Jump to content


ปวดตับแท้เหลา

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 27 มิถุนายน 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2555 04:48
-----

#399852 ยุทธการป่วนใต้ ข่าววงใน ที่การเมืองป่วน มันซับซ้อนดีแฮะ

โดย ssa on 1 กันยายน พ.ศ. 2555 - 09:56

สุลต่าน รัฐปัตตานีหรือเปล่า

คนตัวจิ๋วๆ


#399778 ยุทธการป่วนใต้ ข่าววงใน ที่การเมืองป่วน มันซับซ้อนดีแฮะ

โดย yoshikiryuichiro on 1 กันยายน พ.ศ. 2555 - 07:51

มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นฝีมือของพวกคนบางกลุ่มที่หวังผลทางการเมืองกับทหาร

ดีไม่ดี ไอ้พวกโจรใต้อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับกับพวกเสื้อแดงและทักษิณเองก็เป็นได้


#394123 ด่วน! เด้ง "พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์" ปลัดกลาโหม ช่วยราชการสำนั...

โดย idolation on 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:48

Posted Image


#394080 ด่วน! เด้ง "พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์" ปลัดกลาโหม ช่วยราชการสำนั...

โดย นายตัวเกร็ง on 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:23

ขอเตือนรัฐบาลและฝ่ายการเมืองไว้อย่างนึง
"เมื่อไหร่ที่รัฐบาลเอามือเข้าไปสอดทหารจนเขาทนไม่ไหว ตอนทหารเอามือเข้ามาตบสั่งสอนนักการเมืองกรุณาอย่าดิ้น"


#390833 กนก จัดหนัก ตุ๊กกี้ ชิงร้อย ทรงอิทธิพลกว่า ยิ่งลักษณ์ เยอะ

โดย อิไซกูนิ on 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:07

Posted Image

Dhammatuch Love King
27 นาทีที่แล้ว

" ผู้นำที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ " ^^


Posted Image


#347864 ชีวิตและงานของพานทองแท้

โดย No more on 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:17

Oak...what a loser!?!

:(


#347857 ชีวิตและงานของพานทองแท้

โดย ppneer on 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:03

เอาลูกชาย ชวน และ อภิสิทธิ์ ด้วย ชีวิต และงานของเขา




ระหว่างลูกบัณฑิณ กับ จัณฑาล

ลูกของนายกชวน และ นายกอภิสิทธิ์ เขา เป็น บัณฑิต

ส่วนลูกไอ้แม้ว มันเป็นจัณฑาล


#347855 ชีวิตและงานของพานทองแท้

โดย HiddenMan on 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 18:55

เอาลูกชาย ชวน และ อภิสิทธิ์ ด้วย ชีวิต และงานของเขา


ก็ไปเอามาเองซิ่ :lol: แปลกวุ้ย อยากรู้ แต่มาขอคนอื่น


#347777 ชีวิตและงานของพานทองแท้

โดย antiseptic on 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:32

ก็แบบเดียวกับพ่อมันแหละ จะทำมาหาแดกก็ต้องรอสัมปทาน




#347773 ชีวิตและงานของพานทองแท้

โดย naichod on 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:28

ผมมั่นใจมานานแล้ว ว่า พานทองแท้ต้องได้เป็นนายกฯ

นายกสมาคมอัลคาซ่าการแสดงแห่งประเทศไทย

แต่ก่อน พ่อยังอยู่เมืองไทย ไม่มีโอกาสไปแคส

พอพ่อไปดูโอลิมปิคสองรอบเท่านั้นแหละ นอกจากไปแคสจนผ่านแล้ว ยังไปฝึกซ้อมเป็นประจำ

เพื่อนบางคนที่ล่ำบึ่ก เรียกเธอว่า โอ๊กกี้ น่ารักซะไม่มี :rolleyes:


#347763 ชีวิตและงานของพานทองแท้

โดย shinethai on 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:11

โอ้โห้... ถ้าเป็นลูกตาสี ตาสา นี่กระโดดน้ำตายไปตั้งกะบริษัทแรกแล้ว


#347730 ชีวิตและงานของพานทองแท้

โดย amplepoor on 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 16:34

RIP

อาณาจักร "ฮาวคัม" ของ "โอ๊ค" ทรุดหนัก ปี 48 เจ๊ง!! แล้ว..เฉียด 60 ล้านบาท
เส้นทางธุรกิจของ "โอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร มีแววติดขัดอย่างชัดเจน เมื่อผลประกอบการของกลุ่มบริษัท "ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนท์" ที่ร่วมทุนกับเพื่อนๆ (แต่ "โอ๊ค" ถือหุ้นใหญ่สุด 58.96%) มีผลการดำเนินงาน "ย่ำแย่" ลงเรื่อยๆ และไม่มีวี่แววว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างที่เจ้าตัวเคยฝันเอาไว้
เพียงแค่ 2 ปี (2547-2548) ในสนามธุรกิจ "ครอบครัวชินวัตร" ต้องเติมเงิน (เพิ่มทุน) ไม่หยุด เพราะ "โอ๊ค" ทำธุรกิจที่ตัวเองบริหาร..เจ๊ง!! ไปแล้วเฉียด 60 ล้านบาท
"โอ๊ค" ในฐานะ "หนุ่มนักรัก" ที่ตกเป็นข่าวกับ "ดาราดัง" มาแล้วหลายคน คนล่าสุด "น้องหยาด" หยาดทิพย์ ราชปาล แต่หากเปรียบเทียบกับชั้นเชิงธุรกิจ "โอ๊ค" กลับแพ้หมดรูป ตั้งแต่ยกแรก
ก่อนหน้าจะเป็นนักธุรกิจเต็มตัว "โอ๊ค" ตระเวนรับจ๊อบ "ถ่ายรูป" จนเป็นที่ปลื้มอกปลื้มใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน จากนั้น "พ่อ" จึงสนับสนุนให้ "ลูกชายคนโต" เริ่มต้นเป็นนักธุรกิจฝึกหัด ด้วยการก่อตั้ง บริษัท นิวโอ๊ค เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2546
โดยเปิดเป็นร้านถ่ายรูป ในชื่อ She@mood ย่านสยามสแควร์ ร่วมทุนกับ "กึ้ง" เฉลิมชัย มหากิจศิริ และพี่สาว "ตุ๊ก" อุษณีย์ มหากิจศิริ บุตรของ "ประยุทธ มหากิจศิริ" รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่เล็งการณ์ไกลจ้องใช้ "ลูกๆ" ไปผูก "คอนเนคชั่น" กับครอบครัวชินวัตร
เกมธุรกิจแรกของ "โอ๊ค" แม่ต้องส่ง "กาญจนาภา หงษ์เหิน" เลขานุการส่วนตัว (คุณหญิงพจมาน) มาเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ด้วย
บริษัท นิวโอ๊ค มีทุนเริ่มแรก 5 ล้านบาท แต่ "โอ๊ค" กลับทุ่มทุนสร้างสตูดิโอ ไปกว่า 13 ล้านบาท เพียงปีแรก บริษัทนี้ก็มี "หนี้สิน" บานกว่า 10 ล้านบาท ขณะที่ "ครึ่งปี 2546" ปั้นรายได้กลับมาได้เพียง 3.41 ล้านบาท ขาดทุนไป 1.51 ล้านบาท
พอปี 2547 ฐานะบริษัท นิวโอ๊ค เริ่มกระเตื้อง รายได้พุ่งขึ้นมา 12.16 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงาน 1.06 ล้านบาท ในรอบบัญชี ปี 2548 บริษัทแห่งนี้ยังไม่ส่งงบการเงินกับกระทรวงพาณิชย์ จึงยังไม่ทราบฐานะที่แท้จริง
เมื่อสนุกกับธุรกิจร้านถ่ายรูปเพียงชั่วครู่ "โอ๊ค" ก็ชิ่งมาตั้ง "บริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนท์" เป็นแห่งที่ 2 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2546 ควักทุนร่วมกับกลุ่มเพื่อนสนิท "น้ำนิ่ง" ไอยคุปต์ กฤตบุญญาลัย, "ป่าน" นันทสิทธิ์ แจ่มสมบูรณ์ "ฮาน่า" ทัศนาวลัย องอาจอิทธิชัย, "กึ้ง" เฉลิมชัย มหากิจศิริ และ "ตุ๊ก" อุษณีย์ มหากิจศิริ ด้วยทุนประเดิม 2.5 ล้านบาท
โดยดึง "เอม" พิณทองทา ชินวัตร น้องสาวเข้ามาร่วมหุ้นด้วยอีกคน
