ไม่มีอะไร
จะบอกว่า
ต้องเขียนว่า อนุสาวรีย์ ไม่ใช่ อนุเสาวรีย์
- ตะนิ่นตาญี, ant, gaiser and 2 others like this
โดย กีรเต้ on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 18:52
ไม่มีอะไร
จะบอกว่า
ต้องเขียนว่า อนุสาวรีย์ ไม่ใช่ อนุเสาวรีย์
โดย kokkai on 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 21:59
โดย กีรเต้ on 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 20:17
รู้ แค่ว่า มี สารวัตรทหาร
กูเกิ้ล พิมพ์คำว่า ศาลทหาร แล้วหาดู หาความรู้เองบ้าง เรื่องแค่นี้ก็เอามาเป็นหัวข้อกระทู้
โดย Super@2 on 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 16:00
ดีแต่พูด แหล แถ หลักลอย สร้างความขบขันสมเพชให้ชาวบ้านฟังไปวันๆ
อีกอย่าง ฉายาเหล่านี้ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ
เนี่ยของจริง...ดีแต่พูด ที่นั่งๆอยู่มีใครทำอะไรประสบความสำเร็จบ้าง
ก่อนเข้ามาพูดซะหรูหรา เข้ามาแล้วทำ5 ไรไม่เป็นซักอย่าง
ไม่ทำความเจริญไม่ว่า แต่มาสร้างความshipหายอีกนี่ซิ ยังมาหน้าด้านเลียมันอีก
อ่ะ...นี่แถมให้ ไอ้นี่ของจริงเลย ดีแต่พูด
โดย -3- on 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:24
สุดท้ายคนซวยก็คือสาวก
ตัวเองอยู่ไหนไม่รู้ ยังเชื่อมันอยู่ได้
โดย DarkSwan on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 00:58
มันก็เป็นไปตามเหตุ
เหตุผลของทหารเค้าก็ฟังขึ้น ถ้าเค้าไม่ยึดอำนาจปกครอง คิดว่าทำยังไงจะให้ไอ้พวก รอมอตอ ลาออกได้ครับ ไม่มีทาง
การปะทะจะเกิดแน่ แล้วสุดท้ายก็ไมไ่ด้ไปไหนกันอยู่ดี
ที่สำคัญ ถึงผมจะเห็นชอบกับการปฏิวัติประชาชน แต่มันก็ต้องดูด้วยว่า ทำได้แค่ไหน
การปฏิรูป ลำพังประชาชนทำกันเอง ทำได้ลำบาก
แต่ถ้า เป็นทหาร เค้าสามารถทำได้ เค้ามีศักยภาพ
เอาง่ายๆ ถ้าภาคประชาชน เรียก ปลัด/ข้าราชการ ฯลฯ ไปรายงานตัว ใครไปบ้างครับ?
กับ ทางทหาร เรียกปลัด/ข้าราชการ ฯลฯ ไปรายงานตัว ใครกล้าไม่ไปบ้างครับ?
ผมเข้าใจความคิดอุดมการณ์ แต่มันก็ต้องยึดถือความเป็นจริงด้วย
ถามว่า ภาคประชาชนปฏิรูปเอง จบมั้ยครับ?
บอกตรงๆ ก็ไม่จบอยู่ดีครับ แถมยังจะสูญเสียมากกว่านี้หลายเท่า
โดย MOD_01 on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 00:24
กดไลค์เพราะเข้าใจในจุดยืนและเหตุผลของเขา เขาเชื่ออย่างนั้นก็เป็นสิทธิ์และไม่ผิดอะไร
ส่วนตัวแม้ไม่อยากได้รัฐประหาร แต่เมื่อไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ในการกำจัดคนโกงตระกูลชั่วก็ต้องยอม
เพราะเรื่องกำจัดอภิมหาโกงที่แทบจะทำชาติเสียหายย่อยยับนี่สำคัญกว่าที่จะมองถึงวิธีการ
โดย MOD_01 on 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 10:30
mod ใจดีจังเลยช่วงนี้
ที่ผ่านมาไม่ได้อยากจำกัดอะไรมาก ปล่อยให้ใช้สามัญสำนึกเอาเอง
วันละ ๑-๒ กระทู้ มีเหตุด่วนเรื่องร้อนจะเกินบ้างก็ไม่เป็นไร และควรเว้นบ้างบางวัน เป็นการเล่นบอร์ดที่คนปกติเขาทำกัน
แต่เมื่อดูพฤติกรรมการตั้งกระทู้ของคุณสมพรแล้วค่อนข้างเลื่อนลอยและเริ่มถี่มากขึ้น
จึงได้แจ้งให้ตั้งได้วันละไม่เกิน ๑ กระทู้เป็นการชั่วคราว กำหนด ๑๕ วันนับจากนี้(ถึง ๒๖ พ.ค.)
