
ผมถามว่า.. การที่เราไปเป็นหนี้ โดยไม่ดูความสามารถของตัวเอง... เป็นความผิดของ
คนเป็นหนี้ หรือ คนให้กู้ หรือ คนที่โทรศัพท์มาบอกว่ามี สินเชื่อส่วนบุคคล ครับ...
เค้าบังคับหรือป่าวครับ... ว่าต้องไปซือ...
ปัญหาบ้านเราจะลดลง... ถ้าลองพยายาม โทษตัวเองบ้าง...
ทำไมมันทำให้ผมนึกถึงคนที่พูดว่า
ผมไปเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง
เค้าไปบังคับหรือเปล่าครับ ว่าต้องไปเผา ....... 
ปัญหาบ้านเราจะลดลง... ถ้าลองพยายาม ติดคุกเองโดยไม่ต้องให้คนเชียร์ให้เผามาช่วยประกันตัว... 
ขอโทษที่ออกทะเล
โดย
on 4 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:16
ทำไมผมถึงไม่ยอมซื้อรถยนต์ซะที....ทั้งๆที่ครอบครัวผมมีเงินเดือนพอที่จะมีได้สบายๆ
1. บ้านผมรถยนต์เข้ามาจอดไม่ได้ ต้องเช่าที่จอดเดือนละแปดร้อย...เสียแน่ๆปีละ 9600 บาท
2. บ้านผมอยู่บางพลัด ทำงานแถวประเวศ ถ้าใช้รถผมจะใช้เวลาอยู่บนถนนวันละประมาณสี่ชั่วโมงอย่างต่ำ...แต่ผมใช้มอไซค์เหลือวันละไม่เกินสองชั่วโมง
3. ถ้าใช้รถค่าน้ำมันจะตกวันละประมาณเกือบสามร้อย....ผมใช้มอไซค์วันละสี่สิบบาทประหยัดไป 7.5 เท่าตัว
4. ลูกและเมียไปทางเดียวกันหมด...โรงเรียนและที่ทำงานเมียก็ทางผ่านที่ผมจะมาทำงาน..ประหยัดค่าเดินทางเมียได้อีกประมาณวันละเกือบร้อยบาท
5. ถ้าอยากพาลูกเมียไปเที่ยวต่างจังหวัด...ผมใช้รถเช่า มีเยอะแยะ เอาไอ้ค่าส่วนต่างที่ประหยัดได้ทั้งหลายนี่แหละมาจ่าย..เหลือๆครับ แถมผมไม่ต้องมาคอยดูแลรักษามากเสียก็ไม่ต้องซ่อม เติมน้ำมันระหว่างเที่ยวอย่างเดียว...สบาย.....ที่สำคัญปีๆนึงผมมีวันหยุดเที่ยวยาวๆไม่เกินสามครั้ง เลยไม่รู้ว่าจะซื้อทำไม ถ้าจะไปเที่ยวละแวกกรุงเทพผมใช้บริการแท็กซี่หรือรถไฟฟ้าถ้าจะเที่ยวในเมือง
ซื้อมาก็ต้องจอดมากกว่าขับ...ไม่รู้ว่าจะซื้อมาทำไม....แถมรถที่จอดมากกว่าขับจะเจอปัญหาจุกจิกมากว่าด้วย
ุ
โดย
on 4 มกราคม พ.ศ. 2556 - 09:33
ทำไมผมถึงไม่ยอมซื้อรถยนต์ซะที....ทั้งๆที่ครอบครัวผมมีเงินเดือนพอที่จะมีได้สบายๆ
1. บ้านผมรถยนต์เข้ามาจอดไม่ได้ ต้องเช่าที่จอดเดือนละแปดร้อย...เสียแน่ๆปีละ 9600 บาท
2. บ้านผมอยู่บางพลัด ทำงานแถวประเวศ ถ้าใช้รถผมจะใช้เวลาอยู่บนถนนวันละประมาณสี่ชั่วโมงอย่างต่ำ...แต่ผมใช้มอไซค์เหลือวันละไม่เกินสองชั่วโมง
3. ถ้าใช้รถค่าน้ำมันจะตกวันละประมาณเกือบสามร้อย....ผมใช้มอไซค์วันละสี่สิบบาทประหยัดไป 7.5 เท่าตัว
4. ลูกและเมียไปทางเดียวกันหมด...โรงเรียนและที่ทำงานเมียก็ทางผ่านที่ผมจะมาทำงาน..ประหยัดค่าเดินทางเมียได้อีกประมาณวันละเกือบร้อยบาท