วัตถุประสงค์ของบริษัทแห่งนี้ จัดตั้งขึ้นมาเพื่อผลิตรายการและซื้อลิขสิทธิ์รายการจากต่างประเทศ นำไปออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 (ของตระกูลมาลีนนท์) ช่อง 9 อสมท และ ไอทีวี แรกทีเดียวก็เชื่อขนมกินได้ว่าไปรอดแน่ๆ
เพราะ "รายการ" มีช่องลงชัวร์ๆ ขณะที่ "โฆษณา" ก็มี "เอไอเอส" เป็นสปอนเซอร์ใหญ่ เหมือนๆ ทุกอย่างจะอยู่ในมือ แต่จริงๆ คือ "ไม่หมู" อย่างที่คิด
ประเด็นที่ค้างคาใจ ก็คือ บริษัทนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ใช้ "เส้น" มากกว่า "ฝีมือ" ทำให้ "เรทติ้ง" รายการต้องใช้ "บารมีพ่อ" ช่วยประคับประคอง
"ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนท์" ตั้งแต่ก่อตั้งมา 3 ปี (ต.ค.2546-2548) ขาดทุนหนักขึ้นเรื่อยๆ ปีแรกขาดทุน 33,297 บาท ปีที่ 2 ขาดทุน 1.1 ล้านบาท ปีที่แล้วขาดทุนหนักที่สุด 22.53 ล้านบาท จนต้องเพิ่มทุนมาตลอดทุกปี จาก 2.5 ล้านบาท เพิ่มเป็น 5 ล้านบาท และ ล่าสุดใส่ทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 66 ล้านบาท
ในรอบปี 2548 "ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนท์" มีรายได้รวม 70 ล้านบาท แต่มีรายจ่ายสูงถึง 92.59 ล้านบาท "ขาดทุน" ยับเยินมากที่สุดในกลุ่ม
ภายหลัง "ครอบครัวชินวัตร" ขายหุ้น "ชิน คอร์ป" ทั้งหมดให้กับ "เทมาเส็ก" เมื่อต้นปี 2549 "นันทสิทธิ์ แจ่มสมบูรณ์" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท ฮาวคัม ยอมรับว่า ปีนี้บริษัทจะมีรายได้จากค่าโฆษณาที่มาจาก "เอไอเอส" เพียง 10% จากก่อนหน้านี้ที่ประมาณ 30%
ความพยายามจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นลูกไม้ใต้ต้นเหมือนกับพ่อ ทำให้ "โอ๊ค" ขยายอาณาจักรธุรกิจของตัวเองออกไปอีก คราวนี้ก่อตั้ง "บริษัท มาสเตอร์ โฟน" เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ "เวอร์ทู" (Vertu) ที่มีราคาแพงระยับ ระดับ "หกหลัก" ขึ้นไป
บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 9 ธันวาคม 2546 ร่วมทุนระหว่างเพื่อนๆ ในกลุ่มฮาวคัม โดยมี "ผู้พันปุ่น" น.ต.ศิธา ทิวารี และ "สิรอักษร กฤษดาธานนท์" (ลูกสาววิชัย กฤษดาธานนท์) ร่วมกันถือหุ้น
ปีแรก "พ.ต.ท.ทักษิณ" ออกโรงช่วยโปรโมทสุดๆ ส่งให้ "เวอร์ทู" ทำยอดขายได้ 19.03 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายเสร็จสรรพ ยังขาดทุน 1.06 ล้านบาท
ปีที่สองกระแส "ทักษิณฟีเวอร์" เปลี่ยนไปเป็น "ทักษิณ..ออกไป" ยอดขาย "เวอร์ทู" ดิ่งลงเหลือ 13.69 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายเสร็จแล้ว ขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 2.33 ล้านบาท..เจ๊ง!!เพิ่มอีกบริษัท
ผ่านไปแล้ว 3 บริษัท มาถึงบริษัทที่ 4 "โอ๊ค" หันมาจับธุรกิจใหม่ เปิด "บริษัท โอคานิท" เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2547 หันมาเอาดีในธุรกิจร้านกาแฟ ชื่อ "คาเฟ่ อินน์" ทำเป็นอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ร่วมกับ "ตระกูลมหากิจศิริ" โดยลูกๆ ฝ่ายละ 3 คนมาร่วมหุ้นกันเปิด
ฝ่ายของ "ชินวัตร" มี 3 คน คือ "โอ๊ค-เอม-อุ๊งอิ๊ง" ฝ่ายของ "มหากิจศิริ" มี "อุษณีย์-เฉลิมชัย-อุษณา"