เมื่อพ้นกำหนดข้อจำกัด ให้ตั้งกระทู้ได้ตามปกติ แต่ไม่มากไป จนอาจถูกแบนชั่วคราวถือถาวรได้
โดย เช never die on 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 08:41
โดย DarkSwan on 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 10:48
1. แล้ว กทม รับไฟ จาก โรงไฟฟ้าเท่าไหร่ล่ะ
2. ระบบ คงทำได้ ในเรื่องการจ่ายจ่ายบางส่วน บางไลน์ ไปดูรายละเอียดอีกที
3. ไฟฟ้า ผลิตแล้วเก็บไม่ได้ จากที่เคยผลิต 100 ใช้ 100 ก็คงเหลือ ผลิต 100 ใช้ 60 โดยประมาณ เมิงจะจ่ายค่าเสียหายให้เค้ามั้ยล่ะ? มีปัญญาจ่าย? ไอ้ตูดหมึกทุกตัวที่จะไปปิดอ่ะ
4. ถ้า บอกว่า งั้นก็ผลิต 60 ใช้ 60 สิ เท่ากับ เค้าเีสียโอกาสในการขายไฟ เมิงก็ต้องเสียค่าเสียโอกาสให้เขาอยู่ดี? มีปัญญาจ่าย? ไอ้ตูดหมึกทุกตัวที่จะไปปิดอ่ะ
5. ไมไ่ด้หมายความว่า ไฟจาก โรงไฟฟ้า มันเข้า กทม. อย่างเดียว ระหว่างทางมันอาจจะมี สับ ย่อย อีก แถวๆ นั้นที่เขาต้องใช้ไฟ เขาเดือดร้อน เมิงจะสนใจป่าว?
6. แล้วเมื่อเกิดเหตุทั้งหมดบานปลายขึ้น แกนนำเมิงจะหนีมั้ย กุว่าหนีแน่ๆ ว่า ไอ้พวกตูดหมึกปลาซิวปลายสร้อยเมิงเตรียมโดน อยากไปปิดก็เชิญ
ค่าไฟหน่วยนึง มันไม่ถูกนะโว้ย ยิ่งเป็น กรณีนี้ เค้าคิดเมิงแม่มหมดแหละ คูณเข้าไป กี่หน่วย/วัน กี่วัน คูณเข้าไป
ได้ไปผูกคอตายกันหมดแน่
โดย ขะยิ่นดง on 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:39
ถ้าแตกหักแล้ว กรุณากลับบ้านมือเปล่าด้วย หรือจะเก็บขยะกลับติดมือไปด้วยจะขอบคุณยิ่ง......
เตรียมไปขายกางเกงยีนส์ในม็อบเหรอครับ
ก็ไอ้สัมภเวสี เคยโฟนอิน กลางฝูงควายแดง ว่าอย่ากลับบ้านมือเปล่า วันนั้นวันแตกหักพวกเสื้อแดงตกใจ เลยไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าอ่ะครับ...
แถมยังมี สว.ขนเพชร...ออกไปด้วย
โดย spartacus on 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 14:07
ขอตามแช่ง สิ่งมีชีวิตอย่างไอ้นี่ ไปเรื่อยๆ ขอสมเพช มันในความชั่ว ที่สนับสนุนคนโกงคอรัปชั่น..คนที่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง.แม้ชาติจะเสียหาย คนที่ไม่เคยด่าคนล้มเจ้าสักครั้ง ขอให้คำสาปแช่งนี้จงบังเกิด กับ เจ้าของกระทู้ทางศอ.รส สรุปยอดรวมผู้ชุมนุม กปปส. วันที่ 9 พฤษภาคม 2557 เป็นข้อมูล เมื่อเวลา 18.15น. รวมทุกเวที ยอดผู้ชุมนุมจำนวน 21,110 คน แยกเป็น กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.-กปท./กองทัพธรรม เวทีแยกผ่านฟ้า (ถนนราชดำเนิน) ยอด 100 คน กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.-คปท. เวทีสะพานชมัยฯ (ถ.พิษณุโลก/แยกสวนมิกสกวัน/แยกพานิชยการ ) ยอด 3,000 คน กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. (กองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย) บริเวณ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน วันนี้ ยอดผู้ชุมนุม 10 คน กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. เวที แจ้งวัฒนะ ยอดผู้ชุมนุม 800 คน กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. เวที สวนลุมฯ ยอดผู้ชุมนุม 3,000 คน
