Jump to content


ทัชชี่

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 7 กรกฎาคม 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: ส่วนตัว
-----

#1042446 ไอ้เทือกหนาววววววววว

โดย pooyong on 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:09

1620686_550518445044617_1076444390_n-vert.jpg




#1042437 ฝ่ายไอ้สัตว์นรกแม้วจะฆ่า จะเผา จะชั่วrะยำแค่ไหนก็ได้ แต่ฝ่ายไม่เอาแม้วต้องผุด...

โดย pooyong on 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:07

ขอยืมเอาไปโพสต์ในเฟสหน่อยนะครับ

 

1620686_550518445044617_1076444390_n-vert.jpg




#1041992 ฝ่ายไอ้สัตว์นรกแม้วจะฆ่า จะเผา จะชั่วrะยำแค่ไหนก็ได้ แต่ฝ่ายไม่เอาแม้วต้องผุด...

โดย เพื่อนร่วมชาติ on 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 20:06

ลิเบอรั่นโลกสวย และกลางโลกสวยรอบตัวคุณเป็นงี้มั้ยครับ

 

ฝ่ายไอ้สัตว์นรกแม้วจะฆ่า เผา ชั่วแค่ไหน แม่มเงียบกริบ

 

พอเห็นฝ่ายไม่เอาแม้วยิงปืนไม่กี่นัด

 

แม่มกระหน่ำด่า ไม่ก็ดีดดิ้นบีบน้ำตา ทำท่ารันทดรับไม่ได้กันใหญ่




#1042709 กปปส ก็มีกองกำลังติดอาวุธเหมือนกันนะ

โดย kanokporn on 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 23:40

ในเพจกองทัพนิรนาม เขาเขียนว่ามากัน 45 นาย จ้ะ ฝากบอกไว้ตรงนี้เลยว่า วันนี้หล่อมากกกกกก ทุกคนเลยจ้า :)




#1041902 กปปส ก็มีกองกำลังติดอาวุธเหมือนกันนะ

โดย พอล คุง on 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 19:34

ผมไม่สนครับว่าเป็นการยิงเพื่อป้องกันเปล่า แต่การที่ฝ่ายที่ผมสนับสนุนมีกองกำลังโจรอย่างนี้ ผมรับไม่ได้

 

แล้วทำไมไ้อพวกเสื้อแดง ก้อมีกองกำลัง มีปืน เอ๊งทำไมไม่ด่า ว่ะ




#1041896 กปปส ก็มีกองกำลังติดอาวุธเหมือนกันนะ

โดย ซามูไร ไข่เจียว on 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 19:32

ผมไม่สนครับว่าเป็นการยิงเพื่อป้องกันเปล่า แต่การที่ฝ่ายที่ผมสนับสนุนมีกองกำลังโจรอย่างนี้ ผมรับไม่ได้

เห็นด้วยครับ เพราะผมต้องการให้ฝ่ายที่ผมสนับสนุนเป็นฝ่ายโดนยิง ต า ย ห่ า อย่างเดียวไม่ต้องเสือกป้องกันตัวเอง




#1035944 บริษัทขายเหล้าเบียร์ เป็ดไก ที่โดนพ่อไอ้ปื๊ดขู่ คือ บริษัทอะไร

โดย นารายณ์สังหาร on 29 มกราคม พ.ศ. 2557 - 16:29

เหล้าเบียร์ - Thai Bev. คุณเจริญ  สิริวัฒนภักดี เป็นคนหนึ่งที่สนิทสนมมากกับสายวังและป๋าเปรม  ถือเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของฝ่ายรักเจ้า  โอเคบางคนอาจจะมองว่า เค้าขายเหล้า - เบียร์  สิ่งมอมเมา  แต่ให้ดูว่าเขาทำอะไรกลับคืนมาบ้างก็ดีครับ 

 

ปล. ผมอาจจะดูสนับสนุนออกนอกหน้ากับคนนี้หน่อย เพราะที่บ้านก็รู้จักมักคุ้นกับทั้งคุณเจริญและคุณหญิง ดีครับ 




#1036627 แดงกำลังแชร์ในเน็ต..โจมตีครอบครัวฝ่ายต้านระบอบทักษิณ..คนดีก็โกงและมีผลประโยชน...

โดย ลูกลุงขี้เมา ณ. เขาแหลม on 30 มกราคม พ.ศ. 2557 - 00:06

อันนั้นเขามีตั้งหลายคน แต่อันนี้สิ คนๆเดียว ครับ

 

 