ปีแรกที่เปิด มีทุนประเดิมแค่ 5 ล้านบาท แต่ "โอ๊ค" มือเติบทุ่มลงทุนไป 22 ล้านบาท ตลอดทั้งปีทำรายได้แค่ 916,530 บาท ปีแรกเจ๊งไป 5.64 ล้านบาท ปีที่ 2 ต้องควักทุน (จดทะเบียน) เพิ่มเป็น 35 ล้านบาท แต่ก็ทำรายได้ทั้งปีกลับมาแค่ 1.63 ล้านบาท ขณะที่มีรายจ่ายสูงถึง 8.16 ล้านบาท ปีที่ 2 จึงเจ๊งไปอีก 6.53 ล้านบาท..ตามระเบียบ
บทเรียนธุรกิจเจ็บๆ ของ "โอ๊ค" ยังไม่จบ คราวนี้ "ฮาวคัม" เริ่มแตกบริษัทลูก-หลาน ก่อตั้ง "บริษัท ฮาวคัม มีเดีย" เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2547 (เป็นบริษัทที่ 5 ของโอ๊ค) มี "โอ๊ค-เอม" และ "ป่าน" นันทสิทธิ์ แจ่มสมบูรณ์ เป็นผู้มีอำนาจ
"ฮาวคัม มีเดีย" ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์ ผลิตสื่อโฆษณาภายในชานชาลา รถไฟฟ้าใต้ดิน กวาดเรียบไป 18 สถานี ทันทีที่ได้รับงานก็ถูกบริษัทคู่แข่ง ออกมาโจมตีว่า ใช้ "เส้น" ทางการเมือง
เมื่อปีที่แล้ว "ฮาวคัม มีเดีย" ออกสตาร์ทด้วยผลงานที่ "ย่ำแย่" หลังจากต้องเพิ่มทุนจาก 5 ล้านบาท เป็น 30 ล้านบาท แต่ทุ่มงบลงทุนไปเฉียด 80 ล้านบาท แลกกับรายได้ทั้งปีกลับมาเพียง 796,604 บาท บันทึกผลขาดทุน ไปแล้ว 4.05 ล้านบาท
อาณาจักรฮาวคัมของ "โอ๊ค" ไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2547 เขาได้ขยายธุรกิจไปเปิด "บริษัท ฮาวคัม เอวี" (บริษัทที่ 6) ทำธุรกิจอีเวนท์ และออร์แกไนเซอร์ ด้วยทุนจัดตั้ง แค่ 2.5 ล้านบาท แต่ "โอ๊ค" กลับลงทุนแบบ "เสี่ยสั่งลุย" จับงานใหญ่สวนสนุกเคลื่อนที่ "The Amazing Fun Park" เนื้อที่ 12 ไร่ บนถนนรัชดาภิเษก หวังชนกับสวนสนุกของ "ตี๋ แม็ทชิ่ง"
สุดท้ายผลประกอบการงวดปี 2548 แสดงผลงาน "ฮาวคัม เอวี" ขายทุนยับเยิน กว่า 22.21 ล้านบาท ผลพวงจากการจัดงาน "สวนสนุก" ที่ไม่สนุกสำหรับ "โอ๊ค" จนต้องยกเลิกสัญญาจัดงานปีที่ 2
ใครว่า "โอ๊ค" จะเข็ด บทเรียน ก็คือ บทเรียน เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2547 สัญชาตญาณนักธุรกิจ (มือใหม่) ทำให้ "โอ๊ค" ก่อตั้งบริษัทใหม่ ชื่อว่า "บริษัท ฮาวคัม สตูดิโอ" (บริษัทที่ 7) รับผลิตสื่อโฆษณา หวังต่อยอดธุรกิจหลัก ในปี 2548 ยังไม่แจ้งผลประกอบการ ส่วนงบการเงินปี 2547 มีรายได้รวมเพียง 4.67 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ ไปอีก 244,480 บาท
ส่วนบริษัทสุดท้าย "บริษัท ฮาวคัม ไอพี" (บริษัทที่ Posted Image ก่อตั้งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2548 มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท จัดตั้งเพื่อจำหน่าย "ชิพ" สำหรับใส่ในโทรศัพท์มือถือ บรรจุข้อมูลได้ในระดับ "กิกะไบต์" หวังรองรับเทคโนโลยี 3G บริษัทนี้มี "บุญคลี ปลั่งศิริ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชิน คอร์ป เป็นที่ปรึกษา ปัจจุบันยังไม่แจ้งผลประกอบการ
ภาพรวมทั้ง 8 บริษัท ของ "โอ๊ค" มีสินทรัพย์ รวมกัน 276.41 ล้านบาท มีหนี้สิน 167.65 ล้านบาท และมีส่วนผู้ถือหุ้น 108.75 ล้านบาท โดยมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว รวมกัน 174.50 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2548 ที่ผ่านมา มีผลการดำเนินงาน (แจ้งงบการเงินเพียง 5 บริษัท) ขาดทุนสุทธิ รวมกัน 57.66 ล้านบาท