ส่วนผู้ชุมนุม กปปส. ขบวนที่1:ทำเนียบรัฐบาล ยอดผู้ชุมนุมสูงสุด 4,000 คน ผู้ชุมนุม กปปส. ขบวนที่2:สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ยอดผู้ชุมนุมสูงสุด 1,000 คน ผู้ชุมนุม กปปส. ขบวนที่3:สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สทท.11 (วิภาวดี) ยอดผู้ชุมนุมสูงสุด 2,000 คน ชุมนุม กปปส. ขบวนที่4:สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ยอดผู้ชุมนุมสูงสุด 2,500 คน ผู้ชุมนุม กปปส. ขบวนที่5:สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ยอดผู้ชุมนุมสูงสุด 2,000 คน ผู้ชุมนุม กปปส. ขบวนที่6:สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สทท.11 (ถ.เพชรบุรี) ยอดผู้ชุมนุมสูงสุด 1,500 คน และผู้ชุมนุม กปปส. ขบวนที่7:สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ยอดผู้ชุมนุมสูงสุด 1,200 คน
http://www.matichon....1&subcatid=0100
สมเพช
โดย แดงประจำเดือน on 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 21:29
จัดหนัก..เปรี้ยง โครม แดงเมืองพระยา30 เม.ย.57 จัดหนัก..เปรี้ยง โครม แดงเมืองพระยาพิชัย เลือดสาด คอหวิดขาด
พระยาพิชัยดาบหัก เดิมชื่อ จ้อย เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2284 ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา บ้านเกิดคือ ห้วยคา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ท่านมีนิสัยชอบชกมวยมาตั้งแต่เด็ก เมื่ออายุได้ 14 ปี พ่อท่านได้นำไปฝากกับท่านพระครูวัดมหาธาตุ เมืองพิชัย ท่านสนใจเอาใจใส่ในตำราเรียน และซ้อมมวย ไปด้วย ทั้งหมัด เข่า ศอก และสามารถเตะได้สูงถึง 4 ศอก ในขณะที่เป็นเด็กวัดนั้น มักจะถูกกลั่นแกล้งจากเด็กที่โตกว่าเสมอ แต่ท่านก็สามารถปราบเด็กวัดได้ทุกคน ด้วยชั้นเชิงมวย
ต่อมาเจ้าเมืองพิชัยได้นำลูกตนเอง มาฝากที่วัดเพื่อร่ำเรียนวิชา เขากับพวกมักหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับจ้อยเสมอ ท่านจึงตัดสินใจหนีออกจากวัดขึ้นไปทางเหนือ โดยไม่ได้บอกพ่อแม่และอาจารย์ เดินตามลำน้ำน่านไปเรื่อยๆ จนถึงวัดบ้านแก่ง ท่านได้พบกับครูฝึกมวยคนหนึ่ง ชื่อ เที่ยง จึงฝากตัวเป็นศิษย์แล้วท่านเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ทองดี” ครูเที่ยง มักเรียกท่านว่านายทองดี ฟันขาว เนื่องจากท่านไม่เคี้ยวหมากพลูเหมือนคนสมัยนั้น ด้วยความขยันขันแข็งเอาใจใส่การฝึกมวย ทำให้ลูกหลานครูเที่ยงอิจฉาท่านมาก จนหาทางกลั่นแกล้งต่างๆ นานา ท่านจึงกราบลาครูขึ้นเหนือต่อไป
เมื่อเดินถึงบางโพ ได้เข้าพักที่วัดวังเตาหม้อ (ปัจจุบันคือวัดท่าถนน) แล้วต่อไปที่ท่าเสา ขอสมัครเป็นลูกศิษย์ ครูเมฆ ซึ่งมีชื่อเสียงในการสอนมวยมาก ครูเมฆ รักนิสัยใจคอท่าน จึงถ่ายทอดวิชาการชกมวยให้จนหมดสิ้น ขณะนั้นท่าน อายุได้ 18 ปี ต่อมาได้มีโอกาสชกมวยในงานไหว้พระแท่นศิลาอาสน์ กับนายถึก ศิษย์เอกของครูนิล นายถึกถูกท่านเตะสลบไปนาน ประมาณ 10 นาที ครูนิลอับอายมาก จึงท้าครูเมฆชกกัน ทองดี ได้กราบอ้อนวอน ขอชกแทนครูเมฆ และได้ตลุยเตะต่อย จนครูนิลฟันหลุดถึง 4 ซี่ เลือดเต็มปากสลบอยู่เป็นเวลานาน