1. สี่ปีแรกเอาเงินคลังมาแจกแถมสร้างภาพ สี่ปีหลังยึดสมบัติต้นทุนของชาติเข้าตลาดหุ้นแปรรูปมาเป็นสมบัติของพรรคพวกตนที่ถือหุ้น
2. ประชานิยม แจกแถมไม่มีงานยั่งยืน จนเงินหมดคงคลังแล้ว มีแต่ตัวเลขลวงชาวบ้านไปวันๆเบี้ยวแม้เงินเสี่ยงภัยของครู 3 จ.ใต้อย่างน่าอดสู
3. ห้ามประชาชนและสภาคิดอ่านคิดร่วมงานบริหารประเทศ “คิดเองแทนให้ทุกเรื่อง” เพราะเห็นตนเองฉลาดอยู่คนเดียวนอกนี้โง่หมด
4. เมียหัวหน้าพรรค"จ่ายให้หมด"แก่ผู้สมัครทุกคน เมื่อได้เข้าสภาให้ "ห้ามพูด ห้ามติติง ยกมือให้" อย่างเดียว คนในตระกูลเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริงหาใช่พรรคมหาชนแม้แต่น้อย ส.ส.-ส.ว.-ครม. ในคอก คือลูกจ้างทำตามนายสั่งอย่างเดียว ถูกครอบงำสิ้น กินทั้งเงินเดือนสภาและเงินเดือนหัวหน้าพรรค เป็นชุดบริหารและเป็นสภาอัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์สภาไทย จึงมีกระแสให้ปฏิรูปรัฐธรรมนูญใหม่รอบสอง
5. ผู้นำที่เป็นนักลงทุนข้ามชาติ ย่อมไม่มีความเป็นชาตินิยมได้ เพราะต้องร่วมสมผลประโยชน์ทำธุรกิจกับต่างชาติ เอาผลประโยชน์แผ่นดินมาแลกกับผลประโยชน์ธุรกิจตน
6. คนผีๆ ทรยศได้กับทุกคนที่เคยเป็นกัลยาณมิตร ปัจจุบันเลี้ยงสมุนด้วยเงินแต่ไม่มีใครจริงใจด้วยสักคน ต่างรู้ไร้จริยธรรม คนดีๆ เมธี ปัญญาชน ล้วนขับไล่ไสส่งให้ออกไป
7. สร้างภาพไม่ให้ขายบุหรี่เปิดเผย แต่อนุมัติเงิน 18,000 ล้านบาทสร้างโรงงานยาสูบสุดแพงที่เชียงใหม่ นายหน้าที่ดินเครื่องจักรเป็นใคร ?
8. วงศาคณาญาติพวกพ้องยิ่งมั่งคั่ง แต่เงินคลังประเทศถังแตก ต้องกู้เป็นแสนๆล้านจะตามมาอีกหลายงวด ล่าสุดกู้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆทั้งๆที่เงินกู้ออมสินถึงวาระยังไม่มีจ่ายต้องผลัดส่งเลย
9. ครอบงำและทำลายองค์กรอิสระจนเป็นง่อยเปลี้ย ขาดความสมดุลการตรวจสอบ
10. ครอบงำทีวี ทั้ง 6 ช่อง บงการเป็นกระบอกเสียงของตน เสนอข่าวด้านเดียว คุกคามสื่อทุกรูปแบบ ใครพูดเรื่องคอร์รัปชั่นโดนปลดรายการ จ้างชมพู่และหน้าจืดคนที่รับใช้เผด็จการทรราชมาทุกยุคทุกสมัย เหมือนสถานีทีวีเป็นสมบัติส่วนตัวของพวกโกงกันทั้งโคตรหรือไง มันคิดว่าทรัพย์สาธารณะ สภา ทำเนียบของประชาชนเป็นสมบัติของบริษัทมันทั้งสิ้น
11. แปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ทรัพย์สินมีมูลค่าซ่อนเร้นนับล้านๆบาท จะทำกำไรมหาศาลแก่ผู้ถือหุ้น ได้ของแถมสายนำสัญญาณใยแก้ว 24 เส้นแบนด์วิซสูงบนสายไฟแรงสูงมูลค่าแสนล้านฟรีๆ เป็นการเอาสมบัติต้นทุนของแผ่นดินมาแปรรูปเป็นสมบัตินายทุนหุ้น กำไรที่เคยเข้าคลังกลายเป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่แทนทันทีและแก้กฎหมายให้ต่างชาติมาถือหุ้นได้มากขึ้น
12. พยายามปลดคุณหญิงตงฉิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แล้วส่งรายชื่อคนของตนเองขึ้นไปทั้ง สตง.และ ปปช. แต่ถูกตีกลับแล้วยังไม่รู้ตัวว่ากระทำมิควร ไม่ยอมลาออกแสดงสปิริตแม้แต่คนเดียว
13. กว้านซื้อโรงพยาบาลเอกชนอย่างหนักหลังจากได้อำนาจครบ 4 ปี
14. กว้านซื้อธนาคารและสถาบันการเงินอย่างหนักหลังจากได้อำนาจครบ 4 ปี
15. ข้าวแกง ก๋วยเตียวขึ้นราคาชามละ 5บาท แต่ค่าแรงกรรมกรขยับแค่ 1-6 บาทในเพียง 16 จ. นอกนั้นไม่ขึ้นให้เลย ไหนค่าเล่าเรียนของลูกๆอีกที่เบิกไม่ได้เลย เขาอยู่กันอย่างไรในยามข้าวยากหมากแพงเช่นนี้
16. รัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน รัฐบาลไม่มีความสามารถพัฒนาให้มีกำไรได้ แต่กลับเก่งขายรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรให้ต่างชาติและพรรคพวกตนกว้านซื้อหุ้นรวยกันเละ
17. กลิ่นเหม็นสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าก่อสร้างหนึ่งแสนหกหมื่นล้านบาท ยุบยับคอรัปชั่นฮั้วเหมางานทุกตารางนิ้ว ญาติพี่น้องมามั่วกันครบเครื่อง
18. กำไรจำหน่ายสลากกินแบ่งเคยเข้าคลังเข้ารัฐ ปัจจุบันไม่เข้าคลัง รัฐบาลเอาไปแจกจ่ายใครกันอย่างไรเปิดเผยเสียที
19. เปิดเสรีเต็มประตูทะเลเพราะตนเองก็เป็นนักลงทุนข้ามชาติ เกรงใจบุชแห่งอเมริกาเป็นอย่างยิ่ง ร้านค้าย่อยคนไทยทยอยปิดกิจการ ห้างต่างชาติพากันขนเงินกำไรไหลออกเข้าบริษัทแม่ที่ต่างชาติ เลือดไทยไหลออกทุกวัน
20. รถไฟไทยขาดทุน ไม่เคยมีผู้บริหารเก่ง สามารถพัฒนาให้ดีมีกำไรได้สักคน แต่เก่งขายรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรอยู่แล้วเข้าตลาดหุ้นแล้วพรรคพวกตนเองก็กว้านซื้อทำกำไรให้ตนเองมหาศาล
21. พยายามผลักดันให้ กชท. ทำหน้าที่แทน กสช. เอื้อผลประโยชน์เครือข่ายการสื่อสารให้ตนเองและพรรคพวก
22. อุ้มฆ่าชาวบ้านอย่างหนัก สร้างเงื่อนไขสงคราม บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติอย่างไม่เคยมีมาก่อน
23. ชุมชนง่อยเป็นเปลี้ย รอแต่เงินรัฐบาลโยนมารอบแล้วรอบเล่า ไม่พัฒนาตนเองได้เพราะ ร้าน SME ที่รัฐบาลให้เงินมาได้ปิดกิจการหมดแล้ว แข่งขันกับห้างต่างชาติไม่ได้ นโยบายผลาญงบแผ่นดิน ไม่เคยมีนโยบายให้พึ่งตนเองได้อย่างถาวรสักโครงการ
24. ใช้เวลาเพียง 5 ปี เท่านั้น รัฐวิสาหกิจ การสื่อสาร คมนาคม ดาวเทียม สถาบันการเงิน โรงพยาบาล สินเชื่อ สื่อ อยู่ในกำมือตนสิ้น ขายธุรกิจตนเองไม่จริง แฝงซื้ออยู่ในกองทุนต่างชาติ เพื่อหลบหนีภาษีและหลบลี้ภัยตามยึดไม่ได้ภายหลังหมดอำนาจ
25. รถยนต์แห่งชาติ กาแฟแห่งชาติ เทคโนโลยีแห่งชาติ อาวุธแห่งชาติ สินค้าแบรนด์เนมไทยไม่มีโอกาสได้เกิด เพราะพวก“นายหน้าทุนต่างชาติ” เข้ามาร่วมบริหารอยู่ในรัฐบาลต้องรักษาผลประโยชน์แห่งตนไว้ก่อน
26. ประเทศไทยยังมีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มาก เช่น ภาคอีสานจากการ สำรวจพบว่ามี แร่ทองแดงและโพแทสเซียม สมบูรณ์ที่สุดในโลก ร่างพ.ร.บ.เสียเปรียบให้ต่างชาติเข้าครอบครองในการทำเหมืองดังกล่าวสิ้น
27. ชาวบ้านรากหญ้ามีแต่หนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เปิดโครงการให้กู้เงินอีกสถาบันมาล้างหนี้อีกสถาบันยิ่งเสียดอกมากขึ้น คนจนจะไม่มีอีกต่อไป เพราะอดตายกันหมดแล้ว
28. โกงลำไยแห้ง โกงโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่านหลายหมื่นล้าน เอาตัวเล็กๆมาเป็นแพะ ตัวใหญ่ลอยนวลเพราะอยู่ใกล้ตัว
29. ปลอมวุฒิการศึกษา คาร์ปาร์คสุดอื้อฉาว ทุจริตกล้ายางก็เงียบฉี่
30. ต่ออายุราชการให้น้องเขยครั้งแล้วครั้งเล่าอีกแล้วครับท่าน
31. ให้ฝรั่งมังค่าเข้ามาประมูลประเทศถึงทำเนียบโดยสภาพัฒน์และนายคลังยังไม่รู้นโยบายประเทศของตนเองเลยว่า “มีแบบนี้ด้วยเหรอ” แต่ไม่มีโครงการที่จะเอาฝรั่งที่ชำนาญการปราบคอรัปชั่นเข้ามาด้วย เพราะตอนนี้ประชาระทมโดนโกงกันจนคลัง “ถังแตก” แล้วครับ
32. คอมมิชชั่นเครื่องบิน SU-30 MK กำลังจะเข้าปาก*** พวกกัลยาณมิตรกลับใจไม่น่ามาขวางเลย
33. ที่แท้พรรคพวกได้ผลประโยชน์ข้างเคียงก่อสร้างไนท์ซาฟารี
34. ให้คนแกล้งหมอพรทิพย์เพราะต้องการเอาคนของตัวเองเข้าไปแทน
35. เอาวัตถุทั้งรถและบ้านมายั่วแจกให้แท็กซี่ไปฟังตนปราศรัย แล้วยังมีหน้าพูดจายั่วยุคนที่คิดเห็นต่างตนว่ารับจ้าง
36. เหยื่อสึนามิ ไม่ได้รับการช่วยเหลือทั่วถึงแต่อย่างใด สื่อรัฐเสนอแต่ส่วนที่ช่วยแล้วได้ออกทีวี ปกปิดข้อเท็จจริง
37. ห้ามทีวีออกรายการช่วยน้ำท่วมภาคใต้ แบ่งแยกดินแดนชัดๆ
38. เซ็นสัญญา FTA โดยไทยเสียเปรียบมาก ไทยขาดการวิจัยและผลิตยา 20 กว่าชนิดเป็นเวลา 25 ปี และไม่ให้ปลูกข้าวหอมมะลิสองสายพันธุ์ ต่างชาติอ้างถือสิทธิบัตร รวมถึงการเกษตรให้เสรีนำเข้าตีภาคผลิตของคนไทย ทุนนิยมสุดโต่ง
39. ทำลายความเชื่อถือความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ ข้าราชการ, เจ้าหน้าที่รัฐ บ้าอำนาจใช้พระเดชปกครอง ขู่เข็ญ สร้างเงื่อนไขให้ข้าราชการให้รับใช้สอพลอตนถ้าแสดงออกได้ดีจะได้รับตำแหน่งข้ามหัวเพื่อน
40. ยุทธ ตู้เย็น ขี้ขลาดตาขาว ยิงตายายเกือบตายถ้าไม่ถูกตู้เย็นพรุนเสียก่อน วันนี้มันจ้างคนงานชั่วคราวป่าไม้มาก่อกวนการเสวนาตามระบอบประชาธิปไตยถึงกรุงเทพ ฯ
41. ผู้นำและครม.หลายคนขับรถจักรยานยนต์ในอำเภออาจสามารถที่หมอดูสั่งให้ไปนอนให้ครบ 4 คืน มิฉะนั้นจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ทำผิดกฎหมายไม่ใส่หมวกกันน๊อค ซ้อนท้าย 3 คนไม่เปิดไฟไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ออกกฎหมายบนถนนว่าถนนรองไม่ต้องใส่หมวก
42. ไปสิงคโปร์ 4 วันเพื่อบรรลุข้อตกลงให้ต่างชาติซื้อหุ้นได้เงินเกือบแสนล้าน แท้จริงเป็นการโยกหุ้นไปอยู่ในกองทุนต่างชาติเพื่อหลบหนีภาษีและป้องกันการถูกยึดในภายหลังหมดอำนาจ แอบตั้งบริษัทที่ไม่รักชาติ เพื่อซุกซ่อนสมบัติ เลี่ยงภาษีที่เกาะหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น
43. มีจิตใจอาฆาตต่อราษฎรและไร้เมตตาธรรมต่อผู้ที่คิดเห็นต่างตน แม้ 19 ล้านเสียงก็ขว้างเกือกคืนให้แล้วยังมีหน้าเอามาอ้างอีก
44. ตลาดหุ้นไทยกลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนใหญ่ไม่กี่ตระกูลที่รวมหัวกับต่างชาติปั่นทำกำไร
45. ศักดิ์ศรีประเทศไทยอยู่ตรงไหน ต่อการขายสมบัติของแผ่นดินไปให้ต่างชาติแถมกำไรเข้ากระเป๋านักการเมือง เขาซื้อเราขาย ใครเป็นมหาอำนาจ ใจเป็นขี้ข้าหมดทรัพย์ หนังคนละเรื่องกันเลย
46. ไม่เคยมียุคใดสมัยไหนที่คณะผู้บริหารชาติบ้านเมืองคิดพิเรนทร์ ขนาดจะขายแผ่นดินไทยเหมือนยุคสมัยแห่งรัฐบาลนี้อีกแล้ว เตรียมออกกฎหมายที่ดิน เพื่อเปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถ “ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน” ของประเทศไทยได้ พอดีมีเรื่องขับไล่เสียก่อน
47. ชาวบ้านตั้งคำถาม 50 ข้อ ไม่เคยตอบแม้แต่ข้อเดียว กลับยุบสภาหนีคำถาม เก่งแต่ฟ้องร้องแก้เกี้ยว เมธี ปัญญาชนถูกฟ้องไปทั่ว
48. จ้างผู้สมัครพรรคอื่นให้ลงสมัคร ส.ส. เพื่อหาความชอบธรรมในสภา มหาโจรหน้าเหลี่ยมใช้สภาและอาศัยอาศัยรูปแบบประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือในการปล้นชาติกินเมือง
49. ตระบัตสัตย์ กระล่อน โมฆะบุรุษ ไม่มียางอาย เคยให้สินบน "ทรราชสุจินดา" สุจินดาจึงเชียร์มันสุดๆ
50 ไม่มีคนดีๆ ไม่มีปัญญาชนคนไหนชื่นชอบ ล้วนขับไล่ไสส่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน
51 ขี้นค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา น้ำมัน และต้องไปจ่ายเองที่ออฟฟิต ต้องเสียค่าธรรมเนียมที่มินิมาร์ท การที่ผู้บริโภคต้องใช้รถราไปจ่ายเองต้องเสียค่าน้ำมันเพิ่มทุกครัวเรือน ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่หุ้นน้ำมันก็คือเจ้าของระบอบชั่วนี้
52 ตั้งบริษัทนอมินีให้เครือญาติมาเกี่ยวข้องงานราชการ ฮั้วประมูลงาน รวยล้นฟ้าภายในห้าปี แต่ละเครือรวยกันจริงๆแบบไม่กลัวบาปกรรมแม้แต่น้อย
53 ไปเจ็ดประเทศไปบังคับฑูตให้ติดต่อผู้นำดังกล่าวอย่างเสียมารยาท ทั้งเหมาลำนั่งกันสองคน ใช้เงินภาษีราชการ เศรษฐีขี้เหนียว มันสารเลวจริงๆ มีแต่ปูตินของรัสเซียให้พบเพราะอยากถามเรื่องซื้อเครื่องบินจะว่าไง
54 นางแว่น กลิ่นเหม็นคอมมิชชั่นเครื่องคอมฯ พวกหมอพวกพยาบาลเกลียดหนักหนา ไม่รู้รวยมาจากไหนเอาเงินกว้านซื้อที่ดินตามเกาะต่างๆทั้งในอ่าวไทยและอันดามันหลายร้อยแปลง รวมพันล้านบาท แล้วให้ ครม.งุบงิบแอบออกกฎหมายขายชาติ เตรียมขายที่ดินที่พรรคพวกตนกว้านซื้อขายต่อฟาดกำไรให้ชาวต่างชาติจากกฎหมายขายชาติดังกล่าว (รายละเอียดฟังได้ที่นี่ mms://tv.manager.co.th/videoclip/11News1/Footage/JurmsakTalk_160306_H.wmv )
55 น้ำท่วมไฟลุกทั้งแผ่นดินเพราะคนตระบัตสัตย์คนโกงคนไร้จริธรรมเข้าทำเนียบ
56 เป็นผู้นำคนเดียวในโลกที่มีคนแต่งเพลงไล่ให้ออกไป 200 กว่าเพลง แหล่ กลอนกวี การ์ตูน ด่าไล่เป็นจังไรมากที่สุดในโลก
57 ไม่เคยตอบคำถามที่ชาวบ้านถาม มันกลับฟ้องแก้เกี้ยวรกเต็มศาล ทั้งปัญญาชน เมธี คนรักชาติถูกมันฟ้องเรียกค่าเสียหายไปทั่วเมือง ล่าสุดเรียก 1 พันล้านบาท เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆก็ยังเคยถูกมันฟ้องเรียก 400 ล้านบาท แสดงว่ามันยังรวยไม่พอ อย่างนี้จะให้มันอยู่ในทำเนียบอีกหรือ? ออกไป๊...ยิ่งรวยยิ่งโกง
 