5. ถ้าอยากพาลูกเมียไปเที่ยวต่างจังหวัด...ผมใช้รถเช่า มีเยอะแยะ เอาไอ้ค่าส่วนต่างที่ประหยัดได้ทั้งหลายนี่แหละมาจ่าย..เหลือๆครับ แถมผมไม่ต้องมาคอยดูแลรักษามากเสียก็ไม่ต้องซ่อม เติมน้ำมันระหว่างเที่ยวอย่างเดียว...สบาย.....ที่สำคัญปีๆนึงผมมีวันหยุดเที่ยวยาวๆไม่เกินสามครั้ง เลยไม่รู้ว่าจะซื้อทำไม ถ้าจะไปเที่ยวละแวกกรุงเทพผมใช้บริการแท็กซี่หรือรถไฟฟ้าถ้าจะเที่ยวในเมือง
ซื้อมาก็ต้องจอดมากกว่าขับ...ไม่รู้ว่าจะซื้อมาทำไม ....แถมรถที่จอดมากกว่าขับจะเจอปัญหาจุกจิกมากว่าด้วย 
ุ
โดย
on 4 มกราคม พ.ศ. 2556 - 06:58
ในโลกออนไลน์ ได้มีการแชร์ บทสัมภาษณ์ คุณพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ หรือ "น้าเดช" แห่งวงการรถยนต์ กับ Way Magazine (http://bit.ly/THjWnJ) ถึงประเด็น รถคันแรก ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไว้อย่างน่าสนใจ แซบ แสบทรวง
โดยคุณพัฒนเดช หรือ "น้าเดช" ระบุว่า
กับการที่ภาครัฐช่วยธุรกิจยานยนต์...
"ธุรกิจรถยนต์มันเป็นธุรกิจเฟื่องฟู ทำเท่าไหร่ก็ขายไม่พออยู่แล้วสำหรับประเทศไทย จะเห็นว่าแม้จะผ่านน้ำท่วมมาแล้วก็ยังขายถล่มทลาย ไม่มีรถคันแรกก็ตั้งเป้าอยู่แล้วว่า 1,100,000 คัน มันเป็นการไปช่วยธุรกิจที่ยืนได้อยู่แล้ว ทำให้มันเสียระบบ"
กับ SME ผลิตอะไหล่รถยนต์
"สิ่งที่คุณต้องห่วงคือพวกโรงงานเล็ก โรงงานน้อย SME ที่รัฐบาลอยากส่งเสริม Subcontract ทั้งหลายนั่นแหละ ปีนี้ (2555) เคยวางแผนว่า ปีนี้จะส่งให้โรงงานโตโยต้า 100 ชิ้น ปีหน้าเพิ่มกำลังเป็น 110 ชิ้น อีกปี 130 ชิ้น อยู่ๆ ปีนี้ปาเข้าไป 150 ชิ้น พวกนี้ทำไง ก็ต้องจ้างคนงานเพิ่ม ค่าแรงก็ถูกบวกเพิ่มเป็น 300 บาท ลงเครื่องจักรใหม่เหรอ ปีเดียวก็ยังไม่คืนทุน ปีหน้าพอกำลังการผลิตเขาถอยลง เขาคาดการณ์อย่างต่ำว่าลดลงแน่ๆ 20 เปอร์เซ็นต์ แล้วพวกนี้จะทำยังไง นี่เป็นสิ่งที่คนในวงการรถยนต์เห็นกัน ทุกบริษัทบอกว่าปีหน้า ครึ่งปีแรกไม่มีผลกระทบหรอก เพราะยังผลิตรถส่งต่อ แต่ครึ่งปีหลังมิถุนายน เห็นผลตรงบริษัทเล็กจะดิ้นรนหนีตาย จะเกิดสงครามขึ้นอย่างรุนแรงในวงการ"
กับคนที่เงินเดือนน้อย แต่อยากได้...
"คือถ้าคุณคิดว่าคุณเงินเดือน 15,000 ผ่อนรถ 6,000 เหลือ 9,000 คุณคิดว่าไหว ผมว่าคุณล่มตั้งแต่แรก เพราะมันมีค่าน้ำมัน ค่าโน่นนี่อย่างที่บอก พอเข้าปีที่สองคุณจะเปลี่ยนยาง 4 เส้น คุณต้องเริ่มหาร้านผ่อนยาง 0 เปอร์เซ็นต์ละ คุณบอกงั้นจอดทิ้งไว้ที่บ้านเฉยๆ สิ คุณลองคำนวณเวลาคุณขายต่อสิ ว่าวันหนึ่งเงินคุณหายไปวันละเท่าไหร่"
กับคนที่กู้เงินมาซื้อ...