ชื่อเสียงนายทองดี ฟันขาว กระฉ่อนไปทั่วเมืองทุ่งยั้ง ลับแล พิชัย และเมืองฝาง ต่อมาท่านก็ขอลาไปศึกษา การฟันดาบ ที่เมืองสวรรคโลก ด้วยความฉลาดมีไหวพริบ เขาใช้เวลาเพียง 3 เดือน ก็เรียนฟันดาบสำเร็จ เป็นที่พิศวงต่อครูผู้สอนยิ่งนัก จากนั้น ก็เดินทางไปต่อที่เมืองสุโขทัย และเมืองตาก ระหว่างทางได้รับศิษย์ไว้ 1 คน ชื่อบุญเกิด (ต่อมาเป็นหมื่นหาญณรงค์) เพราะเมื่อครั้งที่บุญเกิดถูกเสือคาบไปนั้น ทองดีได้ช่วยบุญเกิดไว้ โดยการแทงมีดที่ปากเสือจนหนีไป จนเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว
เมื่อท่านเดินทางถึงเมืองตาก ขณะนั้นได้มีพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาที่วัดใหญ่ เจ้าเมืองตาก จึงจัดให้มีมวยฉลองด้วย นายทองดี เข้าไปเปรียบมวยกับครูห้าว ครูมวยมือดีของเจ้าเมืองตาก และมีอิทธิพลมาก นายทองดี ใช้ความว่องไวใช้หมัดศอก และเตะขากรรไกร จนครูห้าวสลบไป เจ้าเมืองตาก ถามว่าสามารถชกนักมวยอื่นอีกได้หรือไม่ นายทองดี ตอบรับ เจ้าเมืองตากจึงให้ชกกับครูหมึก ครูมวยร่างสูงใหญ่ ผิวดำ นายทองดี เตะซ้ายเตะขวา บริเวณขากรรไกร จนครูหมึกล้มลงสลบไป
เจ้าเมืองตากพอใจมาก ให้เงิน 3 ตำลึง และชักชวนให้อยู่ด้วย นายทองดี จึงได้ถวายตัวเป็นทหารของเจ้าเมืองตาก ตั้งแต่บัดนั้น รับใช้เป็นที่โปรดปรานมาก ได้รับยศเป็น "หลวงพิชัยอาสา" ต่อมาเมื่อเจ้าเมืองตาก ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาวชิรปราการ ครองเมืองกำแพงเพชร หลวงพิชัยอาสา ได้ติดตามไปรับใช้อย่างใกล้ชิด และเป็นเวลาเดียวที่พม่ายกทัพล้อม กรุงศรีอยุธยา พอดี
พระยาวชิรปราการ พร้อมด้วยหลวงพิชัยอาสา และทหาร ได้เข้าปะทะต่อสู้จนชนะ ได้ช้างม้าอาหารพอสมควร และเข้าสู้รบกับทัพพม่าหลายคราวจนได้รับชัยชนะ ได้รับการต้อนรับจากประชาชน และยกย่องขึ้นเป็นผู้นำ คือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อกอบกู้เอกราชได้แล้ว พระองค์ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองกรุงธนบุรี และได้โปรดเกล้าฯ ให้หลวงพิชัยอาสา เป็นเจ้าหมื่นไวยวรนาถ เป็นทหารเอกราชองครักษ์ในพระองค์
ในปี พ.ศ. 2311 พม่าได้ยกทัพมา 1 หมื่นคน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พร้อมด้วยหมื่นไวยวรนาถ ได้เข้าโจมตีพม่าจนแตกพ่าย และได้มีการสู้รบปราบก๊กต่าง ๆ อีกหลายคราว จึงทรงโปรดตั้งเจ้าหมื่นไวยวรนาถ เป็น "พระยาสีหราชเดโช" มีตำแหน่งเป็นนายทหารเอก ราชองครักษ์ตามเดิม เมื่อปราบก๊กพระเจ้าฝางได้แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ปูนบำเหน็จความชอบให้พระยาสีหราชเดโช ให้เป็นพระยาพิชัย ปกครองเมืองพิชัย อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนแต่เยาว์วัยของพระยาพิชัย
ในปี พ.ศ. 2313 - 2316 ได้เกิดการสู้รบกับกองทัพพม่าอีกหลายคราว และทุกคราวที่กองทัพพม่าแตกพ่ายไป ก็สร้างความอัปยศอดสูแก่แม่ทัพนายกองเป็นทวีคูณ พอสิ้นฤดูฝนปีมะเส็ง พ.ศ. 2316 โปสุพลา แห่งพม่า ยกกองทัพมาหมายตีเมืองพิชัยอีก ศึกครั้งนี้พระยาพิชัย จับดาบสองมือคาดด้าย ออกไล่ฟันแทงพม่าอย่างชุลมุน ณ สมรภูมิบริเวณ วัดเอกา จนเมื่อพระยาพิชัยเสียการทรงตัว ก็ได้ใช้ดาบข้างขวาพยุงตัวไว้ “จนดาบข้างขวาหักเป็นสองท่อน" ในที่สุดก็ชนะพม่า กองทัพโปสุพลา ก็แตกพ่ายกลับไป เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2316