58 ทั่วโลกบอยคอตรัฐบาลเผด็จการพม่าที่กักขังนางอองซูจี ไม่ช่วยเหลือใดๆ แต่มันกลับเอาเงินเอ็กซิมแบ็งก์ให้พม่ากู้ 5หมื่นกว่าล้าน แลกกับผลประโยชน์ส่วนตัวขายสัญญาณดาวเทียม
59 ยุคนี้บริษัทใหญ่ๆของนักการเมืองและเครือญาติหลีกเลี่ยงภาษีกันอย่างหนัก เพราะมันควบคุมกลไกของรัฐไปทุกหย่อมหญ้าเบ็ดเสร็จ
60 ล่าฆ่าปิดปากชิปปิ้งหมู ที่ออกมาเปิดเผยจากลักลอบเอาชุดดาวเทียมหนีภาษีเข้าประเทศเป็นมูล่าหลายพันล้านบาท
61 งานประมูล งานรับเหมาของรัฐ ยุคนี้ วนเวียนอยู่แต่ในบริษัทนอมินีของนักการเมืองทั้งสิ้น ไม่มีการกระจายอย่างกว้างขวางไปให้บริษัทอื่นๆบ้างเหมือนดังที่ผ่านๆมา
62 ครม.ทั้งชุดคือลูกจ้างของบริษัทเหลี่ยมดาวเทียม ไม่ไปไหนเงินดีงานดี หนา ยิ่งกว่าวาสหนา
63 จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง กลายเป็นคนจ้างไม่ผิดแต่คนมีรูปถ่ายเป็นหลักฐานผิด กล้องถ่ายรูปผิด เหมือนตากใบ คนจับชาวบ้านมัดมือไพร่หลังแล้วเตะคาง เตะก้านคอ ทับกันตาย คนทำทารุณกรรมไมผิด กลายเป็นวีซีดีผิด! บ้ากันใหญ่แล้วยุคทรราชเหลี่ยมครองเมือง
64 เมียทรราชและนายหญิงทั้งหลายกว้านซื้อที่รอบๆสนามบินแล้วรีบออกกฎหมายปั่นที่ดินหวังเทขาย หวังรวยติดอันดับโลก
65 ปากทรราชพูดจะเจริญรอยตามนโยบายเศราฐกิจเพียงพอแต่พฤติกรรมมัน"ให้ต่างชาติเข้ามาครอบงำธุรกิจไทยหมดสิ้น"
66 มันพูดแต่คำว่า "กติกาประชาธิปไตย" โดยมันซื้อยกพรรค ซื้อยกหมู่บ้าน ประชาธิปไตยภาษาพ่อมัน
67 น้องสาวมันปลอมวุฒิการศึกษา เดี๋ยวนี้รวยเป็นพันๆล้านกว้านซื้อที่ดินซื้อหมู่บ้านได้มากมาย
 
พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้เศษเสี้ยวเลยครับ



#959388 แดงกำลังแชร์ในเน็ต..โจมตีครอบครัวฝ่ายต้านระบอบทักษิณ..คนดีก็โกงและมีผลประโยชน...

โดย Ricebeanoil on 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:58

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายอรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ซีพีเอฟ ฯ ในเครือซีพี บริษัทแม่ของธุรกิจสัมปทานกับรัฐ
มีอาชื่อนายวิทยา เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท ทรู ฯ ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานโทรศัพท์ และโทรศัพท์มือถือ ของรัฐ
มีลุงชื่อนายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ
เป็นกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ BTS
ในการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าไปอีก 30 ปี
โดยที่สัมปทานยังไม่หมดอายุ ยังเหลืออยู่อีก 17 ปี

1.2
นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีน้องชายชื่อนายระลึก หลีกภัย หลบหนีคดีทุจริตธนาคารกสิกรไทย จนหมดอายุความ

1.3
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชายชื่อนายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน เป็น สส. พรรคประชาธิปัตย์ ถูกถ่ายรูป ขณะดูรูปโป๊ในระหว่างประชุมสภา
พรรคประชาธิปัตย์เอารูปที่ถูกถ่ายมาชี้แจง โดยรูปต่างไปจากรูปเดิมที่นิ้วหัวแม่มือยืดยาวออกไปกดปุ่มปิดโทรศัพท์

1.4
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
มีลูกชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ ถูกฟ้องในคดีทุจริตครอบครองที่ดินเขาแพง

1.5
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายไกรศรี จาติกวณิช ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร
ในความผิดทุจริตภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ

1.6
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
มีพ่อชื่อนายมานะศักดิ์ อินทรโกมาลย์สุต
ถูกไล่ออกจากราชการตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์
ในความผิดทุจริตต่อหน้าที่

1.7
นายศิริโชค โสภา สส. พรรคประชาธิปัตย์
มีแม่ชื่อนางเสาวรส โสภา ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีฉ้อโกงเช็ค.;

1.1) อภิสิทธิ์ : CPF ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับรัฐ แต่บริษัทที่เป็นคู่สัญญาของรัฐ คือ TRUE ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัดและ CPF ก็ไม่ได้เป็นบริษัทแม่ของ TRUE ด้วย CPF เป็นบริษัทลูกอีกบริษัทหนึ่งของบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ส่วนอาและลุง เกี่ยวอะไรด้วย ไม่ใช่ญาติสายตรง แล้วสัญญา BTS ที่ต่อไปอีก 30 ปีนั้น เป็นสัญญาว่าจ้างให้เดินรถ ไม่ใช่ขยายสัมปทาน เรื่องง่ายๆ แบบนี้ พวกกาสรสีชาดทำไมไม่เข้าใจซักทีก็ไม่รู้
ตรวจรายชื่อผู้ถือหุ้นได้
CPF : http://www.settrade....PF&selectPage=5
TRUE : http://www.settrade....UE&selectPage=5

1.2) ชวน : น้องชายโกงบริษัทเอกชน แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่มันบริหารประเทศวะ

1.3) บัญญัติ : ลูกมันเปิดภาพโป๊ แล้วเกี่ยวอะไรกับผลประโยชน์ทับซ้อนวะ

1.4) สุเทพ : เรื่องที่ดินเขาแพง กำลังฟ้องอยู่ เดี๋ยวก็รู้ว่าใครผิดใครถูก

1.5) กรณ์ : คดีพ่อเค้า ศาลตัดสินไปชาติเศษแล้ว ผลปรากฏว่าไม่มีความผิด พวกกาสรสีชาดไปขุดรูอยู่มาหรือไงเนี่ย
http://th.wikipedia....กรศรี_จาติกวณิช