"คนที่ไปกู้มาซื้อจะยุ่งมากเลยนะ เอาเป็นว่าคืน หลังจากปีที่สอง หากคุณไม่มีกำลังผ่อนล่ะ ทำไง ไฟแนนซ์ยึด เขาต้องไปดูสภาพรถ คุณยังค้างหนี้อีก 4 แสน รถคันนี้ขายได้ 3 แสน เขาฟ้องคุณ 1 แสน อันนี้ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือเงิน 8 แปดหมื่นที่คุณได้ ต้องคืนรัฐบาลนะครับ เพราะมีการเปลี่ยนมือแล้ว ก็มีคนถาม งั้นก็ไปขายโอนลอยสิ อ๋อ ถ้าโอนลอยตอนนี้เต้นท์รู้แล้วว่าคุณเดือดร้อน คุณจะต้องเสีย 8 หมื่น ราคารถคุณจะหายไปเท่าไหร่ เพราะเขารู้ว่าคุณจะโอนลอยหลังจากผ่านปีแรกแล้ว คุณเดือดร้อนแน่"
กับความจำเป็นในการใช้รถ...
"คนที่ซื้อเพราะจำเป็นต้องใช้รถ มีวินัยการเงินดี ตรงนี้โอเคเลย ผมไม่ได้ไปแตะต้อง แต่คนไทย โอ้โห แม่งได้ลดตั้งแสน ไม่ซื้อ เสียดายตายห่า พวกนี้แหละจะเจ๊ง ทั้งที่จริงๆ ยังไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเลย ยกตัวอย่าง คนที่มีบ้านอยู่บางแค บางใหญ่เริ่มทำงาน ซื้อรถคันแรกได้ส่วนลด ใช้ไปสามปี รถไฟฟ้าไปถึงละ ถามว่าคนๆนั้นจะตัดสินใจยังไง 1. จอดรถทิ้งไว้ที่บ้าน ประหยัด นั่งรถไฟฟ้าเข้ามาทำงาน 2. กูมีรถแล้ว ดันทุรังขับเข้ามา น้ำมันก็แพง รถก็ติด 3.ขายรถ ก็นำเงินภาษีไปคืนรัฐบาล เพราะงั้นผู้บริโภคต้องวางแผนให้ชัดเจน ไม่งั้นเดือดร้อน"
กับนโยบายประชานิยม...
ผมถึงบอกว่า นโยบายรัฐบาลอยากช่วยประชาชนรากหญ้า แต่มันไม่ใช่ เพราะรถส่วนใหญ่ของโครงการมันเป็นรถใช้ในเมือง รถขนาดเล็ก
ถ้ามีอีกก็ฉิบหายครับ ใครฉิบหาย ก็ทั้งหมดแหละครับ บริษัทรถก็ฉิบหายเพราะสินค้ามันไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เป็นภาพลวง บริษัทที่ไม่มีรถเข้าข่ายเงื่อนไข รถนำเข้าตายสนิท รถมือสองฉิบหายแน่ ไฟแนนซ์ก็เหมือนกัน อันสุดท้ายคือประชาชนแหละครับ ฉิบหายจากอะไร คือคนไทยเราไม่สนใจเรื่องเครดิต พอเข้าปีที่สามรถมันต้องเริ่มซ่อมละ คุณหาทางทิ้งเพื่อซื้อคันใหม่ ถ้ามีต่อแล้วร่างกติกาใหม่ก็อาจจะดีขึ้น ผมก็ไม่รู้ แต่ถ้าภายใต้กติกานี้ก็ฉิบหายแน่
โดย
on 1 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:18
คำว่า พอเพียง ไม่ได้แปลว่าให้คนที่มีมากอยู่อย่างอัตคัตขัดสน อดมื้อกินมื้อนี่คุณ ถ้าเขามีเงิน แล้วซื้อรถแพงๆมาขับได้ โดยที่ไม่เดือดร้อนตัวเองและคนอื่น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ส่วนคนที่มีน้อย ก็กินอยู่แบบรู้ตัวเอง ถ้ายังขาดอยู่ ท่านก็ให้ทำเพิ่มจนพอกับที่ชีวิตต้องการ นั่นแหละพอเพียง เพราะถ้าพอก็จะไม่ลำบาก ไม่อด ไม่ต้องแบมือขอใคร ไม่ต้องเบียดเบียนคนอื่น ไม่ต้องเบียดบังความสุขของตัวเอง เพียงแค่นี้ชีวิตก็มีความสบายทั้งกายและใจ
คำว่าพอเพียง ท่านสอนให้ตระหนักรู้เกี่ยวกับตัวเราต่างหาก ไม่ใช่เอาคนอื่นมาเปรียบ แล้วบอกว่าเขาฟุ้งเฟ้อ เพราะว่าเขามีมากกว่า ใช้ของดีกว่า เฮ้อ เพลียรับปีใหม่จริงๆ 
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net
Find content
Not Telling
โดย 
สาดดดดด 
โดย 
โดย 