พระยาพิชัยดาบหัก ได้สร้างมรดกอันควรแก่การยกย่องสรรเสริญ ให้สืบทอดมาถึงปัจจุบันได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความกตัญญูกตเวที ความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดกล้าหาญ รวมถึงความรักชาติ ต้องการให้ชาติเจริญรุ่งเรืองมั่นคง ท่านได้รับความเคารพนับถือจากคนอุตรดิตถ์ และคนไทยจำนวนมาก เป็นที่กล่าวขานในความศักดิ์สิทธิ์ว่า ดาบของท่านยังคงปัดเป่าทุกข์ภัยให้ลูกหลายตลอดมา
และแล้วบัดนี้ อิทธิปาฏิหาริย์ของพระยาพิชัยดาบหัก ก็ปรากฏให้ประจักษ์ชัดต่อสายตาอีกครั้ง เมื่อแก๊งค์เนรคุณป่วนชาติ (นปช.) ที่มีเป้าหมายโค่นล้มสถาบันเบื้องสูง และเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศไทยเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ภายใต้การแอบอ้างชื่อว่า “ประชาธิปไตยแบบเท่าเทียม” ไปจัดม็อบเสื้อแดง ที่สนามกีฬาจังหวัดอุตรดิตถ์ หมอนไม้ ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
ก่อนการชุมนุม ได้มีการสั่งการอำนาจรัฐ ให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. ให้ขนประชาชนมาฟังแกนนำ นปช.ปราศรัย หมิ่นและให้ร้ายสถาบันเบื้องสูง คุยโวว่าครั้งนี้เป็นการชุมนุมใหญ่ของ นปช.ภาคเหนือ เป้าหมาย คือ 15,000 คน โดยมี รองนายก อบจ.อุตรดิตถ์ และนาย ป. ประธาน นปช.อุตรดิตถ์ เป็นผู้ระดมมวลชน แต่ปรากฏว่าทำอย่างไรประชาชนก็ไม่ยอมมา เพราะกลัวว่าพระยาพิชัย จะลงโทษที่ไปสนับสนุนขบวนการล้มเจ้า จนแกนนำระดมมวลชนปั่นป่วนไปหมด ต้องไปขอระดมคนเสื้อแดง จากจังหวัดใกล้เคียง คือ จ.แพร่ น่าน สุโขทัย พิษณุโลก และ จ.นครสวรรค์ ให้เดินทางมาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ด้วย
ทันทีที่แก๊งค์เนรคุณป่วนชาติ (นปช.) ประกาศว่าจะมาชุมนุมที่อุตรดิตถ์ ช่วงดึกๆ ทุกคืน ก็เกิดอาเพศพายุอย่างหนัก พายุพัดถล่มทุกอำเภอ ทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์หลายรอบ โดยเฉพาะ 3 อำเภอ ที่โดนอ่วมหนัก คือ “พิชัย” ตรอน และเมือง อุตรดิตถ์ จนต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับสายไฟฟ้าขาด ไฟฟ้าดับหลายแห่ง พายุอาเพศถล่มอุตรดิตถ์ จนบ้านพังไปแล้วกว่า 700 หลัง..จนวุ่นวายกันไปทั้งทั้งหวัด..โรงเรียนอนุบาลมีชื่อของจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มี ผอ.เสื้อแดงเคยเกณฑ์ให้เด็ก นักเรียนไปเดินรณรงค์สนับสนุนการเลือกตั้งก่อนปฏิรูป ถึง 2 ครั้ง 2 ครา..ปรากฎว่าหลังคาอาคารโรงเรียนนั้น..ลมพายุพัดกระจุยหายไปทั้งแผง..แม่เจ้า
ที่แปลกก็คือ ที่วัดหนองกาย ตำบลป่าเซ่า อำเภอเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ศาลาการเปรียญของวัด อายุเกือบ 150 ปี ที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลังได้พังคลืนลง เพราะถูกกระแสลมพัดเข้าใส่ จนไม่หลือซากของศาลา ท่ามกลางความงุนงงของพระ และประชาชนในพื้นที่ ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันมายืนมุงดูพร้อมวิพากษ์วิจารณ์ ว่าจะต้องเกิดอาเพศหนัก เจ็บ ตาย จำนวนมาก กับคนเสื้อแดงเร็วๆ นี่แน่ๆ และ รู้สึกเสียดายโบสถ์เพราะเป็นเป็นศาลาวัดที่เก่าแก่ คู่กับหมู่บ้านมาแต่ดั้งเดิม และยังไม่รู้จะดำเนินการอย่างไรต่อ เพื่อชาวบ้านมีที่ทำพิธีทางศาสนาต่อไป