1.6) ชวนนท์ : หาข้อมูลได้เท่านี้ ในข่าวไม่ได้บอกว่าทุจริตต่อหน้าที่
http://info.gotomana...ls.aspx?id=7877

เมื่อประมาณระหว่างปี 2524-2525 ธนาคารอาคารสงเคราะห์กำลังประสบวิกฤติการณ์ทางการเงินคือขาดเงินหมุนเวียน ไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศได้ไกรศรีเป็นมือกระบี่ที่ถูกส่งไปเคลียร์ปัญหา ปีแรกเขาไปเป็นกรรมการต่อมาพลเอกอำนาจ ดำริการประธารกรรมการเสียชีวิต ไกรศรีได้รับเลือกให้เป็นประธานแทนในทัศนะของไกรศรีธนาคารนับว่าอยู่ในภาวะที่เลวร้ายมาก เพราะแม้แต่ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด ก็ยังไม่สามารถใช้คืนแก่ผู้ถือได้ตามกำหนดเวลา รวมทั้งการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินอีกมากมาย ซึ่งเมื่อธนาคารไม่มีเงินชำระให้แก่เจ้าหนี้ต่างๆ ย่อมส่งผลกระเทือนถึงรัฐบาล เพราะกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้

ไกรศรีเห็นว่าการที่จะแก้ไขความเสียหายและฟื้นฟูธนาคารนั้น ประการแรกต้องเปลี่ยนตัวผู้จัดการ ไกรศรีเสนอให้ครม.ปลดมานะศักดิ์ อินทรโกมารสุต และแต่งตั้งกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ซึ่งขณะนั้นเป็นรองผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อธนาคารกรุงไทย เพราะไกรศรีเห็นฝีมือกิตติตอนที่กิตติรับผิดชอบโปรเจ็คผาแดงในฐานะตัวแทนของกรุงไทย ไกรศรีกับกิตติได้ร่วมกันบริหารธนาคารกลับคืนมาอยู่ในฐานะที่มั่นคงและมีกำไรจนกระทั่งปัจจุบัน

1.7) ศิริโชค : แม่มีคดีฉ้อโกงเช็คเด้ง เกี่ยวกับลูกตรงไหนวะ งั้นทักษิณที่มีคดีฉ้อโกงเช็คเด้ง ศาลตัดสินแล้วด้วย ว่าโกงจริง แต่คดีหมดอายุความเลยฟ้องต่อไม่ได้ ไม่ตรงตัวมากกว่าหรือไง

ปล. เรื่องโง่ๆ ของพวกกาสรสีชาด ไม่มีวันหมดอายุจริงๆ

คำพิพากษา
ในพระประมาภิไธยพระมหากษัตริย์

ที่ 149/2532 ศาลฎีกา


วันที่ 20 มกราคม 2532


ความ แพ่ง


ระหว่าง นางชม้อย เชื้อประเสริฐ โจทก์

นายสันต์ สมิตเวช จำเลยที่ 1

พันตำรวจตรีทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 2

เรื่อง ตั๋วเงิน


จำเลยที่ 2 ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2529


โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเช็คธนาคารเอเชีย จำกัด สาขาเชียงใหม่ เลขที่
ลงวันที่ 29 กันยายน 2525 จำนวนเงิน 1,300,000 บาท (หนึ่งล้านสามแสนบาทถ้วน) เป็นเช็คออกให้แก่ผู้
ถือจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย มอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลัง
เพื่อรับรองเป็นประกัน สำหรับจำเลยที่ 1 เมื่อถึงกำหนดวันที่ลงเช็ค โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของ
โจทก์ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาสยามสแควร์ กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เรียกเก็บเงินจากธนาคารตาม
เช็ค ปรากฏว่า ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2525 โดยให้เหตุผลในใบคืนเช็คว่า
“โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย” โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองชำระงินตามเช็คหลายครั้ง แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย
เสีย โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 1,300,000 บาท นับแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2525 จนถึง
วันฟ้อง เป็นเวลา 1 ปี รวมเป็นดอกเบี้ย 97,500 บาท ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 1,300,000
บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอีก 97,500 บาท และดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 1,300,000 บาท นับแต่
วันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่
1 เป็นหนี้โจทก์ไม่ถึงจำนวนเงินตามเช็คตามฟ้อง โดยเป็นหนี้เพียง

750,000 บาท จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ไปแล้วบางส่วน โจทก์คิดดอกเบี้ยร้อยละห้าถึงเจ็ดต่อเดือน และนำ
ดอกเบี้ยที่ค้างชำระมาทบรวมเป็นเงินต้นเป็นการไม่ชอบ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามฟ้องทั้งหมด
ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คตามฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายและได้เช็คมาโดยไม่
สุจริต ลายมือชื่อด้านหลังเช็คที่โจทก์อ้างว่าเป็นลายมือชื่อผู้ค้ำประกันการจ่ายเงินตามเช็ค
มิใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายให้ชัดเจนว่า โจทก์
ได้เช็คพิพาทมาจากจำเลยที่ 1 เพื่อชำระหนี้ชนิดใด ทำให้จำเลยที่ 2 ไม่ทราบว่าจะให้การต่อสู้อย่าง
ไรและเกี่ยวข้องกับเช็คตามฟ้องในทางใด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้
สั่งจ่ายเช็คตามฟ้อง จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลัง พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน
1,300,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไป นับแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2525 จนกว่าชำระ
เงินเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าธรรมเนียมโดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
แทนโจทก์
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 2,000 บาท แทน
โจทก์
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ทางพิจารณาโจทก์ก็นำสืบว่า เมื่อเดือนกันยายน
2523 จำเลยที่ 2 ได้ซื้อโรงภาพยนตร์พร้อมที่ดินจากนายธรรมนนท์ สมิตเวช บิดาจำเลยที่
1 ในราคา 8,500,000 บาท แต่ระบุในสัญญาไม่ถึง 8,500,000 บาท โดยจำเลยที่ 2 ให้นาง
พจมาน ชินวัตร ภริยาลงลายมือชื่อเป็นผู้ซื้อ จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้ให้ความยินยอม
ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือสัญญาขายที่ดิน ลงวันที่ 28 กันยายน 2523 เอกสารหมาย จ.3 ได้
ชำระราคาเป็นเงินสดบางส่วน ที่เหลือชำระเป็นเช็คหลายฉบับ โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้สั่งจ่าย ต่อมา
จำเลยที่ 1 นำเช็คที่จำเลยที่ 2 ออกให้เพื่อชำระค่าโรงภาพยนตร์และที่ดินมาชำระหนี้โจทก์ 3 ฉบับคือ
เช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาสะพานกรุงธน ลงวันออกเช็ควันที่ 29 กันยายน 2524 จำนวนเงิน
1,800,000 บาท และเช็คธนาคารเดียวกัน ลงวันออกเช็ควันที่ 29 กันยายน 2525 จำนวนเงิน
1,300,000 บาท ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเช็คเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 ส่วนเช็คอีกฉบับหนึ่ง ลง
วันออกเช็ควันที่ 29 กันยายน 2526 จำนวนเงิน 1,800,000 บาท ไม่ได้ถ่ายสำเนาไว้ เมื่อเช็คตาม
สำเนาภาพถ่ายเอกสารหมายเลข จ.4 ถึงวันออกเช็ค โจทก์ได้เรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็ค
ปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่า บัญชีปิดแล้ว ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบคืนเช็คเอกสารหมาย
จ.4