ข่าว : กรุงเทพธุรกิจ BizWeek 1/9/49


#347689 ชีวิตและงานของพานทองแท้

โดย amplepoor on 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 15:53

http://www.matichon....0&subcatid=8003


ข้อมูลชุดนี้สนุกมาก เว็บเรามีนักบัญชีป่าว
ตัวเลขมันน่าสงสัย

เอาของน้องหญิงโอ๊คก่อน...ข่าวเจาะ สืบเสาะมาได้ว่า มีดังนี้

1.บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ทุนจดทะเบียน 660 ล้านบาท
ผลประกอบการปี 2552 รายได้ 4.3 ล้านบาท
ขาดทุนสุทธิ 64.4 ล้านบาท สินทรัพย์ 239.2 ล้านบาท

2.บริษัท นิวโอ๊ค จำกัด ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท
ผลประกอบการปี 2552 รายได้ 311 บาท
ขาดทุนสุทธิ 222,261 บาท สินทรัพย์ 76.9 ล้านบาท

3.บริษัท มาสเตอร์ โฟน จำกัด ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท
ผลประกอบการปี 2552 รายได้ 10.2 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 10.5 ล้านบาท สินทรัพย์ 267,205 บาท

4.บริษัท โอคานิท จำกัด ทุนจดทะเบียน 35 ล้านบาท
ผลประกอบการปี 2552 รายได้ 868,534 บาท
ขาดทุนสุทธิ 2.5 ล้านบาท สินทรัพย์ 10.2 ล้านบาท

5.บริษัท ฮาวคัม มีเดีย จำกัด ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท
ผลประกอบการปี 2552 รายได้ 2,181 บาท
ขาดทุนสุทธิ 23.5 ล้านบาท สินทรัพย์ 3.1 ล้านบาท

6.บริษัท ฮาวคัม สตูดิโอ จำกัด ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท
ผลประกอบการปี 2552 รายได้ 24.4 ล้านบาท
ขาดทุนสุทธิ 10.5 ล้านบาท สินทรัพย์ 26.8 ล้านบาท

แปลว่า ปี 2552 จากวงเงินจดทะเบียน 765 ล้านบาท
ธุรกิจน้องหญิงโอ๊ค สร้างรายได้ปีละประมาณ 40 ล้านบาท
แต่มีผลประกอบการขาดทุนถึง 90 กว่าล้าน

และบริษัทที่มีรายได้ปีละ 311 บาท
กลับมีสินทรัพย์เกือบ 77 ล้าน...จากทุนจดทะเบียน 5 ล้าน
แสดงว่า ในหนึ่งปี 265 วัน มีรายได้เฉลี่ยวันละ 80 สตางค์
มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 25 บาทเศษๆ
ด้วยรายได้และทุนจดทะเบียนนี้
ท่านเอาเงินที่ใหนมาสร้างสินทรัพย์ถึง 77 ล้านหว่า...

ส่วนฮาวคัม มีเดีย สร้างรายได้ถึง 2,181 บาท คือเดือนละ 181 บาท
แต่สามารถทำให้ขาดทุนได้ถึง 23.5 ล้าน
แปลว่า แต่ละเดือน ท่านเอาเงินบริษัทร่วมสองล้านมาเผาเล่นเหรอ


เป็นนักธุรกิจมหัศจรรย์อย่างที่สุด


#347674 ชีวิตและงานของพานทองแท้

โดย koong on 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 15:37

:lol: :lol: :lol: แนะนำให้ขายมิสทีนค่ะ

ไม่ต้องลงทุน รับรองว่า ขยันๆ หน่อย ก็ได้เงินเยอะแล้ว


#386133 ลัทธิจานบินกู่ไม่กลับจริงๆนั่นแหละ ล่าสุดแสดงอภินิหารบอกศาสดาแอ๊ปเปิ้ลตายแล้ว...

โดย Solidus on 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:22

อ่านแล้วเพลีย โม้กันเป็นตุเป็นตะจริง ๆ สตีฟเขานับถือพุทธก็จริง แต่เขาไม่ได้นับถือนิกายเดียวกันกับธรรมโกยนะ เขานับถือพุทธนิกายเซน