พายุพิโรธยังไม่หยุดเท่านั้น เหตุการณ์ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นซ้ำอีก เมื่อคืนก่อนการชุมนุมวันที่ 29 เม.ย. เวลา 23.00 น. ได้เกิดอาเพศ พายุฝนฟ้าคะนองลมกระโชกรุนแรง มากที่สุดในรอบหลายสิบปีอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในเกือบทุกอำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์ ส่งผลทำให้ต้นไม้ใหญ่หักโค่นระเนระนาด บ้านเรือนชาวบ้านพังกระจุยเป็นจำนวนมาก บางบ้านถูกต้นไม้ใหญ่หักโค่นลงมาทับกลางหลังคาบ้าน (เหมือนดาบของพระยาพิชัยที่หักเป๊ะ) กระเบื้องแตกละเอียดตกลงมาใส่หัวของชาวบ้าน ที่นอนหลับอยู่บนที่นอน ได้รับบาดเจ็บ ส่งไปรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลกันชุลมุน
อาเพศพายุลมแรงพิโรธโกรธา ยังพัดกระหน่ำต่อไปไม่ยอมหยุดหย่อน พัดถล่มในหลายพื้นที่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ดึกๆ ทุกคืน จนราบเป็นหน้ากลอง จนถึงเช้ามืดวันที่ 30 เมษายน โดยเฉพาะที่บริเวณ ประตูทางเข้าสนามกีฬาฯ ที่เป็นที่จัดชุมนุมขบวนการล้มเจ้า คอมมิวนิสต์แดง นปช. ขนาดต้นไม้ใหญ่มาก ยังถูกลมพายุพัดจนโค่นล้มทับสายไฟฟ้า ที่เป็นเสาคอนกรีตแข็งแรง หักกลางลงมาอย่างง่ายดาย เหมือนไม้เสียบลูกชิ้น..คล้ายดาบของพระยาพิชัยไม่มีผิดเพี้ยน !! จนทำให้ทางการไฟฟ้าฯ ต้องทำการตัดไฟไว้ก่อน เพื่อป้องกันไฟฟ้าช็อตคนเสื้อแดง ที่จะมาชุมนุมช่วงเย็นตายคาสนามทุกคน
ส่วนพื้นที่ตำบลบ้านเกาะ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ชาวบ้านบอกว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอพายุรุนแรงที่สุด และไม่เคยเกิดเคยในพื้นที่มาก่อนแบบนี้ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ถูกต้นไม้ล้มทับ ซ้ำร้ายเป็นลาง คือ ต้นไม้ขนาดใหญ่ ต้นสักอายุ 300 ปี ราว พ.ศ.2257 ( พอๆ กับช่วงที่พระยาพิชัย อายุเป็นวัยฉกรรจ์รุ่นหนุ่มพอดี ) ที่ปลูกตามสองข้างถนนสายหลักอายุกว่า 300 ปี กว่า 20 ต้น ล้มชนิดถอนรากถอนโคนเป็นแนว ทับสายไฟฟ้า ส่งผลเสาไฟโค่นตามด้วยระเนระนาด บางต้นล้มทับบ้านเรือน ร้านค้าประชาชน หลังคาสังกะสีบ้าน ถูกแรงของพายุโกรธ พัดปลิวยกกระบิ หายไปทั้งหลังคา
ส่วนบริเวณกลางสนามกีฬาฯ ซึ่งมีการตั้งเวทีปราศรัยแดง นปช.ขนาดใหญ่ และด้านข้างเวที กางเต็นท์ไว้จำนวน 15 หลัง ถูกลมพายุพัดถล่มจนเสียหายพังยับเยิน พัดโต๊ะ-เก้าอี้-เต็นท์สนาม และเวทีกลางที่ได้มีการเตรียมไว้ ล้มกระจัดกระจาย เสาไฟฟ้าบริเวณทางเข้าชุมนุม ที่หักโค่น “กีดขวางทางเข้า – ออก” ..เหมือนพระยาพิชัย ท่านไม่ต้อนรับ และขับไล่ผู้มาจัดงาน ท่านจึงกระโดดเตะด้วยความโกรธ จนต้นไม้ เสาไฟฟ้า ล้มพับ โค่นคาเท้าท่าน เหมือนในอดีตกาล
จนราวช่วงสายถึงเที่ยง คนเสื้อแดงที่รู้ข่าว บอกลือต่อๆ กันไปเริ่มเหวอหนัก กลัวกันมาก วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ว่าถ้าไปร่วมกับขบวนการล้มเจ้าเสื้อแดง ต้องตาย และครอบครัวฉิบหายวายป่วงแน่ๆ จึงมีการปฏิเสธกับแกนนำว่าจะยกเลิกไปแล้ว ทำเอาแกนนำสายจัดม็อบปั่นป่วนอย่างหนัก จึงสั่งเกณฑ์ระดมคนลาว ที่อยู่ในพื้นที่ ( อุตรดิตถ์ ติดชายแดนลาว ที่ อ.บ้านโคก ) มาร่วมให้ได้มากที่สุด ส่วนถ้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ขู่ว่าจะไม่จ่ายเงินเดือนให้