โจทก์จึงติดต่อให้จำเลยที่ 2 มาชำระเงินตามเช็คดังกล่าว จำเลยที่
2 นัดให้โจทก์ไปพบที่ห้องทำ

งานของจำเลยที่ 2 ที่กรมตำรวจในวันที่ 16 เมษายน 2525 ครั้นถึงวันนัดโจทก์ นายนภศูล สวัสติเวทิ
น ทนายโจทก์ และจำเลยที่ 1 ไปพบจำเลยที่ 2 ที่ห้องทำงานของจำเลยที่ 2 ได้มีการเจรจากัน ในที่
สุด จำเลยที่ 2 บอกว่า จะออกเช็คให้ใหม่และขอเช็คเก่าคืน แต่ในขณะนั้นจำเลยที่ 2 ยังไม่ได้
เปิดบัญชีใหม่ ขอให้จำเลยที่ 1 ออกเช็คไปก่อน โดยจำเลยที่ 2 สลักหลังเป็นประกันให้ โจทก์
ยอมตกลงในวันนั้น จำเลยที่ 1 ได้ออกเช็คให้โจทก์ 3 ฉบับ โดยจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลังต่อ
หน้าโจทก์และนายนภศูล คือ เช็คธนาคารเอเชีย จำกัด สาขาเชียงใหม่ ลงวันออกเช็ควันที่ 29
กันยายน 2525 จำนวนเงิน 1,300,000 บาท ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.6 ซึ่งเป็นเช็ค
ที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ เช็คธนาคารเอเชียทรัสต์ จำกัด สาขาเชียงใหม่ ลงวันออกเช็ควันที่ 1
ตุลาคม 2526 จำนวนเงิน 1,800,000 บาท และเช็คธนาคารเอเชียทรัสต์ จำกัด สาขาเชียงใหม่ ลงวัน
ออกเช็ควันที่ 1 ตุลาคม 2527 จำนวนเงิน 1,800,000 บาท ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเอกสารหมาย
จ.7 และ จ.8 ตามลำดับ (โจทก์ขออนุญาตส่งสำเนาภาพถ่ายแทน เพราะต้นฉบับจะนำไปดำเนินคดีที่
ศาลจังหวัดเชียงใหม่)
ครั้นเช็คตามฟ้องถึงวันออกเช็คแล้ว โจทก์เรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวัน
ที่ 5 ตุลาคม 2525 โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คตามฟ้องแล้ว จำเลยทั้งสองเพิกเฉยเสีย

จำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา


จำเลยที่
2 นำสืบว่า จำเลยที่ 2 รู้จักโจทก์ แต่ไม่เคยมีหนี้สินผูกพันกับโจทก์ และไม่เคยออก

เช็คตามฟ้องให้โจทก์ เมื่อพุทธศักราช 2523 จำเลยที่ 2 ซื้อโรงภาพยนตร์และที่ดินจากบิดาจำเลย
ที่ 1 ในราคาบาท ได้ชำระราคาเป็นเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาสะพานกรุงธน รวม 5 ฉบับ จำนวน
เงิน 1,300,000 บาท 1 ฉบับ, จำนวนเงิน 1,800,000 บาท 4 ฉบับ ลงวันออกเช็คห่างกันฉบับละ 1 ปี
จำเลยที่ 2 ตกลงกับจำเลยที่ 1 ว่าไม่ให้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ได้มีการนำเช็คมาแลกเงิน
สดไปจากจำเลยที่ 2 แล้วทุกฉบับ วันที่ 26 เมษายน 2525 จำเลยที่ 2 ลาป่วยไม่ไปทำงาน

พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า จำเลยที่
1 ออกเช็คตามฟ้องแล้วมอบให้โจทก์

เมื่อถึงวันออกเช็คแล้ว โจทก์นำเช็คตามฟ้องไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อ
วันที่ 5 ตุลาคม 2525 ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะมิได้บรรยายถึงมูลหนี้
ตามเช็คจึงขาดสาระสำคัญไปนั้น เห็นว่า เช็คตามฟ้องเป็นเช็คออกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ และตาม
กฎหมายถือว่าผู้ถือเป็นผู้ทรงและบุคคลผู้ลงลายมือชื่อในเช็คย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความ
ในเช็ค โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้
สลักหลัง เมื่อถึงวันออกเช็คแล้ว โจทก์นำเช็คตามฟ้องเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการ
จ่ายเงิน ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์ แม้มิได้บรรยายถึงมูลหนี้ก็ถือได้ว่า
คำฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลัก
แห่งข้อหาแล้ว จึงไม่เคลือบคลุมดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกา ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ที่จำเลยที่
2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 มิได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้อง
และโจทก์

เบิกความเท็จไม่น่าเชื่อถือ จะเห็นได้จากการที่โจทก์เบิกความในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คและ
จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้องและเช็คอื่นอีก 2 ฉบับ ที่ที่ทำงานของจำเลยที่ 2
ที่กรมตำรวจ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2525 แต่ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 52/2527 ของศาลจังหวัด
เชียงใหม่ที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นจำเลย ในข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความ
ผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โจทก์ฟ้องและเบิกความว่า จำเลย (จำเลยที่ 1 ในคดีนี้) สั่งจ่ายเช็คตาม
สำเนาภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.7 ในคดีนี้ (ซึ่งโจทก์นำสืบในคดีนี้ว่า ออกพร้อมกับเช็คตามฟ้องคดี
นี้) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525 และในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 24358/2527 ของศาลอาญาที่จำเลย
ที่ 2 ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในข้อหาเบิกความเท็จ นายนภศูล ทนายโจทก์ก็ได้เบิกความว่า โจทก์กับ
นายนภศูล ไปพบจำเลยที่ 2 ที่ที่ทำงานของจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525 จำเลยที่ 2 มิได้
ไปทำงานเพราะลาป่วย มีใบลาเป็นหลักฐาน คดีจึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลัก
หลังเช็คตามฟ้อง และจำเลยที่ 2 ไม่เคยสั่งจ่ายเช็คให้จำเลยที่ 1 เพราะผู้ซื้อโรงภาพยนตร์และ
ที่ดินคือนางพจมาน ภริยาจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยนั้น โจทก์มีตัวโจทก์และ
นายนภศูลทนายโจทก์คนเดิมมาเบิกความว่า จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย และ
จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้อง และเช็คตามสำเนาภาพถ่ายหมาย จ.7 และ
จ.8 ที่ที่ทำงานของจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2525 ปรากฏรายละเอียดตามที่ศาลฎีกา
ยกขึ้นกล่าวในข้อนำสืบของโจทก์

ปรากฏว่า จำเลยที่
2 อ้างใบลาหยุดราชการในวันที่ 26 เมษายน
2525 เป็นพยาน เพื่อแสดงให้

ศาลเห็นว่า โจทก์เบิกความเท็จ พยานหลักฐานของโจทก์ไม่น่าเชื่อถือและเชื่อไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ลง
ลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้อง จำเลยที่ 2 อ้างอิงข้อเท็จจริงในฎีกาว่า เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่
1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 52/2527 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ โจทก์บรรยายฟ้องและเบิกความ
ว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525 ตามสำเนาภาพถ่ายคำฟ้องและคำให้การพยาน
โจทก์ ท้ายฎีกา เอกสารหมายเลข 1 และหมายเลข 2 และนายนภศูล ทนายโจทก์คนเดิมเบิกความ
เป็นพยานโจทก์ (จำเลยที่ 2 ในคดีนี้) ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 24358/2527 ของศาลอาญาว่า
โจทก์และนายนภศูลไปพบจำเลยที่ 2 ที่ห้องทำงานของจำเลยที่ 2 ที่กรมตำรวจเมื่อวันที่ 26 เมษายน
2525 มิใช่วันที่ 16 เมษายน 2525 ตามสำเนาภาพถ่ายคำให้การพยานเอกสารท้ายฎีกาหมายเลข 3

พิจารณาแล้วเห็นว่า เดิมนายนภศูลเป็นทนายโจทก์ในคดีนี้ และเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นโจทก์และเรียง

ฟ้องในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 52/2527 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ปรากฏว่า ในคดีนี้ เมื่อจำเลยที่ 2
ยื่นฎีกาแล้ว นายนภศูลในฐานะทนายโจทก์ยื่นคำร้อง ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2530 ขอถอนฟ้อง
โดยอ้างว่า โจทก์และจำเลยที่ 2 ตกลงกันแล้ว จำเลยที่ 2 รับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้าน ศาล
ชั้นต้นสั่งนัดพร้อมเพื่อสอบถามเรื่องโจทก์ขอถอนฟ้อง ถึงวันนัด โจทก์และทนายคนใหม่มาศาล
แถลงว่า โจทก์ไม่เคยตกลงหรือยินยอมให้นายนภศูลถอนฟ้อง ดังที่นายนภศูลยื่นคำร้อง
ไว้ และยืนยันขอดำเนินคดีในขั้นฎีกาต่อไป

ศาลฎีกาพิเคราะห์พฤติการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว เห็นว่า คำฟ้องในคดีอาญา หมายเลขดำที่

52/2527 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ และคำเบิกความของนายนภศูลในคดีอาญา หมายเลขดำที่
24358/2527 ของศาลอาญา หาทำให้พยานหลักฐานของโจทก์ไม่น่าเชื่อถือและฟังไม่ได้ดังที่จำเลย
ที่ 2 ฎีกาหรือไม่ ที่โจทก์เบิกความในคดีดังกล่าวว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525
อาจเกิดจากความหลงถือหรือต้องเบิกความไปตามคำฟ้องก็ได้ อย่างไรก็ตามจำเลยที่ 1 จะลงลายมือ
ชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 จะลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังในเช็คตามฟ้องในวันที่ 16 หรือวันที่ 26
เมษายน 2525 ก็หาใช่สาระสำคัญไม่
ในปัญหาว่า จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังหรือไม่นั้น จำเลยที่ 2 ก็มิได้นำสืบปฏิเสธว่า
ลายมือชื่อผู้สลักหลังในเช็คตามฟ้องมิใช่ลายมือชื่อของตน ในเรื่องของมูลหนี้นั้น จำเลยที่ 2 ก็ได้นำ
สืบว่า เมื่อพุทธศักราช 2523 จำเลยที่ 2 ซื้อโรงภาพยนตร์และที่ดินจากบิดาจำเลยที่ 1 ในราคา
8,500,000 บาท ชำระราคาเป็นเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาสะพานกรุงธน 5 ฉบับ จำนวนเงิน
1,300,000 บาท 1 ฉบับ จำนวน 1,800,000 บาท 4 ฉบับ เป็นเช็คส่วนตัวของจำเลยที่ 2 ข้อนำสืบดัง
กล่าว....กับพยานหลักฐานของโจทก์ แต่ที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่า จำเลยที่ 1 นำเช็คดังกล่าวมาแลกเงิน
สดไปจากจำเลยที่ 2 ทุกฉบับแล้วนั้น ข้อนำสืบข้อนี้มีแต่คำเบิกความของจำเลยที่ 2 ลอยๆ เท่านั้น
ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน ด้วยเหตุผลดังกล่าว ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ลง
ลายมือชื่อสลักหลังเช็คตามฟ้อง และเหตุที่จำเลยที่ 1 จะออกเช็คตามฟ้อง และจำเลยที่ 2
ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังก็เกิดจากมูลหนี้ดังที่โจทก์นำสืบ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดใช้เงิน
ตามเช็คตามฟ้องให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ศาลฎีกาตั้ง
ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อผู้สลักหลังในเช็คตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาได้มีคำสั่งในเรื่องนี้ไว้แล้ว
จึงไม่สั่งซ้ำอีก

พิพากษายืนให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา
3,000 บาทแทนโจทก์

องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา

นายบุญส่ง คล้ายแก้ว
นายประมาณ ชันซื่อ
นายนิเวศน์ คำผอง




#959372 แดงกำลังแชร์ในเน็ต..โจมตีครอบครัวฝ่ายต้านระบอบทักษิณ..คนดีก็โกงและมีผลประโยชน...

โดย sigree on 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:53

นาย ชวนเคยออกกฏหมายนิรโทษ ให้น้องชายไหม?




#959353 แดงกำลังแชร์ในเน็ต..โจมตีครอบครัวฝ่ายต้านระบอบทักษิณ..คนดีก็โกงและมีผลประโยชน...

โดย Bookmarks on 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:44

ไม่โยงไปที่ สุรนันท์ เวชชาชีวะ ด้วยว่ะ   :D




#959318 แดงกำลังแชร์ในเน็ต..โจมตีครอบครัวฝ่ายต้านระบอบทักษิณ..คนดีก็โกงและมีผลประโยชน...

โดย อิสระเสรีชน on 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:31

ถ้าคิดว่าเค๊ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ก็มาร่วมกันปฎิรูปสิครับ จะได้กันคนโกงกิน คอรัปชั่น ให้มันไม่ต้องได้ผุดได้เกิด

ประเทศจะได้เจริญกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้




#1036128 สอบถามเกี่ยวการ์ด กปปส.ใช้ความรุนแรง

โดย pooyong on 29 มกราคม พ.ศ. 2557 - 18:51

556000016583601.JPEG




#1029159 จุดจบของทรราชยิ่งลักษณ์ คือต้องถูกเนรเทศออกนอกประเทศไทย

โดย ดอกปีบ on 26 มกราคม พ.ศ. 2557 - 08:37

1510896_512410698871540_1399899050_n2.jpg

 

ข้ออ้างของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่อ้างกับสังคมตลอดเวลาว่า “ดิฉันจำเป็นต้องอยู่ (ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ) เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย” เป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอย และไร้สาระมากที่สุด

 

เพราะข้อเท็จจริงคือคุณยิ่งลักษณ์จำเป็นต้องยึดเกาะตำแหน่งนี้ไว้ก็เพื่อต้องการใช้อำนาจรัฐเพื่อผลประโยชน์ของคุณทักษิณ ชินวัตร และเพื่อผลประโยชน์ของคุณยิ่งลักษณ์เองเป็นสำคัญ

 

สาธารณชนรู้ดีว่าการขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคุณยิ่งลักษณ์นั้นเป็นไปตามความต้องการของคุณทักษิณเท่านั้น เพราะคุณทักษิณไม่สามารถจะไว้วางใจใครได้อีกต่อไป เนื่องจากที่ผ่านมานั้น ทั้งคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คุณสมัคร สุนทรเวช ซึ่งถึงแม้จะถูกผลักดันด้วยอำนาจของคุณทักษิณให้ขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีได้ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือคุณทักษิณให้พ้นผิดจากคดีอาญาต่างๆ ได้ตามที่คุณทักษิณต้องการ

 