ส่วนผู้นำชุมชน ให้ไปข่มขู่ประชาชนพื้นที่ตนเองว่า คนที่ไม่ไปร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงล้มเจ้า จะถูกยกเลิกบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค , ยกเลิกเบี้ยยังชีพคนแก่ , ไม่ให้กู้กองทุนหมู่บ้าน , ไม่ให้พักหนี้ ธกส, ไม่จ่ายเงินค่าจำนำข้าวทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ค้างไว้ มากกว่าหมื่นล้านบาท , โรงสีจะไม่รับซื้อข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ ที่ตอนนี้เหลือราคาเพียง 4,000 บาทต่อตันเท่านั้น
ต่อมาช่วงบ่าย ทำให้ชาวบ้านบางส่วนเกรงกลัวคำขู่ ยินยอมรับเงินค่าจ้าง 150-200 บาทต่อคน เดินทางจากจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือล่าง ทยอยเดินทางมาที่สนามกีฬาฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแม่ค้าพ่อค้า ที่มาตั้งเต็นท์ขายของที่ระลึกของคนเสื้อแดง ส่วนใหญ่ คือเสื้อยืด เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาว ผ้าพันคอ และผ้าคาดหัว ที่มีรูปของปูเน่า และ ชายดูไบ..นี่อาจเป็นคำเฉลย ว่าทำไมพายุอาเพศ ถึงถล่มอุตรดิตถ์ เพราะภาพปูเน่าไปที่ไหน ที่นั่นเป็นโดนถล่มยับเยิน ขนาดไปโรงเรียนชายชุดดำ ไม่กี่วันตกเครื่องบินมาตาย 2 คนรวด, ไปเยี่ยม รมต.พีรพันธ์ ป่วย..ต่อมาไม่กี่ชั่วโมงตายทันทีเลย..คนพาความซวยแท้ๆ
แกนนำได้ ต้องสั่งทุยแดง ให้ไปขนเก้าอี้พลาสติกสีแดง 5,000 ตัว ที่ถูกลมพัดกระจาย ไปทั่วบริเวณ มาตั้งใหม่ไว้รองรับผู้ที่มาร่วมชุมนุมช่วงเย็น โดยมีชายชุดดำภูธรอุตรดิตถ์กว่า 200 คน มาคอยทำหน้าที่การ์ดรอบๆ บริเวณ รวมถึงมีการตั้งด่านตรวจ ผู้ที่จะมาเข้าร่วมชุมนุมด้วย
การชุมนุมของเสื้อแดง ที่สนามกีฬาฯ ช่วงเย็นถึงค่ำ แปลกมาก คือ ลมพายุกลับเปลี่ยนเวลาซะงั้น รีบมาแต่หัวค่ำ ที่ชุมนุมจึงเต็มไปด้วยข่าวลือเรื่องอาเพศพระยาพิชัยมากมาย เสื้อแดงที่มาจากจังหวัดอื่น ต่าง “จิตตก” สีหน้าอมทุกข์ วิตกจริต หวาดหวั่นภัยร้ายที่มีมาถึงตนเองและครอบครัว จนคนเสื้อแดงหลายคน ทนความกลัวไม่ไหว ขอกลับออกไปก่อน แต่การ์ด นปช. ที่ปิดทางเข้าออกไว้แน่นหนา ไม่ยอมให้ออกไปจากสนามกีฬาฯ
17.00 น. มีมวลชนที่ถูกบังคับมา และจ้างมา ถูกขังอยู่ในสนามกีฬาฯ ประมาณไม่เกิน 1,000 คน แต่ แกนนำอับอายมาก กลัวว่าจะโดนเช็คบิลจากเจ้าของท่อน้ำเลี้ยง เลยแถออกข่าวว่าเสื้อแดงมา 12,000 คน..(ฮา)..ช่วยลือบอกไปถึงชายดูไบ ว่าขาด 12,000 คน ไปแค่ 11,000 คนเอง..ไอ้ที่แดงๆ ที่ทีวีเอเชียอาบแดดถ่ายหนะ มันคือ “เก้าอี้เปล่า” ที่ไม่มีคนนั่ง..เพราะที่เหลือมัน อมแบ่งเงิน รับเงินมา 1,000 บาทต่อหัว จำนวน 15,000 ราย แต่จ่ายจริง 150-200 บาท และจ่ายเพียง 1,000 กว่าคนเท่านั้น เงินที่เหลือแกนนำ อมกันแหลกลาญ เข้ากระเป๋าไปแล้ว..ดังนั้นเจ้าของท่อน้ำเลี้ยงไป “สอย” เอาเงินคืนได้ที่แกนนำ นปช.ได้เลย
เสื้อแดงที่อยู่ในสนาม จึงตกอยู่ในสภาพเหมือนถูกขังคุก ท่ามกลางพายุพิโรธ ลมแรงพัดกรรโชกล้อมรอบที่ชุมนุมเหมือนตกอยู่ในนรกก็ไม่ปาน เสียงลมพายุดึงหึ่งๆ อื้ออึงไปทั่วบริเวณ เหมือนเสียงคำรามจากลมหายใจโกรธของพระยาพิชัย ..