ครั้นเมื่อคุณยิ่งลักษณ์ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี สาธารณชนจึงพบว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์สามารถช่วยเหลือคุณทักษิณได้หลายเรื่อง อาทิ การคืนพาสปอร์ต การทำตามทุกคำสั่งของคุณทักษิณ การช่วยออกพ.ร.บ.ล้างมลทิน

 

ดังนั้นตราบเท่าที่คดีความต่างๆ ซึ่งคุณทักษิณได้จงใจกระทำผิดไว้ ยังไม่ถูกลบล้างให้หมดสิ้นไปได้แล้วคุณยิ่งลักษณ์ก็จึงจำเป็นต้องเกาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการไว้ และจำเป็นจะต้องตะเกียกตะกายไขว่คว้าหาตำแหน่งนี้มาครองให้จงได้อีกวาระหนึ่ง ก็เพื่อให้ความต้องการของคุณทักษิณประสบผลสัมฤทธิ์ครบถ้วนทุกประการ

 

คุณยิ่งลักษณ์อ้างว่าตนเองคือผู้รักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทย เพราะตนเองมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งไม่แตกต่างไปจากข้ออ้างที่คุณทักษิณเคยกล่าวไว้ว่าตนเองรวยแล้วไม่โกง และต้องการเข้ามาช่วยเหลือประเทศชาติ

 

ข้ออ้างของพี่น้องคู่นี้เป็นข้ออ้างที่ฟังแล้วดีเกินจริง เพราะแสดงออกให้เห็นถึงความรับผิดชอบอันสูงส่งต่อบ้านเมืองและต่อประชาชน แต่ทว่าคำกล่าวอ้างกับข้อเท็จจริงนั้นไม่มีความสอดคล้องกันแม้แต่น้อย

 

สาธารณชนได้ประจักษ์แล้วว่า ข้ออ้างเรื่องรวยแล้วไม่โกงของคุณทักษิณ ไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย แต่กลับปรากฏชัดว่า ยิ่งรวยและยิ่งมีอำนาจรัฐกลับยิ่งโกง และโกงทุกรูปแบบ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง โกงทุกเม็ด โกงทุกขั้นตอน และโกงด้วยนโยบายที่ออกโดยรัฐบาล จนกลายเป็นทุจริตเชิงนโยบาย แล้วนำไปสู่การมีทรัพย์สินมากมายมหาศาลโดยไม่โปร่งใส

 

ส่วนคุณยิ่งลักษณ์นั้น หลังจากได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำเป็นอันดับแรกคือพยายามล้างสีฟอกความผิดทั้งปวงให้คุณทักษิณอย่างเต็มที่โดยผ่านกระบวนการทางรัฐสภาทาส

 

และพร้อมๆ ไปกับการใช้กระบวนการของการมีอำนาจรัฐเพื่อล้างสีฟอกผิดให้กับทักษิณแล้ว รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังจงใจทำลายล้างหลักนิติรัฐ นิติธรรมอย่างไม่ยำเกรงประชาชน ด้วยเพราะทระนงหลงลืมตนว่า รัฐบาลหุ่นกระบอกของนางนั้นชนะการเลือกตั้งมาอย่างถล่มทลาย

 

คุณยิ่งลักษณ์อ้างเพื่อหาความชอบธรรมให้ตนเองว่าดิฉันมาจากการเลือกตั้ง ดิฉันคือตัวแทนของประชาชน แต่คุณยิ่งลักษณ์ไม่เคยยอมรับความจริงว่ารัฐบาลของเธอทำความวิบัติเสียหายขั้นร้ายแรงให้กับประเทศชาติและประชาชน อย่างสาหัสชนิดที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนกระทำมาก่อน

 

รัฐบาลยิ่งลักษณ์กระทำย่ำยีความรู้สึกของประชาชนตลอดเวลา ไม่เคยฟังเสียงทัดทานคัดค้านใดๆ ของประชาชน เพราะ ในโสตประสาทของเธอนั้นมีแต่เสียงสั่งจากคุณทักษิณเท่านั้น

 

และแล้วเมื่อประชาชนไม่สามารถทนให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ดำรงอยู่ในอำนาจต่อไปเพื่อโกงบ้านกินเมืองและใช้อำนาจรัฐเพื่อกดขี่ข่มเหงประชาชน มวลมหาประชาชนจึงพร้อมใจกันลุกฮืออย่างชัดเจนในกรุงเทพมหานคร และพร้อมๆ กันในอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ

 

จนในที่สุดรัฐบาลหุ่นกระบอกของระบอบทักษิณก็จึงจำต้องประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 ด้วยหวังจะลดแรงกดดันของมวลมหาประชาชน และหวังจะอยู่ในสถานะรัฐบาลรักษาการต่อไป

 

การที่คุณยิ่งลักษณ์ทำทุกหนทางเพื่อเกาะยึดอำนาจรัฐไว้ในกำมือนั้น มิใช่เพราะความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง แต่เพราะต้องการใช้อำนาจรัฐเพื่อล้างผิดทั้งปวงให้กับคุณทักษิณ

 

คุณยิ่งลักษณ์อ้างแค่เพียงว่าประชาชนกลุ่มใดก็ตามที่รวมตัวต่อต้าน คัดค้าน จนถึงขับไล่รัฐบาลของเธอคือกลุ่มประชาชนที่ไม่เคารพหลักประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่การแสดงออกของประชาชนคือการใช้หลักประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์แบบ

 

เมื่อประชาชนสำแดงพลังตามหลักประชาธิปไตยมากขึ้นเป็นลำดับจนกระทบกระเทือนต่อความมีเสถียรภาพของรัฐบาล คุณยิ่งลักษณ์ก็กลับสั่งให้ใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามประชาชนด้วยกรรมวิธีต่างๆ เริ่มตั้งแต่การก่อกวนโดยกลุ่มคนในบังคับบัญชาของตน แล้วไล่เรื่อยไปถึงการใช้กำลังตำรวจพร้อมอาวุธ

 

จนเกิดเหตุรุนแรงที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ในช่วงปลายปี 2556 การใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ กระทำกับผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ และรวมถึงเหตุการณ์สามานย์ที่ถนนบรรทัดทองและที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อสัปดาห์ก่อน

 

เหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นเหล่านี้คือสิ่งที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์รู้เห็นทั้งสิ้น แต่ทว่ารัฐบาลกลับปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง

 

รัฐบาลที่ไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนได้ คือรัฐบาลที่ไร้ความชอบธรรม และไม่มีสิทธิ์อ้างว่าต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไปเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย

 

รัฐบาลที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน และใช้อำนาจรัฐ เพื่อปล้นทรัพย์สมบัติของประเทศชาติคือรัฐบาลทรราช

 

จุดจบของรัฐบาลทรราชคือถูกยึดทรัพย์ที่ได้ไปโดยไม่สุจริต แล้วถูกขับออกนอกประเทศเพียงสถานเดียวเท่านั้น

 

เขียนให้คิด

เฉลิมชัย ยอดมาลัย

http://www.naewna.co...columnist/10720

 

1497956_677399645639580_940342130_o1.jpg
 




#1030256 จากการที่จับคนเขมรได้

โดย JSN on 26 มกราคม พ.ศ. 2557 - 17:25

พวกท่านคิดว่านี่คือข้อพิสูจน์ได้มั้ยครับ ว่านี่คือการโกงการเลือกตั้ง และสิ่งที่เราห่วงเรื่องความโปร่งใสของการเลือกตั้งเป็นความจริง