ในขณะที่แกนนำกำลังปราศรัย โจมตีเฉี่ยวไป เฉี่ยวมา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินอยู่นั้น สิ่งเลวร้ายลางความตายของคนเสื้อแดงก็เกิดขึ้น เมื่อพายุโกรธกรรโชกแรงขึ้นอย่างผิดปกติ เสียงดังปานสายฟ้าฟาด ดังสนั่นหวั่นไหว เปรี้ยงๆๆ โครม ครืน ลมพัดตัวแกนนำปราศรัยบนเวที จนยืนโยกทรงตัวแทบไม่อยู่ ทรงผมหลุดลุ่ย โดยเฉพาะนกแสก ถึงกลับเห็นหัวล้านหมดทั้งหัวเหมือนไม่มีผมเลยที่เดียว..และถ้าดูดีๆ คล้ายคนไม่มีเงาหัว และเหมือนผีจูออนมากๆ..
และแล้วสิ่งที่พระยาพิชัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอุตรดิตถ์ เตือนมาก่อนหลายวัน แต่ไม่มีเสื้อแดงฟังก็เกิดผล เมื่อมีพายุลูกหนึ่ง พัดจงใจพุ่งเข้าใส่มวลชนเสื้อแดง ลักษณะเป็นมวลใหญ่เหมือนกำปั้นพระยาพิชัย ชกดัง “ โครม “ เข้ากระแทกใส่โคมไฟในสนามกีฬาฯ จนหล่นแตกกระจาย ฟาดหัวคนเสื้อแดงจนบาดเจ็บกันจำนวนมาก ที่หนักๆ คือ หัวแตกเลือดอาบโชก 1 คน บาดเจ็บเลือดสาด 3 คน และบาดเจ็บเล็กๆ น้อยอีกระนาว ร้องโหยหวนกันระงม วิ่งกันกระเจิดกระเจิง หงายเงิบ หน้าเหวอ..น่ากลัว ไม่ไหวแล้วโว้ย !!
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!
แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนแผ่นดินไทยก็ยังไม่มีความเป็นธรรม ไม่เห็นแก่ประชาธิปไตย แถมยังมีอยู่ที่ไทยที่เดียวที่ประเทศอื่นไม่เห็นมีแบบนี้ นี่ไงคะ! เราสมควรแบ่งแยกประเทศเพื่อไม่ให้เป็นไทย จะได้ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ยุติธรรมค่ะ!
https://www.facebook...44770444&type=3
โดย ผู้พิทักษ์ความดี on 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:26
ขอด่า จขท หน่อยครับ ผมคนลพบุรี และก็ได้ไปดูมาด้วย การชุมนุมควายแดง ในรูปที่คุณเอามาขึ้นขอโทษครับ ไม่ใช่สถานที่ชุมนุมแต่อย่างใด
มันจัดที่ รร.พิบูลวิทยาลัย รู้จักไหมครับ และจำนวนควายแดงโดยประมาณสายตา ของผมก็ไม่น่าเกิน 2000 คน และไม่ใช่คนลพบุรี่ทั้งหมด
มีรถบัส ขนคนมาจาก สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี และละแวกใกล้เคียงคับ ภาพที่เอามา ก็เข้าแนวเดิมคือคุณไม่ได้ดูให้ดี ไม่เช็คให้ดี ว่ามันจริงหรือเท็จ
สักแต่เอามาลง เพื่อความสะใจ แล้วจะไปสอนลูกสอนหลานคุณได้ไงครับแบบนี้ มีอะไรแย้งผม เชิญนะครับ
เอา link ข่าวไปดูสะนะ http://hilight.kapook.com/view/101484
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net